Dior Men Fall 2023
เมื่อแสงสุดท้ายลับหายใปจากทะเลทรายที่ Giza เราได้เห็นมหาพีระมิดที่เป็นภาพเงาสีดำตระหง่านอยู่ด้านหน้าของผืนฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีเทาเข้มโดยมีลมทะเลทรายที่เยือกเย็นพัดมาเป็นระยะ แต่ในวันนี้บริเวณนี้กลับเต็มไปด้วยแสงไฟและผู้คนที่ขวักไขว่ที่จะมาร่วมชมคอลเลกชั่น ประจำฤดูใบไม้ร่วง 2023 ของ Dior Men โดย Kim Jones อัฒจรรย์สีขาวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกสร้างยาวขนานไปกับจุดที่จะมองเห็นกลุ่มพีระมิดกิซา ได้อย่างงดงามที่สุด นี่คือสิ่งที่ยากจะเกิดขึ้นได้ เพราะการจัดงานแฟชั่นที่โชว์มีสเกลใหญ่ระดับนี้ กับสถานที่เช่นนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ปีนี้เป็นปีที่ Dior ครบ 75 ปีสำหรับการถือกำเนิดของคอลเลกชั่นแรกที่ได้ถูกเรียกว่า New Look งานนี้จึงเหมือนการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีสำหรับวาระสำคัญนี้ แน่นอนว่าจำนวนลุคทั้งหมดในโชว์นี้มี 75 ลุค โดยมี Bonne Fortune ชุดที่เมอร์ซิเออร์ดิออร์ ออกแบบไว้เมื่อปี 1950s รวมทั้งกระโปรงจีบแบบคิลท์(Kilt)ของชาวสก็อตแลนด์ ที่ผนวกมาเป็นเลเยอร์ที่เป็นคีย์ของคอลเลกชั่น โดยชุดกระโปรงพลีทต้นแบบของเมอร์ซิเออร์ดิออร์เป็นพลีทแบบแอคคอร์เดียนขนาดใหญ่กว่าพลีทที่เป็นกระโปรงใบบัวแบบนิวลุคของชุดบาร์สูท เมื่อนำมาต่อยอดโดยคิม โจนส์ เขาใช้โครงกระโปรงคิลท์ของสก็อตแลนด์(ส่วนใหญ่จะเป็น Box pleat เพื่อทำให้สะดวกในการเคลื่อนไหว)รวมทั้งรายละเอียดของเข็มขัดที่รัดด้านข้างมาคลี่คลายให้ส่วนที่เป็นกระโปรงพลีทของเขาคือเลเยอร์หนึ่งของชุดที่ไม่ใช่กระโปรงเต็มตัว แต่จะสวมกับกางเกง ความพริ้วของส่วนกระโปรง(ไม่เต็มตัว)นี้ทำให้ซิลลูเอทคนสวมดูน่าสนใจและดูสง่า ดังนั้นกระโปรงในคอลเลกชั่นนี้จึงไม่ได้แสดงถึงความเลื่อนไหลทางเพศเป็นหลัก แต่ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของการแต่งกายให้ลุคของหนุ่มดิออร์ดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เราจึงไม่ได้โฟกัสเรื่องผู้ชายสวมกระโปรง หรือ genderless แต่มองว่านี่คือของตกแต่งอย่างหนึ่งนั่นเอง












การนำคิลต์มารังสรรค์เป็นเครื่องแต่งกายชิ้นสำคัญของคิม โจนส์นั้น มีสาเหตุมาจากความต้องการสะท้อนถึงวัฒนธรรมการแต่งกายชายในประวัติศาสตร์อันหาได้จำกัดอยู่แค่กางเกง หนึ่งในนั้นก็คือกระโปรงสั้นแค่เข่า หรือครึ่งน่องจับพลีท หรืออัดจีบด้านหลังของผู้ชายชาวสก็อตเขต“ไฮแลนเดอร์” ระหว่างทศวรรษที่ 16 ซึ่งกลายเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติของผู้ชายสก็อตแลนด์ และชุดกึ่งคิลต์ในคอลเลกชันนี้ ได้รับการออกแบบสำหรับสวมกับเสื้อตัวบนและกางเกง โดยมีกระเป๋าและรองเท้าทรงอวกาศที่ดูเพรียวเบาตกแต่งด้วยลายหวายสาน(cannage) กับลายเหลี่ยมเพชร โดยอาศัยความแตกต่างของเนื้อวัสดุกับเทคนิคการผลิต ประกอบขึ้นจากวัสดุนีโอพรีนไปจนถึงงานฉีดวัสดุเข้าแม่พิมพ์หล่อแบบทำให้ได้ผลลัพธ์เสมือนโลหะชุบสีอะโนไดซ์ทอประกายเงางามแวววาว เพื่อตอกย้ำ“ที่สุดแห่งความหรูหรา”แบบสมัยใหม่






“ความสนใจที่ผมมีต่อวัฒนธรรมไอยคุปต์นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับท้องฟ้า และดวงดาว ความประทับใจจนถึงขั้นหลงหลงในโลกยุคโบราณของผมนั้น ช่างตรงกันกับมุมมองของหลายคนในโลกปัจจุบัน อันมีต่อทั้งสิ่งที่เราได้รับเป็นมรดกสืบทอดมาจากอารยธรรมเก่าแก่ และสิ่งซึ่งเรายังคงกำลังเรียนรู้จากอดีต ความสนใจ ประทับใจเช่นนี้ ยังทำให้ผมนึกถึงคริสเตียน ดิออร์ ผู้เชื่อถือในเรื่องโชคลาง ให้ความสนใจในสัญลักษณ์นำโชคต่างๆ ดังปรากฏให้เห็นตลอดชีวิตส่วนตัว และผลงานที่เขาสร้างสรรค์ หนึ่งในนั้นก็คือดวงดาว ซึ่งได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นแนวคิด guided by the stars หรือ ‘ให้ดวงดาวนำทาง’ ที่ผมนำมาใช้ทั้งกับการออกแบบคอลเลคชัน และการจัดแสดงคอลเลกชัน ดวงดาวนำโชคของคริสเตียน ดิออร์ถูกรังสรรค์ ถ่ายทอด และส่งผ่านมาสู่ผลงานคอลเลกชันนี้ในหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม เมื่อมองในภาพรวม เราจะเห็นได้ว่าดวงดาวคือการแสดงให้เห็นถึงว่า อดีตปูหนทางสู่อนาคตได้อย่างไร หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ หนทางสู่อนาคตย่อมมีจุดเริ่มต้นมาจากอดีตนั่นเอง”
นี่คือคำกล่าวของคิม โจนส์ แม้จะมีคนตีความคอลเลกชั่นของเขาว่ามากจากหนังไซไฟบ้าง หรือแม้แต่เรื่อง Dune ที่คิม โจนส์ เคยบอกว่าเขาหยิบเอาหนังสือเล่มนี้มาปัดฝุ่นแล้วอ่านใหม่เมื่อหลายคอลเลกชั่นก่อนหน้านี้ โดยที่สิ่งเหล่านี้ไม่ถูกกล่าวถึงเลยในคอลเลกชั่นนี้ เพียงแต่ใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง Dune 1984 เมื่อเห็นนายแบบคนแรกเดินออกมานั้นจะต้องนึกถึง Sting ในบท Fayd ด้วยลุคผมสีบรอนด์ซีดๆ และหน้าตาเขาดูคล้ายกับสติง นักร้องคนดังจริงๆ บท Fayd ทำให้สติงกลายเป็นหนุ่มฮ็อตของยุค แต่ก็น่าตกใจที่หลายๆ คนเข้าใจผิดว่าเดวิด โบวีย์ รับบทนี้ จนปัจจุบันถ้าใครไม่เคยดูภาพยนตร์นี้หรือเช็คกูเกิ้ลแค่ผ่านๆ จะมีข้อมูลว่าเดวิด โบวีย์ แสดงใน Dune ทั้งที่จริงภาพที่ขึ้นมาประกอบในกูเกิ้ลก็เป็นเดวิดในภาพยนตร์เรื่อง Labyrinth ต่างหาก






ก่อนที่เมอร์ซิเออร์ดิออร์ จะก่อตั้งแบรนด์ของเขาเอง เขาปรึกษาหมอดูที่แนะนำให้เขาคว้าโอกาสนี้ทันที และเมื่อเขาลงจากรถบนถนนอะเวนิวมงตาญ เท้าเขาเหยียบเข้ากับเลื่อมรูปดาวดวงหนึ่ง บ้างก็ว่าติดใต้รองเท้าเขามา บ้างก็ว่าเขามองเห็นดาวนั้นบนพื้นถนน แต่อย่างไรก็ตามเขาหยิบดาวนั้นมาและถือเป็นดาวนำโชคก่อนจะเข้าไปเซ็นสัญญาก่อตั้งแบรนด์ของเขาเอง โดยดาวดวงนี้มีแสดงที่มิวเซียมของดิออร์ ซึ่งน่าจะทำจากเหล้กแล้วเคลือบสีให้แวววาวเพราะปัจจุบันเป็นสนิมสีน้ำตาลในบางส่วน
“ดวงดาวนำทาง”ของคิมโจนส์อยู่ในรูปของลายพิมพ์แผนที่ดวงดาวสามมิติ แม้การตีความไอยคุปต์ของเขาจะไม่ได้มาในรูปลวดลายอะไรที่เกี่ยวกับอียิปต์ แต่เขากลับนึกถึงดวงดาวนำโชคของเมอร์ซิเออร์ดิออร์ที่มาอยู่ในลวดลายปักต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์เด่นๆ ของห้องเสื้อดิออร์เปรียบว่าลายปักเหล่านั้นคือดาวนำโชคของห้องเสื้อนั่นเอง และที่เขานิยมใช้บ่อยครั้งในงานดีไซน์ของเขาก็คือลายหวายสานหรือ cannage ซึ่งลายสานนี้คนไทยเรียกลายเฉลวมาตั้งแต่โบร่ำโบราณเพราะเป็นหนึ่งในลายพื้นฐานของการสาน และเฉลวคือไม้ไผ่สานเป็นรูปดาวไว้ปักหม้อยาเพื่อปกป้องให้พลังในการรักษาของยาหม้อนั้นมีประสิทธิภาพ เฉลวจึงเป็นสิ่งมงคลที่หมายถึงการปกป้องคุ้มครอง แต่ลายสานแบบลายเฉลวไม่ได้ทำเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการคุ้มครองเป็นหลัก หากแต่การนำเส้นหวายมาขัดสานกันเป็นลายนี้จะสามารถรับน้ำหนักได้ดีโดยไม่ต้องใช้เส้นหวายจำนวนมาก ดังที่ทราบว่าลาย cannage ของดิออร์มาจากหวายสานที่บุเก้าอี้นั่งในห้องเสื้อดิออร์นั่นเอง






เฉดสีของคอลเลกชั่นนี้มีลูกเล่นของการไล่เฉดของสีเทา(สีประจำของห้องเสื้อดิออร์ที่มาจากสีผ้าบุเก้าอี้) แต่สีเทานี้กลับมาจากสรรพสีท่ามกลางท้องทะเลทรายที่ผันเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืนที่ทำให้สรรพสีกลายเป็นสีเทาก่อนจะกลืนหายด้วยสีดำเมื่อไร้แสงใดๆ โดยมีช่วงสีของประกายแสงของดวงตะวันลับขอบฟ้าเป็นตัวเชื่อม
ความพิถีพิถัน ประณีต เฉียบคมในการตัดผ้าตามแพ็ทเทิร์นที่ออกแบบไว้ เป็นหลักเกณฑ์ปฏิบัติจากอดีตของห้องเสื้อนี้เพื่อสรรค์สร้างผลงานที่สามารถสวมใส่ได้จวบจนถึงอนาคต การพลิกแพลงวัสดุสิ่งทอ การนำดครงชุดเครื่องแต่งกายสตรีมาใช้กับงานตัดเย็บชุดสูทสำหรับผู้ชาย(คิม โจนส์นำมาสร้่งสรรค์ในคอลเลกชั่นสุภาพบุรุษเสมอ) หรือการหลอมรวมรายละเอียดการตกแต่งตามขนบเสื้อผ้าชั้นสูงเข้ากับวัสดุสังเคราะห์สำหรับตัดเย็บเสื้อคลุม หรือเสื้อตัวนอกในทุกวาระ การนำลายปักชิ้นสำคัญทางประวัติศาสตร์มาใช้กับงานออกแบบเสื้อผ้าสไตล์อนาคตนิยม(Futuristic) แม้แต่เสื้อเกราะอ่อนที่สวมสำหรับสิงห์นักบิดก็ถูกดีไซน์ด้วยลาย cannage ที่เป็นความบังเอิญว่าลายนี้ในความหมายของคนไทยคือลายเแลวที่มีพลังในการปกป้อง ซึ่งผุ้ออกแบบคงไม่ได้คิดรหือไม่ทราบเรื่องนี้แน่ๆ หากแต่ลายหวานสานนี้คือดีเอ็นเอของห้องเสื้อดิออร์นั่นเอง เราจะเห็นรายละเอียดของเครื่องแต่งกายแบบสิงห์นักบิด(Motocross, MotoX โมโตครอส หรือมอร์โตครอส)ที่เป็นกีฬาแข่งรถมอร์เตอร์ไซค์อันมีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส แต่ดัดแปลงมาจนกลายเป็นชุดอนาคตนิยม รวมทั้งหมวกที่น่าจะมาจากหมวกของนักมวยปล้ำที่ป้องกันการกระแทกของศีรษะและการทำร้ายที่ใบหู แต่มาอยู่ในรูปหมวกเต็มใบที่มีด้านหน้าเป็นวัสดุโปร่งใส จึงดูคล้ายหมวกของนักบินอวกาศแต่ดูเพรียวเบาและไม่หนาเป็นหมวกกันน็อคทำให้ดูเป็นงานแฟชั่นที่ล้ำสมัย






ให้“ดวงดาวนำทาง”ปิดแากอย่างดงามด้วยเหล่านายแบบที่เดินออกมาผ่านหน้าผุ้ชมก่อนจะเดินไปสู่เส้นขอบฟ้าที่กลุ่มพีระมิดกิซาที่เป็นภาพเงาสีดำเป็นฉากหลัง หากแต่แสงสีจากเลเวอร์ที่ยิงสาดใส่กันจนบ้างครั้งเป็นลายสาน cannage บนท้องฟ้าบ้าง เป็นรัศมีนำสายตาไปสู่องค์มหาพีระมิดบ้าง หรือบางครั้งแสงไฟสีสวยงามก็ฉาบอาบองค์พีระมิดเป็นสีสันแปลกตาที่เราไม่มีวันเห็นในยามกลางวัน ชุดที่มีผ้าพันคอยาวพริ้วหรือชายกระโปรงจับพลีทที่เป็นเครื่องตกแต่งเสริมลุคเมื่อมองไหลๆ จากภาพฟินาเล่ที่พวกเขายืนอยู่บนเนินทะเลทรายก็ชวนให้นึกถึงเจ้าชายน้อยของนักเขียนอองตวน เดอ แซงเต็กซูเปรี อย่างช่วยไม่ได้ อย่างที่บอกว่าคิอม โจนส์ ไม่ได้อ้างอิงถึงภาพยนตร์เรื่องใด หรือแม้แต่นวนิยายใด แต่ภาพจำที่มาจากความประทับใจของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ซึ่งใครจะจินตนาการถึงเรื่องใดก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเรื่องของดวงดาวและอนาคตนั้นถูกเล่าขานมายาวนานครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เป็นเรื่องของ“ดวงดาวนำทาง”ที่ยึดโยงคอลเลกชั่นนี้สู่รอยประทับในใจตลอดไป




