Posts

พาไปชมบรรยากาศเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของ Royal Oak เรือนเวลาสุดไอคอนิกที่หลายคนอยากหามาครอบครองจาก Audemars Piguet

โอเดอมาร์ ปิเกต์แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เฉลิมฉลองการครบรอบอันยิ่งใหญ่แห่งคอลเลกชันรอยัล  โอ๊ค – เผยโฉมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1972 ณบาเซล แฟร์ (Basel Fair) – มหกรรมการจัดแสดงนาฬิการะดับโลก ซึ่งหมุนเวียนจัดขึ้นตามเมืองสำคัญต่างๆโอเดอมาร์ ปิเกต์ภูมิใจนำเสนอนิทรรศการขนาดย่อมที่จะมอบประสบการณ์เกี่ยวกับรอยัล โอ๊ค ณ ดูไบ ซูริก นิวยอร์ก และเซี่ยงไฮ้ ระหว่างเดือนเมษายนจนถึงกรกฎาคม2022 นิทรรศการขนาดย่อมที่เปี่ยมด้วยความรู้เหล่านี้จะพาผู้เยี่ยมชมเดินทางไปพบกับดีไซน์และนวัตกรรมกลไกและพัฒนาการต่างๆ ของรอยัล โอ๊คตลอด50ปีที่ผ่านมา

การเฉลิมฉลองทั่วโลก

การเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของรอยัล โอ๊ค ได้เริ่มขึ้นด้วยการสร้างประสบการณ์ทั่วทุกมุมโลก เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์อันเหนือคำบรรยาย ณ ใจกลางของดูไบ มอลล์ (Dubai Mall) โดยจัดแสดงช่วง 15-24 เมษายน 2022 ที่ผ่านมาผู้เยี่ยมชมสามารถเพลิดเพลินไปกับจักรวาลแห่งวัฒนธรรมของรอยัล โอ๊ค และติดตามการเดินทางของนาฬิกาเรือนนี้ตั้งแต่แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ไปจนถึงพัฒนาการแห่งยุคสมัยที่เปิดโลกนาฬิกาให้กว้างขึ้น ประวัติศาสตร์ 5 ทศวรรษของคอลเลกชันนี้ถูกนำเสนอผ่านเรื่องราวอันน่าทึ่งและดื่มด่ำไปกับสื่อที่เปี่ยมด้วยความรู้ บอกเล่าแง่มุมต่าง ๆ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคต วิสัยทัศน์ที่เด็ดเดี่ยวสะท้อนให้เห็นตั้งแต่ต้นกำเนิด ในบูธจัดแสดงเรือนเวลาที่มีความร่วมสมัยผสานความดั้งเดิม เพื่อมอบประสบการณ์ที่แสนตราตรึงให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีโซนที่มอบความรู้เกี่ยวกับรอยัล โอ๊คและแบรนด์โดยรวมผ่านสื่อดิจิทัล การจัดแสดงในครั้งถัดมาจัดขึ้นที่ซูริกตั้งแต่ 6-12 พฤษภาคม ตามมาด้วยที่นิวยอร์ก ในวันที่ 19-25 พฤษภาคม และที่เซี่ยงไฮ้ในช่วงเดือนกรกฎาคม

Pop-up exhibitions จะจัดแสดงที่โตเกียว ฮ่องกง และลอนดอน ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงกันยายน สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันทันสมัย นิทรรศการขนาดย่อมนี้บอกเล่าเรื่องราววิวัฒนาการการสร้างสรรค์รอยัล โอ๊ค และประวัติศาสตร์ของเรือนเวลาที่ร่วมสมัยผสานกับความดั้งเดิม

ปิดท้ายด้วยการรับประทานอาหารค่ำสุดพิเศษที่จะจัดขึ้นในเมืองสำคัญต่าง ๆ เช่นสิงคโปร์ ไทเป กรุงเทพมหานคร ลอนดอน และตูริน โดยลูกค้าและนักสะสมนาฬิกามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอันแสนล้ำค่าและคอลเลกชันรุ่นดั้งเดิมของรอยัล โอ๊ค

การเปิดตัวโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกของรอยัล โอ๊ค

รอยัล โอ๊ค (Royal Oak) ออกแบบโดยเจอรัล เจนตา (Gérald Genta) ให้กับโอเดอมาร์ ปิเกต์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15เมษายน 1972 ณ บาเซล แฟร์ (Basel Fair) เรือนเวลาอันล้ำยุคนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการนาฬิกาด้วยตัวเรือนขนาดใหญ่ที่ทำด้วยสแตนเลส สตีล พร้อมประกอบด้วยมือทุกขั้นตอน โดดเด่นด้วยหน้าปัดทรงแปดเหลี่ยม ยึดด้วยสกรูหกเหลี่ยมอันสะดุดตา สายสแตนเลส สตีลที่ออกแบบอย่างล้ำสมัยและกลไกไขลานอัตโนมัติอันบางเฉียบ แม้จะมีกระแสต่อต้านในช่วงแรก แต่เรือนเวลานี้ก็ได้เอาชนะทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์และผสมผสานความสปอร์ตกับความเชี่ยวชาญของบรรพบุรุษได้อย่างลงตัว รอยัล โอ๊คได้จุดประกายให้เกิดยุคการผลิตนาฬิกาชั้นสูงแบบใหม่ที่แปรผันไปตามไลฟ์สไตล์ของผู้คน เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมแห่งภูมิปัญญาของบรรพบุรุษและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างแท้จริง และเป็นผืนผ้าที่แต่งแต้มด้วยนวัตกรรมการออกแบบตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน50 ปีผ่านไป รอยัล โอ๊คถูกสร้างสรรค์ออกมากว่า 500 เรือนในขนาด วัสดุ รูปแบบ และกลไกต่างๆ

โดยทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้คอลเลกชันกลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมในทุกองค์ประกอบตั้งแต่กลไกภายในและก้าวข้ามไปมากกว่าการผลิตนาฬิกา วาระครบรอบ 50 ปีของรอยัล โอ๊คนี้ได้นำพาผู้หลงใหลนาฬิกามารวมตัวกันเพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง และจิตวิญญาณอันสดใหม่ ไม่เพียงเท่านั้นยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อีก

rhunrun เรียบเรียง

Zoë Kravitz นักแสดงสาวมากความสามารถเลือก OMEGA เป็นเรือนเวลาคู่ใจที่บ่งบอกสไตล์และคาแรคเตอร์ที่สะกดผู้ชมได้เสมอในแบบฉบับของเธอ 

โซอี้ คราวิตซ์ ดาราสาวเจ้าบทบาทตบเท้าเข้าเป็นหนึ่งในทำเนียบสตรีมากมายที่เลือกใส่เรือนเวลา OMEGA จากสวิส

นับได้ว่าฝีมือการแสดงที่โดดเด่นระดับโลกของ โซอี้ คราวิตซ์ นั้นสามารถสะกดผู้ชมได้อยู่หมัด เห็นได้จากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลากหลายแนวและภาพยนตร์อิสระอีกหลายเรื่อง นักแสดง, ผู้กำกับ, นางแบบ และโปรดิวเซอร์สาวรายนี้มีสไตล์ที่เปี่ยมด้วยพลังของความหนุ่มสาวและเชื่อมั่นในตนเอง และ OMEGA ก็ตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับเธอสู่โลกของแบรนด์

โซอี้ คราวิตซ์คือดาวเด่นประจำแฟรนไชส์ภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์เช่น The Batman, Mad Max และ Fantastic Beasts อีกทั้งยังคว้ารางวัล EMMY® Award จากละครโทรทัศน์อย่าง Big Little Lies ตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้าสู่วงการบันเทิง Variety ได้จัดให้เธออยู่ในรายการ “10 Actors to Watch” ในขณะที่ Forbes ยกเธอให้อยู่ในทำเนียบ “30 Under 30 List” หลังจากควบทั้งตำแหน่งนักแสดงและผู้อำนวยการผลิตในละครโทรทัศน์เรื่อง High Fidelity for Hulu ที่ดัดแปลงมาจากนิยาย

และบทบาทล่าสุดของเธอในฐานะ Catwoman จากภาพยนตร์ The Batman ปี 2022 ฝีมือกำกับของแมตต์ รีฟส์ (Matt Reeves) ของค่าย Warner Bros. ในปีเดียวกันนี้ โซอี้ คราวิตซ์ยังจะมีผลงานกำกับครั้งแรกผ่านภาพยนตร์เรื่อง Pussy Island

อีกฝ่ายก็รู้สึกเช่นเดียวกัน มร.เรย์โนลด์ เอชลิมานน์ (Raynald Aeschlimann) ทางประธานและซีอีโอของ OMEGA กล่าวชื่นชมโซอี้ คราวิตซ์ว่า “เธอเป็นหญิงสาวที่มีพรสรรค์เต็มเปี่ยม มาพร้อมกับแรงผลักดันที่น่าชมและความตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จในแบบของตนเอง” รวมถึงบรรยายความร่วมมือครั้งใหม่นี้ว่า “นับเป็นก้าวต่อไปที่น่าตื่นเต้นในพันธกิจเพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังนิยามความหรูหราในแบบที่แตกต่างออกไป”

rhunrun เรียบเรียง

Audemars Piguet เปิดตัวนาฬิกาโมเดลใหม่ล่าสุด Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph ที่ขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 4404 กลไกโครโนกราฟที่แฟนๆหลงใหล!

โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผยโฉมนาฬิการอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ เซลฟ์ไวนด์ดิ้ง โครโนกราฟ ขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตร 2 โมเดลใหม่ พร้อมขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 4404 ซึ่งเป็นกลไกฟลายแบ็กโครโนกราฟ (Flyback Chronograph) ใหม่ล่าสุดของโอเดอมาร์ ปิเกต์ โดยในครั้งนี้ได้นำเสนอตัวเรือนที่รังสรรค์จากไทเทเนียม (Titanium) ทนทานเป็นพิเศษและสเตนเลส สตีล (Stainless steel) ซึ่งมาช่วยเติมเต็มความสวยงามของหน้าปัดลวดลาย “เมก้า ทาพิสเซอรี่” (Méga Tapisserie) ในโทนสีฟ้าอ่อนและสีเขียวกากี มาพร้อมสายนาฬิกายางปั๊มลายในโทนสีเดียวกัน ที่สามารถถอดเปลี่ยนสายแบบใหม่ หน้าปัดได้รับการออกแบบใหม่เพื่อการบอกเวลาที่ชัดเจนขึ้น โดยเรือนเวลาใหม่ 2 โมเดลที่ถูกออกแบบที่เพื่อการผจญภัยสุดท้าทายนี้จะถูกวางจำหน่ายอย่างเอ็กคลูซีฟในบูติกของโอเดอมาร์ ปิเกต์ทั่วโลก

กลไกฟลายแบ็กโครโนกราฟเพื่อการทำงานที่แม่นยำที่สุด

นาฬิการุ่นรอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ โมเดลใหม่ 2 เรือนนี้ ขับเคลื่อนด้วยกลไกเซลฟ์ไวนด์ดิ้งใหม่ล่าสุด
คาลิเบอร์ 4404 ที่มีระบบคอลัมน์ วีล (Column wheel) และฟังก์ชันฟลายแบ็กที่แตกต่างจากกลไกโครโนกราฟทั่วไปที่ผู้สวมใส่สามารถหยุด รีเซ็ต และเริ่มต้นจับเวลาใหม่ได้ในครั้งเดียว โดยคอลัมน์วีลจะทำงานร่วมกับคลัตช์แนวตั้ง (Vertical Clutch) เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เข็มนาฬิกามีการกระโดดเมื่อกลไกโครโนกราฟเริ่มหรือหยุดการจับเวลา ส่วนของปุ่มกดจับเวลายังถูกพัฒนาให้กดง่ายและนิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีกลไกการรีเซ็ตเป็นศูนย์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรยังช่วยให้มั่นใจได้ว่า เข็มจับเวลาบนหน้าปัดย่อยแต่ละเข็มจะรีเซ็ตเป็นกลับไปที่ศูนย์ได้อย่างไม่ติดขัด

ฝาหลังแซฟไฟร์ของนาฬิกาเรือนนี้ยังเผยให้เห็นกลไกการทำงานภายใน ทั้งส่วนของคอลัมน์วีล และค้อนโครโนกราฟ* ที่มีการเคลื่อนไหวเมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นการจับเวลา รวมไปถึงชิ้นส่วนของ Oscillating Weight พิ้งค์โกลด์ 22 กะรัตที่มีอักษรย่อ AP สลักอยู่ พร้อมตกแต่งด้วยรายละเอียดสุดละเมียดละไมด้วยมือ ไม่ว่าจะเป็นลายวงกลมวน “โกตส์ เดอ เฌอแนฟ” (Côtes de Genève) เทคนิคการขัดแบบซาติน และการขัดลบมุม

ระบบถอดเปลี่ยนสายนาฬิกาที่มาพร้อมความสะดวกสบายและปลอดภัย

นาฬิการอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ เซลฟ์ ไวนด์ดิ้ง โครโนกราฟ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบถอดเปลี่ยนสายด้วยตนเองจากโอเดอมาร์ ปิเกต์ โดยกลไกการเปลี่ยนสายถูกออกแบบไว้กับหมุดและและตัวล็อกบนตัวเรือนโดยตรง ซึ่งกลมกลืนไปกับดีไซน์ของตัวเรือนนาฬิกา

ความสะดวกสบายแต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการใช้งานของระบบถอดเปลี่ยนสายนี้ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเปลี่ยนสายและหัวเข็มขัดของนาฬิกาได้ด้วยตนเอง โดยการกดปุ่มคลิกเพื่อปลดสายออก ซึ่งจะต้องใช้การกด 2 ครั้งเพื่อปลดหรือล็อกสายเพื่อเพิ่มความแน่นหนาปลอดภัยทุกครั้งที่สวมใส่

นาฬิกาทั้ง 2 เรือนนี้มาพร้อมสายยางในเฉดสีฟ้าและสีเขียวกากี ซึ่งแมตช์กับสีของหน้าปัดนาฬิกาของทั้งสองโมเดล มาพร้อมสายสำรองหนังลูกวัวสีดำที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาสายยางสีน้ำเงินและสีดำให้เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

ผสานความแข็งแกร่งเข้ากับรายละเอียดอันพิถีพิถัน

นาฬิการุ่นรอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ รุ่นนี้นำเสนอตัวเรือน 2 วัสดุ ได้แก่ สเตนเลส สตีล และไทเทเนียม โดยทั้งคู่มาพร้อมเม็ดมะยมและปุ่มกดเซรามิกสีดำและถูกเก็บรายละเอียดอย่างพิถีพิถันด้วยมือ ทั้งเทคนิคการขัดลายซาตินและและการขัดลบเหลี่ยมมุมด้วยที่เป็นเอกลักษณ์ของโอเดอมาร์ ปิเกต์

เรือนสเตนเลส สตีลนำเสนอหน้าปัดสีฟ้าอ่อนลวดลาย “เมก้า ทาพิสเซอรี่” ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในคอลเลกชั่นของรอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ในปี 2001 พร้อมกับหน้าปัดย่อยโครโนกราฟและขอบตัวเรียนด้านในสีดำ เพิ่มสีสันสดใสด้วยสีส้มของตัวเลขอาราบิกบนหน้าปัดย่อยและเข็มวินาที ในขณะนาฬิกาเรือนไทเทเนียมนำเสนอหน้าปัดลาย “เมก้า ทาพิสเซอรี่” ในสีเขียวกากีที่เข้ากันกับขอบตัวเรือนด้านในเฉดสีเดียวกัน โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยหน้าปัดย่อยสีเงินประกอบกับเครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงสีดำ ตัวเลขอารบิก และเข็มจับเวลาสีดำ

นอกเหนือจากการนำเสนอสีสันใหม่ๆ แล้ว เรือนเวลารุ่นนี้ยังเพิ่มรายละเอียดโลโก้ที่ถูกปรับใหม่ โดยอักษรย่อ AP ถูกนำมาจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาโดยไม่มีโลโก้ชื่อเต็มของแบรนด์เพื่อเพิ่มความสปอร์ตให้กับนาฬิกา

แม้ว่านาฬิกาทั้ง 2 เรือนจะยังคงรักษาการจัดวางหน้าปัดย่อยในแนวตั้งของนาฬิการอยัล โอ๊ค ออฟชอร์แบบดั้งเดิมไว้ แต่ได้มีการสลับตำแหน่งของหน้าปัดย่อยชั่วโมงและวินาที โดยนำหน้าปัดชั่วโมงอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และหน้าปัดวินาทีจะถูกจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา แต่ยังคงหน้าปัดนาทีไว้ที่
9 นาฬิกาเช่นเดิม นอกจากนี้หน้าปัดย่อยทั้งหมดจะถูกจัดวางให้ห่างจากจุดศูนย์กลางของหน้าปัดเพื่อให้ดีไซน์ภาพรวมของหน้าปัดดูน่าสนใจยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการใช้กระจกขยายในช่องแสดงวันที่ที่ติดตั้งอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นอีกด้วย

เครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงและตัวเลขอารบิกถูกรังสรรค์ด้วยไวท์โกลด์ รวมถึงเข็มนาฬิการอยัล โอ๊ค จากไวท์โกลด์ที่เคลือบสารเรืองแสง ช่วยเติมเต็มรายละเอียดของดีไซน์นาฬิกาทั้งสองเรือนให้สอดคล้องไปกับสีของตัวเรือนได้อย่างลงตัว

รายละเอียดด้านเทคนิค นาฬิการุ่น Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph C:\Users\rlertpongwipusana\AppData\Local\Microsoft\Windows\INetCache\Content.Word\ROO_26238TI-OO-A056CA-01_SDT_JPEG.jpeg

ขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตร

26238TI.OO.A056CA.01

ฟังก์ชั่น

กลไกจับเวลาฟลายแบ็ก กลไกแสดงชั่วโมง นาที และวินาที พร้อมแสดงวันที่

ตัวเรือน

ตัวเรือนและขอบตัวเรือนไทเทเนียม กระจกแซฟไฟร์ ฝาหลังแซฟไฟร์  ปุ่มกดและเม็ดมะยมแบบสกรูล็อกยางสีดำ กรอบปุ่มกดไทเทเนียม 

กันน้ำ 100 เมตร

หน้าปัด

หน้าปัดสีเขียวกากี ลายเมก้า ทาพิสเซอรี (Méga Tapisserie) หน้าปัดย่อยสำหรับการจับเวลาสีเงิน

ตัวเลขอารบิกไวท์โกลด์ เครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงไวท์โกลด์ 

เข็มนาฬิกา Royal Oak ไวท์โกลด์เรืองแสง ขอบตัวเรือนด้านในสีเขียวกากี

สายนาฬิกา

สายนาฬิกายางสีเขียวกากี สามารถถอดเปลี่ยนสายได้เอง

สายสำรองหนังลูกวัวสีดำ

รายละเอียดเกี่ยวกับกลไกการทำงาน

กลไกการทำงานออโตเมติก คาลิเบอร์ 4404

เส้นผ่านศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร

ความหนา 7.93 มิลลิเมตร

จำนวนชิ้นส่วน 433

จำนวนอัญมณี 40

การันตีการกักเก็บพลังงานขั้นต่ำ 70 ชั่วโมง

ความถี่ของ Balance Wheel 4Hz (28,800 ครั้ง/ชั่วโมง)

เรียบเรียง rhunrun

รายละเอียดด้านเทคนิค นาฬิการุ่น Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph 

ขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตร

26238ST.OO.A340CA.01

ฟังก์ชั่น

กลไกจับเวลาฟลายแบ็ก กลไกแสดงชั่วโมง นาที และวินาที พร้อมแสดงวันที่

ตัวเรือน

ตัวเรือนและขอบตัวเรือนสเตนเลส สตีล กระจกแซฟไฟร์ ฝาหลังแซฟไฟร์ 

ปุ่มกดและเม็ดมะยมแบบสกรูล็อกยางสีดำ กรอบปุ่มกดสเตนเลส สตีล 

กันน้ำ 100 เมตร

หน้าปัด

หน้าปัดสีฟ้า ลายเมก้า ทาพิสเซอรี (Méga Tapisserie) หน้าปัดย่อยสำหรับจับเวลาสีดำ ตัวเลขอารบิกไวท์โกลด์ เครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงไวท์โกลด์ 

เข็มนาฬิกา Royal Oak ไวท์โกลด์เรืองแสง ขอบตัวเรือนด้านในสีดำ

สายนาฬิกา

สายนาฬิกายางสีฟ้า สามารถถอดเปลี่ยนสายได้เอง

สายสำรองหนังลูกวัวสีดำ

รายละเอียดเกี่ยวกับกลไกการทำงาน

กลไกการทำงานออโตเมติก คาลิเบอร์ 4404

เส้นผ่านศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร

ความหนา 7.93 มิลลิเมตร

จำนวนชิ้นส่วน 433

จำนวนอัญมณี 40

การันตีการกักเก็บพลังงานขั้นต่ำ 70 ชั่วโมง

ความถี่ของ Balance Wheel 4Hz (28,800 ครั้ง/ชั่วโมง)

เรียบเรียง rhunrun

แสง สี เสียง กลิ่นไอดนตรี Electronic ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาใน Rainbow J12 “Electro” นาฬิการุ่น Limited Edition สุดหรูล่าสุดจาก Chanel

Rainbow J12 “Electro”  นาฬิการุ่นลิมิเต็ดแบบใหม่ของ Chanel ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากดนตรี Electronic แห่งยุค 90’s  ที่จุดเด่นของตัวเรือนได้มีการพลิกโฉมใหม่โดยการไล่ระดับสีรุ้งพร้อมแสงไฟกะพริบเจิดจรัสเมื่อแสงกระทบความเงาของหน้าปัดขนาด 38มม. ครับ

ซึ่งวัสดุนาฬิการุ่นนี้ทำจากเซรามิกสีดำและเหล็กพร้อมเม็ดมะยมเซรามิก แบบฝาหลังแบบเปลือยให้เห็นระบบกลไล Calibre 12.1 เฉพาะทางของ Chanel ที่มีความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นและต้องใช้ความประณีตในการประกอบจากช่างฝีมือในประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ด้วยคาแรคเตอร์ของนาฬิกานี้ถูกออกแบบให้มีความเป็น Fashionable & Sport จึงสามารถกันน้ำลึกได้ถึง 200 เมตร ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและความคงทนใช้งานได้จริงเลยล่ะครับ

สำหรับใครที่สนใจหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมอย่ารอช้าสามารถเข้าไปในเว็บไซต์ของทาง Chanel ได้เลยครับ

เรื่อง Eknaphat Noonwong

เรียบเรียง rhunrun

Montblanc เปิดตัว Montblanc Star Legacy Metamorphosis Limited Edition 8 นาฬิกาสีน้ำเงินเจิดจรัสกับกลไกและงานประกอบชั้นสูง โรงงานผลิตของมงต์บลองค์ที่เมืองวิเญอเรต์

การผลิตนาฬิกามงต์บลองค์ขั้นสูงในสีน้ำเงินที่เจิดจรัส มงต์บลองค์เผยโฉมรุ่น Metamorphosis และ Exo Tourbillon ที่มีสิทธิบัตรในแนวสีน้ำเงินออกใหม่  สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นกุญแจสำคัญทั้งสองได้จารึกเรื่องราวบทใหม่ให้กับจักรวาลของการผลิตนาฬิกาชั้นเยี่ยมของมงต์บลองค์ทันทีที่เปิดตัว ทั้งยังกลายเป็นเสาหลักด้านนาฬิกามาตลอดระยะเวลาหลายปีและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาระบบกลไกสำหรับอนาคตซึ่งจะถูกนำมาใช้ในคอลเล็กชั่นหลักของเมซงด้วย

มงต์บลองค์เปิดตัว Montblanc Star Legacy Metamorphosis Limited Edition 8 ในสีน้ำเงินที่เจิดจรัส  เครื่องบอกเวลาที่เป็นนวัตกรรมชิ้นนี้แปลงเปลี่ยนตัวเองได้จริงด้วยการเผยโฉมหน้าที่แตกต่างกันสองแบบ  ระบบกลไกซับซ้อนที่ใช้ในการผลิตนาฬิกาชั้นเยี่ยมจำนวนมากถูกนำเข้ามาใช้โดยได้แรงขับเคลื่อนจากเครื่อง Manufacture calibre MB M67.60 ที่ผลิตขึ้นด้วยมือและเป็นเครื่องที่มีความซับซ้อนสูงมาก  การเปลี่ยนไปมาระหว่างสองหน้านั้นมีความยุ่งยากสูงและต้องอาศัยชิ้นส่วนมากกว่า 320 ชิ้น ซึ่งทุกชิ้นถูกผลิตด้วยมืออย่างพิถีพิถันและต้องเคลื่อนที่พร้อมๆ กัน  ยิ่งไปกว่านั้นกระบวนการสร้างกลไก Exo Tourbillon เพียงอย่างเดียวต้องใช้ชิ้นส่วนมากกว่า 100 ชิ้น และนาฬิกาทั้งเรือนประกอบด้วยชิ้นส่วนทั้งหมด 718 ชิ้นถ้วน  ทั้งนี้ทุกชิ้นส่วนผ่านการผลิตด้วยมือ ณ โรงงานผลิตของมงต์บลองค์ที่เมืองวิเญอเรต์ตามขนบที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน

กลไกเริ่มต้นการทำงานด้วยการเลื่อนคันโยกที่ข้างตัวเรือน (เหมือนกับกลไก Minute Repeater) ซึ่งเชื่อมต่อกับหน้าปัด  กลไกจักรกลดังกล่าวประกอบด้วยส่วนที่ยึดอยู่กับที่กับชัตเตอร์ที่ขยับได้ซึ่งเปิดและปิดตามหน้าของนาฬิกาที่เลือกไว้

เมื่อชัตเตอร์ปิด หน้าของนาฬิกาจะแสดงฟังก์ชั่นเวลาโลกที่ 6 นาฬิกาในลักษณะของซีกโลกเหนือทรงโดมที่หมุนได้และล้อมรอบด้วยสเกล 24 ชั่วโมงกับตัวบอกกลางวัน/กลางคืน  ที่ 12 นาฬิกา จักรกรอกชุบโรเดียมพร้อมสปริงที่ผ่านกระบวนการทำให้เป็นสีน้ำเงินและสกรู 18 ตัว จะแกว่งไปด้วยความถี่ดั้งเดิมที่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง

เมื่อชัตเตอร์เปิด หน้าปัดจะเผยให้ความงามของกลไก Exo Tourbillon หนึ่งนาทีที่ได้รับสิทธิบัตร ซึ่งยึดไว้กับสะพานกระจกคริสตัลแซฟไฟร์และทำหน้าที่แทนพระอาทิตย์ที่ 12 นาฬิกา  สิ่งนี้เป็นไปได้ก็ด้วยการก่อสร้างระบบกลไกที่ซับซ้อนซึ่งช่วยเอาจักรกรอกไปวางไว้นอกกรงและอยู่ใต้ชัตเตอร์  จานวันที่ที่กระโดดได้ปรากฏอยู่รอบ Exo Tourbillon

ที่ 6 นาฬิกา พระจันทร์สามมิติเสมือนจริงในตำแหน่งเดียวกับที่อยู่บนฟ้าเมื่อมองขึ้นจากโลก กำลังเดินวนรอบโลกอย่างสม่ำเสมอตามหลักไจโรสโคปซึ่งเหมือนกับที่พระจันทร์ทำจริงๆ เมื่อโคจรรอบโลก  ตัวแทนพระจันทร์ปรากฏตัวตัดกับฉากหลังที่ตกแต่งด้วยสะเก็ดสีทองที่ทอประกายราวกับค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาว  ระบบดิถีพระจันทร์ตามหลักดาราศาสตร์ หรือ Moonsphase มีความแม่นยำสูงมากและต้องการการปรับเพียงหนึ่งวันในทุก 122 ปีเท่านั้น

ข้อมูลทางเทคนิค

เครื่อง                                   Montblanc Manufacture Calibre MB M67.60

ลักษณะกลไก                         กลไกจักรกลพร้อมระบบไขลานด้วยมือ, Exo Tourbillon 1 นาทีที่มีสิทธิบัตร, เวลาโลก และการบอกดิถีพระจันทร์ที่สมจริง

ขนาด                                        เส้นผ่านศูนย์กลาง = 45 มม.; สูง = 12.87 มม.

จำนวนชิ้นส่วน                       718 ชิ้น

จำนวนทับทิม                        61 เม็ด

พลังงานสำรอง                       ประมาณ 50 ชั่วโมง

จักรกรอก                                   บาลานซ์วีล เส้นผ่านศูนย์กลาง = 14.5 มม.; ความเฉื่อย = 59 มก./ตรซม.

ความถี่                                      18,800 ครั้งต่อชั่วโมง (2.5 เฮิรตซ์)

สปริง                                     ผ่านกระบวนการทำให้เป็นสีน้ำเงิน ใช้ฟิลิปส์ เทอร์มินอล เคิร์ฟ

แท่นเครื่อง                             ชุบโรเดียมพร้อมขัดลายวงกลม

สะพาน                                  ชุบโรเดียมพร้อมลาย “Côtes de Genève” 

ขบวนเฟือง                                ซี่เฟืองพิเศษเพื่อการส่งกำลังที่มีประสิทธิมากขึ้น

การบอกค่าต่างๆ                    เข็มชั่วโมงและนาทีเยื้องศูนย์กลาง ช่องวินาทีขนาดเล็กที่ 12 นาฬิกา

                                            หน้าปิด: เวลาโลกโดยมีซีกโลกเหนือล้อมด้วยสเกล 24 ชั่วโมงและบอกกลางวัน/กลางคืน

                                            หน้าเปิด: กลไกทูร์บิญง 1 นาทีที่มีสิทธิบัตร ซีกโลกเหนือล้อมด้วยท้องฟ้าที่อยู่จานเคลือบสะเก็ดสีทองซึ่งเสมือนเป็นดวงดาวและดิถีพระจันทร์ที่สมจริง แสดงวันที่ที่ 12 นาฬิกา

Vacheron Constantin กับการกลับมาของนาฬิกาโครโนกราฟ Cornes de vache ที่มีดีไซน์หรูหราคลาสสิกกลิ่นไอเท่ๆจากยุค 60’s

ถือกำเนิดในปี ค.ศ. 1955 ท่ามกลางช่วงปีอันเฟื่องฟูหลังสงคราม นาฬิกา วาเชอรอง คองสตองแตง รุ่น “คอร์น เดอ วาช” (Cornes de vache) ซึ่งตั้งชื่อตามลักษณะรูปทรงของหูเชื่อมสายได้สร้างชื่อเสียงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในฐานะหนึ่งในนาฬิกาโครโนกราฟรุ่นสัญลักษณ์ของช่วงเวลานั้น ด้วยหมายเลขอ้างอิง 6087 และผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดพิเศษมาก ซึ่ง ณ ปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในเรือนเวลารุ่นที่ผู้คนซึ่งหลงใหลในเมซง (Maison) แห่งนี้ต่างตามหามากที่สุด ภายใต้จิตวิญญาณความวินเทจของคอลเลคชั่น ฮิสทอริคส (Historiques) ในวันนี้ วาเชอรอง คอนสแตนติน (Vacheron Constantin) ได้นำเสนอซึ่งการตีความและการนำกลับมาทำใหม่ของเรือนเวลาสตีล พร้อมด้วยเอกลักษณ์แห่งการผสมผสานระหว่างประเพณีและความเป็นต้นตำรับดั้งเดิมอันเปี่ยมด้วยสไตล์

วาเชอรอง คองสตองแตง ปรารถนาที่จะมอบซึ่งความเป็นจริงที่สามารถจับต้องได้ให้กับมรดกของตน โดยการสร้างสรรค์ ฮิสทอริคส คอลเลคชั่น ขึ้นในปี ค.ศ. 2006 เพื่ออุทิศให้กับเหล่าต้นแบบซึ่งได้สร้างวิวัฒนาการให้กับเมซง โดยคอลเลคชั่นนี้ได้ตอกย้ำความโดดเด่นของมรดกอันรุ่มรวยทางเทคนิคและความสวยงามของโรงงานการผลิต ผ่านการตีความใหม่อันร่วมสมัยของเหล่ารุ่นตำนานอันเป็นสัญลักษณ์ ด้วยการรังสรรค์ทายาทเรือนเวลาทั้งหมดที่บรรดานักสะสมและผู้ซึ่งหลงใหลในนาฬิกากำลังมองหาซึ่งผลงานที่อาบไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความเก่าแก่และความวินเทจ ทำให้นาฬิกา ฮิสทอริคส นี้มีความพิเศษโดยธรรมชาติ และตลอดระยะเวลาหลายปี ผลงานหลากหลายรุ่น อาทิ อเมริกัน 1921 (American 1921) หรืออัลตร้า-ไฟน์ 1955 (Ultra-fine 1955) ได้มอบซึ่งการปลุกฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่

HISTORIQUES CORNES DE VACHE 1955

นาฬิกา คอร์น เดอ วาช ฮิสทอริคส  1955 ขับเคลื่อนโดยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือโครโนกราฟ คาลิเบอร์ 1142 มอบการสำรองพลังงานได้นาน 48 ชั่วโมง โดยรักษาไว้ซึ่งประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาอันยิ่งใหญ่ กับจักรกลจับเวลาช่วงสั้นๆ ที่ควบคุมผ่านคอลัมน์วีล (column-wheel) ตกแต่งด้วยหัวสกรูรูปทรงคล้าย มอลทิส ครอส (Maltese cross) สัญลักษณ์ของวาเชอรอง คอนสแตนติน พร้อมทั้งงานตกแต่งและขัดขึ้นมุมด้วยมือทั้งหมด กับลวดลายเกรนวงกลมบนด้านหน้าปัด และโคตส เดอ เฌแนฟ (Côtes de Genève) บนด้านหลัง กลไกซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วน 164 ชิ้นและทำงานความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง (3 เฮิรตซ์) นี้ยังสามารถชื่นชมความสวยงามประณีตได้ผ่านฝาหลังกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ใส และล้อมกรอบด้วยขอบตัวเรือนรูปทรงสิบด้าน 

เรือนเวลารุ่นพิเศษนี้นำเสนอฟังก์ชั่นแสดงเวลา ซึ่งรวมไปถึงการแสดงวินาทีบนหน้าปัดเล็ก เช่นเดียวกับฟังก์ชั่นจับเวลาโครโนกราฟ พร้อมด้วยเข็มจับเวลาวินาทีกลาง และหน้าปัดย่อยแสดงการจับเวลานาที รายล้อมด้วยสเกลทาคีมิเตอร์ (tachymeter) (ทำหน้าที่ในการช่วยคำนวณความเร็วเฉลี่ยเหนือระยะทางที่กำหนด) บนฐาน 1000 เมตร รอบหน้าปัดซึ่งติดตั้งด้วยเข็มชี้สตีลสีน้ำเงินเพื่อมอบความสามารถในการมองเห็นได้อย่างชัดเจนสูงสุด ขณะที่วงแหวนสเกลนาทีสีขาวยังแสดงเวลาได้อย่างแม่นยำด้วยตัวเลขสีแดงเข้ม ตอกย้ำความโดดเด่นของโทนสีเทากำมะหยี่บนหน้าปัดโอปอลซึ่งบรรจุไว้ด้วยหน้าปัดย่อยลายก้นหอยสองวง พร้อมทั้งตัวเลขโรมันสีแดงและเครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบนำมาติดบนหน้าปัด 

ข้อมูลทางเทคนิค

ฮิสทอริคส คอร์น เดอ วาช 1955 

หมายเลขอ้างอิง              5000H/000A-B582

คาลิเบอร์                       1142

                                    พัฒนาและผลิตขึ้นโดย วาเชอรอง คองสตองแตง

                                    จักรกล, ไขลานด้วยมือ

                                    ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 27.5 มม. (12”’)

                                    หนา 5.57 มม.

                                    สำรองพลังงานได้ประมาณ48 ชั่วโมง 

                                    ความถี่ 3 เฮิรตซ์ (21,600 ครั้ง/ชั่วโมง)

                                    ชิ้นส่วน164ชิ้น

                                    ทับทิม 21 เม็ด

                                    เรือนเวลาผ่านประกาศนียบัตร ฮอลล์มาร์ค ออฟ เจนีวา (Hallmark of Geneva) 

การแสดง                       ชั่วโมง, นาที, วินาทีบนหน้าปัดเล็ก ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา 

                                    โครโนกราฟคอลัมน์วีล (หน้าปัดย่อยจับเวลา 30 นาที) 

ตัวเรือน                         สตีล

                                    ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 38.5 มม., หนา 10.9 มม.

                                    ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์โปร่งใส 

                                    ผ่านการทดสอบการกันน้ำที่ระดับความลึก 3 บาร์ (ประมาณ 30 เมตร) 

หน้าปัด                         บริเวณศูนย์กลางทำจากโอปอลตกแต่งสีเทากำมะหยี่ พร้อมด้วยหน้าปัดย่อยลายก้นหอย

                                    เครื่องหมายบอกชั่วโมงและตัวเลขโรมันแบบนำมาติดบนหน้าปัด ทำจากทองไวท์โกลด์ 18 กะรัต 

                                    เข็มชั่วโมง นาที และวินาทีเล็ก ทำจากทองไวท์โกลด์ 18 กะรัต

                                    เข็มโครโนกราฟและเข็มบนหน้าปัดย่อยจับเวลา 30 นาที ทำจากสตีลสีน้ำเงิน 

สาย                              สายหนังวัวสีน้ำตาลเข้มแบบพาติน่าโดยเซอราเปียน, ด้านในทำจากหนังวัว, เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีเดียวกัน                                            

หัวเข็มขัด                       หัวเข็มขัดสตีล

                                    รูปทรง มอลทิส ครอส ครึ่งซีกขัดเงา 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Pendulum Siam Paragon โทร. 026109423

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun

จะไว้ใช้หรือโชว์ก็เหมาะไปหมดกับ watch case อลูมิเนียมสุดหรูจาก RIMOWA !

อีกหนึ่ง accessory ชิ้นล่าสุดที่น่าสนใจเอามากๆสำหรับ RIMOWA Watch Case เคสอลูมิเนียมดีไซน์เรียบหรูผลิตในอิตาลีที่สามารถเก็บนาฬิกาเรือนหรูของคุณให้ปลอดภัยระหว่างการเดินทางด้วยกลไกบานสไลด์ ซึ่งเคสยาว 26.7 CM สูง 11.2 CM ชิ้นนี้สามารถเก็บนาฬิกาได้ถึงสามเรือน 

ปกป้องทุกรอยเขียดข่วนด้วย cushions 3 ชิ้นที่สามารถถอดประกอบได้และยังมีชิ้นยาวไว้ปิดบริเวณหน้าปัดนาฬิกาอีกด้วย ด้วยดีไซน์สุดคลาสสิกของแบรนด์เยอรมันทำให้เมื่อไม่ใช้งานก็ยังสามารถใช้เป็น display โชว์เรือนเวลาสุดโปรดของคุณอีกด้วย

RIMOWA Watch Case จะเปิดให้พรีออเดอร์บนเวปไซต์ของแบรนด์ในจำนวนจำกัดในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ในราคาประมาณ 1,985 USD หรือประมาณ 61,000 บาทครับ! 

Gucci เปิดตัว โปรเจ็คคอลลาบอเรชั่นล่าสุด ร่วมกับศิลปินทั่วโลก ตีความหมายเรือนเวลา G-Timeless ผ่านงานศิลปะหลากหลายมุมมอง

Gucci  ลักชัวรี่แฟชั่นแบรนด์ระดับโลก ผู้บุกเบิกโปรเจ็คคอลลาบอเรชั่นระดับแถวหน้าแห่งโลกดิจิทัล เปิดตัวโปรเจ็คล่าสุด ที่ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ อเลสซานโดร มิเคเล่ ได้เชื้อเชิญเหล่าศิลปิน visual artists จากทั่วโลก มาร่วมตีความและนำเสนองานศิลป์ผ่าน นาฬิกา G-Timeless automatic ในมุมมองที่แตกต่างกันไป

ผลงานในโปรเจ็คนี้รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษโดยบรรดาศิลปิน ทั้งนักวาดภาพประกอบ จิตรกร และดิจิทัลอาทิสต์ ที่ได้รับโจทย์ให้ร่วมถ่ายทอดจินตนาการและสร้างสรรค์ผลงานศิลป์ที่มีต่อนาฬิกา G-Timeless automatic หลากหลายรุ่น ถือเป็นความท้าทายในการตีความอย่างสร้างสรรค์ตามแบบของตนเอง โดยมีเอเลเมนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น G-Timeless เป็นธีมหลัก ทั้งลวดลายรูปผึ้ง ที่เป็นไอคอนของแบรนด์มาตั้งแต่ยุค 1970s ซึ่งถูกนำมาใช้ตกแต่งเป็นไอเทมหลักบนหน้าปัดสโตน รวมถึง อินเด็กซ์บอกชั่วโมง  

ศิลปินแต่ละท่านถือเป็นตัวแทนชุมชนระดับโลกอย่างแท้จริง ในขณะที่บางศิลปิน เช่น Winnie Chi จากจีน และ Kieron Livingstone จาก UK เคยร่วมงานคอลแลบกับ Gucci มาก่อนแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นการค้นพบศิลปินหน้าใหม่สำหรับแบรนด์ เช่น Oh de Laval และ Tishk Barzanji จากลอนดอน, Balfua จากแคลิฟอร์เนีย, David Macho จากสเปน, Andrey Kasayจากรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีศิลปินท่านอื่นๆ อาทิ Margot Ferrick จากสหรัฐอเมริกา และ Cambo จากสหราชอาณาจักร ซึ่งได้เผยผลงานให้เห็นผ่านตามาแล้วเป็นทีเซอร์ของโปรเจ็คนี้ทาง Instragram ของ Gucci รวมไปถึง Winnie Chi ที่นำเสนอผลงานในรูปแบบแอนนิเมชั่น แม้ว่าผลงานเหล่านี้จะถูกนำเสนอผ่านมุมมองสายตาของศิลปินแต่ละคน แต่ทุกชิ้นล้วนแชร์อารมณ์ที่เหมือนฝัน และ surreal ตามแบบฉบับของ Gucci อย่างสมบูรณ์แบบ

นาฬิกา Gucci G-Timeless โดดเด่นด้วยหน้าปัดสโตนตกแต่งด้วยลวดลายรูปผึ้ง ฝาหลังเปลือยเผยให้เห็นกลไกออโตเมติกภายใน เป็นนาฬิกา swiss made มีทั้งขนาด 38 มม. และ 42 มม. ตัวเรือนทอง มาพร้อมหน้าปัดออนิกซ์ ไทเกอร์อาย หรือมาลาไคต์ ส่วนตัวเรือนสตีล มีให้เลือกทั้งหน้าปัดลาพิส หรือออนิกซ์

#GucciTimepieces

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรคาเดโร ไทม์ โทร: 02-163-0555                                  

นาฬิกาหลายสีสันที่เราเลือกมาจะช่วยให้ช่วยให้ข้อมือของคุณโดดเด่นกว่าใคร

Colourful Expression

อย่าให้ชีวิตมีแค่สีขาวกับดำ เราแนะนำเรือนเวลาสารพัดสีที่จะทำให้ข้อมือของคุณเข้ากันได้ดีกับเครื่องแต่งกายสุดพิเศษของคุณในวันนั้น แล้วคุณจะเชื่อเราเลยว่า วันธรรมดาๆของคุณสามารถแปลงร่างเป็นวันสุดพิเศษเพียงแค่สาดสีเท่านั้น

Cartier Drive De Cartier Moon Phases

ตัวเรือนวัสดุสเตนเลสสตีลขัดเงาขนาดกว้าง 41 มิลลิเมตร ยาว 40 มิลลิเมตร หนา 12.15 มิลลิเมตร เม็ดมะยมประดับพลอยสังเคราะห์ไว้ที่ปลาย หน้าปัดสีขาวตรงกลางขัดลวดลาย หลักชั่วโมงพิมพ์ตัวเลขโรมัน เข็มนาฬิกาทรงดาบสีน้ำเงิน มีหน้าต่างแสดงมูนเฟสบริเวณ 6 นาฬิกา ปกป้องหน้าปัดด้วยกระจกแซฟไฟร์ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องระบบอัตโนมัติ Caliber 1904-LU MC จากโรงงาน Cartier กันน้ำได้ลึกสูงสุด 30 เมตร สวมใส่ด้วยสายหนังจระเข้สีดำเคลือบกึ่งด้านพร้อมบานพับสเตนเลสสตีล

A. Lange & Söhne Zeitwerk Decimal Strike

ตัวเรือนวัสดุฮันนี่โกลด์ขนาด 44.2 มิลลิเมตร หนา 13.1 มิลลิเมตร หน้าปัดสีเงิน บอกเวลาแบบจั๊มปิ้งอาวขนาดใหญ่สองหน้าต่าง แบ่งเป็นชั่วโมงและนาที วินาทีแสดงเป็นเข็มที่บริเวณ 6 นาฬิกา อัตราการสำรองพลังงานแสดงเป็นเข็มอยู่ที่บริเวณ 12 นาฬิกา ขับเคลื่อนด้วยเครื่องระบบไขลาน Caliber L043.7 ประกอบมือจากโรงงาน มีฟังก์ชั่นตีบอกเวลาอัตโนมัติทุก 10 นาที
เปิดปิดได้ด้วยปุ่มกด สวมใส่ด้วยสายหนังจระเข้สีน้ำตาลเข้ม เดินตะเข็บด้วยมือพร้อมบานพับวัสดุฮันนี่โกลด์

Romain Jerome Steampunk 46 Auto Camo

ตัวเรือนวัสดุสเตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีดำขนาด 46 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนเคลือบผิวแบบกันเมทัลขัดลายซาติน หน้าปัดแบบเปลือย หลักชั่วโมง 6 และ 12 นาฬิกาเป็นตัวเลขโรมันวาดลวดลายพรางด้วยมือ ขอบหน้าปัดมีสเกลบอกนาที พื้นสีเบจ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องระบบอัตโนมัติ Caliber RJ003 สำรองพลังงานได้นานสูงสุด 42 ชั่วโมง กันน้ำได้ลึกสูงสุด 30 เมตร สวมใส่ด้วยสายหนังจระเข้พิมพ์ลายพรางเย็บด้วยตะเข็บสีเบจ พร้อมบานพับสเตนเลสสตีล ผลิตออกมาเพียง 25 เรือนทั่วโลกเท่านั้น

Girard-Perregaux Neo-Bridges

ตัวเรือนวัสดุไทเทเนียมขนาด 45 มิลลิเมตร หนา 12.18  มิลลิเมตร ปกป้องหน้าปัดด้วยกระจกแซฟไฟร์ หน้าปัดแบบเปลือยได้รับแรงบันดาลใจจากการดีไซน์แบบอนาคต ขอบหน้าปัดมีสเกลบอกนาที เข็มนาทีแบบเปลือย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องระบบอัตโนมัติ
GP08400-0001 สำรองพลังงานได้นานสูงสุด 48 ชั่วโมง กันน้ำได้ลึกสูงสุด 30 เมตร ฝาหลังแบบเปลือยให้เห็นกลไกการทำงานด้านใน สวมใส่ด้วยสายหนังจระเข้สีเทาเข้ม เดินตะเข็บด้วยมือ พร้อมบานพับสามชั้นวัสดุไทเทเนียม

Ulysse Nardin Regatta Chronograph

ตัวเรือนวัสดุสเตนเลสสตีลขนาด 44 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนลวดลายเป็นร่อง หน้าปัดสีน้ำเงิน หลักชั่วโมงตัวเลขโรมัน เม็ดมะยมสเตนเลสสตีลหุ้มขอบยาง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องระบบอัตโนมัติ Caliber UN-155 มีฟังก์ชั่นโครโนกราฟจับเวลา แบบถอยหลัง และบอกวันที่ เวลาดึงเม็ดมะยมของรุ่นนี้ออกมาเพื่อตั้งเวลา เข็มวินาทีจะหยุดเดิน สำรองพลังงานได้นานสุงสุด 72 ชั่วโมง กันน้ำได้ลึกสูงสุด 100 เมตร สวมใส่ด้วยสายสีน้ำเงินพร้อมบานพับไทเทเนียม

Baume & Mercier Clifton Club

ตัวเรือนวัสดุสเตนเลสสตีลขัดเงาและลายซาตินขนาด 42 มิลลิเมตร หนา 10.3 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ทุกทิศทางทำจากวัสดุสเตนเลสสตีลพร้อมสเกลบอกนาที หน้าปัดสีดำโอปอล หลักชั่วโมงเคลือบสารซูเปอร์ลูมิโนวา เข็มวินาทีสีส้ม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องระบบอัตโนมัติ Caliber Selita SW200 มีฟังก์ชั่นบอกวันที่ สำรองพลังงานได้นานสูงสุด 48 ชั่วโมง กันน้ำได้ลึกสูงสุด 100 เมตร สวมใส่ด้วยสายหนังลูกวัวสีดำรองหลังด้วยหนังลูกวัวสีส้มเดินตะเข็บสีดำ พร้อมบานพับสามชั้นวัสดุสเตนเลสสตีล

นาฬิกาที่มาพร้อมฟังก์ชั่นช่วยกระตุ้นให้คุณอยากลุกขึ้นมาขยับร่างกาย

healthy times

หนุ่มๆ รุ่นเดอะอายุสัก 40-50 ที่ปากบอกว่าจะหันกลับมาเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นนั้น ฟังๆ ดูแล้วเหมือนจะเป็นข้ออ้างที่จะซื้อนาฬิการุ่นล่าสุดที่มาพร้อมฟังก์ชั่นตรวจวัดกิจกรรมประจำวัน และฟังก์ชั่นกระตุ้นให้ลุกขึ้นมาขยับร่างกายสักเรือนสองเรือนมากกว่า เอาเป็นว่า เรามาดูว่านาฬิกาที่มาพร้อมฟังก์ชั่นต่างๆ เหล่านั้นมีเรือนไหนน่าสนใจ และเสริมลุคของคุณให้ดูดีขึ้นไปอีก

caviar_cmjn300

Apple

รุ่น: Apple Watch

คงไม่ต้องพูดอะไรมากสำหรับนาฬิกา Apple Watch เพราะเป็นเหมือนราชินีที่ไม่มีใครมาทาบทามได้ในเรื่องของสมาร์ทวอตช์ ในขณะที่กำลังรอคอย Apple Watch รุ่นสองอยู่นั้น ทาง Apple ก็ได้เตรียมอัพเดทระบบปฏิบัติการระบบใหม่ WatchOS3 ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม นาฬิการุ่นล่าสุดที่ว่านี้ ยั่วยวนใจด้วยสายข้อมือโลหะถัก และยังประกอบไปด้วยเครื่องวัดชีพจรหัวใจ เซ็นเซอร์วัดความเร่ง และวัดความเร็วเชิงมุม นอกจากนั้นยังมีตัววัดสภาพแสงแวดล้อม ลำโพงไมโครโฟน และยังเชื่อมต่อไวไฟและบลูทูธได้ด้วย  ตัวเรือนทำจากโลหะไร้สนิมสีดำขนาด 42 มิลลิเมตร สายข้อมือแบบเชือกถักจากมิลาน

ราคา: 849 ยูโร www.apple.com

คาเวียร์ Baeri Origine จากเมือง Ultrïea

amandes_cmjn300

Fossil

รุ่น: Q Crewmaster

นาฬิกาเรือนนี้เพิ่งจะได้เข้าร่วมในคอลเลกชั่น Q ของ Fossil (ฟอสซิล) เป็นนาฬิกาสปอร์ตที่มาพร้อมเครื่องคำนวณการเคลื่อนไหวแบบเดียวกับที่ใช้ในสมาร์ทโฟน แอนดรอยด์หรือแอปเปิ้ล ตัวเรือนมีระบบสั่นแจ้งเตือนอีเมล และข้อความเข้า ในขณะที่หน้าจอเล็กๆ ในตำแหน่งเลข 6 จะคอยบอกคุณว่าออกกำลังกายไปถึงไหนแล้ว และยังคอยเตือนเพื่อที่คุณจะได้ไม่ออกนอกลู่นอกทางมีตัวคำนวณการเคลื่อนไหว และการนอนหลับ กลไกลานแบบควอตซ์ มีเข็มบอกชั่วโมง และนาที ตัวเรือนทำจากเหล็ก สายข้อมือทำจากยางสีดำพร้อมบานพับเหล็ก

ราคา: 179 ยูโร www.fossil.com

ถั่วอัลมอนด์ มีขายที่ La Grande Epicerie de Paris

chocolat_cmjn300

Withings

รุ่น: Activité- Steel

ด้วยความที่เป็นผู้บุกเบิกในด้านนาฬิกาอนาล็อก ที่ติดตั้งเครื่องคำนวณการเคลื่อนไหว ทำให้นาฬิกา Withings (วิทธิงส์) แตกต่างจากแบรนด์อื่นด้วยความประณีตขั้นสูงอันเปี่ยมด้วยสุนทรียภาพ ตัวเรือนมีขนาดเพียง 36.3 มิลลิเมตรเท่านั้น ถึงเป็นข้อได้เปรียบอย่างแท้จริง แต่ไม่ใช่แค่นั้น การใช้งานแบบสองฟังก์ชั่นร่วมกันในนาฬิกาเรือนนี้ ยังให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากที่สุดอีกด้วย ตัวคำนวณการเคลื่อนไหวบอกทั้งการเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ และการนอนหลับ กลไกลานแบบควอตซ์ มีเข็มบอกชั่วโมง และนาที ตัวเรือนทำจากเหล็ก และสายข้อมือทำจากหนังสีดำพร้อมบานพับเหล็ก

ราคา: 220 ยูโร www.withings.com

ช็อกโกแลต 72% ของ Michel Cluizel มีขายที่ La Grande Epicerie de Paris

the_cmjn300

Motorola

รุ่น: Moto 360

นาฬิกาข้อมือ Moto 360 รุ่นที่สองได้อาศัยการอัพเดทระบบใหม่เพื่อให้ตามทันคู่แข่งแบรนด์อื่น ดังนั้นผู้สวมใส่จึงจะได้ชื่นชมทั้งดีไซน์ของตัวเรือนที่บรรจงสร้าง และได้ดื่มด่ำกับโอกาสในการเลือกขนาดตัวเรือนระหว่าง 46 และ 42 มิลลิเมตร นอกจากนั้นนาฬิกาเรือนนี้ยังมีข้อได้เปรียบอื่นๆ อีกคือ ตัวคำนวณแสงสว่างที่ปรับความสว่างหน้าจอได้อย่างอัตโนมัติ การเชื่อมต่อไวไฟได้อย่างมีอิสระกว่าเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟน ในเรือนประกอบด้วยตัวคำนวณสภาพแสงแวดล้อม ตัววัดระดับการเต้นของหัวใจ และตัวเชื่อมต่อไวไฟ ตัวเรือนทำจากเหล็ก และสายข้อมือทำจากหนังสีดำพร้อมบานพับทำจากเหล็ก

ราคา: 299 ยูโร www.motorola.com

ชาคลายเครียด มีขายที่ร้านชา Mariage Frerés

champagne_cmjn300

Frédérique Constant

รุ่น: Horological Smartwatch

Frederique Constant (เฟรเดอริก กองสตอง) เป็นนาฬิกาสวิสแบรนด์แรกที่ผลิตนาฬิกาข้อมือแบบนี้ เพิ่งเปิดตัว Horological Smartwatch รุ่นที่สองไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยนาฬิการุ่นล่าสุดนี้ยังคงรักษาเนื้อแท้ของแบรนด์ไว้ได้ คือ ดีไซน์นาฬิกาสวิสแบบขนานแท้ แต่ได้เพิ่มระบบบางอย่างลงไปในแผงปฏิบัติการของนาฬิกาด้วย เช่น ระบบคำนวณการเคลื่อนไหวและการนอนหลับอัจฉริยะ และฟังก์ชั่น Worldtimer เพื่อดูเวลาได้รอบโลกแบบไม่ต้องตั้ง ระบบลานแบบควอตซ์ มีเข็มบอกชั่วโมง นาที และวันที่ ตัวเรือนและสายข้อมือทำจากเหล็ก พร้อมตัวล็อกแบบฝาพับปรับได้ทำจากเหล็กเช่นกัน

ราคา: 1,095 ยูโร

www.frederiqueconstant.com

ถ้วยปากกว้าง จาก The Conran Shop

riz_cmjn300

Huawei

รุ่น: Huawei Watch

นาฬิกาแบรนด์ Huawei (หัวเหว่ย) จากประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนได้เข้ามาตีตลาดยุโรปมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว โดยได้ Mario Testino (มาริโอ้ เทสทิโน) มาทำแคมเปญการตลาดให้ ถ้าพูดถึงเรื่องลุคแล้ว นาฬิการุ่นนี้ถือว่าเป็นเรือนที่ใส่สบายที่สุด ถึงแม้ตัวเรือนจะมีขนาด 42 มิลลิเมตร ซึ่งประกอบมือพร้อมเม็ดมะยมที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกา นอกจากนั้นยังเป็นนาฬิกาเรือนแรกๆ ที่ได้รับการหล่อด้วยระบบ Android Wear ซึ่งเชื่อมต่อกับ iPhone ได้ มีเซ็นเซอร์วัดความเร็วเชิงมุม ความเร่งอัตราการเต้นของหัวใจ และเครื่องวัดความกดอากาศ พร้อมด้วยไมโครโฟน และเชื่อมต่อบลูทูธได้อีกด้วย ตัวเรือนทำจากเหล็ก สายข้อมือทำจากหนังสีดำพร้อมบานพับเหล็ก

ราคา: 399 ยูโร www.huawei.com

ข้าวเปลือกดำ Venere จาก Casale Paradiso มีขายที่ La Grande Epicerie de Paris