Posts

Breitling Summit in Dubai

ภายในงาน Breitling Summit ที่ดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้มีการเผยโฉมนาฬิกาโมเดลใหม่ๆ เป็นการส่งท้ายปีนี้ โดย Georges Kern ผู้เป็น CEO ของไบรทลิ่งได้เป็นคนแนะนำบนเวทีด้วยตัวเอง โดยมีแขกรับเชิญสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาในคอลเล็กชั่นนี้มาร่วมพูดบนเวที

โดยนาฬิการุ่นที่ถูกจับตามากที่สุดรุ่นหนึ่งของงานนี้ก็คือ Breitling Avenger Collection ที่ได้แรงบันดาลใจจากการบุกเบิกด้านการบินที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับเหล่านักผจญภัยทางอากาศแห่งยุคร่วมสมัยไบรทลิ่ง(Breitling)ออกแบบนาฬิกาอเวนเจอร์(Avenger)ขึ้นมาใหม่ในฐานะคอลเลกชั่นที่มีความแข็งแกร่งและทนทานสมดังชื่อ สมทบกับอีกสองคอลเลคชั่นทั้งเอวิเอเตอร์ 8 (Aviator 8) และนาฬิกาต้นตำรับอย่าง นาวิไท เมอร์ (Navitimer) ท่ามกลาง อาณาจักรแห่งท้องฟ้าของไบรทลิ่ง


อเวน เจอร์ โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นสหายที่วางใจและเชื่อถือได้สำหรับเหล่านักผจญภัยทางอากาศผู้ซึ่งต้องการพิชิตความท้าทายอันโดดเด่นและเหนือความคาดหมาย นับเป็นอุปกรณ์บนข้อมืออัน สมบูรณ์แบบสำหรับนักเชี่ยวชาญด้านโดรนที่สามารถควบคุมการบินได้จากพื้นดิน รวมถึงนักบินภายในห้องควบคุมของเครื่องบิน ความเร็วสูงเหนือเสียง หรือแม้แต่นักบุกเบิกด้านการบินผู้อุทิศตนอย่างทุ่มเทมายาวนานให้กับความท้าทายเหนือพรมแดนแห่งการบินตามแบบแผนปฏิบัตทั่วไป

นาฬิกาซูเปอร์ อเวนเจอร์ โครโนกราฟ 48 (Super Avenger Chronograph 48) และโครโนกราฟ 48 ไนท์ มิชชั่น งดงามด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 48 มม. พร้อมขอบตัวเรือนแบบสปริงสับปรับหมุนได้ทางเดียวรวมถึงหน้าปัดสีดำ
ไบรทลงิ่ อเวนเจอร์ โครโนกราฟ 45 (Breitling Avenger Chronograph 45) คือนาฬิกานักบินสุดคลาสสิก ด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 45 มม. พร้อมด้วยขอบตัวเรือนแบบสปริงปรับหมุน ได้ทางเดียว และมีให้เลือกทั้งหน้าปัดสีดำหรือสีน้ำเงิน
ส่วน อเวนเจอร์ โครโนกราฟ 45 ไนท์ มิชชั่น(Avenger Chronograph 45 Night Mission) โดดเด่นด้วยความแข็งแกร่ง แต่น้ำหนักเบา ตัวเรือน 45 มม. ทำจากไทเทเนียมเคลือบ DLC ประกอบด้วยขอบตัวเรือนแบบสปริงสับ ปรับหมุนได้ ทางเดียวและฝาหลังประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุชุดเดียวกันโดยมีให้เลือกทั้งหน้าปัดสีดำและหน้าปัดสีเขียว


ไบรทลงิ่ อเวนเจอร์ โครโนกราฟ 45 สวิส แอร์ ฟอร์ซ ทีม ลิมิเต็ด เอดิชั่น(Breitling Avenger Chronograph 45 Swiss Air Force Team Limited Edition) ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 45 มม. พร้อมด้วยขอบตัวเรือนแบบสปริงสับปรับหมุนได้ทางเดียวและหน้าปัดสีดำประทับโลโก้ของทีม สวิสแอร์ฟอร์ซ(SwissAirForce) ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกาตกแต่งด้วยโทนสสีเหลืองและสีแดงโดดเด่นที่สะท้อนถึงสีสันของโลโก้ ฝาหลัง แกะสลักโลโก้เฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปีของ สวิส แอร์ ฟอร์ซ ทีม ด้วยเลข 55 เปี่ยมด้วยสไตล์ และรูปเครื่องบินไอพ่น ความเร็วเหนือเสียง ร่วมไปกับคำว่า “ONE OF 550”
ไบรทลงิ่ อเวนเจอร์ ออโตเมติค 45 ซีวูลฟ์ (Breitling Avenger Automatic 45 Seawolf) เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชั่นนาฬิกานักบินคลาสสิกแต่ยังคงไว้ด้วยคุณสมบัติที่ทำให้รุ่นนี เป็นนาฬิกาในอุดมคติ เหมาะกัทบการผจญภัยใต้ผืนน้ำที่พื้นผิวมหาสมุทร
ไบรทลิ่ง อเวนเจอร์ ออโตเมติค จีเอ็มที 45 (Breitling Avenger Automatic GMT 45) ควรคู่อย่างสมบูรณ์กับนักเดินทางที่ชื่นชอบการผจญภัย นอกจากเข็มนาฬิกาตามมาตรฐานแล้วยังมีเข็มแสดงเวลาสองไทม์โซน โดยทั้งเข็มนาฬิกาและเครื่องหมายบอกเวลาเคลือบด้วยสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนวา เสริมประสิทธิภาพของการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนในทุก สภาวะแสง


ไบรทลิ่ง อเวนเจอร์ โครโนกราฟ 43 (Breitling Avenger Chronograph 43) เป็นนาฬิกานักบินคลาสสิกด้วยตัว เรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 43 มม. พร้อมขอบตัวเรือนแบบสปริงสับปรับหมุนได้ทางเดียว มีให้เลือกทั้งจับคู่กับหน้าปัดสีดำหรือสีน้ำเงิน
ไบรทลิ่ง อเวนเจอร์ ออโตเมติค 43 (Breitling Avenger Automatic 43) ประกอบด้วยหน้าปัดเรียบง่ายสะอาดตา ติดตั้งด้วยเข็มชั่ว โมง นาที และวินาที รวมทั้งช่องหน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา มาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 43 มม. ผสานขอบตวั เรือนแบบสปริงสับปลับหมุนได้ทางเดียว ภายในตัวเรือนติดตั้งด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ ไบรทลิ่งคาลิเบอร์ 17 สำรองพลังงานได้ประมาณ 38 ชั่วโมง

ZENITH อุทิศผลงานสุดฮอตให้กับ ตรินิแดด ซิการ์ ฉลองครบรอบ 50 ปี

เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของหนึ่งในผู้ผลิตซิการ์หรูและนำเทรนด์สูงสุดภายในคอลเลคชั่นอันโด่งดังของอาบาโนส (Habanos) เซนิธ (Zenith) ได้เปิดตัวแนะนำผลงานนาฬิกาสามเรือนอันล้ำค่าของ ไพลอท ไทป์ 20 โครโนกราฟ ตรินิแดด เอดิชั่น (Pilot Type 20 Chronograph Trinidad Edition) รุ่นใหม่ เทศกาลอาบาโน (Habanos Festival) ครั้งที่ 21 ของคิวบา ซึ่งเป็นงานอันทรงเกียรติสูงสุดที่อุทิศให้กับซิการ์ระดับพรีเมียม (Premium Cigars) และจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 ถึง 22 กุมภาพันธ์ .. 2019 ที่ผ่านมา ในเมืองฮาวานา พร้อมทั้งเฉลิมฉลองครบรอบ 500 ปีของเมืองนี้เช่นกัน

ซิการ์เฉลิมฉลองตรินิแดด ครบรอบ 50 ปี ได้ผลิตขึ้น โรงงาน เอล ลากูอิโต (El Laguito) สุดเอ็กซ์คลูซีฟของโคฮิบา (Cohiba) โดยซิการ์อาบาโนมีชื่อเสียงโด่งดังจากกลิ่นหอมอันรุ่มรวยและความเข้มข้นของรสชาติระดับกลาง (medium) และเพื่อถ่ายทอดถึงความรุ่มรวยทั้งหมดภายในซิการ์ระดับไอคอนนี้ นาฬิกา ไพลอท ไทป์ 20 โครโนกราฟ ตรินิแดด เอดิชั่น จึงได้ปรากฏโฉมภายในสามเวอร์ชั่นของตัวเรือนทองโรสโกลด์ เยลโลโกลด์ และไวท์โกลด์ ขนาด 45 มม. โดยแต่ละเวอร์ชั่นจะผลิตขึ้นเพียงจำนวนจำกัด 50 เรือน และแกะสลักบนฝาหลังด้วยโลโก้ฉลองครบรอบ 50 ปีของตรินิแดด

ขับเคลื่อนภายในด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติโครโนกราฟคอลัมน์วีล เอล พริเมโร (El Primero) ผู้สืบทอดตำนานของกลไกโครโนกราฟคาลิเบอร์ ซึ่งผลิตขึ้นในแบบซีรีส์ที่มีความเที่ยงตรงสูงสุดในโลก และก้าวเข้าสู่การเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ในปี .. 2019 นี้ด้วยเช่นกัน โดยทำหน้าที่ขับเคลื่อนเข็มชั่วโมงและนาทีกลาง เช่นเดียวกับฟังก์ชั่นแสดงวินาทีบนหน้าปัดเล็กและจับเวลาโครโนกราฟ บนหน้าปัดที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งบรรจุด้วยตัวเลขเรืองแสงสีเบจขนาดใหญ่แบบโอเวอร์ไซส์ รวมถึงตกแต่งด้วยลวดลายใบยาสูบอันโดดเด่น เช่นเดียวกับโลโก้ของเซนิธ และตรินิแดด

ผลงานสำหรับนักสะสมเหล่านี้ได้จับคู่มากับสายหนังวัวสีน้ำตาลฮาวานา ตกแต่งด้วยลวดลายโลโก้ของตรินิแดด พร้อมทั้งเดินเส้นด้วยยางเพื่อความทนทาน และประทับด้วยโลโก้เดียวกันบนด้านใน ปลอดภัยด้วยหัวเข็มขัดแบบหมุดทำจากทองโรสโกลด์ เยลโลโกลด์ หรือไวท์โกลด์ 18 กะรัต เข้ากับตัวเรือน ขณะที่รุ่นพิเศษสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของ ไพลอท ไทป์ 20  โครโนกราฟ ตรินิแดด เอดิชั่น ซึ่งทำจากแพลทินัม ได้นำไปร่วมประมูลในระหว่างเทศกาลอาบาโน โดยเป็นส่วนหนึ่งของกล่องเก็บซิการ์ตรินิแดดสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับการเฉลิมฉลองครบรอบของแบรนด์

สองเมซง (Maisons) ระดับตำนาน ทั้งเซนิธ และอาบาโนส เอส.เอ. (Habanos S.A.) ล้วนถ่ายทอดถึงจักรวาลที่มีร่วมกัน แห่งความเป็นต้นตำรับขนานแท้ ความเที่ยงตรงแม่นยำ และความล้ำเลิศ โดยแต่ละบริษัทยังได้ผสมผสานความหลงใหลและความเชี่ยวชาญของตนสู่ผลงานสร้างสรรค์สุดพิเศษ เพื่อนำความเพลิดเพลินอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้กับผู้ซึ่งหลงใหลในซิการ์ผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์ ความร่วมมือกันระหว่างอาบาโนส เอส.เอ. และเซนิธ ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องผ่านแบรนด์โคฮิบา และวันนี้ยังคงเดินหน้าต่อด้วยแบรนด์ตรินิแดด ที่ทั้งเซนิธ และอาบาโนส จะได้แลกเปลี่ยนซึ่งปรัชญาเดียวกันของความล้ำเลิศ ความทันสมัย และเอ็กซ์คลูซีฟ ผ่านบทบาทของแบรนด์แรกในฐานะผู้ผลิต นาฬิกาสวิสที่ได้สร้างรากฐานแห่งนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญมากว่า 150 ปี ขณะที่แบรนด์หลังครองชื่อเสียงอันโด่งดังแห่งโลกซิการ์อันเป็นที่ถวิลหาสูงสุดของทั่วโลก

เซนิธ: อนาคตแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาสวิสแท้

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี .. 1865 เซนิธ นำทางด้วยความเป็นต้นตำรับ ด้วยความกล้าหาญ และความหลงใหลในการพิชิตซึ่งพรมแดนแห่งความล้ำเลิศ ความเที่ยงตรงแม่นยำ และนวัตกรรม ทำให้หลังการก่อตั้งขึ้นเพียงไม่นาน เลอ โลค (Le Locle) โดยช่างนาฬิกาผู้เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ จอร์จส ฟาฟร์ยาโคต์ (Georges Favre-Jacot) เซนิธก็เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากความเที่ยงตรงแม่นยำระดับโครโนมิเตอร์ ด้วยดีกรีรางวัลด้านความเที่ยงตรงถึง 2,333 รางวัลในช่วงเวลาเพียงกว่าหนึ่งศตวรรษครึ่งของการดำรงอยู่ ซึ่งนับเป็นสถิติอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะชื่อเสียงอันโด่งดังจากกลไกระดับตำนาน อย่าง 1969 เอล พริเมโร คาลิเบอร์ (1969 El Primero calibre) ที่ช่วยให้สามารถจับเวลาช่วงสั้นๆ ได้อย่างแม่นยำใกล้เคียง1/10th ของวินาทีมากที่สุด โดยโรงงานแห่งนี้ได้พัฒนากลไกอันหลากหลายมาแล้วกว่า 600 ชุด และในวันนี้ เซนิธนำเสนอแนวคิดใหม่อันน่าทึ่งในการจับวัดเวลา ซึ่งรวมไปถึงความแม่นยำถึง 1/100th ของการจับเวลาวินาที ด้วยรุ่น ดีฟาย เอล  พริเมโร 21 (Defy El Primero 21) และมอบมิติใหม่แห่งความเที่ยงตรงของจักรกล ด้วยนาฬิกาอันเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุดในโลก อย่างดีฟาย แล็บ (Defy Lab) แห่งศตวรรษที่ 21 ด้วยสัมพันธภาพอันทรงพลังครั้งใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยประเพณีอันน่าภาคภูมิใจจากแนวคิดอันเปี่ยมด้วยพลังและล้ำสมัย ในวันนี้ เซนิธกำลังเขียนซึ่งอนาคตของตนและอนาคตแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาสวิสแท้เช่นกัน

ลองจินส์ เผยโฉมโมเดลใหม่จากคอลเลกชั่น HydroConquest นาฬิกาสปอร์ตยอดนิยม

ลองจินส์ เผยโฉมโมเดลใหม่จากคอลเลกชั่น HydroConquest นาฬิกาสปอร์ตยอดนิยมที่ได้แรงบันดาลใจจากกีฬาทางน้ำ กับหน้าปัดเฉดสีใหม่พิเศษด้วยขอบตัวเรือนเซรามิกพร้อมเปิดตัวมาริโอ้ เมาเร่อในฐานะ เฟรนด์ออฟลองจินส์ ประเทศไทย

Longines (ลองจินส์) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำโดย ทิพาณัท เลณบุรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และ ปราลี เพชรโรจน์ ไวซ์ เพรสซิเดนท์ (Vice President) ลองจินส์ ประเทศไทย ในเครือบริษัท เดอะ สวอทช์ กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเดอะ ลอนช์ ออฟ ไฮโดรคอนเควสต์ เซรามิก” (The Launch of HydroConquest Ceramic) เพื่อเปิดตัวโมเดลใหม่ในคอลเลกชั่น ไฮโดรคอนเควสต์ (HydroConquest) นาฬิกาสไตล์สปอร์ตที่หลอมรวมความเชี่ยวชาญในองค์ประกอบด้านเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวทันสมัยที่ได้แรงบันดาลใจจากกีฬาทางน้ำ พร้อมหน้าปัดเฉดสีใหม่ พิเศษด้วยขอบตัวเรือนเซรามิกและกระจกหน้าปัดแซปไฟร์กันรอยขีดข่วน เดอะ คิวบ์ แอท เดอะ ริเวอร์ (The Cube at The River) เจริญนคร 13 ที่ได้รับการเนรมิตเสมือนอยู่ท่ามกลางโลกใต้น้ำอย่างยิ่งใหญ่

คอลเลกชั่น ไฮโดรคอนเควสต์ (HydroConquest) เป็นผลงานรุ่นไอคอนของลองจินส์ ที่ยังคงความสง่างามและสร้างเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของแบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ที่หลงใหลในกีฬาทางน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นด้วยมาตรฐานการสร้างสรรค์นาฬิกาทางน้ำเอาไว้ในหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการกันน้ำได้ลึกถึง 300 เมตร ขอบตัวเรือนหมุนได้ทิศทางเดียว ฝาหลังและเม็ดมะยมแบบขันเกลียว กระจกหน้าปัดแซปไฟร์กันรอยขีดข่วนพร้อมเคลือบป้องกันการสะท้อนแสง ตัวล็อคแบบพับสองชั้นเพื่อความปลอดภัยและตัวปรับขยายสำหรับการดำน้ำ (Diving Extension)

จุดเด่นของผลงานนาฬิกาโมเดลใหม่ล่าสุดในคอลเลกชั่นนี้คือ ขอบตัวเรือนบีเซล (Bezel) ทำจากเซรามิก ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยขอบตัวเรือนบีเซลนี้จะมีสีเดียวกันกับหน้าปัดนาฬิกา ก่อให้เกิดเป็นผลงานดีไซน์สไตล์สปอร์ตและมีความทันสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในส่วนของเข็มนาฬิกาและมาร์กเกอร์ต่างๆ บนหน้าปัดได้รับการเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นตัดกับสีของหน้าปัดนาฬิกาที่มาใน 3 สีอย่าง สีเทา, สีดำ และสีน้ำเงิน อีกทั้งสายรัดข้อมือก็ได้รับการออกแบบให้สวมใส่สบายยิ่งขึ้น ทั้งสายสแตนเลสสตีลเป็นแบบขัดเงาและขัดด้านในสไตล์สปอร์ต โดยภายในคอลเลกชั่นนี้มีทั้งตัวเรือนขนาด 41 มม. และ 43 มม. แสดงเวลาแบบสามเข็มพร้อมปฏิทิน และฟังก์ชั่นโครโนกราฟจับเวลา ที่โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพการทำงานและสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว

ภายในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองคอลเลกชั่น ไฮโดรคอนเควสต์ เซรามิก เริ่มต้นขึ้นด้วยการเปิดตัว เฟรนด์ออฟลองจินส์ ประเทศไทย คนล่าสุด มาริโอ้ เมาเร่ออย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยนักแสดงหนุ่มแถวหน้าของเมืองไทยที่ประสบความสำเร็จคนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยสไตล์หรูหราคลาสสิกตามแบบฉบับของลองจินส์อย่างแท้จริง นอกจากนี้บรรดาแขกผู้มีเกียรติยังได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงจาก ดีเจ SKA และดีเจ Jay Sarayu ที่มาสร้างความสนุกสานให้ตลอดทั้งคืน และอีกหนึ่งความพิเศษของปาร์ตี้คือ เครื่องดื่มที่ได้ Worldclass DMHT มารังสรรค์ให้เฉพาะลองจินส์เท่านั้น

 

 

โดยภายในงานได้รับเกียรติจากเซเลบริตี้แถวหน้าและผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาสไตล์สปอร์ตมาร่วมปาร์ตี้กันอย่างคับคั่ง อาทิ ญาณินท์ วีระไวทยะ, กรัชเพชร อิสสระ, พลอยวารินทร์ ทรงปกรณ์, ทองเทพ เทพกาญจนา, ธฤต ภูวนัตตรัย, ทัตวร สุกัณศีล, พริษฐ์ จิตตโรภาส, ปรีดากร เมธเกรียงชัย, พอล สิริสันต์, วีกฤษฏิ์ พลาฤทธิ์, วสุวัส คูหาเปรมกิจ และ อรรถรส ลิปตพัลลภ โดยมี อกนิษฐ์ วิเชียรเจริญ รับหน้าที่พิธีกร

คุณสามารถเป็นเจ้าของนาฬิกาในคอลเลกชั่น HydroConquest ได้แล้วที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.longines.co.th และ www.facebook.com/LonginesThailand

เปิดกรุของสะสมปราสาท วิทยาภัทร์คอลเล็กเตอร์นาฬิกาวินเทจอันดับต้นๆ ของประเทศไทย

ปราสาท วิทยาภัทร์ เจ้าของพิพิธภัณฑ์นาฬิกาข้อมือวินเทจ ปากกา และนาฬิกาพก รวมไปถึงนาฬิกาตั้งโต๊ะ และเครื่องมือช่างวินเทจหลากหลายรายการนั้น จริงๆ แล้วเขาเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิทเทลเลคท์ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องมือวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาเรียนรู้ เรียกได้ว่าเขาไม่มีธุรกิจอะไรเกี่ยวข้องกับวงการนาฬิกาเลย นอกเหนือไปจาก ‘ความรัก’ เท่านั้น

เพราะรักจึงสะสม

“ปกติเวลาใครเข้ามาในห้องนี้จะคิดว่าผมขายนาฬิกา ซึ่งจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้มีอาชีพเกี่ยวข้องกับนาฬิกาเลย” ปราสาทเปิดบทสนทนากับเราพร้อมกับมองไปรอบพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยเรือนเวลาวินเทจด้วยแววตาแห่งความรัก “ผมทำอาชีพเป็นผู้ผลิตเครื่องมือวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เป็นนายกสมาคมผู้ผลิตฯ สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษามาหลายสมัย ส่วนนาฬิกานี้ทำเพราะรัก เพราะชอบเท่านั้น ผมจึงจะบอกทุกคนที่เข้ามาในห้องนี้ว่า อย่าขอ หรืออย่าขอซื้อเลย ไม่อย่างนั้นผมจะลำบากใจมาก” ไม่น่าแปลกใจเลยที่ใครๆ จะคิดว่านาฬิกาในห้องนี้มีไว้เพื่อขาย หรือเก็งกำไร เพราะทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยนาฬิกาวินเทจสารพัดรุ่น หลากหลายยี่ห้อ บางรุ่นเก่าเก็บหายากมากเสียจนพิพิธภัณฑ์ของแบรนด์เองก็ยังไม่เคยเห็น “ผมเลือกเก็บเฉพาะนาฬิกาวินเทจ เพราะแต่ละเรือนจะมีเรื่องเล่า 
มีเรื่องราว เก็บสนุกกว่านาฬิกาใหม่ซึ่งใครมีเงินก็ซื้อได้ และบาง
แบรนด์ก็ผูกพันกับตัวผมมากๆ อย่างเช่น Omega นี่ถือว่าผูกพันมาก 
เพราะเป็นนาฬิกาในฝันของผมสมัยเด็กๆ คือ แบบอยากได้ตั้งแต่ตอนเป็นหนุ่มๆ แล้วไม่มีเงินซื้อไง ก็เริ่มต้นซื้อ Seiko ไปก่อน 
ช่วงประมาณยุค ’70s Omega Dynamic ราคาอยู่ที่สามพันสองร้อยบาท ในขณะที่ Seiko M88 ราคาเรือนละสองร้อยบาท ผมอยากได้ ไปขอเขาผ่อน เขาคิดสามร้อยยี่สิบบาท ผ่อนเดือนละร้อย ก็ยังต้องผ่อนไปตั้งสามเดือน แล้วพอเริ่มมีรายได้ ก็เลยเก็บมาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นคอลเลกชั่นใหญ่ในปัจจุบัน”

ปราสาทเล่าว่า เขาเริ่มเก็บนาฬิกาเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ ก็เมื่อกว่าสี่สิบปีที่แล้ว ช่วงชีวิตที่เขาตกงาน ไม่มีอะไรทำ ก็หยิบจับของเก่าภายในบ้านมาลูบคลำเล่น เอานาฬิกาโบราณของน้าชายมาขัด เปลี่ยนสาย นำมาใส่ “เพราะไม่มีเงินซื้อใหม่ไงครับ” ปราสาทพูดติดตลก​ “แต่พอเอามา
ใส่จริงๆ ก็รู้สึกหลงรัก รู้สึกว่าสวยมาก เลยเริ่มเห็นของเก่าสวย มีคุณค่า 
ในสมัยนั้นคนไทยไม่ค่อยเล่นของเก่าเท่าไหร่นะ ยุคแรกๆ ที่ผมไปเดินดูนาฬิกา Rolex Bubble Back สองกษัตริย์สภาพสวยๆ นี่ ราคาเรือนละ
ไม่ถึงสองพันนะครับ ผมก็อาศัยเก็บตามมีตามเกิด ไม่ได้เน้นของแพงครับ เน้นของที่ชอบ ผมคิดว่า แค่ซื้อมาเพราะชอบ คุณก็ได้กำไรไปแล้วครับ”

คุณค่าอยู่ที่จิตใจไม่ใช่ราคา!

ดังที่ปราสาทเล่าให้เราฟังว่า เขาไม่ได้ให้คุณค่าของนาฬิกาในคอลเลกชั่นผ่านราคาค่าตัว แต่ให้คุณค่าทางด้านความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลัก เขาจึงให้คำแนะนำแก่คอลเลกเตอร์รุ่นใหม่ๆ เสมอว่า อย่าได้ไปคิดจะ
เก็บนาฬิกาเพื่อเก็งกำไร แต่ให้คิดเก็บนาฬิกาที่ชอบ แล้วกำไรจะตามมาเอง “ถ้าพูดกันตรงๆ นะครับ กำไรที่ได้จากการหมุนเวียนนาฬิกานั้น
ส่วนมากตกไปอยู่ที่พ่อค้า ไม่ใช่นักสะสม คุณต้องมองให้ออกว่า นาฬิการุ่นใหม่ๆ นั้น โอกาสที่จะได้ราคามากกว่าตอนซื้อนี่น้อยมาก แต่นาฬิกาวินเทจ
นี่อีกเรื่องหนึ่งนะ เพราะอันนี้อาศัยความยาวนานในการเก็บ คือ ถ้าคุณซื้อนาฬิกามาวันนี้ แล้วรอขายต่ออีกสี่สิบปีให้หลัง ราคาอาจจะขึ้นหลายเท่า แต่คุณจะอยู่ถึงวันนั้นไหมล่ะ” ปราสาทถามด้วยเสียงหัวเราะ “ดังนั้น ถ้าคิดจะเป็นคอลเลกเตอร์นะ ให้เก็บด้วยความรัก รับประกันได้กำไรแน่นอน อย่างแรกก็มีความสุข ได้ชื่นชมของที่ชอบที่อยากได้ อย่าเก็บด้วยความคาดหวังว่าจะทำกำไร เพราะถ้าไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง 
ก็จะทำให้ชีวิตเป็นทุกข์นะครับ”

ปรัชญาการเก็บนาฬิกาด้วยความรักที่ปราสาทยึดมั่นนั้นทำให้เขาไม่ตกเป็น ‘ทาส’ ของของสะสมชุดใหญ่ภายในพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมนี้  เมื่อเราถามเขาถึงวิธีการดูแลรักษานาฬิกาจำนวนมหาศาลเหล่านี้ เขาตอบสั้นๆ ว่า “ผม ‘ดู’ เขา แต่ไม่ได้ไปคอยระวังรักษาเขาครับ ไม่อย่างนั้น
ผมจะตกเป็นทาสของนาฬิกา คือ ผมซื้อนาฬิกามาดู ผมก็มีความสุขแล้ว ถ้าผมต้องมานั่งระมัดระวังนาฬิกาทุกเรือน ชีวิตผมคงจะลำบากแย่ บางครั้งผมหยิบนาฬิกามาใส่ก็ลืมไขลานด้วยซ้ำ สำหรับผมแล้ว นาฬิกาจะเดินตรงหรือไม่ตรง ไม่ค่อยเป็นประเด็นสำคัญนัก ผมแค่มองว่า ผมชอบดีไซน์นี้ ใส่แล้วสวย อยากใส่ก็ใส่เลย ดังนั้น คำตอบของผมก็คือ ผมไม่ได้ดูแลนาฬิกา ผมแค่เดินดูนาฬิกาแล้วมีความสุขก็เท่านั้น ไม่ได้กังวลจนต้องคอยเช็คว่านาฬิกาแต่ละเรือนเดินตรงหรือไม่”

งานศิลปะที่สวมใส่ได้

“ผมชอบงานศิลปะครับ” ปราสาทตอบเมื่อเราถามว่าเขาชอบนาฬิกาอื่นๆ ที่ไม่ใช่นาฬิกาข้อมือด้วยใช่หรือไม่ “ในห้องนี้จะมีงานศิลปะอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนาฬิกาผสมอยู่ด้วย คือ ผมมองงานศิลปะแล้วรู้สึกว่าสวย ผมก็จะเก็บไว้ แต่งานศิลปะชิ้นใหญ่ๆ แบบภาพวาด หรือนาฬิกาติดผนังนั้น ผมมีพื้นที่จำกัด เพราะไม่มีผนังให้ติด ไม่รู้จะไปเก็บที่ไหน ผมจึงเลือกที่จะเก็บงานศิลปะขนาดเล็กลง ก็ได้แก่นาฬิกาข้อมือ นาฬิกาพก นาฬิกาตั้งโต๊ะขนาดเล็ก และปากกาแนววินเทจแต่ในขณะเดียวกัน ผมทำงานเกี่ยวกับช่าง ก็เลยมองเครื่องมือวิทยาศาสตร์โบราณเป็นงานศิลปะไปด้วยครับ”

นอกเหนือไปจากนาฬิกาข้อมือ และของสะสมอื่นๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้คอลเลกชั่นในห้องนี้สมบูรณ์แบบขึ้นอีกหลายเท่าตัว ก็ได้แก่
แอ็กเซสเซอรี่ต่างๆ เกี่ยวกับนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นถาด ฐานตั้ง กล่อง ใบรับประกัน และอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งปราสาทเองก็บอกว่า บางครั้ง การ ‘เสาะ’ แสวงหาของเหล่านี้นั้นก็ต้องอาศัยความบังเอิญและพรหมลิขิตเป็นตัวชักพา “การเก็บของเหล่านี้ทำให้เราสนุกขึ้น เพราะการที่เราเอานาฬิกา Rolex ไปใส่บนฐาน Rolex ที่ถูกยุคถูกสมัย ทำให้นาฬิกาดูดีขึ้น และก็ดีต่อจิตใจเราด้วย อย่างฐานของ TAG Heuer แบบโบราณผมก็มีอยู่สองสามชิ้นเท่านั้น ถ้ามีโอกาสเจอ ผมจะซื้อเสมอ นี่รวมถึงกล่องโบราณ ใบรับประกันโบราณ และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ด้วยนะครับ เพราะทำให้การสะสมของผมนั้นสนุก และมีเรื่องราวมากขึ้น”

เรื่องราวแห่งความผูกพัน

“นาฬิกาเรือนแรกที่ผมเก็บนี่ ไม่มีชื่อหรือเป็นที่รู้จักเลยครับ ยี่ห้อ Prely ซึ่งในปัจจุบันก็ไม่มีแล้ว เป็นนาฬิกาของน้าชายที่ยกให้พี่ชายผม เมื่อพี่ชายผมซื้อเรือนใหม่ ก็ทิ้งเรือนนี้ไว้ ผมก็เอามาใส่เล่นช่วงตกงาน ก็รู้สึกชอบทันที หน้าปัดแตกลายงา และขึ้นราตามอายุ ดูสวย และคลาสสิกสุดๆ ครับ” และด้วยความผูกพันดังกล่าวนั้น ทำให้ปราสาทเริ่มต้นการสะสมนาฬิกาด้วยความรักอย่างจริงจัง และดังที่เขาเน้นย้ำไว้หลายต่อหลายครั้งว่า การเก็บสะสมของเขานั้นเริ่มต้นจากความรัก ดังนั้น ความรักจึงกลายเป็นแรงผลักดันให้เขาเก็บสะสมมาจนถึงทุกวันนี้ “มีคนถามผมเสมอว่า มีอะไรค้างคาใจไหมกับการสะสม ผมตอบได้เลยว่า ไม่มีแล้ว เมื่อก่อนผมมี
ความฝันที่จะได้ Omega, Rolex และ TAG Heuer บางรุ่นซึ่งในปัจจุบันผมก็ตามเก็บได้หมดแล้ว Rolex Bubble Back ตัวที่ผมคิดว่าสวยที่สุด
ในประเทศไทยก็อยู่กับผมแล้ว  Corum Saddam Hussein เรือนเดียวในโลกก็ยังโคจรมาเจอผมจนได้ ส่วน Corum Rolls-Royce นี่นายช่างใหญ่ของ Corum จากสวิตเซอร์แลนด์ก็บอกให้มาดูของจริงที่ผม  เรียกได้ว่าผมมีครบหมดแล้วล่ะ แต่ในกรณีที่เดินไปเจอบางเรือนแล้วอยากได้ อันนี้ถือเป็นเรื่องไม่คาดคิด ไม่นับนะครับ” ปราสาทจบบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม

แม้จะออกตัวว่าไม่มีอะไรค้างคาในใจแล้ว แต่ปราสาทก็ยืนยันว่าเขาจะไม่หยุดสะสมนาฬิกา “ก็หยุดไม่ได้จริงๆ นะครับ ทุกครั้งที่เห็นก็จะคิดว่า เอาไปเพิ่มอีกสักนิดแล้วกัน บางทีซื้อมาเพิ่ม เอามาวางในตู้นาฬิกานี่ก็กลืนหายไปเลย ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเพิ่มขึ้น ผมก็เข้าใจปรัชญาตัวนี้
จนถึงขั้นเขียนติดไว้ที่โต๊ะทำงานว่า ถ้ามีนาฬิกาอีกสักเรือนหรือสองเรือนเพิ่มขึ้น จะทำให้สถานภาพเราแตกต่างไปจากวันนี้ไหม คำตอบก็คือ
ไม่หรอก ก็เท่านี้แหละ สถานภาพก็เท่านี้แหละไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้แล้ว แต่ก็อย่างที่บอก เป้าหมายของผมไม่ใช่การทำกำไรจากนาฬิกา 
แต่คือความสุขที่ได้จากการสะสม ผมเลือกสะสมสิ่งที่ผมมีความสุข และนั่นก็เป็นกำไรสูงสุดของชีวิตแล้วครับ”

SEIKO เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ไทยคนแรก

ครบรอบครึ่งศตวรรษของ SEIKO ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเฉลิมฉลองความสำเร็จของ Prospex Series Sea นาฬิกาดำน้ำที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากเมื่อปีที่แล้วด้วย SEIKO Zimbe รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ผลิตขึ้นมาเพื่อขายในประเทศไทยเท่านั้น

DSCF1433

ด้วยคอนเซ็ปต์ “Move Your Adventurous Mind Further: ให้ใจไปไกลกว่าเคย” ไซโกได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ (ซึ่งคือ “ฉลามวาฬ” ในภาษาญี่ปุ่นว่า Jinbei Zame) ที่ถือเป็นนักเดินทางแห่งท้องทะเล เพราะมันไม่เคยหยุดว่ายน้ำเลยแม้ช้่วเวลานอน จึงทำให้ช่วงชีวิตของฉลามวาฬนั้นเดินทางรอบโลกมากกว่า 25 รอบ นับเป็นระยะทางกว่าล้านกิโลเมตร ออกมาเป็นเรือนเวลาที่ยังคงเอกลักษณ์ของไซโกด้วยดีไซน์สุดคลาสสิก ตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง ใช้เทคนิคผิเศษในการผลิต Honing Finish ขอบตัวเรือนเซาะร่องให้คล้ายเกลียวคลื่น เครื่องหมายแสดงหลักชั่วโมงเคลือบด้วยสารเรืองแสง สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้ในสภาวะแสงน้อย บนหน้าปัดสีเทาที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากสีของฉลามวาฬ

DSCF1559

นอกจากนั้น ไซโกยังเปิดตัว “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” แบรนด์แอมบาสเดอร์คนไทยคนแรกของแบรนด์ ด้วยภาพลักษณ์และลุคของผู้ชายรักอิสระและรักการผจญภัย มีจิตวิญญาณของการเดินทางอยู่ในตัวเอง และสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้ ไม่แตกต่างจากคอนเซ็ปต์หลักของนาฬิการุ่นนี้

EL(01)-0017

ร่วมออกเดินทางไปกับอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม และ Zimbe ได้ที่ www.seikozimbe.com

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook: SeikoClub และ www.seiko.co.th

นี่คือเรือนเวลาที่ออกแบบให้หน้าปัดมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยสีสันและหลุดออกจากกรอบเดิมที่เคยเป็น

Playful Dials

หมดเวลาของการผลิตนาฬิกาที่ดูเรียบร้อย ตัวเรือนเล็กๆ สีทอง กับเข็มนาฬิกาสองเข็ม นี่คือเรือนเวลาที่ออกแบบให้หน้าปัดมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยสีสันและหลุดออกจากกรอบเดิมที่เคยเป็น

time + TECHNO • HYT • รุ่น « Skull Red Eye »

HYT - Skull Red Eye_w1

นาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชั่นรุ่นนี้มีเพียง 25 เรือน HYT ออกแบบนาฬิกาข้อมือระบบไฮโดรเมคานิครุ่นแรก ที่มีหน้าปัดไม่เหมือนใคร ใช้กลไกไขลานสำรองพลังงานได้ 25 ชั่วโมง ตัวบ่งชี้ชั่วโมง นาที วินาที และแม้แต่พลังงานสำรองวัดได้จากระดับของเหลวที่อยู่ในหลอดทรงหัวกะโหลก กันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร ตัวเรือนคาดด้วยสายหนังแท้

Time + E.T. • Jaeger-LeCoultre • รุ่น « Master Calendar Meteorite »

Jaeger-LeCoultre - Master Calendar(2)_w1

Jaeger- Le Coultre รุ่น Master Calender ใช้เครื่องระบบกลไกอัตโนมัติ Calibre 866 โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่ทำจากหินอวกาศ ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 39 มิลลิเมตร แสดงเวลาชั่วโมง นาที วินาที วันในสัปดาห์ วันที่ เดือน และข้างขึ้นข้างแรม คาดด้วยสายหนังจระเข้พร้อมบานพับสเตนเลสสตีล สำรองพลังงานได้นาน 43 ชั่วโมง

time + VOYAGE • Louis Vuitton • รุ่น « Escale Time Zone »

Louis Vuitton - Escale Time Zone(3)_w1

แรงบันดาลใจจากคอลเล็กชั่น “Escale” ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะจากนาฬิการุ่น “Worldtime” ทำให้หน้าปัดนี้ถูกออกแบบซ้ำให้เป็นแผ่นทรงกลมลงสีด้วยมือ และแสดงไทม์โซนที่แตกต่างกันของเมืองสำคัญทั่วโลก ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 39 มิลลิเมตร ใช้เครื่องกลไกอัตโนมัติ รุ่น LV 87 สำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง คาดด้วยสายหนัง กันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร

time + FASHION • Ralph Lauren • รุ่น « RL67 Safari »

Ralph Lauren Safari_w1

นาฬิกา รุ่น RL67 บนสายหนังสีน้ำตาลเรือนนี้ ตัวเรือนผลิตจากวัสดุสเตนเลสสตีลสีดำลายสนิม ด้านในบรรจุเครื่องกลไกอัตโนมัติ Calibre RL300-1หน้าปัดลายพรางแบบทหารขนาดตัวเรือน 45 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 100 เมตรและบอกเวลาชั่วโมง นาที และวินาที เป็นสไตล์นักผจญภัยและนักกีฬาที่แท้จริง

time + JOAILLIRE • Bvlgari • รุ่น « Diagono Magnesium »

102307_DG41C14SMCVD-DIAGONO

“Diagono Magnesium” นาฬิกาข้อมือสัญชาติอิตาเลียนจากแบรนด์ Bvlgari ที่ใช้เครื่องกลไกอัตโนมัติ บอกเวลาชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ นาฬิกาเรือนนี้ใช้ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 41 มิลลิเมตร เคลือบ PVD สีดำ คาดด้วยสายยางวัลกาไนซ์สีดำพร้อมตัวล็อกสายแบบกลัด ด้วยดีไซน์อันดุดันและการผสมผสานอย่างลงตัวทำให้นาฬิกาออกมาในมาดสุดเข้ม

LA + MINRALE . Romain Jerome . รุ่น « 1969 Heavy Metal Blue Silicium »

RJ.M.AU.020

หน้าปัดซิลิคอนที่เป็นเอกลักษณ์ เคลือบผิว PVD สีน้ำเงิน บนตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 43 มิลลิเมตร สร้างสไตล์ทันสมัยและสง่างาม ใช้เครื่องระบบกลไกอัตโนมัติ Calibre RJ003-A เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นที่มีเพียง 99 เรือนเท่านั้น สำรองพลังงานได้ 40 ชั่วโมง กันน้ำได้ลึก 30 เมตร คาดด้วยสายหนังสีดำ บอกเวลาชั่วโมง นาที และมีตัวบอกวินาทีบริเวณ 9 นาฬิกา

Content by Editorial Team

การรับประทานอาหารนอกบ้านอาจจะเป็นที่นิยม แต่เชื่อเถอะยังมีคนอีกมากโหยหาการปรุงอาหารที่เอาใจใส่ลงไปด้วย

Cooking Time

แม้การรับประทานอาหารนอกบ้านหรืออาหารปรุงสำเร็จจะเป็นที่นิยม เพราะสะดวก ประหยัดเวลา และมีตัวเลือกหลากหลาย แต่เชื่อเถอะว่า ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่โหยหาฝีมือการปรุงอาหารแบบที่เติมความเอาใจใส่ของคนทำลงไปด้วย การทำอาหารเองนอกจากที่เพิ่มเสน่ห์ให้คนทำแล้ว ผลลัพธ์ยังดีต่อสุขภาพ เพราะเราสามารถเลือกสรรวัตถุดิบได้เอง แถมยังหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อน เช่น ผงชูรส ซึ่งทำลายสุขภาพ คงถึงเวลาแล้วล่ะที่ผู้ชายอย่างเราๆ จะหันมาทำอาหารเอง หรือไม่ก็ทำเอาใจหวานใจที่บ้านก็ดีเหมือนกัน แต่ก่อนจะลงมือทำตามสูตร (ที่หาได้ง่ายมากในอินเตอร์เน็ต) เราขอแนะนำ 3 เคล็ดลับทำอาหารสำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้าครัว

8L1A2490

Freshness is the Key

ความสดของวัตถุดิบเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายความอร่อยของอาหาร

1) หมู เนื้อ ไก่ ให้สังเกตดูสีของเนื้อซึ่งจะต้องเป็นสีชมพูหรือแดงสด ไม่ช้ำเขียวเป็นเมือก

2) อาหารทะเล ปลาจะต้องตาใสไม่ขุ่น เมื่อจิ้มบริเวณลำตัวแล้วไม่ยุบ ถ้าเป็นกุ้งให้สังเกตหากบริเวณหัวกุ้งหลุดจากลำตัวง่ายแปลว่าไม่สด ห้ามซื้อเด็ดขาด !

3) ผัก ผลไม้จะต้องมีสีสด ไม่เหี่ยวช้ำ เมื่อซื้อมาแล้วทางที่ดีที่สุดให้แช่น้ำเกลือไว้สักครึ่งชั่วโมงเพื่อล้างสารพิษ

Perfect Heat

ระดับความร้อนของกะทะหรือหม้อถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญสู่อาหารที่อร่อย แม้ในปัจจุบันเราหันมาใช้เตาไฟฟ้าซึ่งควบคุมความร้อนได้ง่าย แต่การปรับระดับนั้นยังคงต้องอาศัยความช่ำชองของคนทำ สิ่งที่คุณจะต้องจำไว้ คือ

1) หากทำอาหารไทยหรือจีน เช่น ข้าวผัด หรือไข่เจียว เตาจะต้องร้อนจัด สังเกตได้จากควันที่จะระอุขึ้นหลังใส่น้ำมันลงไปสักพัก เมื่อใส่วัตถุดิบลงไปแล้วจึงจะลดความร้อนลงได้

2) หากเป็นอาหารฝรั่ง ไม่จำเป็นต้องเร่งไฟแรงเสมอไป เมนู เช่น ออมเล็ต จะต้องใช้ไฟต่ำเพื่อมิให้ไข่สุกจนเกินไป

3) หากเป็นของต้มจะต้องดูให้น้ำเดือดก่อนจึงจะใส่วัตถุดิบลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซุปขุ่นหรือมีกลิ่นคาว

8L1A2529

To Dine is to Socialise

แม้การทำอาหารเองจะเปิดโอกาสให้คุณสนุกไปกับตัวเอง แต่เมื่อทำเสร็จแล้วคุณอาจชวนเพื่อนหรือหวานใจมารับประทานไปด้วยกัน ข้อนี้จะทำให้อาหารที่คุณทำอร่อยขึ้นอีกเป็นกอง แต่ระวังหน่อยเพราะมื้อง่ายๆ ที่ใช้เวลารับประทานเพียง 15 นาทีอาจเพลิดเพลินกับบทสนทนาจนกลายเป็น 2 ชั่วโมงไม่รู้ตัว วิธีแก้ก็คงจะเป็น Guess Watch นาฬิกาที่สวมใส่ง่าย เหมาะกับทุกสถานการณ์ ให้คุณใส่ทำอาหารหรือดูเวลา ไม่ให้สนุกสนานจนลืมเวลาทำงานไป

Sponsor Content by Guess Watch

ถึงเวลา Take A Break! เพราะคุณอาจจะไม่รู้ว่าการพักผ่อนนั้นสำคัญแค่ไหน

ผลวิจัยจาก Draugiem Group ระบุว่า การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต้องพักนาน 17 นาทีทุก ๆ 52 นาที ของการทำงาน ผลวิจัยนี้ตอบรับกับกระแสการทำงานในยุคใหม่ที่เน้นผลลัพธ์ของตัวงานมากกว่าระยะเวลา แม้สมัยก่อนเราอาจยกนิ้วให้คนขยันที่ตื่นมาทำงานก่อนเพื่อนและกลับเป็นคนสุดท้าย แต่มาตรฐานนี้กำลังเปลี่ยนไป ยกตัวอย่าง เช่น ประเทศสวีเดน หลายบริษัท เช่น โตโยต้า สวีเดน เริ่มปรับเวลาทำงานให้เหลือเพียง 6 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้ผู้คนมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น ก่อให้เกิดความสุขซึ่งจะมีผลดีต่อการทำงาน หลังจากปรับแก้เวลาก็พบว่า พนักงานมีความสุขขึ้น และผลกำไรของบริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างอัศจรรย์

take a break

แต่คุณควรทำอะไรระหว่าง 17 นาทีสั้น ๆ แห่งการพักผ่อนในออฟฟิศล่ะ ? เราขอเสนอ 3 วินาทีผ่อนคลายร่างกายสำหรับคนบ้างานอย่างเรา !

Green for Good

สีเขียวจะช่วยผ่อนคลายดวงตา คุณอาจเอาต้นไม้เล็ก ๆ มาวางไว้บนโต๊ะ หรือลุกออกไปมองทัศนียภาพนอกหน้าต่าง (ที่น่าจะพอมีต้นไม้ให้เห็น)

Exercising

ท่าบริหารร่างกายอย่างง่ายเพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อ ที่เกร็งโดยไม่รู้ตัวเวลาพิมพ์งานอย่างขมักเขม้น

1) ยกไหล่ขึ้นลง ช่วยบริหารไหล่และคอ

2) สบัดมือ เพื่อบริหารนิ้วและข้อมือ

3) หมุนเอวเพื่อบริหารหลังช่วงล่าง

Music Therapy

การฟังเพลงจะช่วยลดความเครียด ปรับความสมดุลให้ความดันโลหิต ฟื้นฟูความจำ และเพิ่มความแข็งแรงให้ภูมิคุ้มกัน

Last picture 2

แต่ความวิบัติจะมาเยือนหากคุณสนุกกับช่วงเวลาพักจนลืมเวลาและงานไม่เสร็จ ! นาฬิกาข้อมือจาก Guess ช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ดีที่สุด นอกจากจะบอกเวลาได้อย่างแม่นยำแล้ว ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่ดูเรียบหรูทันสมัย เหมาะกับการสวมใส่ในทุกโอกาส และเปิดโอกาสให้คุณแสดงตัวตนได้อย่างเต็มที่ เห็นทีจะต้องรีบไปเป็นเจ้าของนาฬิกา Guess แล้วมาพักผ่อนอย่างเต็มที่กันเถอะครับ

Last picture 1

Sponsor Content by Guess Watch

เชื่อมต่อโลกอิสระของคุณให้ง่ายขึ้นด้วยสมาร์ทวอทช์จาก Guess

ความทันสมัยของเทคโนโลยีกำลังเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีวันหยุดและพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้กับคุณตลอดเวลาและนี่คือ Guess Connect Powered By Martian

guessconnect_fb

ตัวเรือนสเตนเลสสตีลสีทองตัดกับขอบหน้าปัดสีน้ำเงิน สวมใส่ด้วยสายหนังแท้ ใช้เครื่องแบบควอตช์จากญี่ปุ่น โดยนาฬิกาเรือนนี้เป็นการจับมือกันระหว่างแบรนด์แฟชั่นแบรนด์แรกที่จับตลาดสมาร์ทวอทช์อย่าง Guess กับทาง Matian Watches เพื่อพัฒนาฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เหมาะสมกับการใช้ในชีวิตประจำวัน มีฟังก์ชั่นระบบสั่งการด้วยเสียงพร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนภายนอก จอแสดงผลบนหน้าปัดแบบ OLED ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน รองรับการเชื่อมต่อทั้งระบบ IOS และ Android นับว่าเป็นนวัตกรรมที่ผนวกแฟชั่นและเทคโนโลยีไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มีจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ CentralWorld, Central Lardprao และ Siam Paragon ราคาเริ่มต้นที่ 14 , 900 บาท

The Act of Art

‘งานศิลป์’ บนข้อมือก้าวล้ำไปอีกขึ้น
จะเกิดอะไรขึ้นถ้า ‘ศิลปะ’ ยอมจำนนให้กับ ‘ระบบพาณิชย์’ ในสักวันหนึ่ง อย่างที่นักคิดมากมายเคยหวั่นเกรง แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คงยังไม่ถึงกาลปาวสาน เพราะแบรนด์นาฬิกาชั้นนำ ได้ต่อยอดงานคิดสร้างสรรค์ ผลิตนาฬิกาที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางศิลปะ ที่ไม่ใช่งานปั๊มแนวอุตสาหกรรมนะครับ จะได้งอกมาทีละพันเรือน

Watch 2

Bulgari ส่งเรือนเวลารุ่น Commedia dell’ Arte (กอมเมเดีย เดลลาร์เต) นับเป็นงานผสมผสานชั้นยอดในระดับซับซ้อน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะการละครสวมหน้ากากสไตล์คณะละครเร่ของอิตาลีช่วงศตวรรษที่ 16 ตัวละครชื่อดังสามชีวิตได้รับการติดตั้งบนหน้าปัดนาฬิกาอย่างงดงาม และเมื่อฆ้องของระบบ Minute Repeater เริ่มทำงาน ตัวละครทั้งหมดจะขยับเขยื้อนอย่างมีชีวิตอยู่หน้าฉากหลังที่เป็นประสาทสไตล์อิตาเลียน

Watch 9

ศิลปะงานลงยากรองด์ เฟอ (Grand Feu) หรืองานลงยาด้วยการเผา ซึ่งเกือบหายสาบสูญไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ได้ถูกพลิกฟื้นตำนานขึ้นอีกครั้ง เพื่อสร้างสรรค์ Ralph Lauren Stirrup Enamel Watch (ราล์ฟ ลอเรน สเตอร์รัพ อินาเมล วอทซ์) ที่ผลึกคริสตัลสีจะถูกบดเป็นผงละเอียด ผสมเข้ากับน้ำกลั่น เพื่อสร้างสารเหลวสำหรับการลงยาที่ใช้วาดลงบนแผ่นโลหะล้ำค่าบนหน้าปัด จากนั้นชั้นต่างๆจะถูกบรรจงวาดเติมไปพร้อมกับการเผาที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส ด้วยความพิถึพิถันสูงสุด ซึ่งถ้าเกิดการผิดพลาดจำเป็นต้องทิ้งและสร้างใหม่ เพื่อสร้างสรรค์รายละเอียดของลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของ ราล์ฟ ลอเรน ชั่วขณะอันทรงพลังในสนามโปโล่ก่อนที่ไม้จะปะทะกับลูกบอล ซึ่งประกอบไปด้วยสีสันที่แตกต่างกันถึง 15 สี ที่ศิลปินต้องบรรจงตวัดปลายพู่กันจิ๋วเท่าเส้นผมวาดลงบนภาพด้วยสีลงยาภายใต้กล้องขยายกำลังสูง

Watch 4

เปกาซัสเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความรู้และปัญญา (เข้ากับปีม้าพอดี) นาฬิการุ่น 50s Presidents’ Cricket “Pegasus in the sky” จาก Vulcain ใช้เทคนิคการทำหน้าปัดแบบกรองด์ เฟอ คลัวซอนเน่อนาเมล อันเหนือชั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งความล้ำลึกทั้งในด้านของสี พื้นผิวและแสงเงา โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากหลังสีฟ้าสดอันเปล่งปลั่งนั้น เครื่องนาฬิกาแบบอินเฮ้าส์ชุปโรเดียมที่บรรจุอยู่ในตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18 กะรัต มีกลไกคริกเก็ตอลาร์ม อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งสามารถส่งเสียงปลุกได้เป็นเวลากว่า 20 วินาที หากเจ้าของนาฬิกาสั่งทำงาน

Watch 55

Parmigiani Fleurier นาฬิการุ่น Pershing Samba Madeira ดีไซน์ทูร์บิญงซ้อนทับลงบนลวดลายกีต้าร์ ซึ่งตกแต่งด้วยแผ่นไม้ขนาดบาง ตัวเรือนไทเทเนียม สายหนังสีน้ำเงิน ขอบตัวเรือนทองทำงานด้วยกลไกขึ้นลานด้วยมือ เป็นนาฬิกาที่มีลวดลายวินเทจแต่แฝงด้วยความน่าค้นหาไว้อย่างเต็มเปี่ยม

Watch 6

การหลอมรวมระหว่างศาสตร์แห่งการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม เข้ากับศาสตร์แห่งงานหัตถกรรมอันวิจิตร ของ Ulysse Nardin กับรุ่น Jazz Minute Repeater งดงามด้วยการสลักภาพนักดนตรีทั้ง 4 คน กำลังบรรเลงเพลง ทำขึ้นจากทอง 18 กะรัตฝังลงบนหน้าปัดสีดำออนิกซ์สองเข็ม ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ UN-74 ตัวเรือนทำจากแพลตินัม ขนาด 42 มิลลิเมตร บุกระจกแซฟไฟร์กันสะท้อนทั้งตัวเรือน มาพร้อมกับสายหนังสีดำที่ขับให้นักดนตรีดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น