Posts

Presage ร่วมยกย่อง 110 ปีการผลิตนาฬิกาของ Seiko ผ่านคอลเลกชัน Craftmanship สุดยอดงานฝีมือระดับปรมาจารย์ของญี่ปุ่น

ประวัติศาสตร์ของ Seiko เริ่มต้นขึ้นในปี 1881 เมื่อ Kintaro Hattori (คินทาโร ฮัตโตริ) เปิดร้านซ่อมและขายนาฬิกาในกินซ่า และในปี 1913 บริษัทของเขาก็ได้ผลิตนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของญี่ปุ่นขึ้นคือรุ่น Laurel (ลอเรล) และได้พัฒนาศิลปะการผลิตนาฬิกาอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ มา ทั้งในด้านเทคโนโลยีและงานฝีมือ

วันนี้ นาฬิการุ่นพิเศษ 4 เรือนเข้าร่วมกับครอบครัว Presage Craftsmanship Series (พรีสาจ คราฟส์แมนชิพ ซีรีส์) และร่วมฉลองวาระครบรอบ 110 ปีการผลิตนาฬิกาของ Seiko แต่ละเรือนสะท้อนถึงงานฝีมือดั้งเดิมของญี่ปุ่นผสมผสานกับทักษะความเชี่ยวชาญด้านกลไกจักรกลของ Seiko รังสรรค์ความสมดุลแห่งความงามและความเที่ยงตรงอันเปี่ยมเอกลักษณ์

Presage Craftsmanship Series ฉายความงามแห่งงานฝีมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นผ่านหน้าปัดนาฬิกาสีสันสดใส ด้วยงานฝีมือที่แตกต่างแต่ละอย่างจากทั้งหมด 4 อย่าง โดยช่างระดับปรมาจารย์และทีมของเขาได้แสดงให้เห็นถึงทักษะความอุตสาหะที่จำเป็นต่อการฝึกฝนเทคนิคของพวกเขาลงบนพื้นหน้าปัดขนาดเล็กของ Seiko Presage สำหรับผลงานชุดพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองครั้งนี้ Seiko ได้นำเสนอนาฬิกา Presage ผลิตจำนวนจำกัด โดยแต่ละรุ่นแตกต่างกันใน 4 วัสดุและเทคนิคอันประกอบด้วย: อีนาเมล (Enamel) การเคลือบสีลงยา, การเคลือบแลกเกอร์แบบอุรุชิ (Urushi lacquer), หน้าปัดกระเบื้องเคลือบจากเทคนิค อะริตะ พอร์ชเลน (Arita porcelain) และ งานเคลือบอีนาเมลแบบชิปโป (Shippo enamel)

รูปลักษณ์ใหม่สำหรับ Presage Craftsmanship Series

นาฬิการุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ใช้ตัวเรือนรูปทรงใหม่ที่มาพร้อมขอบมุมที่ประณีตและสัดส่วนที่งามสง่า โครงสร้างตัวเรือนนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเน้นหน้าปัดที่ได้รับการสร้างสรรค์ด้วยงานฝีมืออันยอดเยี่ยม ในขณะเดียวกันก็ยังมีความบางกว่าเมื่ออยู่บนข้อมือ หน้าปัดแต่ละแบบได้รับการออกแบบใหม่โดยใช้ตัวเลขโรมันสลับกับอินเด็กซ์ มอบรูปลักษณ์ใหม่ให้กับซีรีส์นาฬิกาในสไตล์เดรสวอชท์ที่คุ้นเคย ต้องขอบคุณกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโค้งคู่ที่ผนึกด้านบน ทำให้หน้าปัดจึงดูใกล้ขึ้นและอ่านค่าง่ายยิ่งขึ้น ทั้งยังนำเสนอลักษณะที่โดดเด่นอย่างแท้จริงให้กับงานฝีมือที่รังสรรค์บนหน้าปัดเหล่านี้

หน้าปัดลงยาอีนาเมลสีขาวที่คงความสวยงามได้อย่างยาวนานเหนือกาลเวลา

เครื่องเชินอุรุชิ เป็นศิลปะการตกแต่งที่มีอายุยาวนานหลายศตวรรษ ซึ่งมีความหมายเช่นเดียวกับงานฝีมือของญี่ปุ่น โดยทั่วไปจะพบได้บนวัตถุประณีตที่มีคุณภาพสูง เช่น ชามซุปหรือเฟอร์นิเจอร์ อุรุชิมีชีวิตขึ้นอีกครั้งบนหน้าปัดนี้ ด้วยวิธีการใหม่ที่ใช้ได้บนพื้นผิวที่เรียบ สีน้ำตาลทองแดงได้แรงบันดาลใจจากทิวทัศน์ของถนนคานาซาว่า เมืองที่มีชื่อชวนฟังซึ่งแปลว่า “บึงทอง” ตั้งอยู่ในจังหวัดอิชิกาวะ (Ishikawa) ที่นั่น Isshu Tamura (อิสชู ทามูระ) ปรมาจารย์ด้านอุรุชิ และทีมงานของเขาได้ใช้เทคนิคต่างๆ ในการสร้างเครื่องเขินด้วยเทคนิคเคลือบแลกเกอร์คแบบอุรุชิที่โดดเด่นที่สุดในญี่ปุ่น เช่นเดียวกับนาฬิกาหน้าปัดลงยาสีขาว การสร้างสรรค์หน้าปัดด้วยเทคนิคอุรุชิแลกเกอร์มาพร้อมการขับเคลื่อนของกลไกจักรกล คาลิเบอร์ 6R24 และประกอบกับสายหนังสีน้ำตาลเข้ม

ภาพถนนดั้งเดิมของคานาซาว่า (Kanazawa) มีชีวิตชีวาด้วยเทคนิค Urushi lacquer

หน้าปัดสีงาช้างใหม่นี้นำพาผู้สวมใส่ไปยังทุ่งหินเซรามิกอิซุมิยามะ (Izumiyama Ceramic Stone Field) ในอะริตะ เมืองเล็กๆ ในเขตจังหวัดซากะ (Saga) ที่ที่เครื่องลายครามของญี่ปุ่นเป็นเสมือนวิถีชีวิตของชาวเมือง หลังจากผ่านประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 400 ปี Hiroyuki Hashiguchi (ฮิโรยูกิ ฮาชิกูชิ) ช่างฝีมือระดับปรมาจารย์ และทีมของเขาได้สร้างสรรค์หน้าปัดด้วยกระบวนการแบบหลายขั้นตอนที่ต้องใช้ทักษะและความอดทนอย่างสูง กับการเผาในเตาเผาที่ร้อนระอุหลายครั้งเพื่อรักษาสีสันสดใส พื้นผิวและความลึก ให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน

กลไกที่ใช้กับนาฬิการุ่นนี้คือกลไกทรงประสิทธิภาพของ Seiko คาลิเบอร์ 6R27 ที่มาพร้อมหน้าปัดย่อยแสดงวันที่ที่ 6 นาฬิกา และมาตรวัดพลังงานสำรองที่ 9 นาฬิกา ประกอบสายหนังสีน้ำตาลเข้ม

ผสมผสานขนบธรรมเนียมดั้งเดิมและเทคนิคผ่านเครื่องลายครามอะริตะ (Arita porcelain)

หน้าปัดสีน้ำเงินเข้มของหน้าปัดนี้ชวนให้นึกถึงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ จึงดูเหมาะสมแล้วที่ศิลปะของ Owari Shippo (อาวาริ ชิปโป) จึงดูเหมาะสมที่ศิลปะของ Owari Shippo (โอวาริ ชิปโป) ซึ่งได้รับการจุดประกายบนแผ่นจานสีน้ำเงินจากประเทศเนเธอร์แลนด์ส่งมาถึงญี่ปุ่นเมื่อร้อยกว่าปีก่อนโดยทางทะเล นับจากนั้นงานฝีมือนี้ก็พัฒนาขึ้นในแบบของญี่ปุ่น

สิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับชุดอีนาเมลชิปโปก็คือวิธีการขัดเงาหลังจากการเผา กระบวนการนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากหน้าปัดนาฬิกาแต่ละชิ้นมีความหนาเพียง 1 มิลลิเมตร ช่างฝีมือระดับปรมาจารย์  Wataru Totani (วาตารุ โททานิ) และทีมงานของเขา ทำกระบวนการหลายขั้นตอนซ้ำหลายครั้งในการเคลือบพื้นผิวหน้าปัดด้วยมือ นำไปเผาและนำมาขัดเงาพื้นผิว เพื่อสร้างรูปคลื่นที่โดดเด่นออกมา แม้หน้าปัดจะบางแต่ก็มีความลึกที่มองเห็นได้ง่าย เหมือนกับมหาสมุทรที่เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ

ทะเลสีน้ำเงินเข้มปรากฏขึ้นด้วยเทคนิค Shippo enamel

นาฬิกาทั้ง 4 รุ่นจะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 เป็นต้นไป ที่บูติก Seiko และตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการคัดเลือกทั่วโลก Seiko Presage Craftsmanship Series Enamel Dial Limited Edition รหัส SPB393, Seiko Presage Craftsmanship Series Urushi Lacquer Dial Limited Edition รหัส SPB395 และ Seiko Presage Craftsmanship Series Arita Porcelain Dial Limited Edition รหัส SPB397 ผลิตจำนวนจำกัดเพียงคอลเลกชันละ 1,500 เรือนทั่วโลก ส่วน Seiko Presage Craftsmanship Series Shippo Enamel Dial Limited Edition รหัส SPB399 ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 800 เรือนทั่วโลก

rhunrun เรียบเรียง

ออกไปใกล้ชิดธรรมชาติแบบมีสไตล์กับ SEIKO 5 SPORTS คอลเล็กชั่น “Outdoorsy Style”

คอลเลกชั่นใหม่จาก SEIKO 5 SPORTS ที่มาพร้อมไอเดียมิกซ์แอนด์ แมตช์กับ Camping outfits ให้ออกไปใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติแบบมีสไตล์

หลังจากที่ไซโก ไฟว์ สปอร์ต ได้เปิดตัว Field/Military Collection ไปเมื่อปี 2021นาฬิกาสำหรับนิวเจน​ ที่ชื่นชอบและหลงไหลการออกไปผจญภัย ไม่ว่าจะ Camping, Hiking หรือ Trekking โดยแน่นอนว่านอกจากความสนุกสนานของกิจกรรมต่างๆเหล่านี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือสไตล์การแต่งตัวแบบคูลๆ เก๋ๆ และแมตช์กับ Accessories ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งดีไซน์และฟังก์ชั่นได้อย่างลงตัว โดยในปี 2023 นี้ เราอยากแนะนำไอเท็มรุ่นใหม่ติดข้อมือจากSeiko 5 sports มาให้มิกซ์ แอนด์ แมตช์กันให้เป็นลุค แคมป์เปอร์ สุดคูลไปเลย

SEIKO 5 SPORTS Field Mid-Size “Outdoorsy Style” รุ่นใหม่ปี 2023 ยังคงกลิ่นอายคอนเซปต์ของความเป็นสายแคมป์ปิ้งเอาไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือลุคที่ตอบโจทย์หนุ่มๆ สาย Chillaxing (มาจาก Chill และ Relax) ที่ทั้งรักในกิจกรรมแนวแคมป์ปิ้ง เอาท์ดอร์ แต่ก็ยังอยากได้ Total look ที่ยังคีปคูลได้แบบเท่ๆและดูดีมีสไตล์ ด้วยคู่สีแนวเอิร์ธโทน ที่สามารถแต่งตัวได้ง่าย เหมาะกับสายมินิมอลเอาท์ดอร์กว่าใคร เปิดตัวมาพร้อมกัน 5 เรือน โดยมีทั้งแบบดีไซน์ที่มาพร้อมเรือนเวลาและสายสเตนเลสสตีล หรือสายผ้านาโต้ และ แบบสายหนังลูกวัวสุดคลาสสิก

SEIKO 5 SPORTS Field Mid-Size “Outdoorsy Style”

นาฬิกาทั้ง 3 เรือนนี้ ถูกออกแบบให้หลักชั่วโมงแสดงเป็นตัวเลขอาราบิก (Full-Arabic Design) กับขนาดหน้าปัดใหม่ 36 มม. ที่สามารถใส่ได้แบบ unisex ที่ใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ระบบออโตเมติกที่สามารถขึ้นลานผ่านเม็ดมะยมได้ หลักชั่วโมงและเข็มบอกเวลาเคลือบสารเรืองแสงรูมิไบร์ท แสดงหน้าต่างวันและวันที่ ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา พร้อมประสิทธิภาพการกันน้ำ 10 บาร์ ฝาหลังเปลือยเผยให้เห็นกลไกการทำงาน

– SRPJ81K เป็นเพียงหนึ่งในห้าเรือนใหม่ที่มาในรูปแบบของตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล พร้อมหน้าปัดสีดำสนิท พร้อมหลักบอกเวลาตัวเลขอาราบิกสีขาวที่ดูชัดเจน

– SRPJ83K หน้าปัดสีเบจ ตัดกับหลักบอกเวลาตัวเลขอาราบิกสีดำ พร้อมสายผ้าไนลอนนาโต้สีกากี

– SRPJ85K หน้าปัดสีเขียวเข้ม หลักบอกเวลาตัวเลขอาราบิกสีเบจ พร้อมสายผ้าไนลอนนาโต้สีเขียวขี้ม้า

อีกสองเรือน ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสไตล์ Chillaxing นาฬิการะบบออโตเมติกที่แฝงความคลาสสิกแบบนาฬิกานักบิน ที่มาพร้อมหน้าปัดสีแชมเปญโกลว์และสีเขียวเข้ม ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องจับคู่มากับสายหนังลูกวัว ที่นิ่มแต่ทนทาน อีกทั้งยังดูแลรักษาความสะอาดได้ง่าย หน้าปัดยังมีหน้าต่างแสดงวันและวันที่​ ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ขนาดหน้าปัด 36 มม. หลักชั่วโมงและเข็มบอกเวลาเคลือบสารเรืองแสงรูมิไบร์ท พร้อมประสิทธิภาพการกันน้ำ 10 บาร์ และฝาหลังที่เผยให้เห็นกลไกการทำงาน

  • SRPJ87K หน้าปัดสีแชมเปญโกลว์ และสายหนังลูกวัว
  • SRPJ89K หน้าปัดสีเขียวเข้มมรกต และสายหนังลูกวัว

SEIKO 5 SPORTS Field Mid-Size “Outdoorsy Style” วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศผ่านตัวแทนจำหน่าย เคาน์เตอร์ไซโก ณ สรรพสินค้าชั้นนำ และเว็บไซต์หลัก Seiko Boutique Thailand สนนราคาเรือนละ 13,300 บาท

rhunrun เรียบเรียง

Seiko 5 Sports 55th Anniversary Customize Campaign II Limited Edition

ฉลองครบรอบ​​ 55​ ปี​ ไซโก​ ไฟว์​สปอร์ต​ กับนาฬิกา 4 รุ่นพิเศษ ที่ได้รับการกด Like มากที่สุดจากการแข่งขันออกแบบนาฬิกา Seiko 5 sports ในปี 2022  ภายใต้แคมเปญ “Show Your Love for Seiko 5 Sports Customize your watch” 

แคมเปญเชิงสร้างสรรค์ที่ได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนๆ Seiko 5 Sports ได้ปลุกพลังความครีเอทีฟภายในตัวเองให้ระเบิดออกมา โดยการนำเอานาฬิกาไซโกไฟว์ สปอร์ตรุ่นดั้งเดิมของตนเอง มาปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้เข้ากับองค์ประกอบต่างๆ จนส่งผ่านออกมาเป็นนาฬิกา Customize สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ให้ได้รับชมกันบนเว็บไซต์

Seiko 5 Sports : SRPK03K (Japan)

นาฬิกาถูกออกแบบมาในสไตล์สีโมโนโครม สีเงินล้วนทั้งเรือน ประดับมาด้วยเข็มวินาทีสีแดงเป็นจุดเด่น โดยเรือนนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 5 Sports รุ่นดั้งเดิมที่ผลิตขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 

Seiko 5 sports : SRPK05K (Americas)

สำหรับนาฬิกาเรือนถัดมาในคอลเลกชันนี้ ถูกหยิบเอาขอบตัวเรือนสไตล์ดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ของ 5 Sports มาเป็นจุดขาย โดยเข็มชั่วโมง เข็มนาทีและอินเด็กซ์บอกเวลา โดดเด่นด้วยสีทองสุดคลาสสสิก ตัดกับเข็มวินาทีสีส้มเพื่อเพิ่มลูกเล่นของความสนุก สไตล์ไฟว์สปอร์ต

Seiko 5 sports : SRPK07K (Europe)
เรือนสีส้มที่มีความโดดเด่นนี้ ถูกเลือกหยิบเอาการออกแบบขอบตัวเรือนจากรุ่นดั้งเดิมมาผสมผสาน และเพิ่มลูกเล่นมาจากหลักสเกลดำน้ำ พื้นหน้าปัดโดดเด่นด้วยสีส้ม และเข็มวินาทีสีแดง เป็นการโคจรมาพบกันที่ลงตัวในทุกมิติและถือเป็นอีกหนึ่งเรือนที่ให้ลุคสนุกสนาน และมีความมันส์ไม่เหมือนใคร

Seiko 5 sports : SRPK08K (Asia)

และเรือนสุดท้ายจากคอลเลกชันนี้ ดูให้ความแตกต่างและโดดเด่นด้วยสีของตัวเรือน หน้าปัด และสายนาฬิกาในโทนสีทองชมพู (โรส-โกลด์) ตัดกับขอบตัวเรือนสีแดงเข้ม ที่ช่วย pop-up ให้ความโดดเด่นกับหน้าปัดอย่างมากที่สุด มั่นใจได้เลยว่าเรือนนี้จะต้องสะกดทุกสายตาเมื่อได้อยู่บนข้อมือของคุณอย่างแน่นอน

ฝาหลัง

เนื่องในโอกาสการฉลองครบรอบ 55 ปีของ Seiko 5 Sports ฝาหลังของนาฬิกาแต่ละเรือนจะได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ โดยสลักคำว่า “55th ANNIVERSARY SEIKO 5 SPORTS”พร้อมกับหมายเลขประจำตัวเรือน ที่มีจำนวนจำกัดเพียงแบบละ 1,968 เรือนทั่วโลกเท่านั้น และเปิดจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟ เฉพาะช่องทางออนไลน์ ผ่าน Seiko Boutique Thailand หรือ https://www.seikoboutiquethailand.com/ เพียงช่องทางเดียว

สามารถดูรายละเอียดสินค้าได้ที่

Website : https://www.seikoboutiquethailand.com/

FB : Seiko Club by Seiko Thailand

IG : Seiko_Thailand

LINE OA : @Seiko_Thailand หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-255-1245 ต่อ 888

rhunrun เรียบเรียง

The Seiko Museum Ginza

Photography: Courtesy of seiko

Author: Rhun Na Ranong

พาไปชม The Seiko Museum Ginza กับโลเคชั่นใหม่ ณ ถนนนามิกิโดริ ย่านกินซ่า สถานที่กำเนิดของแบรนด์ Seiko และเรื่องราวการเดินทางกว่า 160 ปีของเครื่องบอกเวลาที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมฉลองวันเกิดปีที่ 160 ของคินทาโร ฮัตโตริ ผู้ก่อตั้ง Seiko ในวันที่ 19 สิงหาคม 2020 บริษัท ไซโก โฮลดิ้งส์ คอร์ปอเรชั่น จึงได้ย้ายสถานที่ตั้งพิพิธภัณฑ์เวลา Seiko จากสุมิดะกุ ไปยังกินซ่า อันเป็นถิ่นกำเนิดของ Seiko โดยจะเปิดทำการใหม่ในฐานะพิพิธภัณฑ์ขององค์กรซึ่งมีพื้นที่ถึง 6 ชั้นด้วยกัน ตั้งแต่ชั้นใต้ดินชั้นที่ 1 ไปจนถึงชั้น 5 และมีการติดตั้งไฮไลต์อย่างนาฬิกาลูกตุ้มขนาดใหญ่ Rondeau La Tour (รองโด ลา ตูร์) ที่มีความสูงถึง 5.8 เมตร ที่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ด้วย

แต่ละชั้นภายในพิพิธภัณฑ์นั้นมีธีมเฉพาะตัวโดยมีการจัดแสดงและการนำเสนอเกี่ยวกับเวลาและนาฬิกาอยู่ถึงราว 500 รายการ บนชั้น 2 จะเป็นห้องของคินทาโร ฮัตโตริ ที่ผู้เข้าชมสามารถติดตามความท้าทายและความพยายามของคินทาโร ฮัตโตริ ผู้เป็นที่รู้จักกันในนามราชานาฬิกาแห่งตะวันออก ซึ่งเป็นผู้นำในการพาอุตสาหกรรมนาฬิกาในญี่ปุ่นสู่ความทันสมัย

โดยการจัดแสดงนี้จะนำเสนอปรัชญาของผู้ก่อตั้งของเราที่ว่า “ก้าวล้ำหน้าผู้อื่นไปหนึ่งก้าวอยู่เสมอ” สำหรับการจัดแสดงอื่นๆ ผู้เข้าชมจะได้รับประสบการณ์ในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจับเวลาสำหรับกีฬาซึ่งเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของนาฬิกา Seiko อย่างแยกไม่ออก และเทคโนโลยีในนาฬิกาสปอร์ตของ Seiko ที่สนับสนุนเหล่านักผจญภัยในการรับมือกับความท้าทายสุดขั้ว

นอกจากบรรดาผลิตภัณฑ์ชิ้นสำคัญของ Seiko แล้ว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังให้ผู้เข้าชมได้เห็นภาพในมุมกว้างของประวัติศาสตร์เครื่องบอกเวลาของโลกด้วย เริ่มตั้งแต่นาฬิกาแดดโบราณ และคอลเลกชั่น Wadokei (วาโดเค) ซึ่งรวบรวมนาฬิกาญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่พัฒนาขึ้นในสมัยเอโดะเอาไว้อย่างครอบคลุม

หากคุณผู้อ่านสนใจเข้าชมสามารถติดต่อได้ที่อาคาร Seiko Namikidori (ไซโก นามิกิโดริ), 4-3-13 กินซ่า, ชูโอกุ, โตเกียว 104-0061 โดยมีขนส่งสาธารณะใกล้เคียงคือ สถานีรถไฟ โตเกียว เมโทร กินซ่า : เดิน 1 นาทีจากทางออก B4 และสถานีเจอาร์ ยูระกุโช : เดิน 4 นาทีจากทางออกกลางหรือทางออกกินซ่า

* ต้องทำการจองล่วงหน้าจากหนึ่งในสามช่วงเวลาของแต่ละวัน (เข้าฟรี) ช่วงเวลาเยี่ยมชม : (1) 10:30-12:30, (2) 13:00-15:00, (3) 15:30-17:30

King Seiko กับฉลองครบรอบ 110 ปี แห่งการผลิตนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของญี่ปุ่น

King Seiko ร่วมฉลองครบรอบ 110 ปี แห่งการผลิตนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของญี่ปุ่น ผ่านลวดลาย Kikkoumon ครั้งแรกบนหน้าปัด King Seiko

ในปีนี้ถึงวาระแห่งการฉลองครบรอบ 110 ปีแห่งการผลิตนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของญี่ปุ่น ด้วยการเปิดตัวซีรีส์นาฬิกาที่ระลึก ซึ่งรวมถึงนาฬิกา King Seiko (คิง ไซโก) รุ่นใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากมรดกทางเทคโนโลยี และการออกแบบอันยาวนาน อีกทั้งยังเป็นการกลับมาของคอลเลกชัน King Seiko ที่ได้รับอิทธิพลจากนาฬิกาวินเทจรุ่นดั้งเดิม ที่สร้างความประทับใจให้กับคนรักนาฬิกาทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ด้วยเส้นสายที่เฉียบคม รูปลักษณ์ที่หรูหราเมื่ออยู่บนข้อมือ และฝีมือการออกแบบที่เป็นเลิศ

คอลเลกชันเรือนพิเศษที่มีความโดดเด่นจากพื้นหน้าปัดที่ไล่ระดับสีได้อย่างสวยงามหรูหรา เหลี่ยมมุมของลวดลายเล่นกับแสงได้อย่างน่าหลงใหล โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงเรขาคณิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า คิกโกมอน (Kikkoumon) อันมีต้นแบบมาจากรูปทรงหกเหลี่ยมบนกระดองเต่า ซึ่งในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นนั้น เต่าเป็นสัญลักษณ์ของอายุยืนยาวและความเจริญรุ่งเรือง และรูปทรงหกเหลี่ยมของกระดองเต่ายังเชื่อมโยงกับชุดเกราะของซามูไรที่มีความหมายถึงความแข็งแกร่งและชัยชนะอีกด้วย

นอกจากนี้ ลาย Kikkoumon ยังมีเรื่องราวอันยาวนานที่เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของ King Seiko ในศตวรรษ 1960 ณ โรงงานในเขตคาเมโดะของกรุงโตเกียว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ คาเมชิมะ (Kameshima) พื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำและลำธาร ที่ถูกเรียกว่า “เกาะเต่า” (Tortoise Island) รูปแบบลวดลายบนหน้าปัดมีมิติความลึกและพื้นผิวที่น่าทึ่ง จริงๆ แล้วรูปหกเหลี่ยมแต่ละชิ้นประกอบขึ้นจากรูปหกเหลี่ยมซ้อนกันสามชิ้น แต่ละชิ้นมีความลึกที่แตกต่างกัน ดูมีมิติ พร้อมทั้งเทคนิคการไล่เฉดจากสว่างที่กลางหน้าปัด แล้วค่อยๆ เข้มขึ้นทีละน้อยไปจนถึงขอบหน้าปัด

อินเด็กซ์บอกเวลาหลักชั่วโมงผ่านการเจียเหลี่ยมอย่างประณีต ผสานกับชุดเข็มแสดงเวลาที่คมกริบ ทำให้คอลเลกชันแห่งการเฉลิมฉลองเรือนนี้ เต็มไปด้วยความสง่างามและโดดเด่น ข้อต่อตัวเรือนได้รับการขัดเงาพื้นผิวให้เงาราวกับกระจกตกแต่งด้วยเทคนิคการขัดแบบลายริ้วแฮร์ไลน์ (Hairline) มอบสัมผัสแห่งความละเมียดละไมเคียงคู่กับความแม่นยำเที่ยงตรง ประกอบเข้ากับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรง box-shaped พร้อมเคลือบสารป้องกันการสะท้อนแสง ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติที่ล้ำสมัย คาลิเบอร์ 6R31 สำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง

คอลเลกชันสุดพิเศษนี้มาพร้อมสายหนังสีดำพร้อมตัวล็อก เพิ่มทางเลือกในการสวมใส่ เปลี่ยนลุคเป็น Dressing watch ได้อย่างง่ายดายKING SEIKO Watchmaking 110th Anniversary รหัส SPB365J สนนราคาจำหน่าย 71,000 บาท จำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 1,200 เรือนเท่านั้น ที่บูติคของ Seiko สาขาเซ็นทรัลพระราม9, ไซโกบูติคออนไลน์, เคาท์เตอร์ไซโก ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศและ สามารถซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Website 

rhunrun เรียบเรียง

 The Aesthetic Arts 

เรือนเวลาสุดหรูของเหล่าสุภาพบุรุษ ถูกนำมาตีความให้อยู่ในเชิงศิลปะ หลากหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา Breitling รุ่น Superocean Automatic 46 หรือจะเป็น นาฬิกา Augemars Piguet รุ่น Royal Oak Offshore Selfwinding Music Edition ถูกตีความและผสมผสานเข้างานศิลปะ ที่แสดงให้เห็นถึงความสนุกสานเป็นต้น แต่ละรุ่น หากตีความในเชิงศิลปะแล้ว จะสวยงามเพียงใด เราไปชมกันเลยครับ

Artist: Patcharapa Inchang

Seiko Prospex Hanuman Thailand เรือนเวลาสุดลิมิเต็ดที่ถ่ายทอดวรรณกรรมอันยิ่งใหญ่ในเรื่องรามเกียรติ์

รับศักราชใหม่ด้วยตัวละครเอกแห่งวรรณกรรมอันยิ่งใหญ่ในเรื่องรามเกียรติ์สู่เรือนเวลาที่รังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรบรรจง เฉพาะประเทศไทย “หนุมาน”

Seiko Prospex Hanuman Thailand Limited Edition

หนุมาน เป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์วรรณคดีไทยที่ดัดแปลงมาจากมหากาพย์รามายณะ วรรณกรรมที่มีอายุมากกว่า 2,400 ปีจากอินเดีย โดยหนุมานในอินเดียนั้นถูกยกย่องในฐานะเทพเจ้าองค์หนึ่งเสมือนซึ่งอวตารของมหาเทพสดาศิวะ แต่ในประเทศไทยลักษณะของหนุมานนั้นคือ นักรบผู้เก่งกาจมีฤทธิ์มาก เป็นทหารเอกผู้ซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อพระรามมีลักษณะเป็นพญาวานรเผือก มีกายสีขาว เมื่อตอนสำแดงฤทธิ์จะมี 4 หน้า 8 กร

จากคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นของหนุมานนั้นจึงบังเกิดเป็นคอลเลกชันนาฬิกา Thailand Edition สุดเอ็กซ์คลูซีฟต้อนรับปี 2566 ภายใต้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า
Seiko Prospex Hanuman Thailand Limited Edition (MM300) รหัส SLA068J นาฬิกาโปรไดเวอร์ที่โดดเด่นด้วยพื้นหน้าปัดสีงาช้างขาวนวลพร้อมลวดลายไทยประยุกต์รูปคลื่นลมที่วนอยู่จนเต็มหน้าปัด สื่อถึงหนุมานผู้ซึ่งเป็นบุตรของพระพายเทพแห่งสายลม สีแดงที่ขอบหน้าปัดถูกดึงมาจาก “เส้นฮ่อ” ลายเส้นสีแดงที่วาดบนเศียรโขนเป็นเส้นที่แสดงถึงทิศทางการขยับของอวัยวะบนบนใบหน้า ริ้วรอยของผิวหนัง ชั้นตาเส้นขนบางๆ และรวมถึงสัญลักษณ์พิเศษบางอย่างของตัวละครนั้นๆ ขอบตัวเรือนเซรามิคสีเขียวมาจากเส้นไพร เส้นสีเขียว เส้นสำคัญอันดับที่ 1บนหน้าโขน เพราะเป็นเส้นที่แสดงถึงเค้าโครงหลักๆ ของโครงหน้าหัวโขน เพื่อสะดวกในการวาดองค์ประกอบอื่น

Hanuman Thailand Limited Edition อยู่ในซีรีย์ท๊อปของพรอสเปกซ์ไฮเอนอย่าง Marine​ Master 300 หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า MM300 ที่มีจุดเริ่มต้นในปี 1968 เมื่อ Seiko
ได้เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำที่สามารถใช้ในแบบ SAT หรือ Saturation ได้จนเกิดเป็นที่มาของรุ่น 6215-7000 ในปี 1967 และได้พัฒนากลายมาเป็นรุ่น 6159-7001 ที่มากับตัวเรือน Mono case ที่สามารถกันน้ำได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 300 เมตร

โดยถือเป็นต้นกำเนิดของ MM300 ในอีก 32 ปีต่อมาผนวกรายละเอียดที่มีความประณีตด้วยการขัดแต่งเข็มชั่วโมง, นาที
และเพิ่มสีทองตรงเข็มวินาทีเพื่อขับแสงให้เข็มวินาทีงดงามเด่นชัดขึ้นขับเคลื่อนด้วยกลไก cal.8L35 ความถี่ 4Hz (28,800 vph) สามารถสำรองพลังงาน 50 ชั่วโมง ตัวเรือน mono case แบบดั้งเดิม ที่สามารถดำน้ำลึก 300 เมตรตามมาตรฐานของนาฬิกาดำน้ำระดับโปรฯ

Seiko Prospex Hanuman Thailand Limited Edition รหัส SLA068J สนนราคาที่ 135,000 บาท จำหน่ายในแบบจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือน
วางจำหน่ายที่บูติกของ Seiko เซ็นทรัลพระราม9, เคาท์เตอร์ไซโก ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และร้านตัวแทนจำหน่ายของ Seiko ทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ ที่ไซโกบูติกออนไลน์, www.seikoboutiquethailand.comเปิดจองพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 นี้

rhunrun เรียบเรียง

เรือนเวลาที่เป็นดั่งตัวแทนของยอดมนุษย์ผู้ผดุงความยุติธรรม ไซโก ไฟว์ สปอร์ต รุ่นฉลองครบรอบ 55 ปีอุลตร้าเซเว่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น

จากเรื่องราวของยอดมนุษย์ผู้ผดุงความยุติธรรมที่มีเรื่องราวการเดินทางจากดวงดาวแห่งแสง หรือ เนบิวลา เอ็ม78 (Nebular M78) เพื่อเดินทางมาถึงโลก โดยอุลตร้าเซเว่นรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมากที่ได้เห็นบรรดากลุ่มมนุษย์โลกรุ่นใหม่ อุทิศตนอย่างมากในการช่วยปกป้องเพื่อนมนุษย์ของพวกเขาจากการรุกรานของมนุษย์ต่างดาว ดังนั้นอุลตร้าเซเว่นจึงตัดสินใจที่จะอยู่เพื่อช่วยต่อสู้และปกป้องโลกอันสวยงามให้รอดพ้นจากการรุกรานของมนุษย์ต่างดาวที่บุกรุกเข้ามา

จากเรื่องราวของฮีโร่ขวัญใจในวัยเด็กของหลายๆคน ก่อเกิดเป็นความร่วมมือครั้งใหม่ของ Seiko 5 Sports กับอุลตร้าเซเว่น (Ultraseven) ยอดมนุษย์ชื่อดังในโลกของภาพยนตร์ ซึ่งนำเสนอผ่านนาฬิกาสุดพิเศษที่เกิดขึ้นในวาระของการฉลองครบรอบ 55 ปีที่ยอดมนุษย์คนนี้ได้เริ่มออกอากาศทางโทรทัศน์ และนาฬิกา Seiko 5 sports เองก็เริ่มเปิดตัวในปี 1968 ซึ่งในปี 2023 นี้ก็ครบวาระ 55 ปีเช่นกัน โดยตัวนาฬิกาถูกออกแบบและสร้างสรรค์ด้วยการอ้างอิงรูปแบบที่มาจากนาฬิกา Seiko 5 Sports รุ่นแรก มาผสมผสานการดีไซน์ด้วยการใช้สีสันและการออกแบบหน้าปัดที่สะท้อนถึงสีสันของหน่วยอุลตร้าการ์ด (Ultra Guard) ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ โดยนาฬิกาสุดพิเศษรุ่นนี้มาพร้อมกับไอเดียจากนาฬิกาคู่กายของหน่วย Ultra Guard หรือ The official instruments of the Ultra Guard พร้อมกับการนำเสนอรายละเอียดที่มีความสวยและโดดเด่นไม่เหมือนใคร

Seiko 5 Sports 55th anniversary Ultraseven Limited Edition รหัส SRPJ79K โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่มาพร้อมกับสีและลวดลายในแบบเมทัลลิก และการออกแบบขอบตัวเรือนที่อ้างอิงจากรุ่นดั้งเดิมของ Seiko 5 Sports รุ่นแรก ผสมผสานสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของหน่วย Ultra Guard นำเสนอผ่านทางรายละเอียดบนตัวเรือนนาฬิกา ด้วยความพิเศษนี้นาฬิกาจึงเปรียบเสมือนกับเป็นเครื่องบอกเวลาที่ถูกใช้งานในฐานะนาฬิกาคู่กายโดยหน่วย Ultra Guard อย่างเป็นทางการ และแมตช์เข้ากับสายนาโต้ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการดีไซน์มาจากรูปแบบของเครื่องแต่งกายของ Ultra Guard พร้อมกับการถักทอข้อความ ‘Terrestrial Defense Forces’ เอาไว้บนตัวสายด้วย ฝาหลังของตัวนาฬิกาจะมีการสลักข้อความ ‘Limited Edition’ ลงไป พร้อมกับสกรีนสัญลักษณ์ของอุลตร้าเซเว่นที่เป็นภาพเงาของยอดมนุษย์ลงไปบนกระจกของฝาหลัง เพิ่มดีกรีความพิเศษของการฉลองครบรอบ 55 ปีอุลตร้าเซเว่น ด้วยกล่องแบบพิเศษที่ผลิตจากสเตนเลสสตีล พร้อมสัญลักษณ์ของ Seiko 5 Sports และหน่วย Ultra Guard บนฝากล่อง

Seiko 5 Sports 55th anniversary Ultraseven Limited Edition รหัส SRPJ79K จำหน่ายในแบบจำนวนจำกัด 3,400 เรือนทั่วโลก เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 11 มกราคม 2023 ที่บูติกของ Seiko เซ็นทรัลพระราม9 ไซโกบูติกออนไลน์ เคาท์เตอร์ไซโก ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และร้านตัวแทนจำหน่ายของ Seiko ทั่วประเทศ ราคาจำหน่าย 17,000 บาท

สามารถดูรายละเอียดสินค้าได้ที่

Website : https://www.seikowatches.com/global-en/products/5sports/special/ultraseven/index

rhunrun เรียบเรียง fu ms pk

เปิดตัว “อเล็กซ์ เรนเดลล์” ไซโก แบรนด์เฟรนคนที่ 3 ของปี 2022​

ไซโก (ประเทศไทย) จัดงานเปิดตัว“อเล็กซ์ เรนเดลล์” Brand Friend คนที่ 3 ของปี 2022 นักแสดงหนุ่มหล่อมากความสามารถเจ้าของบทบาทมากมายบนจอโทรทัศน์ที่มีความสนใจและได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมาตลอดหลายปี พร้อมแคมเปญใหม่ “Sustainable for Life” เพื่อร่วมรณรงค์เรื่องการอนุรักษ์และฟื้นฟูด้านสิ่งแวดล้อม ทั้ง 2 โปรเจกต์ คือ Seiko Save the Ocean และ Seiko Save the Forest

โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากสื่อมวลชน และตัวแทนจากมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ท่ามกลางบรรยากาศสวนสีเขียวขจีใจกลางกรุง เมื่อวันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 อาคิระ​ ซากาอิริ กรรมการผู้จัดการ ไซโกประเทศไทย กล่าวต้อนรับผู้มีเกียรติภายในงาน กับแคมเปญใหม่ของ ไซโก ประเทศไทย Sustainable for Life โครงการที่ตอบรับนโยบาย SDGs หรือ “Sustainable Development Goal” หรือ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดยแรกเริ่มนั้น SEIKO มุ่มมั่นที่จะสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นเพื่อการใช้งานได้อย่างยาวนานและเป็นปรัชญาพื้นฐานของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นี่เองคือรากฐานของจิตวิญญาณในแบบของเราในการเริ่มต้นที่จะพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน และตอนนี้ SDGs ก็ได้มาเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทไซโกใน mid-term plan ด้วย ไซโก (ประเทศไทย) มีโครงการที่โดดเด่น อย่าง Seiko Save the Ocean Project ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว โดยเป็นโครงการที่ร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูท้องทะเลไทย โดยในปีนี้ก็มีอีก 1 โครงการใหม่เกิดขึ้น โดยโครงการนี้เชื่อมโยงกับการดูแล ฟื้นฟู สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับป่าไม้คือ “Save the Forest Project” โดยมุ่งหวังที่จะสนับสนุนหน่วยงาน องค์กร หรือชุมชน และเมื่อรวมทั้งสองโปรเจกต์เข้าด้วยกันจึงเกิดเป็น Seiko “Sustainable for Life” โดยมีคุณอเล็กซ์ เรลเดลล์ มาร่วมเป็นแบรนด์เฟรนด์ในครั้งนี้ด้วย

พัทธ์สิตา สิทธิพรวัฒนากุล ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ขึ้นร่วมพูดคุยถึงแนวคิดเรื่องแคมเปญ Sustainable for Life “ปกติ ไซโก จะมีแคมเปญใหญ่ๆเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการดำน้ำทั้งหมด แต่ปีนี้มีความพิเศษที่ เราอยากให้แฟนๆไซโกหรือนักสะสมทั้งหลาย ได้รู้จักกับคอลเลคชั่นอัลเพนิสมากขึ้น ซึ่งคอนเซปต์ของนาฬิกาเกี่ยวกับภาคพื้นดิน ก็เลยนึกถึงในเรื่องทรัพยากรป่าไม้ โดยทำให้มันเป็นประโยชน์เพื่อสอดคล้องกับ โปรเจกต์ SDGs ผนวกกับช่วงปลายปีทางไซโกประเทศไทย มีโปรเจกต์ Save the Ocean อยู่แล้วก็เลยรวบมาให้อยู่ภายใต้ Seiko Sustainable for Life”


วรรฑณี วาทนากรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ เล่าถึงนาฬิการุ่นพิเศษว่า “จากโจทย์เริ่มต้น คือต้องการดีไซน์นาฬิการุ่นพิเศษให้กับนาฬิกาในกลุ่มของคอลเลคชั่นอัลเพนีส พร้อมคอนเซ็ปต์ไอเดียว่าเราจะทำเกี่ยวกับป่าไม้ และจากไอเดียดังกล่าวจึงหาข้อมูลหาองค์กรที่ทำประโยชน์ให้กับป่าไม้เป็นหลัก ทางไซโก เลยประสานงานกับมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร และได้ดำเนินงานร่วมกันจนสำเร็จออกมาเป็น Seiko Prospex Alpinist Seub Nakhasatien Thailand Limited Edition เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายนาฬิการุ่นพิเศษนี้ ไปมอบให้กับมูลนิธิเพื่อสนับสนุนและจัดซื้ออุปกรณ์ให้กับเจ้าหน้าที่ต่อไป”


อเล็กซ์ เรนเดลล์ Brand Friend ไซโก (ประเทศไทย) คนล่าสุด ได้กล่าวถึงความรู้สึก “ผมรู้สึกเป็นเกียรติและ ดีใจมากๆ เพราะตัวผมเองเป็นแฟนไซโก ชอบไซโกอยู่แล้ว เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกันกับทางไซโกมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้เป็นการร่วมงานแบบเป็นแบรนด์เฟรนด์ แล้วเป็นแคมเปญที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ผมถนัดด้วย ผมยิ่งยินดีมากๆ ผมอยากปลูกฝังให้คนรุ่นหลัง หรือเจนเนอร์เรชั่นต่อไปได้เรียนรู้ ดูแลรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติเพื่ออนาคต”

โปรเจกต์ของบริษัท ไซโก (ประเทศไทย) ทั้ง Save the Ocean และ Save the Forest จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดการสนับสนุนจากลูกค้า แฟนๆและนักสะสมทั้งชาวไทยและนักสะสมทั่วโลก และหวังว่าโครงการเล็กๆทั้งสองโครงการนี้ จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมเล็กๆที่เป็นประโยชน์กับสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคต
Keep Going Forward ไม่สิ้นสุด ถ้าไม่หยุดไปต่อ
Website : https://www.seikoboutiquethailand.com/
FB : Seiko Club by Seiko Thailand
IG : Seiko_Thailand
LINE OA : @Seiko_Thailand หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-255-1245 ต่อ 888

Seiko เปิดตัวแบรนด์เฟรนด์คนที่ 2

Seiko เปิดตัวแบรนด์เฟรนด์คนที่ 2 เพราะความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ขีดสุดแห่งศักยภาพ ของเจ้าบุญจัง อุ้ม “ธีราทร บุญมาทัน” นักเตะทีมชาติไทยที่ชาวญี่ปุ่นให้ฉายาว่า บุญจัง นักฟุตบอลอาชีพชาวไทย ที่ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งแบ๊คซ้ายและเป็นกับตันทีมชาติไทย ด้วยผลงานท๊อปฟอร์มในลีกต่างๆ ยังทำให้อุ้มยังได้รับอีกฉายาหนึ่งว่า “เท้าซ้ายปีศาจ”

ในวัยเด็กอุ้มมีโอกาสได้เล่นฟุตบอลเยาวชนร่วมกับ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลระดับนักเรียนด้วยกันหลายรายการ โดยเส้นทางสายลูกหนังของอุ้มหลังจากจบมัธยมปลายแล้ว ก็ได้เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพให้กับสโมสร ราชประชา ในปี 2551 ก่อนที่ต่อมา เขาจะมีโอกาสย้ายไปสร้างชื่อในสโมสรชั้นนำในประเทศไทยอีกมากมาย ตลอดเส้นทางการค้าแข้งในวงการลูกหนัง อุ้มได้สร้างชื่อให้กับตัวเองและต้นสังกัดอย่างต่อเนื่อง เช่น ในปี 2554 เขาสามารถพาทีม คว้าทริปเบิ้ลแชมป์ หรือแชมป์ 3 รายการภายในปีเดียว ซึ่งนับเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทยที่ทำได้ และในปี 2556 อุ้มยังได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของไทยลีกประจำฤดูกาลอีกด้วย


จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในเส้นทางอาชีพของ อุ้ม-ธีราทร เกิดขึ้นในปี 2561 เมื่อเขาถูกยืมตัวไปเล่นในเจลีก ของประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลาหนึ่งฤดูกาลกับสโมสร วิสเซล โกเบ ซึ่งทำให้มีโอกาสได้เล่นกับนักฟุตบอลระดับโลกอย่าง อันเดรส อิเนียสต้า และ ลูคัส โพดอลสกี้ ที่เคยผ่านการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้ว อุ้ม ต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อการแย่งตำแหน่งภายในทีม ก่อนที่สุดท้ายเขาจะได้รับโอกาสลงเล่นในลีกไป 28 เกม และสามารถทำได้ 2 แอสซิสต์
จากนั้นในปีถัดมาความท้าทายครั้งใหม่ก็ได้เข้ามาทดสอบ อุ้ม อีกครั้ง กับต้นสังกัดใหม่อย่าง โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ยอดทีมจากแดนอาทิตย์อุทัย ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี ก่อนที่การตัดสินใจครั้งนี้จะกลายเป็นสิ่งที่เค้าต้องจดจำไปตลอดกาล เมื่อเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นนักเตะไทยคนแรก ที่คว้าแชมป์เจลีก หรือลีกสูงสุดของญี่ปุ่น ได้สำเร็จ
และช่วงเวลาที่น่าจดจำของอุ้ม เกิดขึ้นในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล เป็นเกมตัดสินแชมป์ของคู่แข่งที่แย่งแชมป์กันโดยตรง ระหว่างโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ทีมต้นสังกัด กับ เอฟซี โตเกียว ในนาที 26 เมื่อเขาสามารถยิงประตูขึ้นนำแบบสุดสวย ก่อนที่สุดท้ายทีมของเขาจะเอาชนะ ไปได้ 3-0 ทำให้คว้าแชมป์เจลีก 2019 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ สร้างความประทับใจให้กับชาวเมืองโยโกฮาม่า และแฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ
จากผลงานอันสุดยอดของอุ้มตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นี่คือบทพิสูจน์ที่สามารถชี้ชัดได้แล้วว่า นักเตะแข้งทองคนนี้คือ แบ็กซ้ายระดับแถวหน้าของเอเชีย และจะยังคงไม่หยุดตามล่าหาความสำเร็จเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน


นับเป็นการโคจรมาพบกันครั้งแรกของ 2 เรื่องราวความสำเร็จระหว่าง นาฬิกา Seiko Prospex SPEEDTIMER ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีการพัฒนาต่อยอดมาจากนาฬิกาจับเวลาที่ใช้สำหรับการแข่งขันในกีฬาระดับโลก และ อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน กับผลงานอันน่าชื่นชม รวมถึงความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดพัฒนา ไซโก (ประเทศไทย) จึงเลือกให้ธี​ราทร มาร่วมเป็น Brand Friend คนที่สองในปี 2022นี้ กับแคมเปญ KEEP GOING FORWARD ต่อจาก อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม Brand Friend คนแรก โดย อุ้ม-ธีราทร ได้จับคู่กับอีกหนึ่งคอลเลคชั่นหลักของ Seiko Prospex กับ SPEEDTIMER เรือนเวลาที่โดดเด่นด้วยระบบจับเวลาแบบโครโนกราฟ สะท้อนแรงบันดาลใจของ “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” โดยอยู่เคียงข้างกับนักกีฬามาอย่างยาวนาน โดยนาฬิกา Seiko Prospex SPEEDTIMER ได้ถูกนำกลับมาเปิดตัวรุ่นใหม่อีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว ทั้งแบบกลไกอัตโนมัติ SPEEDTIMER Mechanical Chronograph และแบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสง SPEEDTIMER Solar Chronograph

Prospex Speedtimer Solar Chronograph
(พรอสเป็กซ์ สปีดไทเมอร์ โซลาร์ โครโนกราฟ)
การผสานที่ลงตัวของรูปลักษณ์นาฬิกาข้อมือแบบจับเวลาเรือนแรกของโลก กับกลไกโซล่าอันล้ำสมัย
นาฬิกาจับเวลาพลังงานแสงรุ่นใหม่ 3 เรือน มาพร้อมกับตัวเรือนที่ถูกออกแบบโดยอ้างอิงนาฬิการุ่นสำคัญในอดีต
นาฬิการุ่น SPEEDTIMER ของ Seiko ได้เปิดตัวในปี 1969 และถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของวงการนาฬิกาจับเวลา เพราะนี่คือนาฬิกาข้อมือแบบจับเวลาเรือนแรกของโลกที่มาพร้อมกับกลไกรหัส 6139 ซึ่งมีความเที่ยงตรงสูงพร้อมความล้ำสมัยของกลไกที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของนาฬิกาข้อมือกลไกอัตโนมัติ
เผยโฉมคอลเลคชั่น SPEEDTIMER Chronograph รุ่นใหม่ในปีนี้พร้อมกัน 3 ลุค โดยทั้งหมดนี้ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดใหม่ด้วยการผสมผสานจิตวิญญาณของนาฬิกาจับเวลาเรือนแรกที่มีความสำคัญของแบรนด์มาออกแบบใหม่และจับคู่เข้ากับกลไกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี SOLAR ของ Seiko ที่ตอบสนองได้ทั้งความเที่ยงตรง ความเชื่อใจในการทำงาน และความยั่งยืนในการใช้งาน
หน้าปัดขัดแต่งในแบบ Sunray พร้อมกับสีสันที่โดดเด่น ช่วยทำให้การอ่านค่าเวลาชัดเจน และดีไซน์ที่ทันสมัย

สิ่งที่อยู่บนตัวเรือนของนาฬิกา SPEEDTIMER Chronograph ทุกรุ่น คือรายละเอียดของการออกแบบที่สะท้อนถึงความเที่ยงตรงในระดับสูงสุดของการจับเวลาที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง ตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับนาฬิกาจับเวลา เข็มวินาทีของระบบจับเวลาถูกออกแบบให้ยาวขึ้น เพื่อความสะดวกและการอ่านค่าที่แม่นยำและรวดเร็วเมื่อต้องทำงานร่วมกับสเกลจับเวลาทาคีมิเตอร์ (Tachymeter) ที่มีหลักบอกค่าอยู่ตรงขอบนอกของหน้าปัด เข็มจับเวลานาทีวางในตำแหน่ง 6 นาฬิกา โดยเข็มทั้ง 2 ชุดฉาบด้วยสีแดงเพื่อความโดเด่น และลุคสปอร์ตที่โฉบเฉี่ยว อีกทั้งเพื่อความสะดวกในการอ่านค่าเวลาได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงทีแม้เพียงแค่เหลือบตามองไปที่หน้าปัด ช่องหน้าต่างบอกวันที่จะถูกวางไว้ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา
ทั้ง 3 รุ่นขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ V192 พร้อมกลไก SOLAR ของ Seiko ซึ่งมีฟังก์ชั่นในการจับเวลาสูงสุด 60 นาที ระบุเวลาแบบ 24 ชั่วโมง สำรองพลังงานได้นานถึง 6 เดือน หลังจากการชาร์จเต็ม สามารถตรวจสอบระดับพลังงานสำรองได้ที่หน้าปัดย่อยตำแหน่ง 6 นาฬิกาทั้งเข็มชั่วโมงและนาที รวมถึงหลักชั่วโมงทั้ง 12 ตำแหน่งได้รับการเคลือบสารเรืองแสงลูมิไบร์ท (Lumibrite) ทำให้สามารถมองเห็นและอ่านค่าเวลาได้ แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีแสงน้อย

สัมผัสความสปอร์ตที่ผสานความคลาสสิคที่ลงตัวผ่านการขัดแต่งบนตัวเรือนและสายด้วยลายริ้วแฮร์ไลน์ที่ แมตช์คู่กับกระจกแซฟไฟร์ทรงโค้งฟีลนาฬิกาคลาสสิคพร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสงที่ด้านใน หน้าปัดมีการขัดแต่งในแบบซันเรย์ (Sunray) จึงมั่นใจได้ว่าจะทำให้การมองเห็นและอ่านค่าต่างๆ บนหน้าปัดมีความชัดเจน

Seiko Prospex SPEEDTIMER Solar Chronographs รหัส SSC911, SSC913 และ SSC915 จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 1 พฤจิกายน 2022 ที่บูติกของ Seiko เซ็นทรัลพระราม9 ไซโกบูติกออนไลน์ เคาท์เตอร์ไซโก ณ ห้างสรรพสินค้าชั้น และร้านตัวแทนจำหน่ายของ Seiko ทั่วประเทศ ราคาจำหน่าย 30,000 บาท
สามารถดูรายละเอียดสินค้าได้ที่
https://www.seikowatches.com/global-en/products/prospex/special/speedtimer/index

Seiko Prospex Speedtimer Solar Chronographs: SSC911, SSC913, SSC915
กลไก : V192 แบบ Solar Chronograph มาพร้อมเข็มแสดงเวลาในแบบ 24 ชั่วโมง และมาตรวัดแสดงระดับกำลังสำรอง
เปลี่ยนแสงให้เป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อเก็บในแบตเตอรี่
ข้อมูลทางเทคนิค
ตัวเรือนและสายผลิตจากสแตนเลสสตีล
กระจกแซฟไฟร์แบบโค้งพร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสงที่ด้านใน
การกันน้ำ : 10 บาร์
ความต้านทานสนามแม่เหล็ก : 4,800 A/m
มิติตัวเรือน เส้นผ่านศูนย์กลาง : 41.4 มม. ความหนา : 13.0 มม.
บานพับแบบทบ 3 ชั้นพร้อมปุ่มกดคลาย]Hvd