Posts

AIKON Skeleton Urban Tribe ณ จุดสูงสุดใหม่ ที่เหนือขึ้นไปอีกระดับ

ไอคอน สเกเลตัน เออร์เบิน ไทรบ (AIKON Skeleton Urban Tribe) ณ จุดสูงสุดใหม่ ที่เหนือขึ้นไปอีกระดับ

วันนี้ แบรนด์จาก Franches Montagnes อย่างนาฬิกา มอริส ลาครัวซ์ ไอคอน สเกเลตัน เออร์เบิน ไทรบ (Maurice Lacroix AIKON Skeleton Urban Tribe) ภูมิใจที่จะเผยโฉมผลงานอันกล้าหาญ ด้วยนิยามอันโดดเด่นของงานออกแบบแห่ง เออร์เบิน ไทรบ ในรูปแบบสเกเลตัน อันซับซ้อน และทันสมัย  โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานสถาปัตยกรรมชั้นสูงของเมืองที่โดดเด่นด้วยเส้นขอบฟ้าอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านวัสดุอันหลากหลาย ไปสู่โครงสร้างคานต่างๆ ที่ดูเข้มแข็ง พาดผ่านทับซ้อนกันไปมาจนเกิดช่องว่างพื้นที่ภายใน เฉกเช่นเดียวกันกับหน้าปัดแซฟไฟร์ ที่เผยให้เห็นถึงโครงสร้างอันละเอียดอ่อนซับซ้อน ของกลไกจักรกลภายในของตัวเรือน

เมื่อปี ค.ศ. 2021 Maurice Lacroix ได้เปิดตัว AIKON Urban Tribe นาฬิกาที่สร้างขึ้นสำหรับไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองและหมดไปอย่างรวดเร็ว ในวันนี้ เมซง (Maison) ได้นำเอาความสำเร็จนี้กลับมาอีกครั้ง ด้วยเรือนเวลาธีมเมืองรุ่นใหม่ อย่าง AIKON Skeleton Urban Tribe  โดยได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านกลไก อย่าง เซลลิตา (Sellita) เพื่อผลิตกลไกชุดเอ็กซ์คลูซีฟ ออโตเมติก เอ็มแอล135 (Automatic ML135) (จากฐานกลไก เอสดับบลิว200 (SW200))

ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับอาคารสิ่งปลูกสร้างที่ดึงดูดใจทั่วโลก ซึ่งกลไกเหล่านี้ได้เล่นกับความโปร่งใส ด้วยการปล่อยให้แสงทะลุผ่านช่องอันเกิดจากการผสมผสานของชิ้นส่วนต่างๆ ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ขณะที่โรเตอร์ขึ้นลานยังออกแบบขึ้นมาเฉพาะ และเปี่ยมด้วยสไตล์สปอร์ตจากการตกแต่งแบบแซนด์บลาสต์ (sandblasted) และซันบรัช (sunbrushed) มากไปกว่านั้น กลไกชุดนี้ยังถ่ายทอดความประณีตของการตกแต่งด้วยลายเกรนวงกลม และโคลิเมซง (colimaçon) 

ในแง่ของสไตล์ เข็มชี้เวลาชั่วโมงและนาทียังผ่านการตัดเหลี่ยมด้าน และเดินเส้นสายด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) ขณะที่หน้าปัดล้อมกรอบด้วยเครื่องหมายอินเด็กซ์ (indexes) เรืองแสง พร้อมทั้งขอบข้างสีเทาเข้ม บรรจุภายใน

ตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 39 มม. ส่วนภายนอกของ AIKON Skeleton Urban Tribe แกะสลักเลเซอร์ด้วยลวดลายอันซับซ้อนละเอียดอ่อน ซึ่งลวดลายอันหลากหลายเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างคอนกรีต กระจก และสตีล อันโดดเด่นของท้องถนน ในย่านอันโด่งดังของเมืองต่างๆ ที่ดูมีชีวิตชีวาที่สุดของโลก จนกลายมาเป็นนิยามของการออกแบบตัวเรือน ที่ผสานกับสายนาฬิกาข้อมือในที่สุด

เฉกเช่นเดียวกับนาฬิกา ไอคอน (AIKON) รุ่นอื่นๆ ทั้งหมด นาฬิการุ่นนี้ได้นำเสนอความสะดวกสบายสูงสุดอย่างไร้ที่ติสำหรับผู้สวมใส่ โดยการติดตั้งระบบ อีซีย์ สแตรป เอ็กซ์เชนจ์ ซิสเต็ม (Easy Strap Exchange System) ของแบรนด์ ซึ่งเป็นวิธีการอันง่ายดายและสะดวกต่อผู้ใช้งานในการถอดเปลี่ยนสลับสายแบบต่างๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์หรือเครืองมือช่วยใดๆ    

สเตเฟน วาเซอร์ (Stéphane Waser) ผู้อำนวยการบริหารของ Maurice Lacroix กล่าวย้ำว่า “ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 2021 เมื่อเราเปิดตัว AIKON Urban Tribe นาฬิการุ่นนี้ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก และหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว นับจากนั้นมา เราก็ได้รับเสียงเรียกร้องจำนวนมากสำหรับการสร้างสรรค์นาฬิกา Urban Tribe รุ่นใหม่ โดยที่นาฬิกา AIKON Skeleton Urban Tribe รุ่นใหม่นี้ได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการใช้หน้าปัดแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็นกลไกสเกเลตันรูปแบบพิเศษอันซับซ้อนละเอียดอ่อน และนี่คือ นาฬิกาที่สร้างขึ้นสำหรับวิถีชีวิตคนเมืองผู้ซึ่งรักในความตื่นเต้น และทัศนียภาพของเมืองใหญ่ โดยถอดต้นแบบโครงสร้างมาจากสิ่งก่อสร้างขนาดสูงผ่านชิ้นส่วนโครงสร้างต่างๆ มากมาย และเป็นจุดบรรจบกันระหว่างความเข้มแข็งกับความโปร่งใส ที่ให้ความรู้สึกบางเบาดุจอากาศ ซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะอันน่าประทับใจ และยังยกระดับชื่อเสียงของเราในการส่งมอบคุณค่าระดับสูงที่คุณจะรับรู้ได้อย่างแท้จริง โดยนาฬิกา AIKON Skeleton Urban Tribe ใหม่ ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือน เท่านั้น

Maurice Lacroix เปิดตัวนาฬิกา ‘AIKON Automatic Summer Limited Edition’ 

บูธ มอริซ ลาครัวซ์ (Maurice Lacroix) ได้มีการจัดมินิอีเวนท์ “Let’s color the summer with your AIKON” ขึ้นภายใต้งาน “Siam Paragon Watch & Jewelry Expo 2023” นำโดย ผู้บริหาร มอริส ลาครัวซ์ Mr. Marcel Gut (คุณมาแซล กู้ด) Global Sales Director of Maurice Lacroix ที่ให้เกียรติบินตรงจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์เพื่อมาร่วมงาน โดยมี คุณรวิศ เหตานุรักษ์ Manager Area Sales Indochina of Maurice Lacroix และ คุณดลพร พึ่งอมฤต Senior Marketing Executive (SEA) of Maurice Lacroix ให้การต้อนรับภายในงานครั้งนี้ด้วย

เพื่อเป็นการเปิดตัวนาฬิการุ่น ไอคอน ออโตเมติก ลิมิเต็ด ซัมเมอร์ เอดิชั่น (AIKON Automatic Summer Limited Edition) อย่างเป็นทางการ ซึ่งนาฬิกาคอลเลคชั่นพิเศษนี้จะมีความโดดเด่นของสีสันที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีสันแห่งฤดูร้อนในยุโรป

อาทิเช่น โทนสีชมพูพาสเทล (Ballerina Pink) โทนสีฟ้ามรกตของท้องทะเล (Tanager Turquoise) และ เฉดสีส้มที่สะท้อนสีของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวันในช่วงฤดูร้อน อย่างมีชีวิตชีวา (Orange Soda) โดยแต่ละรุ่นมีจำนวนจำกัดเพียง 888 เรือนทั่วโลก และภายในงานยังได้มีการจัดมินิคอนเสิร์ตขึ้นโดย คุณชิน ชินวุฒ อินทรคูสิน Maurice Lacroix Friend of Brand ที่มาโชว์พลังเสียงด้วยการร้องเพลงสดเพื่อสร้างสีสันความสนุกสนานให้กับสื่อมวลชน และแขกที่มาร่วมงานภายในบูธ โดยเลือกมาในชุดสไตล์โทนสีฟ้าดูสบายๆเข้ากันกับนาฬิกาที่สวมใส่คือ รุ่น AIKON Automatic Summer Limited Edition เฉดสีฟ้า (Tanager Turquoise) ได้อย่างลงตัว โดยภายในบูธยังได้นำนาฬิการุ่นต่างๆ มาเสนอสำหรับท่านที่สนใจให้ได้เลือกชมกันอีกด้วย

Maurice Lacroix เปิดตัวนาฬิกานักดำน้ำ PONTOS S Diver สำหรับภูมิภาคเอเชีย ณ โรงแรม W เกาะสมุย

เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Maurice Lacroix เปิดตัวนาฬิกานักดำน้ำ ปองโตส เอส ไดเวอร์ (PONTOS S Diver) ปี 2566 สำหรับภูมิภาคเอเชียขึ้นที่ประเทศไทย ณ โรงแรมหรู W Hotel บนเกาะสมุย หลังจากที่ได้จัดงานเปิดตัวสำหรับฝั่งยุโรปมาก่อนหน้านี้แล้วที่ ประเทศโครเอเชีย ในเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา งานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากกลุ่มพันธมิตรของ มอริส ลาครัวซ์ จาก 12 ประเทศทั่วเอเชีย และสมาชิก มอริส ลาครัวซ์  คลับ จากหลากหลายประเทศ รวมถึงสื่อของประเทศไทย ไม่เพียงเท่านั้นภาพในปีนี้ยังได้สื่อจาก 4 ประเทศ ได้แก่  เกาหลีใต้, ฮ่องกง, จีน และออสเตรเลีย เข้ามาร่วมงานเป็นครั้งแรกอีกด้วย

Mr. Stephane WaserManaging Director of Maurice Lacroix
Ms. Lidija lijiĆMaurice Lacroix Friend of the brand / Mr. Marcel GutGlobal Sales Director of Maurice Lacroix

สำหรับการจัดงานเริ่มขึ้นด้วย Welcome dinner อย่างเป็นกันเองในช่วงเย็นของวันที่ 8 มิถุนายน ท่ามกลางบรรยากาศสุดชิค แบบปาร์ตี้ริมสระน้ำ บริเวณใกล้ชายหาดของท้องทะเลแห่งเกาะสมุย ในโรงแรมหรูอย่าง W Hotel ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวและสวยงาม โดยมี คุณสเตฟาน วาเซอร์ กล่าวเปิดงาน Maurice Lacroix PONTOS S Diver รุ่นล่าสุดในเอเชียอย่างเป็นทางการ และร่วมสังสรรค์กับเหล่าบรรดาพันธมิตรจากประเทศไทย และ 12 ประเทศในเอเชีย ด้วยความสนุกสนานเป็นกันเองตลอดงาน

เช้าวันถัดมานับเป็นอีกหนึ่งในไฮต์ไลท์ของงาน คือการเปิดตัว Friend of the brand กับเธอคนนี้ Lidija lijiĆ นักดำน้ำฟรี ไดฟวิ่ง ดีกรีแชมป์โลก ผู้ซึ่งครองสถิติในการอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานานถึง 5 นาที 43 วินาที พร้อมเปิดตัวนาฬิกา PONTOS S Diver ที่เธอร่วมออกแบบเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในปีนี้ทางแบรนด์นาฬิกา Maurice Lacroix และ Lidija lijiĆ ได้จับมือร่วมกันในการพัฒนานาฬิกา PONTOS S Diver รุ่นล่าสุดนี้ ถือได้ว่าเป็นการหวนคืนสู่นาฬิกาดำน้ำของแบรนด์ที่ยังคงรักษาไว้อันจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงเฉกเช่นเจเนอเรชั่นแรกของปี ค.ศ. 2013 อีกครั้งและดียิ่งกว่าที่เคย

จนถึงช่วงบ่ายของวันที่ 9 มิถุนายน เวลาที่ทุกคนรอคอยคือ การขึ้นเรือยอร์ช ที่เตรียมไว้ถึง 2 ลำ โดยออกเดินทางไปพร้อมกันทั้งหมดเพื่อชมการดำน้ำแบบ ฟรีไดร์วิ่ง ของ ลีเดีย ที่ได้นำนาฬิกา PONTOS S Diver มาใส่ดำน้ำเพื่อพิสูจน์สมรรถนะจริงๆ กลางทะเลของเกาะสมุย ประเทศไทย ท่ามกลางบรรยากาศ ที่สนุกสนานบนเรือ อีกทั้งยังจอดลอยลำเพื่อให้ทุกๆคน ได้ลงเล่นน้ำทะเลไปพร้อมกับเธอได้อีกด้วย

โดยนาฬิกาเจเนอเรชั่นใหม่อย่างรุ่น PONTOS S Diver จาก Maurice Lacroix นั่นเป็นนาฬิกาที่ไม่หวั่นเกรงต่อสภาวะท้าทายของโลกใต้น้ำ ด้วยการหวนคืนสู่นาฬิกานักดำน้ำ เฉกเช่นเจเนอเรชั่นแรกของปี ค.ศ. 2013 สำหรับแบรนด์สวิสซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในแถบ Jura นี้ ยังคงรักษาไว้ซึ่งจิตวิญญาณของผลงานในรุ่นก่อน ที่เคยเปิดตัวครั้งแรกมาแล้วก่อนหน้านี้ แม้จะเป็นผลงานรุ่นใหม่ แต่แท้จริงแล้ว ผลงานรุ่นนี้ก็ยังคงถ่ายทอดงานออกแบบ และสืบทอดความหลงใหลของแบรนด์ในสไตล์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากไลฟ์สไตล์แห่งเมืองเช่นเดียวกัน และยังคงรักษาความต่อเนื่องที่สอดคล้องกับผลงานสร้างสรรค์รุ่นอื่นๆ PONTOS S Diver ใหม่นี้ ได้ผ่านการรังสรรค์ขึ้นอย่างเชี่ยวชาญภายในโรงงานการผลิตแห่งสวิส (Swiss Manufacture) ของบริษัท โดยแบรนด์เองเชื่อมั่นว่าหัวใจอันเป็นแก่นแท้นั้นไม่ควรเปลี่ยนแปลง

บรรจุภายในตัวเรือน 42 มม. นาฬิกา PONTOS S Diver มีให้เลือกในเวอร์ชั่น สเตนเลสสตีล และเป็นครั้งแรกกับการเผยโฉมเวอร์ชั่น ในรุ่นบรอนซ์ โดยประกอบด้วยเข็มชั่วโมงและนาทีผ่านการตกแต่งแบบเหลี่ยมด้าน และเดินเส้นลายด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) มากไปกว่านั้น เข็มนาทียังตกแต่งด้วยขอบสี ขณะที่เข็มชั่วโมงแสดงเวลาอย่างชัดเจนร่วมกับเครื่องหมายบอกเวลา หรือ อินเด็กซ์ (indexes) แบบนำมาติดบนหน้าปัด ตกแต่งเส้นลายด้วยการเคลือบสารเรืองแสง เครื่องหมายแสดงนาทีที่คมชัดและโดดเด่นยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการแสดงวันที่ซึ่งล้อมกรอบด้วยขอบแบบยกนูน ทำให้โดดเด่นขึ้นจากส่วนที่เหลือของหน้าปัด ซึ่งรายละเอียดนี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการอ่านค่าได้อย่างไร้ที่ติอีกด้วย 

เม็ดมะยมที่ออกแบบขึ้นเฉพาะและจัดวางตำแหน่งไว้ ณ ตำแหน่ง 2 นาฬิกา ได้มอบความสะดวกสบายให้กับผู้สวมใส่ในการปรับหมุนขอบ ตัวเรือนด้านในพร้อมทั้งบรรจุด้วยสเกลนับเวลา ขอบตัวเรือนปรับหมุนได้นี้ยังเป็นวิธีการใช้งานอันเป็นประโยชน์สำหรับการจับวัดค่าเวลาที่นำไปใช้ใต้น้ำ นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมเข็มวินาทีกลาง และการแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนเม็ดมะยมที่สองซึ่งติดตั้งอยู่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา มีไว้สำหรับปรับตั้งการแสดงต่างๆ และยังสามารถใช้ในการไขลานด้วยมือให้กับกลไก 

นาฬิกา PONTOS S Diver รุ่นล่าสุดนี้นำเสนอด้วยเวอร์ชั่นอันหลากหลาย ทั้งรุ่นสตีลซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกของหน้าปัดสีดำตกแต่งแบบลายเกรน หรือหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาว ขณะที่รุ่นบรอนซ์ซึ่งผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือน จับคู่มากับหน้าปัดสีน้ำเงินแบบลายเกรนซ่อนมิติอันลุ่มลึก ส่วนเม็ดมะยม ณ ตำแหน่ง 2 นาฬิกา ยังโดดเด่นด้วยลวดลายวงกลมตกแต่งด้วยสีสอดคล้องกัน ทำให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการมองเห็นได้เมื่ออยู่ใต้น้ำ ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ เอ็มแอล115 คาลิเบอร์ (ML115 calibre) ที่จัดวางไว้ ณ กลางหัวใจของนาฬิกา PONTOS S Diver ซึ่งไม่จำเป็นต้องไขลานด้วยมือเมื่อสวมใส่นาฬิกา สำหรับเวอร์ชั่นบรอนซ์มาพร้อมสายนาฬิกาถึงสองเส้น เส้นหนึ่งเป็นสายหนังสีน้ำเงินเข้มสไตล์วินเทจ ผสานด้วยโลโก้ M ของแบรนด์ และสายเส้นที่สองทำจากยางสีน้ำเงินเข้ม ปั๊มนูนด้วยชื่อ ‘Maurice Lacroix’ 

สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ ในเวอร์ชั่นสตีลจะมาพร้อมกับสายนาฬิกาถึงสามเส้นที่ตกแต่งด้วยสีสอดคล้องกัน ทั้งสายผ้าที่ตกแต่งด้วยชื่อแบรนด์ตัว M และสายยางอีกสองสาย ตกแต่งไว้ด้วยเอกลักษณ์ชื่อแบรนด์ Maurice Lacroix แบบนูน สำหรับรุ่นนี้ติดตั้งด้วยระบบถอดเปลี่ยนสายได้อย่างง่ายดายของ Easy Exchange System ซึ่งมอบวิธีการอันแสนสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานในการเปลี่ยนสลับเป็นสายอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ มาช่วย 

นาฬิกา PONTOS S Diver ได้หวนคืนกลับมาและดียิ่งกว่าที่เคย! รุ่นนี้ถือว่าเป็นผลงานของการทำงานระดับทีมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการคิดค้นเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัด และพัฒนาขีดความสามารถของ ลีเดีย พร้อมทั้งได้ผ่านการทดสอบภายใต้สภาวะสุดขั้วอย่างสูงสุด จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการสำรวจใต้น้ำ และยังคงเป็นนาฬิกาที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งานตามวิถีแห่งไลฟ์สไตล์ในเมือง สำหรับท่านที่สนใจนาฬิกา PONTOS S Diver สามารถสั่งจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ทั้งรุ่นสตีลหน้าปัดสีดำ และหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาว โดยรุ่นบรอนซ์มีจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนเท่านั้น และจับคู่มากับหน้าปัดสีน้ำเงินแบบลายเกรน สำหรับลูกค้าที่พรีออเดอร์ล็อตแรกเท่านั้น จะได้รับสายนาฬิกา 3 เส้นพร้อมกันทันที สนใจสอบถามข้อมูลนาฬิกาเพิ่มเติม หรือสั่งจองได้แล้ววันนี้ที่ มอริส ลาครัวซ์ บูติค 02-853-9742 หรือ LINE Official  @MauriceLacroixTH

Maurice Lacroix “Color My Night” 2023 เปิดตัวนาฬิการุ่น “AIKON Master Grand Date Technicolour”

มอริส ลาครัวซ์ ได้จัดงานเปิดตัว นาฬิกาคอลเลคชั่นพิเศษ! ไอคอน มาสเตอร์ แกรนด์ เดท เทคนิคคัลเลอร์ (AIKON Master Grand Date Technicolor) เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมอินดิโก้ โดยในงานครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้บริหาร มอริส ลาครัวซ์ นำโดย คุณมาแซล กู้ดผู้อำนวยการฝ่ายขายทั่วโลกของ มอริส ลาครัวซ์  (Mr. Marcel Gut, Global Sales Director of Maurice Lacroix) บินตรงจากสวิสเซอร์แลนด์ และ คุณ หลุยซ่า ฮาว ผู้จัดการฝ่ายขาย มอริส ลาครัวซ์ ประจำภาคพื้น เซาธ์อีสท์ เอเชีย (Ms. Louisa How, Maurice Lacroix Regional Sales Manager, SEA) มาร่วมงานเปิดตัวนาฬิกา ไอคอน มาสเตอร์ แกรนด์ เดท เทคนิคคัลเลอร์ ใหม่ นี้ด้วยตัวเอง 

โดยในงานนี้ คุณ หลุยซ่า ฮาว ยังได้พูดถึงแผนการของแบรนด์ที่จะเริ่มขยายตลาดในภูมิภาค เซาธ์อีสท์ เอเชีย ให้มากขึ้น และ เทรนด์ของตลาดนาฬิกาลักชัวรี่ ที่จะมุ่งเน้นเรื่องการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทาง มอริส ลาครัวซ์ ก็ได้ให้ความสำคัญ และถือได้ว่าเป็นผู้นำที่โดดเด่นในเรื่องนี้ เห็นได้จากนาฬิกาคอลเลคชั่น ไทด์ (#tide) ที่ได้เปิดตัวและประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เทรนด์นาฬิกาที่มีสีสันสดใส และมีดีไซน์ในแนวทาง unisex ก็กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น คุณรวิศ เหตานุรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย มอริส ลาครัวซ์ ภูมิภาค อินโดจีน (Manager Area Sales Indochina of Maurice Lacroix) ได้กล่าวถึงแผนการตลาดสำหรับประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในปีนี้ว่าจะสามารถโตขึ้นไปได้อีกถึง 50% และมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศลาวในเดือนมิถุนายน และประเทศเวียดนามในเดือนกรกฎาคมปีนี้ และยังคงมีแผนที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง

ในงานนี้ คุณปริญญา ศิริสินสุข (Maurice Lacroix Friends of The Brand) ศิลปินไทยแนวสตรีทอาร์ต หรือ ชื่อในวงการศิลปะคือ Benzilla ยังได้นำผลงานคอลเลคชั่นใหม่ ที่ได้รังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษ!โดยเฉพาะให้กับ นาฬิการุ่น ไอคอน ออโตเมติก ซัมเมอร์ อีดิชั่น (AIKON Automatic Summer Edition) มาให้สื่อมวลชนและแขกที่มาร่วมงานได้ชมกัน โดยผลงานคอลเลคชั่นพิเศษนี้ คุณเบนซิล่า ได้เน้นใช้โทนสีของหน้าปัดนาฬิกาคอลเลคชั่นนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงาน

นอกจากนี้ คุณลีต้าร์ พิมพ์นารา แสงเงิน ดีไซเนอร์แบรนด์นารา (Nara) และ ร้านเวหับ คอฟฟี่ (Vahap Coffee) ยังได้รังสรรค์ของพรีเมียมจากแบรนด์นารา และร้านเวหับ คอฟฟี่ เพื่อร่วมกับคุณเบนซิล่า มามอบให้กับสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานอีกด้วย

Maurice Lacroix x Benzilla คอลแลปบอเรชั่นของศิลปินไทยที่ดังไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่น

นาฬิกา AIKON #tide X BENZILLA คอลเลคชั่นที่ต่อยอดความสำเร็จจากประเทศไทยไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกด้วยการเดินทางไปร่วมเปิดงานและโชว์ผลงานแบบเต็มๆ ให้กับบรรดาแฟนคลับแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ประเทศญี่ปุ่นตามคำเชิญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางอากาศหนาวของเดือนพฤษจิกายนที่ผ่านมา โดยมีคุณปริญญา ศิริสินสุข (BENZILLA) ศิลปินชาวไทย ร่วมเดินทางไปกับ คุณเต้ รวิศ เหตานุรักษ์ (Maurice LacroixBrand Manager Thailand) ผู้ร่วมสร้างโปรเจคต์ AIKON #tide X BENZILLA อันโด่งดัง พร้อมกับ ดร.โอ๋ ปราโมทย์ เหรียญเจริญสุข (ML Club Thailand Co-Founder) และ คุณโจ้ สุวัฒน์ สุขกาย (ML Club Thailand Co-Founder) สองตัวแทนคนสำคัญของ ML Club Thailand ที่ร่วมเดินทางไปด้วยตามคำเชิญ เพื่อพบกับ คุณโคจิ นาคาซาว่า และเหล่าบรรดาแฟนคลับแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งให้การต้อนรับอย่างดีเป็นกันเอง และอบอุ่น

ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญของเหล่าตัวแทนจากประเทศไทยทุกคน ในการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมงาน Live Art Event Feat.BENZILLA by Maurice Lacroix ซึ่งเป็นงานเปิดตัวนาฬิการุ่น AIKON #tide X BENZILLA ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ อิชิดะ เบส (Ishida Best) ย่านชินจุกุ ใจกลางเมืองโตเกียว และ เอ.เอม.ไอ ปาร์โก้ (A.M.I. Pargo) ที่เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น โดยงานนี้ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับ BENZILLA ศิลปินชาวไทย

โดยเฉพาะ ซึ่งภายในงานเปิดตัว BENZILLA ศิลปินชาวไทยก็ได้ทำการโชว์วาดภาพลุค (Loook) อันโด่งดังกันแบบสดๆ ให้แฟนคลับชาวญี่ปุ่นได้ชมอีกด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ชาวญี่ปุ่นจะให้การยอมรับ และให้ความสนใจในตัวศิลปินต่างชาติขนาดนี้ 

รวมไปถึงการขอสัมภาษณ์และพูดคุยถึงแนวคิดสร้างสรรค์ของ BENZILLA ในฐานะที่เป็นศิลปินชาวไทยคนแรกที่ได้ร่วมสร้างคอลเลคชั่นนี้ จนมีโอกาสได้มาเปิดตัวถึงในประเทศญี่ปุ่น แต่ที่พิเศษไปมากกว่านั้นคือ เซอร์ไพรส์ขอบคุณที่ BENZILLA ตั้งใจไปมอบให้ ด้วยการวาดรูปใบหน้าของแฟนคลับชาวญี่ปุ่นลงบนกระเป๋าของขวัญสำหรับแจกในงาน ในสไตล์ของ BENZILLA เอง เพื่อมอบให้กับทุกๆ คนที่มาร่วมชมงาน ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนคลับชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นก้าวแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญส่งท้ายปลายปี ของแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ไทยแลนด์ ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ที่มอบให้กับคนไทยจริงๆ

สอบถามข้อมูลนาฬิกา มอริส ลาครัวซ์ ได้ที่ LINE Official Account @MauriceLacroixTH

rhunrun เรียบเรียง

เบื้องหลังความสำเร็จที่สวนกระแสของ Maurice Lacroix เรือนเวลาที่ทำยอดขายโตเกินเป้ากว่า 20% ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ปี 2563

ในปี 2564 ที่ผ่านมา มอริส ลาครัวซ์ ได้รับกระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งจุดเริ่มต้นของความสำเร็จกับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามนั้น เริ่มจุดประกายมาจากคอลเล็กชั่น Aikon รุ่น Limited Edition อย่าง Aikon Urban Tribe ที่เข้ามาไทยเพียง 24 เรือนเท่านั้น และได้ถูกจับจองหมดภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์ ถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่สำหรับแบรนด์เลยทีเดียว จนทำให้ทางแบรนด์ตัดสินใจที่จะจัดงานเลี้ยง เพื่อส่งมอบนาฬิกา ซึ่งเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ได้พรีออเดอร์กันเข้ามาล่วงหน้า ที่ห้องอาหารรีเดล เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยภายในงานนั้นทางผู้บริหารของแบรนด์ คือ คุณ Marcel Gut (คุณมาแซล กู้ด) Global Sales Director of Maurice Lacroix เป็นผู้เดินทางมาส่งมอบนาฬิการุ่น Aikon Urban Tribe ให้ถึงมือลูกค้าไทยด้วยตัวเอง 

นอกจากนี้แล้วการกำเนิดขึ้นของ Maurice Lacroix Club Thailand ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ แบรนด์เติบโตได้อย่างชนิดเรียกว่าก้าวกระโดด และอยู่ในกระแสนิยมของวงการนาฬิกาในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Maurice Lacroix Club Thailand นี้เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่มีความชื่นชอบและหลงใหลในนาฬิกาเป็นอย่างมาก และยังเป็นกลุ่มคนที่มีความชื่นชมในแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และมองว่าทางแบรนด์เองก็มีศักยภาพพอที่จะเติบโตเป็นที่นิยมและรู้จักมากขึ้น     

ซึ่งหลังจากที่ Maurice Lacroix Club Thailand ได้ก่อตั้งขึ้นผ่านทาง Facebook Group ก็เริ่มมีสมาชิกเข้ามาร่วมอยู่ในคลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ คลับมีสามชิกเกือบ 2,000 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจ และนิยมในแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ที่เพิ่มเยอะขึ้นในประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด  

โดยในปีที่ผ่านมาทางแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ได้มีการจัดกิจกรรมร่วมกันกับ คลับ อยู่เป็นประจำ และล่าสุดได้ร่วมกัน จัดประมูลนาฬิกา Aikon Urban Tribe เรือนสุดท้ายของโลก ผ่านทางคลับ โดยเงินที่ได้จากการประมูลนั้น ทางแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ได้มอบบริจาคให้แก่โรงพยาบาลเจ้าคุณทหารลาดกระบังเพื่อใช้ในการซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์  

ถึงแม้ในปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่พูดได้ว่า โรคระบาดโควิด-19 ยังมีผลกระทบในการดำเนินธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้านี้ แต่ผลประกอบการของทางแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ กลับถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากปี 2563 กว่า 60% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 20% 

ด้วยกระแสตอบรับที่ดี และความสำเร็จของแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ในประเทศไทยนี้เอง ทาง มอริส ลาครัวซ์ โกลบอล จึงได้ตัดสินใจที่จะเปิด บูติก มอริส ลาครัวซ์ คอนเซ็บใหม่ โดยจะใส่ความเป็น Urban Spirit ลงไป ซึ่งประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกของโลกที่จะเปิดบูติกคอนเซ็บใหม่นี้ โดยบูติกจะตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของเกสรวิลเลจ     

ในปีนี้ มอริส ลาครัวซ์ ยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นและแผนของทางแบรนด์ที่จะทำให้เป็นที่รู้จักในประเทศไทยในวงกว้างมากขึ้นโดยการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่เพิ่มอีกหนึ่งท่าน คือ คุณ ชิน ชินวุฒ นักร้องและนักแสดง ศิลปินชื่อดัง ที่มี character ตอบโจทย์กับสโลแกน #BeYourAikon ของแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ดังที่กล่าวไว้ได้อย่างชัดเจน  

เรียบเรียง rhunrun

A Watch for All Seasons

Maurice Lacroix เผยโฉมนาฬิการุ่นใหม่ โดยภูมิภาคนี้จัดขึ้นที่โกตากีนาบาลู ประเทศมาเลเซีย เป็นการเผยโฉมนาฬิกา AIKON รุ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น AIKON Venturer, AIKON Automatic: All Black, AIKON Automatic Mercury เป็นต้น โดยเริ่มจากงานดินเนอร์ในค่ำคืนแรกที่ทุกคนได้เห็นนาฬิการุ่นใหม่เหล่านี้ ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะได้สัมผัสนาฬิกาเหล่านี้อย่างใกล้ชิด 

ดัช – ณัฐกิจ แตงไทย

หนึ่งในคนที่มาร่วมงานอย่างดัช – ณัฐกิจ แตงไทยนายแบบและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่ชอบออกกำลังกายและเล่นกีฬากลางแจ้ง ดัชได้ลองสวมนาฬิกา Maurice Lacroix แต่ละแบบกับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันที่อยู่ที่นั่น อย่างการสวมนาฬิกา Maurice Lacroix AIKON Venturer ตอนเล่นเจ็ตสกี นาฬิกานี้ออกแบบมาสำหรับคนที่ชอบเล่นกีฬาและไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง ตัวเรือนสเตนเลสสตีลหน้าปัดขนาด 43 ม.ม. พร้อมวงหน้าปัด (bezel) เซรามิกหมุนได้ทิศทางเดียว กันน้ำได้ 30 ATM มาพร้อมสายสเตนเลสสตีล ดีไซน์โก้และสายยางสุดเท่

ดัชสวมนาฬิการุ่นนี้กับสายสเตนเลสสตีลก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายยางอย่างง่ายดายเมื่อจะลงเล่นเจ็ตสกี นาฬิการุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับคนชอบเล่นกีฬาและคนรักการผจญภัยโดยเฉพาะ พร้อมฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนชอบความท้าทาย Maurice Lacroix รุ่นใหม่ AIKON Venturer พร้อมจำหน่ายในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้

นอกจากนี้ยังมีรุ่น Aikon Automatic Chronograph ที่เป็นนาฬิกาเท่สไตล์สปอร์ตสามารถจับเวลาได้ โดยระบบฟังก์ชั่นต่างๆ ออกแบบมาเพื่อการใช้งานได้อย่างง่ายดาย ตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีล หน้าปัดขนาด 44 มม. ภายในมีหน้าปัดเล็กๆ จับเวลาเป็นวินาทีที่ 9 นาฬิกา จับเวลารอบละ 30 นาทีที่ 12 นาฬิกา จับเวลารอบละ 12 ชั่วโมงที่ 6 นาฬิกา เข็มและขีดบอกเวลาเป็น Rhodium plated กลไกอัตโนมัติ ML112 สำรองพลังงานนาน 48 ชั่วโมง ในประเทศไทยมีจำหน่ายเพียง 5 เรือนเท่านั้น

แต่ใครที่หลงใหลเสน่ห์ของสีดำ นาฬิกา Maurice Lacroix รุ่นใหม่ AIKON Automatic: All Black ทั้งตัวเรือนและสายเป็นสีดำโทนเดียวกันทั้งหมดรวมทั้งหน้าปัด 42 ม.ม. ไม่ว่าคุณจะแต่งตัวสไตล์ไหน นาฬิกาสีดำล้วนเรือนนี้คือเพื่อนคู่กายคุณเสมอ

ตัวเรือนสเตนเลสสตีลเคลือบสีดำ PVD ที่สวยและทนทานต่อการขูดขีด หน้าปัด black sun brushed Clous de Paris สวยเท่ ขีดบอกเวลาและเข็มนาฬิกาเคลือบ black Super-LumiNova เรืองแสงในที่มืด ทำให้อ่านเวลาได้อย่างง่ายดายในทุกสภาพแสง 

ใครที่ชอบดีไซน์หรูโก้ Aikon Automatic Mercury เท่สะดุดตาด้วยหน้าปัด 44 ม.ม. แบบ Skeketon ที่มีนวัตกรรมพิเศษในการดูเวลาที่เฉพาะคนสวมจะเห็นเวลาจริงเท่านั้น

เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ Mr. Stephane Waser ซึ่งเป็น Managing Director ของ Maurice Lacroix Ltd. โดยเขาบินมางานเปิดตัวนาฬิกานี้ เราจึงได้ถามคำถามสั้นๆ กับเขา

Mr. Stephane Waser

ทำอย่างไรให้ Maurice Lacroix แตกต่างจากนาฬิกาอื่นๆ ในตลาด

“นอกจากการพัฒนานวัตกรรมและดีไซน์ของนาฬิกาของเราให้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแล้ว กลุ่มเป้าหมายของเราก็มีความชัดเจนคือเป็นกลุ่มมิลเลนเนียล กลุ่มคนที่มองหานาฬิกาที่มีคุณภาพ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ระดับราคาของนาฬิกาสะสมหรือนาฬิกาคลาสสิก ในแง่ของฟังก์ชั่นและดีไซน์ของ Maurice Lacroix จะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านาฬิกาของเราจะเป็นนาฬิกาสะสมไม่ได้ เพียงแต่เราไม่ได้ไปเน้นที่กลไกที่ซับซ้อนอย่างตูร์บิญองเหมือนนาฬิกาสะสมทั้งหลาย ของเราจะเน้นที่พวกเขาสวมใส่ใช้งานจริง ใช้ในชีวิตประจำวันเลย และไม่ต้องทะนุถนอมมาก คือถ้าเป็นระดับของสะสมก็คงไม่ได้นำมาใส่จริงๆ คงจะเก็บไว้ดู”

อย่างนาฬิการุ่น AIKON ล่าสุดนี้มีอะไรที่คุณคิดว่าพิเศษที่แม้แต่นักสะสมก็คงอยากจะมีไว้

“อย่างที่บอกว่าเราเน้นนวัตกรรม ดังนั้น AIKON Automatic Mercury ที่คนทั่วไปจะมองเห็นเวลาเป็น 12 นาฬิกาเสมอ แต่ถ้าเจ้าของยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาก็จะแสดงเวลาจริง ซึ่งเราใช้ตุ้มถ่วงและแรงดึงดูดของโลกทำให้เกิดลูกเล่นเช่นนี้ ซึ่งผมคิดว่าจะโดนใจกลุ่มเป้าหมายหลักของเรา แต่คนที่ซื้อนาฬิกาเพื่อสะสมก็คงจะสนใจฟังก์ชั่นนี้ รวมทั้งดีไซน์ที่เป็น skeleton ที่ผมเชื่อว่าหลายคนชอบ เพราะเราได้เห็นความสวยงาม
ของกลไกที่ซับซ้อนของนาฬิกา”

จะเห็นว่าแม้จุดยืนของนาฬิกา Maurice Lacroix จะมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นชาวมิลเลนเนียลที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเองและชื่นชอบงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ แต่ขณะเดียวกันการพัฒนากลไกของนาฬิกาก็ยังเน้นนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งลูกเล่นที่บ่งถึงศาสตร์ของการทำนาฬิกาแบบสวิสที่ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

MAURICE LACROIX x FC BARCELONA WATCHES

นาฬิกานั้นก็ไม่ต่างจากสูท มันมีบริบทของมันพอตัว ใครที่สนใจเรื่องสูทย่อมรู้ดีว่า สีกลางวัน สีกลางคืน ผ้าหนา ผ้าบาง ลายกว้าง ลายแคบนั้นมีเหตุมีผลเสมอ #นาฬิกาก็เช่นกัน

ต้องไม่ซ้ำ!

หากว่าด้วยเรื่องการเล่นฟุตบอล นักเตะแต่ละคนย่อมมีสไตล์ เทคนิค วิธีการเล่นที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงกลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ในการออกแบบนาฬิกาคอลเลกชั่นพิเศษ ระหว่างนักฟุตบอลทีมบาร์เซโลน่าทั้ง 24 คน กับแบรนด์นาฬิกา Maurice Lacroix ภายใต้ความหรูหราตามแบบฉบับของแบรนด์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ‘เรือนเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และสื่อถึงความเป็นตัวตนของเหล่านักเตะ’ ซึ่งสำหรับพวกเขาที่เคยแสดงฝีเท้าแค่ในสนาม ได้ออกมาวาดลวดลายออกแบบนาฬิกา มันคือความท้าทายที่ ‘เงินไม่สามารถซื้อได้’

watch lopt th 1

ประสบการณ์ในการออกแบบ
แน่นอนนักเตะทั้ง 24 นี้คนพวกเขาคือ ‘วีระบุรุษ’ ในสนามฟุตบอลขนาด 115 หลาต่อ 74 หลา ที่รายล้อมไปด้วยแฟนบอลกว่า 80,000 คนในสนาม แต่ถ้าว่าด้วยเรื่องของนาฬิกาแล้วละ มอริส ลาครัวซ์คือ ‘ตัวจริง’ ในเรื่องของผู้นำด้านวัสดุที่ดีที่สุดในการผลิตนาฬิกา และสามารถออกแบบนาฬิกาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี

watch lopt th 2 watch lopt th 3

ขั้นตอนแรกคือการพูดถึงคุยความต้องการในวัสดุ สายนาฬิกา รายละเอียด นำเสนอออกมาเพื่อสเก็ตแบบ อย่าง เลียวเนล เมสซี, เนียมาร์, ลุยส์ ซัวเรซ, อันเดรส อีเนียสตา พวกเขาชื่นชอบนาฬิกาดำน้ำเป็นพิเศษ

watch lopt th 7 watch lop th 01

watch lopt th 4

วัสดุตัวเรือนที่มากับวัสดุโลหะชนิดใหม่ที่เรียกว่า Powerlite ซึ่งเป็นโลหะผสมชนิดใหม่ที่มีเฉพาะแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์เท่านั้น โดยเป็นส่วนผสมของธาตุ 5 ชนิด คือ อลูมิเนียม แม็กนีเซียม ไทเทเสี่ยม เซอร์โคเนี่ยม และเซรามิก คุณสมบัติเด่นของวัสดุชนิดนี้คือ มีน้ำหนักเบาที่สำคัญแข็งแรงกว่าเหล็กอีกด้วย นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคพิเศษ Anodisation หรือกระบวนการเคลือบแผ่นฟิล์มทางเคมี เพื่อให้มีความทนทานต่อสนิม และรอยขูดขีด ซึ่งวัสดุประเภทนี้มักใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต Formula 1 และยานอวกาศ ปิดท้ายด้วยผู้เล่นสามารถสั่งแกะสลักชื่อหรือข้อความพิเศษในส่วนของด้านบนของนาฬิกาได้อีกด้วย

watch lopt th 5

watch lopt th 6

watch lopt th 8

watch lopt th 9

ขอทิ้งท้ายไว้เด็ดๆว่า อีก 50 ปีข้างหน้า นาฬิกาที่มีมูลค่ามากที่สุดในท้องตลาดจะไม่ใช่เรือนเวลาปราบเซียนซับซ้อนถึงขีดสุด แต่จะเป็นนาฬิกาทั้ง 24 เรือนของพวกเขาต่างหาก 🙂