Posts

Maserati เปิดตัว Ghibli Hybrid ยนตรกรรม ผสานมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์เทพตรีศูลที่หรูหราและปราดเปรียวตามสไตล์รถสัญชาติอิตาลี

มาเซราติ ประเทศไทย เปิดตัว ‘กิบลี ไฮบริด’ (Ghibli Hybrid) ใหม่ เป็นยนตรกรรมที่ใช้การขับเคลื่อนแบบผสมผสาน ระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายตรีศูล

ปิยะเทพ ศิวากาศ, ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย เผยว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจ ที่ได้นำเสนอยนตรกรรมแห่งอนาคต ที่ได้นำเทคโนโลยีไฮบริดมาใช้เป็นครั้งแรก ให้กับลูกค้าในประเทศไทย ได้สัมผัสกับความล้ำสมัย ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์นทรงพลัง และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้สมรรถนะอันเหนือชั้น พร้อมความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น”

มาเซราติ กิบลี ไฮบริด ใหม่ นับเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์สุดท้าทายของค่ายตรีศูล ซึ่งเป็นเสมือนการก้าวสู่ยุคอนาคตอย่างเต็มตัว

สิ่งที่นับเป็นความท้าทายของโปรเจ็กต์นี้ก็คือ ผลิตรถไฮบริดอย่างไร ไม่ให้ส่งผลกระทบกับตัวตนของแบรนด์ ทำให้ กิบลี ไฮบริด ใหม่ เป็นหนึ่งในรถไฮบริดที่ดีสุดในโลก อีกทั้งยังคงเอกลักษณ์เสียงคำรามนดุดันไว้ได้อย่างครบถ้วน

การเปิดตัว กิบลี ไฮบริด ใหม่ ช่วยขยายไลน์อัพของ มาเซราติ ให้กว้างขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาด และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนของรูปลักษณ์

กิบลี ไฮบริด ผ่านการออกแบบใหม่โดย Centro Stile Maserati ทั้งภายนอกและห้องโดยสารดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ โดยสิ่งที่แสดงถึงความเป็นรุ่นไฮบริดก็คือ การนำสีน้ำเงินมาใช้เพื่อสื่อถึงเทคโนโลยีไฮบริดและโลกแห่งอนาคต

สีน้ำเงินถูกนำมาตกแต่งช่องระบายอากาศด้านข้าง 3 ช่อง, คาลิเปอร์เบรก และสัญลักษณ์สายฟ้าของโลโก้ตรีศูลบริเวณเสาซี ขณะที่เบาะในห้องโดยสาร ก็ผ่านการเย็บด้วยตะเข็บสีน้ำเงิน ส่วนกระจังหน้าก็ผ่านการออกแบบใหม่ ซี่กระจังมีลักษณะคล้าย ‘ส้อมเสียง’ (Tuning Fork) เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่มีเสียงใสชัด

ด้านของขุมพลัง Mild Hybrid

มาเซราติ นำเทคโนโลยีไฮบริดมาใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสมรรถนะ ลดการใช้เชื้อเพลิงและลดมลพิษ ซึ่งนับว่าสอดคล้องกับดีเอ็นเอของแบรนด์อย่างลงตัว

เทคโนโลยีไฮบริด สะสมพลังงานกลขณะลดความเร็วหรือเบรก เพื่อนำมาแปลงเป็นไฟฟ้า และชาร์จเข้าแบตเตอรี่ พร้อมติดตั้งท่อไอเสียที่ผ่านการปรับแต่งให้สามารถเปล่งเสียงคำรามตามแบบฉบับของยนตรกรรม มาเซราติ

นวัตกรรมขุมพลังไฮบริดสุดล้ำ เป็นผลลัพธ์จากมันสมองของทีมวิศวกรและฝ่ายเทคนิคของ มาเซราติ Innovation Lab ที่เมืองโมเดนา โดยผสานเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตรเข้ากับอัลเทอร์เนเตอร์ 48 โวลต์ และอิเล็กทรอนิกส์ซูเปอร์ชาร์จ (e-Booster) พร้อมแบตเตอรี่

รองรับ มีกำลังสูงถึง 330 แรงม้า (hp ) แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.
ใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 255 กม./ชม. นับเป็นเครื่องยนต์ไฮบริดโดดเด่น และเป็นผลงานแรกของเครื่องยนต์ยุคอนาคต ที่จัดผสมผสานสมรรถนะ, ความประหยัด และความเพลิดเพลินในการขับได้อย่างลงตัว ติดตั้งแบตเตอร์รี่บริเวณท้ายรถเพื่อความสมดุล และมีน้ำหนักโดยรวมเบากว่า กิบลี ดีเซล 80 กิโลกรัม

เชื่อมต่อโลกดิจิทัลครบวงจร ผ่านโปรแกรม Maserati Connect และ Maserati Intelligent Assistant โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานจาก Android Automotive ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับพร้อมอัปเดตฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ โดยอัตโนมัติ

มาเซราติ กิบลี ไฮบริด ใหม่ นับเป็นก้าวแรกสู่การทำทคโนโลยีไฮบริดมาใช้กับรถรุ่นอื่นๆ ในอนาคต วันนี้เราจะพาไปชมดีเทลและ test drive รถที่ปราดเปรียวและน่าหลงใหลคันนี้กันครับไปชมกันเลย

โลโก้ของสุดยอดยนตรกรรมจากอิตาลีนั้น ไม่เพียงการันตีความยิ่งใหญ่ด้วยผลงานแต่ยังมีเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย

The clash of logos

หากประเทศฝรั่งเศสภูมิใจว่าประเทศตัวเองมีเนยแข็ง 1,000 ชนิด ประเทศอิตาลีก็ไม่แพ้กันเพราะมียี่ห้อรถยนต์และจักรยานยนต์แทบนับไม่ถ้วน โลโก้ของรถเป็นรูปสัตว์ต่างๆ หรือเป็นลวดลายระดับมาสเตอร์พีซ ทุกลวดลายล้วนมีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง ในโลกแห่งการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องดีที่จะสามารถแยกแยะยี่ห้อรถยนต์แต่ละยี่ห้อได้ ผู้ผลิตรถยนต์ก็ทราบดีว่าการแข่งขันในโลกปัจจุบันทวีความดุเดือดขึ้นทุกวัน ถ้าบริษัทใหญ่ๆ เกิดขึ้นมาพร้อมกันในช่วงเวลาเดียวกัน (เหมือนช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 
ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทต่างๆ ต้องการเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่
ในเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในประเทศอิตาลี และต้องการ
ให้ชาติมีเสถียรภาพ) บริษัทใหญ่ๆ ต่างใส่ใจกับภาพลักษณ์ที่แสดงผ่านโลโก้เป็นพิเศษ ช่วงนั้นเป็นยุคที่โฆษณาไม่ต้องรอไวรัลมาร์เก็ตติ้ง หรือนักโฆษณามือฉมังโลโก้แต่ละอัน
มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ความหมายของตราแต่ละความหมาย
บอกเล่าความเป็นมาของตระกูลผู้ผลิตได้ บางทีอาจจะเป็นลักษณะเฉพาะของตลาดรถยนต์ในอิตาลีก็ได้ที่แสดงให้เห็นถึงผลต่อจิตใจคนและสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่รถยนต์มีต่อบริษัท
ผู้ผลิต ทั้งหมดเป็นความร่วมมือกันระหว่างผู้ผลิตที่หลักแหลมช่างยนต์ผู้ชาญฉลาด และศิลปินอัจฉริยะผู้เชี่ยวชาญเรื่องการผลิตรถยนต์ ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ไม่ได้ผลิตรถยนต์ออกมาเพื่อให้ใช้งานได้ตลอดไปหรือเป็นที่นิยม เป็นเทรนด์ เพียงช่วงใดช่วงหนึ่ง แต่ผลิตออกมาเพื่อให้ตราเครื่องหมายเป็นสัญลักษณ์ เป็นความสัมพันธ์ที่ทุกคนจดจำได้

  Lamborghini

logo-lamborghini_114700_wide

เฟรุชชิโอ แลมโบร์กินี ผู้สร้างตำนานรถสปอร์ตหรูแลมโบร์กินีและเป็นผู้ที่เกิดในราศีพฤษภ (สัญลักษณ์คือรูปวัว) เขามีความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์อยู่แล้วและยังเป็นแฟนตัวยงของการต่อสู้วัวกระทิงอีกด้วย เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีโลโก้อันไหนเป็นตัวเลือกได้ดีไปกว่ากระทิงอีกแล้ว (ใช้รูปแบบอักษรอินเตอร์สเตท)

  Ducati

146-1206-01-z+ducati+logo

ในช่วงปี 2009 ดูคาติสามารถทำยอดขายได้มหาศาลจึงมีการปรับเปลี่ยนโลโก้ให้เป็นรูปเกราะสีแดง (ในอิตาลีสีแดงหมายถึงชัยชนะ) ที่มีทางคดโค้งอันตรายอยู่ตรงกลาง แต่โลโก้ดั้งเดิมนั้นถูก
ออกแบบขึ้นตั้งแต่ปี 1927 แล้ว และมีการปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆ เป็นปกติ ถ้าลองย้อนกลับไปดูโลโก้เดิมอันโด่งดังที่มีคำว่า Course อยู่ด้วยนั่นก็เปลี่ยนหลังจากที่ทางดูคาติไปจับมือร่วมงานกับรถออดี้และสร้างรายได้เกือบพันล้านยูโร (ใช้รูปแบบตัวอักษรแบบแอเรียลสีดำตัวเอียง)

  Abarth

Abarth Logo 1

ใครจะเชื่อล่ะว่าคนใหญ่คนโตในอิตาลีหลายๆ คนจะเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ 
หรือเรื่องดาวเรื่องดวงกับเขาเหมือนกัน เช่นเดียวกับผู้ก่อตั้งบริษัทรถยนต์อย่าง
คาร์โล อบาร์ธ ที่เกิดในราศีพิจิก เราก็เลยเห็นสัตว์แปดขาอย่างแมงป่องขึ้นโชว์
อยู่ในโลโก้ของรถอบาร์ธด้วย ส่วนสีแดงและสีเหลืองสะท้อนถึงรักแรกๆ ของตัวอบาร์ธเอง พื้นหลังที่เหลือนั้นหมายถึง ความชอบ ความจริงจัง พละกำลัง
และความสุข (ใช้รูปแบบตัวอักษรแบบไมโครแกรมมาตัวเข้ม ดี เอ็กเทนดิด)

  Laverda

preview-Laverda

โลโก้ลาเวอร์ดามีขึ้นตอนปี 1947 บริษัทยักษ์ใหญ่นี้มีบริษัทในเครือที่ผลิตสินค้าหลายอย่าง ทั้งเครื่องจักร
ที่ใช้ในเกษตรกรรม หรือส่งออกสินค้าไปทั่วโลก ซึ่งเราสามารถรู้ได้แน่นอนว่าสินค้าของลาเวอร์ดาเป็นของอิตาลี เพราะตราโลโก้เป็นรูปธงชาติอิตาลีนั่นเอง สำหรับชาวคูเวตแล้วไม่มีใครที่ไม่รู้จักแบรนด์นี้แน่นอน เพราะรถจักรยานยนต์ของตำรวจที่นั่นเป็นของ
ลาเวอร์ดาแทบทั้งหมด

  Benelli

preview-Benelli103

แรกเริ่มเดิมทีเบเนลีเป็นเพียงอู่ซ่อมรถจักรยานยนตร์
ธรรมดาเท่านั้น แต่ในปี1920 ครอบครัวเบเนลีตัดสินใจผลิตรถมอเตอร์ไซค์ขายเอง และภายใต้การดูแลของพี่น้องชายล้วนทั้งหกคน รถแบรนด์เบเนลีมีการพัฒนาจนได้รับรางวัลมากมาย ทั้งในอิตาลีเองและระดับยุโรป เบเนลีจึงกลายเป็นชื่อที่โด่งดัง
ขึ้นมา เจ้าของปัจจุบันที่เป็นชาวจีนสั่งลดโลโก้ให้เรียบง่ายที่สุด โดยเหลือไว้แค่ตัวชื่อเบเนลี (ใช้รูปแบบตัวอักษรแบบเดอร์ริงเจอร์ซีเรียล)

  MV Agusta

mv-agusta

ตัวอักษร MV เป็นตัวย่อของชื่อ Meccanica Verghera ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทการบิน
ที่ก่อตั้งโดย โจวานนี ออกัสตา โดยลูกชายของเขาคนนี้เองที่เป็นผู้ริเริ่มไอเดียของการทำรถจักยานยนต์ขึ้นมาเพื่อใช้ในการแข่ง เพราะฉะนั้นแล้วไม่ต้องแปลกใจถ้าบนโลโก้จะมีรูปปีกเครื่องบินติดมาด้วย (เหมือนแบบตราอินซิกเนียกับเบิร์ตแรม)

  Ferrari

Ferrari_GES

ท่านเคาท์ฟรานเซสโก บารัคคา สามารถเอาสองเรื่องนี้ไปโม้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานฟังได้อีกนานทีเดียว หนึ่งคือเรื่องชื่อของเขากลายเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จัก เรื่องที่สองคือของนำโชคของเขาที่เป็นรูปม้ายืนสองขาที่ติดอยู่บนเครื่องบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งไปเตะตา เอนโซ เฟอร์รารี่ เข้าอย่างจัง เขาจึงให้ดีไซเนอร์รุ่นเยาว์ชื่อเอลโจ จี. เอารูปม้าไปใช้ออกแบบเป็นโลโก้ให้กับบริษัท Scudreria Ferrari และมีพื้นหลังสีเหลือง
ที่เป็นสีของเมืองโมเดนาพร้อมกับธงชาติอิตาลีติดอยู่ตรงขอบด้านบนอีกด้วย

  Gilera

gilera-logo-wallpaper-765x1024

นอกจากรถยี่ห้อนี้จะได้
รางวัลแชมเปี้ยนระดับโลก
ถึง 6 รางวัลแล้วก็ตาม 
บริษัท Gilera ยังมีจุดเด่น
อยู่ที่สินค้าตัวท็อปอย่าง
รถมอเตอร์ไซค์สกูตเตอร์ รุ่น GP800 ที่ทางบริษัท
บอกว่าเป็นรุ่นที่เร็วที่สุดในโลก
อีกด้วย (เหมือนคอลอสเซียม)

  Alfa Romeo

alfa_romeo

หลังจากมีโลโก้มา 6 แบบ อันนี้เป็นอันเดียวที่รูปงูเปลี่ยนไปเป็นแบบเรียบง่ายขึ้น (งูเป็นอาวุธประจำของครอบครัว Visconti ซึ่งถือว่ามีอำนาจมากที่สุดใน
มิลาน) และส่วนไม้กางเขนสีแดงมีความเกี่ยวเนื่องกับ
โจวานนี เดอ ริโอ ที่เขาสามารถปีนกำแพงเยรูซาเล็ม
เพื่อไปปักกางเขนได้เป็นคนแรก งูที่สวมมงกุฎอยู่นั้นเป็นสัญลักษณ์ของการเชิดชูบุคคลสำคัญอย่างออตตาวิโอ วิสคอนติ เพราะในศตวรรษที่ 5 เขาสามารถฆ่างูน่ากลัวตัวหนึ่งที่เข้ามาในมิลานได้ (ใช้ตัวอักษรฟิวเชอร่าตัวเข้ม)

  Maserati

marque-maserati

มาริโอ มาเซอราติ หนึ่งใน 6 พี่น้องที่ร่วมก่อตั้งด้วยกันมา เขาเป็นผู้ที่ชื่นชอบการวาดรูปมาก จึงได้เป็นคนคิดโลโก้รูปอาวุธสามง่ามของเทพเนปจูนขึ้น ซึ่งในเวอร์ชั่นแรกสามง่ามอันนี้เป็นสีขาวอยู่บนพื้นหลังสีน้ำเงิน (ใช้รูปแบบตัวอักษรแบบเบมโบ เอสทีดีตัวเข้ม)

Content by Editorial Team