Posts

Apple & Mango Jam and How to canning.

ช่วงนี้หลายๆ บ้านเร่ิมมีผลไม้ที่รับประทานไม่หมด แทนที่จะนำไปทิ้งขว้าง เราลองมาทำเป็นแยมดู คุณอาจจะมีแยมรสชาติใหม่ๆ ที่คุณสร้างสรรค์สูตรเอง อย่างคราวนี้มีทั้งแยมแอปเปิ้ลผสมมะม่วงสุกเพิ่มความจี๊ดด้วยมะปรางรสออกเปรี้ยวนำ

ช่วงนี้หลายๆ บ้านเร่ิมมีผลไม้ที่รับประทานไม่หมด แทนที่จะนำไปทิ้งขว้าง เราลองมาทำเป็นแยมดู คุณอาจจะมีแยมรสชาติใหม่ๆ ที่คุณสร้างสรรค์สูตรเอง อย่างคราวนี้มีทั้งแยมแอปเปิ้ลผสมมะม่วงสุกเพิ่มความจี๊ดด้วยมะปรางรสออกเปรี้ยวนำ และมีแยมกล้วยหอม(สูตรลงวันพรุ่งนี้ เพราะวันนี้แบ่งพื้นที่มาเล่าการฆ่าเชื้อบรรจุขวดแยม) การกวนแยมไม่ยากเลย ขอให้ใช้ภาชนะเคลือบจะดีกว่าสเตนเลสหรืออะลูมิเนียม เพราะกรดในผลไม้อาจจะทำปฏิกิริยาบางครั้งทำให้ได้สีแยมไม่สวย

ในครอบครัวของเรามักจะสอนให้ไม่ทิ้งขว้างอะไรที่จะแปรรูปได้ แต่วิถีชีวิตปัจจุบันที่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงาน เลยทิ้งมากกว่าทำใหม่อย่างที่ยายเคยสอน จนมาถึงวิกฤติไวรัสนี่แหละที่ต้องกักตัวทำงานจากที่บ้าน ก็มีเวลาในบ้านเยอะ ผลไม้ที่ซื้อมารับประทานไม่ทันก็ไม่อยากจะทิ้งขว้างเพราะเสียดาย จึงเกิดเป็นแยมชนิดต่างๆ ซึ่งทำง่ายแสนง่าย แต่ใช้เวลากวนแยมนี่แหละที่นานหน่อยไม่ต่ำกว่า 1- 2 ชั่วโมง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำเลยในยามทำงานปรกติ

อย่างแรกคือแยมแอปเปิ้ล มะม่วงและมะปราง จริงๆ ไม่มีสูตรตายตัวอะไรเพราะเอาผลไม้ที่รับประทานไม่ทันมาทำแยม แต่หลักการทำแยมคือการใช้ผลไม้ที่มีเพคติน(pectin)ซึ่งเป็นสารที่มีในผนังเซลล์ของพืชช่วยสร้างความหนืดเพื่อทำให้แยมอยู่ตัวคล้ายเจลลี สารนี้นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร แต่ปรกติผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจะมีแพคตินมากอยู่แล้ว ผลไม้ที่เรานำมาทำแยมคราวนี้จึงไม่ต้องพึ่งการเติมเพคตินซึ่งมีราาแพงใดๆ แต่ใช้เนื้อกับเปลือกผลไม้ในสัดส่วนที่เหมาะสม

แอปเปิ้ลเมื่อเรานำมาเคี่ยวกับน้ำตาลจะได้ซอสแอปเปิ้ลไม่เป็นแยม ถ้าเติมน้ำมะนาวหรือเพคตินลงไปจะทำให้มีความอยู่ตัวมากขึ้นจะไ้ดเนื้อสัมผัสแบบแยมที่ต้องการ ครั้งนี้เรามีมะม่วงและมะปรางรวมทั้งเติมน้ำมะนาวเลมอนเข้าไปด้วย จึงได้เนื้อแยมที่มีมีความเป็นเจลลีเล็กๆ นอกจากน้ำมะนาว มะปรางที่ฝานเอาแต่เนื้อติดเปลือกนี่แหละที่เสริมเพคตินให้กับแยมนี้

อุปกรณ์ที่ต้องมีไว้ใกล้ตัวตอนกวนแยมคือยาสีฟัน เอาไว้ทาผิวที่ปวดแสบปวดร้อนเพราะโดนแยมร้อนๆ กระเด็นใส่ โดยเฉพาะมือที่จับไม้พายคนแยม ขั้นตอนการกวนแยมนี่จะต้องระวัง อย่าให้เด็กๆ ทำเอง เพราะถึงช่วงที่แยมเร่ิมข้นจะเป็นคล้ายโคลนเดือดที่กระเด็นไม่มีทิศทาง ต้องใช้ไม้พายไม้ด้ามยาวๆ(หรือทัพพี่ด้ามยาว แต่ไม่ใช่ช้อนแน่ๆ) กวนแยมไปเรื่อยๆ แล้วให้ตัวเราอยู่ห่างๆ จากหม้อแยมบนเตา แต่ช่งไหนเราจะพักให้เอากระชอนมาวางปิดด้านบนของหม้อ เราจะปิดหม้อด้วยฝาไม่ได้เพราะแยมจะเดือนพล่านและกระเด็นใส่เวลาเราเปิดฝาหม้อ ได้ปวดแสบปวดร้อนแน่ๆ     

ส่วนการทดสอบว่าแยมได้ที่หรือยัง แน่นอนว่าปริมาณของส่วนผสมต้องงวดลงไปเหลือประมาณ 1 ใน 3 ส่วน แต่วิะธีสากลที่เขาใช้ทดสอบแยมก็คือนำเอาจานเซรามิก(จานรองกาแฟก็ได้ สีอ่อนๆ หรือสีขาว)ใส่ในช่องฟรีซให้เย็นจัด เมื่อจะทดสอบ ให้เอาส่วนผสมแยมหยดลงไป ถ้าเป็นก้อนและผิวตึงๆ เหมือนมีแผ่นฟิลม์คลุมอยู่ แตะๆ ผิวหน้าหยดแยมจะย่น แสดงว่าใช้ได้ แต่ถ้าเหลวไม่เป็นหยดเป็นก้อนแสดงว่ายังใช้ไม่ได้

Apple & Mango Jam

จริงๆ สัดส่วนต่างๆ ให้ไว้คร่าวๆ เพราะจริงๆ แล้วผลไม้ที่เรามีในบ้านและเห็นว่าควรนำมากวนเป็นแยมมีแค่ไหนก็เอามาทำได้ ขยายสัดส่วนของน้ำตาลทรายไปตามส่วน แต่น้ำมะนาวนี่สำหรับมะนาวเลมอนลูกใหญ่ใช้แค่ครึ่งลูกก็พอ ถ้าใช้มะนาวไทยผลเขียวๆ ก็สัก 1 ลูก แต่ก็ขึ้นกับรสเปรี้ยวที่ต้องการ ถ้าอยากจะใช้มะนาวเลมอนทั้งผลก็ได้ ส่วนการฝานผิวมะนาวนั้นอย่าเอาส่วนที่เป็นเนื้อขาวๆ ติดมาด้วยเพราะจะขม ใช้แต่ผิวสีเหลืองๆ 

เครื่องปรุง

แอปเปิ้ลหั่นเล็กๆ 2 ถ้วยตวง

มะม่วงสุกหั่น 2 ถ้วยตวง

มะปรางหั่น 1 ถ้วยตวง

น้ำมะนาวเลเมอน 1/2 ลูก

ผิวมะนาวหั่น 1/2 ลูก

น้ำตาลทราย 2 ถ้วย

วิธีการปอกมะม่วงสุกสำหรับทำขนมที่ต้องการเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เรามีวิธีง่ายๆ ดังที่เคยแนะไป คือฝานมะม่วงทั้งเปลือกมาซีกหนึ่ง ใช้ปลายแหลมของมีดกรีดลงไปเป็นลายตาราง จากนั้นก็พลิกให้เนื้อมะม่วงกลับออกมา ค่อยๆ ใช้ปลายมีดแซะเอาเนื้อออกจากเปลือก วิธีนี้ง่ายและสะดวกสำหรับคนปอกมะม่วงไม่เก่ง 

แอปเปิ้ลให้ปอกเปลือกแล้วหั่นเอาแต่เนื้อไม่เอาแกนหรือไส้กลาง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ

มะปรางฝานเอาทั้งเนื้อและเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ทิ้งเม็ดไป

นำผลไม้ที่เตรียมไว้ใส่ลงในหม้อที่จะกวนแยมรวมทั้งผิวมะนาวเลมอนที่เตรียมไว้(หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก็ได้) ใส่น้ำมะนาว ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้เข้ากัน นำไปตั้งบนไฟกลาง คนเป็นพักๆ จนน้ำในผลไม้ออกมาต้มให้เนื้อผลไม้สุก ระยะนี้อาจจะต้องคนบ่อยหน่อย อย่าลืมว่าให้ใช้ไม้พายหรือทัพพีด้ามยาวๆ อย่าเอามือหรือตัวไปใกล้หม้อที่กวนแยม 

พอส่วนผสมงวดลงและเปลี่ยนสีเข้มขึ้น เราควรกวนอย่างสม่ำเสมอ ตอนนี้แหละที่เนื้อแยมจะเหมือนโคลนเดือน ต้องระวัง กวนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมพร่อมลงไปเหลือ 1 ใน 3 ส่วน เอาจานเซรามิกที่แช่ช่องฟรีซไว้มาทดสอบความอยู่ตัวของแยมดังที่บอกไว้ ถ้าได้ที่ให้ยกลง

การนำแยมบรรจุขวด(Canning)

เคยแปลกใจไหมว่าทำไมแยมที่ยังไม่เปิดฝาสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิห้องเป็นปี เพราะเขามีการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้เกิดอาหารเน่าบูดในภาชนะที่บรรจุ หรือเรียกว่าการสเติริไรซ์ แต่สำหรับการบรรจุแยมลงในขวดด้วยกรรมวิธีฆ่าเชื้อนี้เราเรียกว่า canning 

ขวดแยมที่มีฝาปิดแบบฝาเกลียวนี้หาซื้อได้ทั่วไปตามแผนกเครื่องครัว และร้านขายเครื่องแก้วจานชามถนนรอบนอกด้านหลังตลาดนัดจตุจักร ร้านเหล่านี้เปิดขายทุกวันแม้ช่วงนี้ก็เปิด หรือคุณจะโทรสั่งหรือสั่งออนไลน์กับห้างสรรพสินค้าเจ้าประจำก็ได้ในช่วงอยู่บ้านนี้

การฆ่าเชื้อเราจะทำทั้งขวดและฝา หลังจากล้างด้วยน้ำยาล้างจานตามวิธีปรกติ นำมาพักหรือตากแดดให้แห้ง ขวดแก้วแบบฝาเกลียวที่บนชิ้นฝาจะมีรอยนูนเล็กๆ รอยนูนนี้เอาไว้ทดสอบว่าอาหารที่เราบรรจุไปนั้นสะอาดปลอดเชื้อไหม ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้อาหารเน่าเสียรอยนั้นจะนูยขึ้น คือกดลงอย่างไรอีกไม่นานก็นูนขึ้นอีก เราควรเอาอาหารในขวดนั้นมารับประทานเสียโดยไว แต่ถ้าเก้บไว้นานแล้วรอยนั้นูนขึ้นแสดงว่ามีเชื้อแบคทีเรียและอาหารนั้นเสียไม่ควรรับประทาน

เรานำทั้งขวดและฝาที่มียางเล็กๆ ลงไปต้มในน้ำเดือด วิธีทำก็คือในหม้อที่เราจะต้มขวดฆ่าเชื้อนั้นให้มีแผ่นลวดรอง(ที่วางของร้อนที่ทำจากโลหะก็ได้) ไม่ให้ขวดสัมผัสกับก้นหม้อตรงๆ เติมน้ำให้สูงจากก้นหม้อหรือท่วมขวดราว 1 นิ้วหรือมากกว่าเล็กน้อย นำไปต้มจนน้ำเดือด นี่คือการฆ่าเชื้อ ใช้คีมคีบอาหารคีบเอาขวดออกมาวางพักไว้ ส่วนฝานั้นให้คีบออกมาวางบรกระดาษทิชชูสำหรับใช้งานครัวที่สะอาด เช็ดให้ฝาแป้ง แต่อย่าเอามือเราไปโดนฝาที่ต้มฆ่าเชื้อแล้ว 

ตักแยมร้อนๆ ใส่ลงในขวด เหลือพื้นที่ก่อนจะถึงขอบฝาขวดราว 1/4 นิ้ว ปิดฝาให้แน่น ใช้กระดาษทิชชูสะอาดๆ กันไม้ให้มือเราสัมผัสขวดหรือฝาขวดตรงๆ จากนั้นเรียงขวดลงในหม้อต้มแบบเดิมคือมีขดลวดหรือที่รองของร้อนวางก้นหม้อไม่ให้ก้นขวดสัมผัสก้นหม้อ ใส่น้ำลงไปให้สูงจากก้นขวดราว 2 นิ้ว ต้มในน้ำเดือนราว 10 นาที หมายถึงน้ำเร่ิมเดือดแล้วค่อยจับเวลา คีบเอาขวดแยมออกมาวางพักไว้ ถ้าขวดไหนที่ฝาด้านบนไม่บุ๋มลง(ปรกติบนฝาขวดบรรจุแยมจะมีรอยนูนเล็กๆ ตรงกลาง ถ้าอาหารเราปราศจากเชื้อแบคทีเรียและเราทำขั้นตอนฆ่าเชื้อดีรอยนี้จะบุ๋มลงไปนูนขึ้น) หากรอยตรงฝานูนขึ้นแสดงว่าให้รีบรับประทานอาหารในขวดนั้น เพราะไม่วามารถจัดเก็บได้ในอุณหภูมิห้องนานๆ 

ส่วนแยมนั้นถ้าคุณเปิดฝาขวดเพื่อรับประทานแล้วต้องนำไปแช่ตู้เย็น และไม่เก็บไว้นานเกิน 1 เดือนในตู้เย็น แต่แยมที่คุณบรรจุขวดได้ดี สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้เรื่อยๆ หลายเดือนหรือเป็นปีโดยที่ยังไม่เปิดฝา ให้สังเกตว่ารอยนุนบนฝาไม่ปรากฏ แต่ถ้ามีรอยนูนเกิดขึ้นหลังจากเก็บไม่ถึงอาทิตย์ให้รีบนำมารับประทานเสียโดยไว แต่ถ้าเก็บไว้นานแล้วแสดงว่าอาหารในขวดนั้นมีเชื้อแบคทีเรีย ให้ทิ้งไปเสีย     

Banana & Mango Crumble

ช่วงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติแบบนี้เราเริ่มจะมีอาหารและผลไม้ที่รับประทานไม่หมด เรามาแปรรูปอาหารกัน อย่างกล้วยหอมนี่ทำขนมได้หลายอย่างมาก มะม่วงสุกก็เช่นกัน ช่วงนี้มีเยอะมาก เรานำมาทำขนมได้ง่ายๆ คือง่ายจนใครๆ ก็ทำได้  แล้วออกมาอย่างไรก็อร่อย ไม่ต้องเกรงว่าขนมจะขึ้นฟูสวยไหมเพราะไม่ใช่เค้กหรือขนมปัง

ช่วงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติแบบนี้เราเริ่มจะมีอาหารและผลไม้ที่รับประทานไม่หมด เรามาแปรรูปอาหารกัน อย่างกล้วยหอมนี่ทำขนมได้หลายอย่างมาก มะม่วงสุกก็เช่นกัน ช่วงนี้มีเยอะมาก เรานำมาทำขนมได้ง่ายๆ คือง่ายจนใครๆ ก็ทำได้ แต่ถ้าให้เด็กๆ ทำเองขั้นตอนการทำคาราเมลอยากจะให้ผู้ใหญ่เป็นคนทำให้ เพราะน้ำตาลไหม้จะมีอุณหภูมิสูงมาก และเวลารินนมลงไปจะเกิดไอน้ำและฟองฟู่แรงจะลวกมือได้ ต้องระวัง 

แต่ถ้าอยากข้ามขั้นตอนนี้ คือไม่ทำคาราเมลก็ไม่ยาก แค่เอาน้ำตาลทรายในส่วนของการทำคาราเมลไปคลุกกับผลไม้ที่หั่นไว้แล้ว(ส่วนนมในส่วนผสมคาราเมลนั้นให้ตัดออก) แบบนี้ก็ได้ขนมครัมเบิ้ลที่อร่อยเหมือนกัน เผื่อนิดหน่อย ถ้าใช้น้ำตาลทรายแดงเพิ่มอีกสัก 2 ช้อนโต๊ะก็จะให้กลิ่นที่หอมกว่าใช้แค่น้ำตาลทรายขาว(สำหรับคนที่ไม่ทำคาราเมล แล้วใช้แค่น้ำตาลคลุกกับผลไม้นะ)

ส่วนการผสมแป้งให้ใช้มือบี้ๆ เนยกับแป้งและน้ำตาลทรายให้เข้ากัน วิธีนี้ดีที่สุดแล้ว คนทำพายก็จะทราบว่าใช้มือบี้แป้งให้เป็นเม็ดๆ ดีกว่าใช้อุปกรณ์ใดๆ สมัยก่อนคนจะคิดว่ามือเรามีอุณหภูมิร่างกายจะทำให้เนยละลาย จริงๆ ไม่ขนาดนั้นเพราะเราบี้ให้แป้งรวมกับเนยเป็นเม็ดเล็กๆ แล้ว เนยไม่ได้ละลายเป็นน้ำมันเนย

รับประทานครัมเบิ้ลตอนอุ่นๆ อร่อยกว่าตอนเย็น ตักครัมเบิ้ลใส่ในถ้วยสำหรับเสิร์ฟ ตักไอศกรีมวาินิลลาลงไปสักก้อน แม้ไอศกรีมจะละลายบ้างแต่ก็กลายเป็นซอสวานิลลาที่เข้ากันกับครัมเบิ้ลอย่างเหมาะเจาะ แล้วกล้วกับมะม่วงสุกจะทำให้คุณได้ครัมเบิ้ลที่อร่อยไปอีกแบบต่างจากแอปเปิ้ลครัมเบิ้ลที่คุ้นเคย   

เครื่องปรุง

กล้วยหอม 2 ผล

มะม่วงสุก 2 ผล

น้ำมะนาวเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ

ผงอบเชย 1/2 ช้อนชา

ถ้าไม่ทำคาราเมลให้เพิ่มน้ำตาลในขั้นตอนนี้ น้ำตาลทรายขาว 3/4 ถ้วย และน้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

เปิดเตาอบ 180 องศาเซลเซียส

นำมะม่วงมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ วิธีการหั่นมะม่วงแบบไม่ปอกเปลือกก็ดังรูปภาพ คือเราฝานเอามะม่วงมาซีกหนึ่ง จากนั้นใช้มีดปลายแหลมกรีดลงในเนื้อมะม่วงเป็นเส้นทแยง จากนั้นก็กรีดอีกแนวให้เป็นตารางสี่เหลี่ยม พลิกเปลือกมะม่วง เราจะได้เนื้อมะม่วงเป็นชิ้นเล็กๆ ใช้ปลายมีดแซะออกจากเปลือก

ส่วนกล้วยหอมเราปอกเปลือกหั่นเป็นแว่นๆ รินน้ำมะนาว(ใช้มะนาวไทยก็ได้แต่รสจะเปรี้ยวกว่า)ลงไปคลุกกับกล้วยหอมเพื่อกันไม่ให้กล้วยเป็นสีคล้ำ นำไปใส่รวมกับมะม่วงที่หั่นแล้ว ถ้าจะไม่ทำคาราเมลก็ให้เอาน้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย มาใส่ในผลไม้คลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้าต้องการใส่ผงอบเชยป่นก็ใส่ตอนนี้ ถ้าไม่ชอบกลิ่นจะไม่ใส่ก็ได้ อย่าลืมเพิ่มน้ำตาลทรายแดงสัก 2 ช้อนโต๊ะจะทำให้ขนมหอมยิ่งขึ้น ส่วนนมในส่วนผสมคาราเมลก็ไม่ต้องใส่ ตัดทิ้งได้เลย ถ้าให้เด็กๆ หัดทำขนมเองอยากให้ข้ามขั้นตอนทำคาราเมลไปเลยเพราะต้องทำอย่างระวัง ก็ใช้แค่การคลุกผลไม้กับน้ำตาลทรายก็อร่อยเหมือนกัน

แต่ถ้าเราทำคาราเมลก็ให้เอาผลไม้คลุกกับน้ำมะนาว พักไว้ จะใส่ผงอบเชยก็ใส่ได้ตอนนี้ บางคนไม่ชอบกลิ่นจะไม่ใส่ก็ได้

ส่วนผสมคาราเมล

น้ำตาลทราย 1 ถ้วย

นม 1/4 ถ้วย

วิธีทำคาราเมล

ทำคาราเมลโดยการตั้งหม้อที่มีน้ำตาลทรายบนไฟกลาง ปล่อยไว้จนน้ำตาลละลายกลายเป็นน้ำตาลไหม้ พอเหลือน้ำตาลทรายบางส่วนค่อยใช้ช้อนคน จากนั้นให้รินนมลงไป ตอนนี้จะเกิดไอน้ำและฟองฟู่ขึ้นให้ระวังไอน้ำจะลวกมือ ควรใช้ช้อนด้ามยาวหรือทัพพีคนห่างๆ จากตัวหม้อ ยกลงนำไปราดบนผลไม้เคล้าให้เข้ากัน

ส่วนผสมแป้ง Crumble

แป้งสาลี 1 1/2  ถ้วย

น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

เนย 1/2 ถ้วย

นม 1/4 ถ้วย

น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วย

วิธีทำแป้งครัมเบิ้ล

ในอ่างผสมแป้งให้ใส่แป้งสาลี น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยและเกลือป่นลงไป คนด้วยมือพอเข้ากัน ใส่เนยที่หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ใช้ปลายนิ้วบี้ให้เนยและแป้งรวมตัวกันเป็นก้อนเล็กๆ แบบเมล็ดงา จากนั้นรินนมลงไป ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน อาจจะไม่จับตัวเป็นก้อนมากก็ไม่เป็นไร หรือถ้าอยากจะให้เป็นก้อนๆ ก็เพิ่มนมลงไปทีละน้อย 

ในพิมพ์ก้นลึกที่เราทาเนยเพื่อกันขนมติดพิมพ์ไว้แล้ว ตักส่วนผสมแป้งลงไปส่วนหนึ่ง เกลี่ยให้ทั่วก้นพิมพ์ ตักส่วนผสมผลไม้ลงไป ตักส่วนส่วนผสมแป้งทับโดยเหลือส่วนหนึ่งไว้ เราเอาส่วนที่เหลือนั้นมาใส่น้ำตาลทรายแดงลงไปคนให้เข้ากันก่อนตักลงทับเป็นหน้าขนม ไม่จำเป็นต้องเต็มหน้าขนมก็ได้

นำเข้าอบ 30 นาที จนส่วนแป้งสุกกรอบ แต่ถ้าสีแป้งยังไม่เกรียมถูกใจก็อบต่อได้ แต่อย่านานเกินเพราะผลไม้จะเละ นำออกมาพักไว้พออุ่นแล้วเสิร์ฟกับไอศกรีมวานิลลา ความอุ่นของขนมทำให้ไอศกรีมละลายเร็วก็จริงแต่ก็เป็นซอสวานิลลาไปในตัว  

#HommesThailand #LofficielHommesThailand

เมนูสุดสดชื่นเต็มไปด้วยรสสัมผัสของโยเกิร์ต และกลิ่นของผลไม้เมืองร้อน รับรองว่าคุณจะต้องติดใจอย่างแน่นอน

New Year Refreshment

ปีใหม่แล้ว อากาศกำลังเย็นสบาย ลองทำให้ร่างกายของเราสดชื่นไปด้วยรสสัมผัสของโยเกิร์ตและกลิ่นของผลไม้เมืองร้อนดูสิ รับรองว่าคุณจะต้องติดใจอย่างแน่นอน

‘โยเกิร์ตศึกษา’ เป็นวิชาที่มีเรียนกันจริงๆ ในประเทศแถบยุโรป  ด้วยสรรพคุณที่มากเกินกว่าจะพรรณาได้ โยเกิร์ตอุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามินนานาชนิด ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย สามารถรับประทานสดๆ ใช้เป็นส่วนผสมอาหาร หรือพอกหน้าได้สบายๆ อีกทั้ง ยังมีผลวิจัยออกมาว่าผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตทุกวัน   มีแนวโน้มที่จะมีชีวิตยืนยาวขึ้นกว่าปกติ ปาร์ตี้สุดเหวี่ยงกันมาทั้งที  ก็อย่าลืมดูแลตัวเองกันบ้าง เราจึงไม่รีรอที่จะนำเสนอเครื่องดื่มที่ผู้ใหญ่ทานได้ เด็กๆ ทานดี ให้นำไปลองทำกันดู

1200-1

ส่วนผสม

มะม่วงสุก ครึ่งลูก

น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำเลมอน 1 ช้อนชา

น้ำแข็ง 2 แก้ว

เนื่อมะม่วงสุกหั่นชิ้นลูกเต๋า สำหรับตกแต่ง

สตอเบอร์รี่สด สำหรับตกแต่ง

กะทิ 3-5 ช้อนโต๊ะ

นมสดรสจืด 2 ช้อนโต๊ะ

โยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ถ้วยเล็ก

1200-2

วิธีทำ

นำเนื้อมะม่วงสุก น้ำเลมอน น้ำเชื่อม  โยเกิร์ต และน้ำแข็ง ใส่ลงไปในเครื่องปั่น ปั่นส่วนผสมรวมกันจนละเอียด พักไว้ก่อน

นำน้ำกะทิ นมสด น้ำเชื่อม และน้ำแข็งใส่ลงไปในเครื่องปั่น ปั่นส่วนผสมรวมกันจนละเอียด แล้วพักไว้

ก่อนเทมะม่วงปั่นลงไปในแก้ว ตามด้วยมะพร้าวปั่นลงไป ตกแต่งด้วย เนื้อมะม่วงสุกหั่นชิ้นลูกเต๋า

และสตอเบอร์รี่สดพอประมาณ เสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟ

Content by Editorial Team