Posts

Scents and Sensibility

เมื่อเรื่องของ ‘กลิ่นหอม’ กลายมาเป็นเอกลักษณ์สำคัญในปัจจุบัน และมันไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้ด้วยเรื่องของเพศอีกต่อไป วันนี้เราเลยขอพาคุณมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกับโลกของน้ำหอม ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของโทนกลิ่น และวิธีการฉีดพรมที่น่าสนใจ

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Fashion Editor: Chanond Mingmit

Author: Chayanon Chongprasert

“การวางตัวที่ดี และโคโลญจน์กลิ่นดีๆ ซักขวดจะทำให้ชายหนุ่มธรรมดาๆ กลายเป็นสุภาพบุรุษ” คำกล่าวของ Tom Ford นี้อาจจะดูเกินจริงไปบ้างในครั้งแรกที่อ่าน ในหัวของใครหลายคนตอนนี้คงกำลังคิดว่า แน่ล่ะ ว่าการวางตัวที่ดีจะช่วยเรื่องภาพลักษณ์ของคนเราได้ แต่กลิ่นโคโลญจน์หรือน้ำหอมนี่หรือ จะทำให้เรา ‘กลาย’ เป็นสุภาพบุรุษอันน่าดึงดูดไปได้ พูดแล้วก็เหมือนราวกับเวทมนตร์ด้วยซ้ำไป แต่ถ้าหากลองคิดให้ดี กลิ่นหอมในขวดหลากรูปทรงนี้แหละ ที่ทำให้บุคลิกของคุณน่าสนใจมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนให้กับตัวคุณในเวลาเดียวกัน

หากจะกล่าวไป การใช้น้ำหอมของผู้ชายนั้นมีมาหลายต่อหลายปีแล้วในประวัติศาสตร์ ถ้าหากลองศึกษาดู คุณอาจจะพบกับคำว่า ‘โคโลญจน์’ ที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ก่อนที่จะพัฒนากลายมาเป็นคำจำกัดความในแบบเดียวกันกับน้ำหอมของผู้หญิงที่หลายคนคุ้นเคย คำจำกัดความเหล่านี้ ถูกแบ่งออกตามความเข้มข้นของหัวน้ำหอมภายในขวดนั้น ซึ่งก็จะส่งผลให้โทนกลิ่น การกระจายตัวของกลิ่น และความติดทนนั้นแตกต่างไปตามระดับกัน ‘parfum’ คือระดับเข้มข้นที่มากที่สุด หรือเรียกว่าหัวน้ำหอมเลยก็ได้ ส่วน ‘cologne’ หรือ ‘โคโลญจน์’ นั้นเป็นระดับที่มีหัวน้ำหอมเบาบางที่สุด มอบกลิ่นที่โปร่งสบายกว่ากันพอตัว

การที่โคโลญจน์ถูกเลือกใช้โดยผู้ชายส่วนใหญ่ในยุคสมัยก่อนนั้น ก็เพราะโทนกลิ่นที่โปร่งของมันนั่นแหละ น้อยคนนักที่จะเลือกน้ำหอมกลิ่นที่มีความเข้มข้นสูงมาใช้ ด้วยทั้งสภาพอากาศรวมไปถึงพัฒนาการของวงการน้ำหอมเอง แต่ในปัจจุบัน มุมมองหลายๆ อย่างก็ถูกปรับให้ร่วมสมัยและเข้ากับความต้องการและการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น เราจึงได้เห็นน้ำหอมผู้ชายในแบบ ‘parfum’,‘eau de parfum’ รวมไปถึง ‘eau de toilette’ ที่มอบความติดทนที่เหมาะกับหลากหลายโอกาส

มองง่ายๆ เมื่อระดับความเข้มข้นมากขึ้น ความติดทนก็จะมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากเป็นโอกาสพิเศษ ที่คุณต้องการกลิ่นที่โดดเด่นกว่าการใช้ชีวิตประจำวันนั้น ลองเลือกหยิบน้ำหอมในรูปแบบ parfum ที่เข้มข้นมาแต้มบนผิว ส่วนในชีวิตประจำวัน วันไหนต้องการความติดทนซักหน่อยพร้อมกับโทนกลิ่นที่เข้มข้น คุณสามารถเลือกใช้น้ำหอมในรูปแบบ eau de parfum ได้ หรือถ้าหากเป็นวันสบายๆ ลองเลือกหยิบ eau de toilette หรือ cologne มาฉีดพรมก็เป็นความคิดที่ดีและเหมาะกับบรรยากาศที่คุณต้องการได้อย่างดี

พูดกันถึงเรื่องความเข้มข้นไปแล้ว เราขอพาคุณมาทำความรู้จักกับเรื่องของโทนกลิ่นของน้ำหอมกันบ้างดีกว่า นานนับปี วัตถุดิบชั้นดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไม้หอม ดอกไม้ สมุนไพร เครื่องหอมนานาชนิด แร่ธาตุ หรือแม้แต่สารสกัดพิเศษจากทั้งสัตว์หรือสารเคมีที่ปลอดภัยต่อการสูดดม ถูกเก็บเกี่ยวและเสาะหามาถึงมือของสุคนธกร หรือนักปรุงน้ำหอมระดับแถวหน้ามาอย่างนับไม่ถ้วน วัตถุดิบเหล่านี้ถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ก่อให้เกิดทั้งกลิ่นที่น่าหลงใหล สดชื่น หรือน่าค้นหา เพื่อบ่งบอกตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างหลากหลาย

สำหรับครั้งนี้ เราขอเลือก 3 โทนกลิ่นที่กำลังเป็นที่นิยมมาแนะนำให้คุณรู้จัก หรือถ้าหากใครรู้จักอยู่แล้วนั้น ก็หวังว่าเราจะทำให้คุณได้รู้จักกับโทนกลิ่นที่คุณหลงรักมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยกลิ่นโทน ‘woody’ โดยจะมีกลิ่นหอมที่โดดเด่นอย่างกลิ่นจากไม้หอมเป็นหัวใจหลัก อย่างเช่นซีดาร์วู้ด แซนดัลวู้ด หรือโรสวู้ด ซึ่งก็จะถูกห้อมล้อมผสมผสานด้วยกลิ่นของเครื่องเทศบ้าง ผลไม้บ้าง หรือแม้แต่ดอกไม้ก็ตาม กลิ่นโทน woody จะมาพร้อมกับความอบอุ่น แต่ก็แฝงไว้ด้วยความลุ่มลึกและน่าค้นหาในตัวตน ตามแต่ส่วนผสมอื่นๆ ที่มาด้วยกัน กลิ่นหอมที่ดูจะเหมาะกับคาแรคเตอร์ของผู้ชายที่ลุ่มลึกและน่าค้นหา

โทนกลิ่นที่สองคือโทนกลิ่นแบบ ‘aromatic’ โทนกลิ่นหอมที่มีความเย้ายวนมากยิ่งขึ้น เป็นกลิ่นที่เหมาะ กับคาแรคเตอร์เท่ๆ ดูลึกลับ หรือเหมาะกับโอกาสพิเศษอย่างงานกลางคืนหรืองานสังสรรค์ โดยจะผสมผสานกลิ่นเครื่องเทศอย่างซินนาม่อน ลูกจันทน์ หรือทองก้าบีนส์ ไว้กับกลิ่นของแผ่นหนังหรือเครื่องหอมอย่างกำยาน ก่อนจะปิดท้ายความอบอวลด้วยมัสก์ที่สร้างมิติให้กับกลิ่น อาจจะมีกลิ่นของสมุนไพรหรือผลไม้เข้ามาสร้างสีสันบางครั้ง

และโทนกลิ่นสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำก็คือ ‘fresh’ หรือ ‘citrus’ ที่โดดเด่นมาด้วยความสดชื่น นำโดยผลไม้รสเปรี้ยวหลากชนิด เช่น เลม่อน หรือส้มแมนดาริน ผสมผสานกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้หอมต่างชนิด รวมไปถึงดอกไม้ที่ไม่ได้มีกลิ่นที่เด่นชัดมากนัก อย่างเช่นจำพวกดอกไม้สีขาว เป็นกลิ่นที่เหมาะกับวันสบายๆ ให้ความสปอร์ตและมีมาด เป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจพูดมาถึงตรงนี้แล้ว เราจะขอทิ้งท้ายไปด้วยวิธีการฉีดน้ำหอมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างที่รู้กันว่าการฉีดน้ำหอมนั้น ควรเริ่มจากบริเวณจุดชีพจร ไม่ว่าจะเป็นลำคอ ข้อมือ หรือข้อพับแขน เพราะจะเป็นจุดที่ร่างกายมีความร้อนและจะทำให้กลิ่นกระจายตัวได้ดีอย่างที่สุด สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณทำความเข้าใจอีกครั้งหรือหยุดทำกันไปเลย คือการฉีดน้ำหอมและถูข้อมือทั้งสองข้างไปด้วยกันทันที การกระทำนี้จะทำให้กลิ่นของน้ำหอมนั้นเพี้ยนได้ เพราะเปรียบเสมือนกับไปขัดการทำงานของน้ำหอมให้ผิดขั้นตอน และกลิ่นหอมที่คุณเคยได้จากขวดหรือบนกระดาษที่เคยลองนั้น ก็จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ทีนี้นอกจากจุดชีพจรที่เรากล่าวไปแล้วนั้น ก็ยังมีเทคนิคการฉีดน้ำหอมที่เราอยากจะแบ่งปันกันเพิ่มเติม อย่างเช่นวันไหนที่คุณใส่กางเกงขาสั้น ลองฉีดน้ำหอมบริเวณข้อพับขา เพื่อเป็นการช่วยให้กลิ่นน้ำหอมของคุณนั้นกระจายตัวได้มากขึ้น โดยความร้อนจากพื้นดินจะยิ่งทำให้กลิ่นน้ำหอมของคุณโดดเด่นขึ้นได้อีก หรือถ้าหากคุณต้องการที่จะยืดความติดทนของน้ำหอมของคุณโดยไม่อยากได้ความเข้มข้นที่มากขึ้นนั้น ลองผสมผสานกลิ่นหอมที่คุณชอบเข้าไปในกิจวัตรประจำวันของคุณให้มากขึ้น ด้วยการใช้สบู่และครีมทาผิวกายในกลิ่นเดียวกัน ก่อนจะฉีดพรมน้ำหอมลงเป็นขั้นสุดท้าย เป็นอีกวิธีที่ดีที่จะทำให้น้ำหอมของคุณติดทนมากยิ่งขึ้นและยังทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับกลิ่นที่คุณรักมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

GROOMING: Sirima Khongtong

Model: Zsombar @Tofu Models

เมื่อสองแบรนด์โปรดของสายแฟมาเจอกัน Maison Margiela × Gentle Monster กับแว่นตา 11 ดีไซน์สุดเท่

1 ดีไซน์กับสไตล์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร เมื่อสองแบรนด์เท่อย่าง Gentle Monster จากเกาหลีใต้ร่วมงานกับขวัญใจสายแฟ Maison Margiela จึงเกิดเป็นแว่นตา 11 แบบที่มีชื่อว่า”MMO01″ ไปจนถึง “MM011,” ตามการเรียกชื่อสินค้าด้วยตัวเลขในแบบของ Margiela

ดีไซน์โดยรวมเป็นการเอากลิ่นไอต้นยุค 2000s ทึ่กำลังเป็นที่นิยมมาใช้แต่ก็มีทรงคลาสสิคอย่าง cat-eye และ wayferer โดยใส่กิมมิคเล็กๆอย่างรอยเย็บสี่มุมอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของแบรนด์ไว้ในบริเวณขาแว่นอย่างลงตัว พร้อมให้จับจองในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ไปชมทุกดีไซน์กันได้เลยครับ

rhunrun เรียบเรียง

รวมเทรนด์กระเป๋าคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2023

เทรนด์กระเป๋าในคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2023 จะมุ่งเน้นไปที่รูปทรงที่มีความสนุกมากขึ้น จังหวะการจัดวางกระเป๋าแปะหรือการปั้มลวดลายลงบนกระเป๋า วัสดุการตัดต่อหนังและคู่สีที่ดูเรียบง่าย ดูมีศิลปะและสื่อได้ถึงความหลากหลายมากขึ้น

cr : Imaxtree

รวม 10 ลุค Milan Fashion Week

Gucci Spring/Summer 2023 #look5
Gucci Spring/Summer 2023 #look7
Ferragamo Spring/Summer 2023 #look41
Bottega Veneta Spring/Summer 2023 #look29
Boss Fall 2022 #look3
Diesel Spring/Summer 2023 #look14
Philipp Plein Spring/Summer 2023 #look14
MM6 Maison Margiela Spring/Summer 2023 #look20
Jil Sander Spring/Summer 2023 #look61
GCDS Spring/Summer 2023 #look11

พาไปชม สโตร์ Maison Margiela สาขาล่าสุดกลางกรุงลอนดอนที่อัดแน่นไปด้วยคอนเซ็ปต์และกลิ่นไอสถาปัตยกรรมแบบ Deconstructivism

สโตร์ Maison Margiela สาขาล่าสุดกลางลอนดอนที่อัดแน่นไปด้วยคอนเซ็ปท์!เป็นอีกแบรนด์โปรดของสายแฟชั่นอยู่แล้วสำหรับ Maison Margiela แบรนด์หรูจากฝรั่งเศสที่ฉีกมาแล้วทุกกฏเกณฑ์และกรอบของคำว่าแฟชั่น และร้านสาขาล่าสุดที่ Bruton Street ในลอนดอนก็ตกแต่งออกมาได้ดิบเท่และเต็มไปด้วยพลังตามคาแรคเตอร์ของแบรนด์ครับ

โดย Studio Anne Holtrop สตูดิโอออกแบบชื่อดังจากฮอลแลนด์ที่รับหน้าที่ออกแบบภายในทั้งหมดก็หยิบเอาสี ขาว สีครีม สีเทา และสีดำ ที่มักจะเห็นกันบนรันเวย์ของแบรนด์บ่อยครั้งมาใช้เป็นโทนสีหลัก

พร้อมด้วยรูปทรงเรขาคณิตแบบอสมมาตร เหลี่ยมมุมที่ไม่เท่ากัน รอยแยก รอยแตก การประกอบขึ้นใหม่ กลิ่นอายของสถาปัตยกรรมสไตล์ Deconstructivism สะท้อนความขบถของแบรนด์ที่ Martin Margiela ใส่ให้แบรนด์เมื่อครั้งปี 1988 จนถึงในยุคของ John Galliano ในปัจจุบันครับ

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun

ถือว่าเป็นงานออกแบบภายในที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว!

บู้ท Tabi กับการแปลงโฉมเป็นรองเท้า Lace-Ups พร้อม upper โปร่งใส!

บู้ท Tabi ไอเท็มที่สร้างชื่อให้กับ Maison Margiela มากว่าสองทศวรรษได้รับการแปลงโฉมสุดสนุกครั้งล่าสุดในรูปแบบของรองเท้าพื้นหนังผูกเชือกที่มีวัสดุด้านบน upper เป็นพลาสติกใสครับ โดยดีเทลรอยแยกที่บริเวณนิ้วโป้งก็ยังอยู่แบบครบๆ ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจจริงๆสำหรับ Transparent Laced Up Tabi คู่นี้ โดยราคาอยู่ที่ €765 หรือประมาณ 27,500 บาทครับ อยากช็อปคลิ๊กที่นี่ได้เลยครับ

ผจญภัยแบบสายแฟ! MM6 Maison Margiela x The North Face เสื้อผ้ามากฟังก์ชั่นที่สอดแทรกความสนุกให้แก่ผู้ใส่อย่างลงตัว

เป็นอีกสองแบรนด์ที่ร่วมงานกันมาอย่างต่อเนื่องสำหรับ The North Face แบรน์เอ้าดอร์คุณภาพสูงจากอเมริกาและ MM6 Maison Margiela ไลน์การผลิตย่อยที่เน้นเสื้อผ้า Ready-to-wear ใส่ง่ายแต่ไม่ทิ้งสไตล์ที่จัดจ้านเต็มไปด้วยการทดลองของ Maison Margiela 

ซึ่งถึงแม้ MM6 จะเน้นเสื้อผ้าของผู้หญิงเป็นหลักแต่การร่วมงานครั้งนี้แทบทุกไอเท็มมีความ Genderless ด้วยความคลาสสิกของเสื้อผ้า The North Face ทำให้ผู้ชายสวมใส่ได้อย่างไม่เคอะเขิน โดยแรงบันดาลใจหลักนั้นมาจากคอลเล็กชั่น Spring 1998 ที่ Margiela ต้องการนำเสนอความแบนเรียบของเสื้อผ้า และเมื่อมาผสมกับเอกลักษณ์การพองลม Nuptse puffer ของเสื้อแจ๊กเก็ตจาก The North Face จึงได้เป็นความต่างที่ลงตัวอันเป็นที่มาของชื่อคอลเล็กชั่นนี้ Roly-Poly

ความโดดเด่นของชิ้นคลาสสิกจาก The North Face ก็อยู่ที่คู่สีสดใสและโลโก้ของทั้งสองแบรนด์แต่เติมความสนุกด้วยช่องซิปที่แขนลำตัว ช่องกระเป๋าต่างๆและการนำเอารูปทรงกลมมาเล่น และไฮไลต์อย่างถุงมือ Tabi ที่นำเอาดีเทลช่องคีบนิ้วโป้งจากบู้ทคู่สวยโมเดลอายุกว่า 30  ที่อยู่คู่กับแบรนด์มาใช้

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 505 Euro ไปจนถึง 1,505 Euro (ประมาณ 18,500- 55,000 บาท) เข้าไปชมเพิ่มเติมหรือลือกช็อปได้ที่นี่ครับ 

Maison Margiela คอลเล็กชั่นล่าสุด Spring/Summer 2021 การพลิกวัฒนธรรมละตินอเมริกาในแบบที่ฉีกทุกกฏเกณฑ์และกำแพง

Maison Margiela คอลเล็กชั่นล่าสุด Spring/Summer 2021 นำเอาวัฒนธรรมการเต้น Tango ที่ถือกำเนิดขึ้นในทวีปอเมริกาใต้มาเพิ่มกลิ่นไอการทดลองและความพิลึกอันน่าหลงใหล การฉีกทำลายกฏเกณฑ์เดิมๆที่ John Galliano creative director ของแบรนด์ถนัด ภาพถ่ายของคอลเล็กชั่นอันแสนทรงพลังนี้ถูกถ่ายโดย Nick Knight ที่ดึงเอาคุณค่าของการส่งต่อวัฒนธรรมสัญลักษณ์ของชาติจากรุ่นสู่รุ่นมาถ่ายทอดผ่านแฟชั่นได้อย่างมีมิติครับ

Maison Margiela กับคู่สีล่าสุด “Deep Forest” บนบู้ท Tabi รองเท้าสุดไอคอนิกของแบรนด์

Maison Margiela แบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสขวัญใจสายแฟชั่นได้นำรองเท้าบู๊ท Tabi – อันเป็นเอกลักษณ์กว่า 30 ปีที่โดดเด่นดีไซน์ที่แยกนิ้วโป้งเท้าออกจากสี่นิ้วที่เหลือ – มาอัพเดทใหม่ประจำฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ จนเกิดเป็น Tabi ในคู่สี Deep Forest 

มาพร้อมกับรอยตัดระหว่างนิ้วโป้งเท้าที่เป็นความมินิมอลตามแบบฉบับแท้ ๆ ของแบรนด์ รองเท้า Tabi Deep Forest คู่นี้ยังมีจุดเด่นจากวัสดุที่แสดงออกถึงความหรูหรา โดยตัวบู๊ททำจากหนังวัว 100% (เป็นการใช้หนัง Bovine ซึ่งถือเป็นหนังวัวเกรดสูงที่สุด) ทำให้มีลุคละเมียดละไมและจะมีความขลังมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสวมใส่ไปนาน ๆ เมื่อสีเข้มขึ้น 

ด้านในบู๊ทบุด้วยหนังสีแทน ตัดกับพื้นรองเท้าหนังสีดำที่ติดส้นรองเท้าทรงเราขาคณิตสูง 3 ซม. และด้านข้างของรองเท้ามีรอยเย็บประทับเรียบง่ายอันเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

#SnatchedBag

โพสต์ที่แชร์โดย Maison Margiela (@maisonmargiela) เมื่อ

ชมรายละเอียดสินค้าและสั่งซื้อบู๊ท Tabi Deep Forest ได้แล้ววันนี้ที่นี่ สนนราคาอยู่ที่ 801 เหรียญฯ (ประมาณ 24,800 บาท) ไม่รวมค่าส่งและภาษีนำเข้า สาวกแบรนด์สายขบถ Maison Magiela ไม่ควรพลาดคู่นี้ครับ! 

เรื่อง Peerachai Pasutan

เรียบเรียง rhunrun

Maison Margiela แปลงโฉมไอเท็มสุดคลาสิกของคุณสุภาพบุรุษอย่าง Chelsea Boot ด้วยดีเทลสุดกวนปนกลิ่นอายขบถ

ถือได้ว่าเป็นไอเท็มชิ้นคลาสสิกที่ผู้ชายควรมีติดตู้ไว้เลยสำหรับรองเท้าบู้ทแบบสวมอย่าง Chelsea Boot ที่สามารถใส่ได้กับหลากหลายลุค 

แต่ล่าสุดแบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสที่มีสไตล์แหวกแนวและกล้าที่จะแตกต่างมาตลอดอย่าง Maison Margiela ก็ตัดสินใจนำเอาดีเทลอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างรอยตัดระหว่างนิ้วโป้งจากโมเดลที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์มากว่า 30 ปีอย่าง Tabi Boots มาใส่ให้กับ Chelsea Boot หนังกลับสีน้ำตาลคู่สวย 

โดยรูปทรงของ Tabi ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรองเท้าที่ช่างสวมใส่เวลาทำงานเอ้าดอร์ต่างๆก็ผสมผสานกับความเรียบง่ายของ Chelsea Boots ได้เป็นอย่างดี โดยส่วนของรอยตัดจะมีการบุหนังสีโทนใกล้เคียงกันไว้ และดีเทลที่ขาดไม่ได้สำหรับ Chelsea Boots ทุกคู่อย่างขอบยางบริเวณข้อเท้าก็ยังอยู่แบบครบถ้วน ปิดท้ายด้วยพื้นหนังคุณภาพสูงและการเย็บด้ายเป็นแถบเส้นตรงที่ส้นเท้าสัญลักษณ์อันเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยความหมายว่านี่คือสินค้าของแบรนด์ Maison Margiela

เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มดีเทลที่แปลกใหม่ให้กับไอเท็มยอดนิยม ใครที่อยากเท่แบบไม่ซ้ำใครก็สามารถจับจอง Tabi Chelsea Boots ได้ในราคา 1060 เหรียญฯ หรือประมาณ 33,000 บาทครับ ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

#MaisonMargiela SS20 Collection

โพสต์ที่แชร์โดย Maison Margiela (@maisonmargiela) เมื่อ