Posts

Mido ประกาศการกลับมาของ Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition

“มิโด” (MIDO) ประกาศการกลับมาของเรือนเวลาที่เหล่านักสะสมทั่วโลกต่างถวิลหา! ในคอลเลกชั่น “โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น” เรือนเวลาสไตล์เรโทรรุ่นไอคอนิกจากยุค 60s ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT สุดล้ำ!

หากเอ่ยถึงนาฬิกาที่เหล่านักสะสมตัวจริงต้องมีเก็บไว้ในครอบครอง จะต้องมีเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ “มิโด” (MIDO) อยู่ในอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะรุ่นไอคอนิกอย่างนาฬิกาดำน้ำ “โอเชียน สตาร์ สกิน ไดเวอร์” (Ocean Star Skin Diver) ที่มีต้นกำเนิดในปี 1960 ตำนานหน้าปัดสายรุ้งที่มีตารางดีคอมเพรสชั่น สเกล (Decompression Scale)  เพื่อให้นักดำน้ำทราบถึงเวลาการพักขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย

โดยล่าสุด “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ได้ประกาศการกลับมาของเรือนเวลาระดับตำนานภายใต้ชื่อ “โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น” (Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition) ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เด่นของหน้าปัดแบบดั้งเดิม ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT และขอบหน้าปัดที่แสดงเวลาจากทั่วโลกผ่าน 2 ดีไซน์ประสิทธิภาพสูง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเดินทางให้มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ เฉกเช่นเดียวกันกับเรือนเวลาจากยุค 60s ของ “มิโด” (MIDO) ที่ยังคงสร้างตำนานให้กับแบรนด์ได้ในทุกยุคสมัย

โดยเรือนเวลาหรูคอลเลกชั่นนี้ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อทุกสภาวะด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีลขัดเงาที่แข็งแรงทนทานและมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.5 มม. บนหน้าปัดพื้นหลังสีน้ำเงินเข้ม สลักโลโก้ ‘Mido’แบบดั้งเดิมที่ผ่านการขัดเงามาอย่างพิถีพิถัน โดยนาฬิกาเรือนนี้จะแสดงเวลาการบีบอัดของน้ำที่ระดับความลึก 6 เมตร ซึ่งบ่งบอกจากมาตรวัดวงกลมสีเหลือง สีเขียว สีชมพู และสีน้ำเงิน ที่อยู่บนหน้าปัด พร้อมขอบหน้าปัดแบบหมุนได้จากวงแหวนอะลูมิเนียมสีน้ำเงิน และมีลูกศรสีแดงเพื่อระบุเขตเวลาในการเดินทาง รวมถึงเข็มชั่วโมง นาที และวินาที ที่ได้รับการเจียระไนเป็นทรงเหลี่ยมเพชร พร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® โดยมีการอ่านค่าวันที่อยู่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ครอบด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ในรูปทรงกล่องแก้ว พร้อมสายถักสแตนเลสสตีลและสายสีน้ำเงิน ที่ผลิตจากยางสำหรับเปลี่ยน โดยได้แรงบันดาลใจจากแฟชั่นในยุค 1960 พร้อมระบบการทำงานอัจฉริยะที่สามารถทำให้เปลี่ยนสายได้อย่างสะดวกสบาย 

โดย “มิโด” (MIDO) ยังได้แนะนำเคล็ดลับการเลือกสะสมนาฬิกาเพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต โดยควรเริ่มจากการอัพเดทข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอว่ามีแบรนด์ไหนกำลังจะเปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษอะไรบ้าง เพื่อนำมาศึกษาข้อมูลเชิงลึกว่าควรจะลงทุนกับเรือนนั้นหรือไม่ ซึ่งนาฬิกาที่จะสามารถเพิ่มมูลค่าในอนาคตได้นั้น ควรเป็นนาฬิกาจากแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ รวมถึงเป็นคอลเลกชั่นที่สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี โดยอาจจะเลือกจากนาฬิกาที่มีความวินเทจ ผสมผสานฟังก์ชั่นการใช้งานประสิทธิภาพสูง ทนทานกับทุกสภาพการใช้งาน จึงจะทำให้นาฬิกาเรือนนั้นมีคุณสมบัติที่ควรค่าแก่การสะสม

พบกับ โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น” (Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition) เรือนเวลาหรู คุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้แล้ววันนี้ โดยสามารถสั่งจองได้ทางเคาน์เตอร์ “มิโด” (MIDO) ทุกสาขาที่เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่ LINE Official Account: @midothailand หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 02-610-0200

rhunrun เรียบเรียง

คิม ซู ฮยอน ร่วมถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่นผ่านนาฬิกาหรูเรือนล่าสุดจาก MIDO Multifort M Chronometer

สนุกกับการแต่งตัวได้อย่างไม่รู้จบไปกับซูเปอร์สตาร์หนุ่ม “คิม ซู ฮยอน” (Kim Soo-hyun) แบรนด์แอมบาสเดอร์ชื่อดังจากแบรนด์นาฬิกาหรู “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ที่ล่าสุดได้มาร่วมถ่ายทอดสไตล์อันป็นเอกลักษณ์ผ่านเรือนเวลาดีไซน์เท่ “มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์” (Multifort M Chronometer) ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์อันแข็งแกร่งบนหน้าปัดสีเขียว พร้อมฟังก์ชั่นความแม่นยำและทนทานสูงสุด ให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้ยลโฉมพร้อมกันแล้ววันนี้

“มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน 

สำหรับ “มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์” (Multifort M Chronometer) นับเป็นเรือนเวลาชิ้นเยี่ยมที่สามารถการันตีถึงฝีมือของช่างทำนาฬิกาแบรนด์ “มิโด” (MIDO) ได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านการรับรองโดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงของนาฬิกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์ (Official Swiss Chronometer Testing Institute หรือ COSC) โดยตัวเรือนถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก อัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Calibre 80) ที่สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมซิลิคอน บาลานซ์สปริง (Silicon Balance Spring) ที่มีคุณสมบัติด้านความแม่นยำทนทานต่อสนามแม่เหล็ก โดยมีการสลักคำว่า ‘Chronometer’ บนหน้าปัด เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงความแม่นยำที่เกินกว่าค่ามาตรฐาน 

อีกหนึ่งความโดดเด่นของ “มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์” (Multifort M Chronometer) คือรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งและดุดัน ด้วยตัวเรือนและสายจากสแตนเลสสตีลที่มีความทนทานเป็นพิเศษ มาพร้อมหน้าปัดทรงกลมสีเขียวที่มีการไล่ระดับสีเขียวบริเวณตรงกลางกระจายออกไปด้านข้างกระทั่งกลายเป็นสีดำบริเวณรอบหน้าปัด และเทคนิคการขัดลายซาตินในแนวตั้งอย่างประณีต จึงทำให้หน้าปัดของ “มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์” (Multifort M Chronometer) มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีการเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีเบจที่ตัวเข็มนาฬิกาและบริเวณอินเด็กซ์โดยรอบเพื่อช่วยให้อ่านค่าเวลาได้อย่างแม่นยำเมื่อตัดกับพื้นหลังสีเข้ม พร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน และมีช่องระบุวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา รวมถึงดีไซน์ฝาหลังแบบเปลือยที่สามารถมองเห็นกลไกการขับเคลื่อนของนาฬิกาได้อย่างงดงาม โดย “มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์” (Multifort M Chronometer) สามารถกันน้ำลึกในระดับ 100 เมตร 

นอกจากนี้นาฬิกาข้อมือของ มิโด” (MIDO) ที่ผ่านการทดสอบโดย COSC ยังเพิ่มระยะเวลาการรับประกันพิเศษจาก 3 ปี เป็น 5 ปีอีกด้วย พบกับ “มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์” (Multifort M Chronometer) เรือนเวลาดีไซน์เท่ คุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้แล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์ “มิโด” (MIDO) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ MIDO Official Store ใน Shopee และ Lazada และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่เว็บไซต์  www.midowatches.com

rhunrun เรียบเรียง