Posts

DANIEL ARSHAM, New HUBLOT Brand Ambassador.

เปิดตัวการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ HUBLOTอย่างสมศักดิ์ศรีของศิลปินร่วมสมัย DANIEL ARSHAM (แดเนียล อาร์แชม) เพื่อเป็นการฉลองจุดเริ่มต้นแห่งความร่วมงานกัน เขาได้สร้างสรรค์งานศิลปะจัดวาง หรืออินสตอลเลชันอาร์ตในรูปแบบนาฬิกาแดด ขนาด 20 เมตร ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Hublot (อูโบลท์) โดยติดตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ของผืนหิมะแห่ง Zermatt (เซอร์แมท) ใน Schwarzsee (ชวาร์ซี) ณ ระดับความสูง 2583เมตร

Hublot loves Daniel Arsham! ผู้ผลิตนาฬิกาสวิสอย่างอูโบลท์ ยังคงเดินหน้าแสวงหาซึ่งความเป็นที่หนึ่งและแตกต่าง โดยการประกาศต้อนรับศิลปินร่วมสมัยชาวอเมริกัน Daniel Arsham ผู้ทำงานอยู่ในมหานครนิวยอร์ก ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ เขาเป็นที่รู้จักจากผลงานอันเปี่ยมด้วยพลังของเขา ซึ่งครอบคลุมทั้งสาขาจิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปะจัดวางหรืออินสตอลเลชัน (installation) และภาพยนตร์ โดยเขามักสำรวจถึงแนวคิดของเวลาผ่านผลงานทางศิลปะของเขาเองเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านซีรีส์ผลงานอันโด่งดัง อย่าง Connecting Time (คอนเน็คติ้ง ไทม์) และ Hourglass (อาวร์กลาส) ที่เป็นไอคอนิกของเขา

เพื่อเริ่มต้นความร่วมมือครั้งใหม่และเพื่อเฉลิมฉลองความเชื่อมโยงอันเป็นนิรันดร์ระหว่างการประดิษฐ์นาฬิกา ศิลปะ และงานหัตถศิลป์ Daniel ได้เผยโฉมนาฬิกาแดด ขนาด 20 เมตร ขึ้นท่ามกลางภูมิทัศน์แห่งผืนหิมะของรีสอร์ทแห่งเทือกเขาสวิสอย่าง Zermatt และภายใต้เงาแสงของ Matterhorn (แมทเทอร์ฮอร์น) ยอดเขาอันเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีแห่ง Swiss Alps (สวิสแอลป์) โดยศิลปะจัดวางแบบชั่วคราวนี้มีชื่อว่า Light & Time (ไลท์ แอนด์ ไทม์) โดยใช้องค์ประกอบทางธรรมชาติเพื่อหลอมรวมรากเหง้าต่างๆ ของการแสดงเวลามาผสมผสานเข้ากับงานฝีมือภายใต้ศิลปะแห่งพรมแดน โดยศิลปะจัดวางที่มีฟังก์ชันของการวัดเวลากลางแจ้งนี้มีพื้นฐานมาจากแสงเงาที่ทอดผ่านอนุสาวรีย์แท่งหินสูงรูปทรงผลึกควอตซ์ ซึ่งเมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนโคจรในหนึ่งวัน แสงเงาที่ทอดผ่านโดยตัวชี้กลางจะทำหน้าที่แสดงเวลาบนหิมะซึ่งคราดรอยไว้ Arsham ยังได้ผสมผสานระหว่างรูปทรงและฟังก์ชันในการสร้างสรรค์นาฬิกาแดดจากองค์ประกอบทางธรรมชาติของ Swiss Alps โดยวิธีการนี้ หิมะและแสงได้หล่อหลอมเข้าด้วยกันเพื่อเชื่อมโยงจักรวาลแห่งผลึกและแสงของเขาเข้ากับมรดกและประวัติศาสตร์แห่งงานหัตถศิลป์การประดิษฐ์นาฬิกาของ Hublot นาฬิกาแดดนี้ยังได้ร่วมสะท้อนถึงภาษาการออกแบบของ Hublot และการผสมผสานสัญลักษณ์ต่างๆ ที่คุ้นเคย อาทิ สกรูอันโด่งดังซึ่งทำหน้าที่ยึดขอบตัวเรือนของนาฬิกา Big Bang (บิ๊ก แบง) โดยศิลปะอินสตอลเลชันนี้ยังมาพร้อมกับความพิเศษเหนือความคาดหมาย จากการที่จะสามารถมองเห็นได้เพียงเฉพาะจากยอดเขาเท่านั้น และเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ ผู้ที่หลงใหลในศิลปะจะต้องใช้ลิฟต์สกีของ Zermatt เพื่อร่วมชื่นชมศิลปะชิ้นนี้


“ผมได้เฝ้าดู Hublot และโปรเจกต์ต่างๆ ที่แบรนด์ให้การสนับสนุนโลกแห่งศิลปะร่วมสมัยที่น่าสนใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา และชื่นชมในในความกล้าหาญแห่งการประดิษฐ์สร้างสรรค์นาฬิกา การออกแบบ และงานฝีมือ The Art of Fusion (ศิลปะแห่งการผสมผสาน) ถือเป็นหนึ่งในโปรเจกต์อันชาญฉลาดที่สุดของการประดิษฐ์นาฬิกา ผมรักในแนวคิดการรังสรรค์ของ Hublot รวมถึงอิทธิพลและวัสดุที่นำมาใช้ร่วมกันในการสร้างรูปทรงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว แน่นอนว่ามันเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Hublot Family (ครอบครัวอูโบลท์) และผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับโปรเจกต์นาฬิกาแดด Hublot x Daniel Arsham ใน Zermatt นี้ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว ศิลปะอินสตอลเลชันร่วมสมัยนี้จะจับซึ่งบางสิ่งของชั่วขณะเวลาที่ผ่านไปที่เราเองสามารถรู้สึกและรับรู้ได้ แต่มันก็ยังคงอยู่อย่างเหนือกาลเวลา และสร้างซึ่งความทรงจำที่ส่งทอดผ่านการเดินทางของวินาที นาที ชั่วโมง และวันต่างๆ สำหรับผู้คนทึ่เดินหน้าขึ้นสู่ขุนเขาเพื่อชื่นชมมัน”

ความร่วมมือครั้งใหม่ HUBLOT และ TAKASHI MURAKAMI

ความร่วมมือครั้งใหม่ ระหว่าง Hublot (อูโบลท์) และ Takashi Murakami (ทาคาชิ มุราคามิ) นำเสนอผลงาน NFTs (เอ็นเอฟที) รวมถึงนาฬิการุ่นพิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเพียงหนึ่งเดียวทั้ง 13 เรือน ที่ถ่ายทอดไว้ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของดอกมุราคามิหรือดอกไม้ยิ้มไอคอนิกอันเป็นศูนย์กลางในผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นท่านนี้

ในงานเอ็กซ์คลูซีฟที่จัดขึ้น ณ Glass House (กลาส เฮาส์) ในนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 Hublot และ Takashi Murakami ได้ประกาศถึงโครงการแห่งความร่วมมือเชิงศิลป์ครั้งที่สี่ กับการเปิดตัว NFTs ใหม่ 13 ชิ้นงาน และนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวทั้ง 13 เรือน โดยการประกาศครั้งนี้ยังเป็นตัวแทนสะท้อนถึงความต่อเนื่องของโครงการต่างๆ นับจากอดีต พร้อมทั้งเป็นการมอบรางวัลให้กับผู้ซื้อนาฬิกาและนักสะสมชิ้นงาน NFTs ชุดแรกๆ ผ่านทางการเข้าถึงแบบเอ็กซ์คลู-ซีฟเฉพาะ

NFTs ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะทั้ง 13 ชิ้นงานนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิดีโอเกมและโทรทัศน์ของญี่ปุ่นจากยุค 1970s เช่นเดียวกับนาฬิกา Classic Fusion Takashi Murakami All Black (คลาสสิก ฟิวชั่น ทาคาชิ มุราคามิ ออล แบล็ก) ผลงานแห่งความร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างแบรนด์นาฬิกาสวิสฯ และ Takashi Murakami ที่เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2021 โดยผลงาน NFTs เหล่านี้จะเชื่อมโยงกับนาฬิกา Classic Fusion (คลาสสิก ฟิวชั่น) รุ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวและผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 13 เรือน พร้อมทั้งเตรียมที่จะเผยโฉมในงาน Watches & Wonders 2023 (วอทช์เชส แอนด์ วันเดอร์ส 2023) ที่เจนีวา สำหรับนาฬิกา 12 เรือนของรุ่นนี้จะมีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ hublot.com ซึ่งจะสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเพียงเจ้าของผู้ครอบครองอย่างน้อยหนึ่งในชิ้นงาน NFTs จากทั้งหมด 324 ชิ้น ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2022 ซึ่งเป็นผลงานแห่งความร่วมมือครั้งที่สามระหว่าง Hublot และ Takashi Murakami โดย NFTs ทั้ง 324 ชิ้น

แต่เดิมนั้นถูกนำเสนอให้กับผู้เป็นเจ้าของหนึ่งในนาฬิกาสองรุ่นของ Hublot x Takashi Murakami ได้แก่ Classic Fusion Takashi Murakami All Black และ Classic Fusion Takashi Murakami Sapphire Rainbow (คลาสสิก ฟิวชั่น ทาคาชิ มุราคามิ ออล แบล็ค และ คลาสสิก ฟิวชั่น ทาคาชิ มุราคามิ แซฟไฟร์ เรนโบว์)) ก่อนที่พวกเขาจะสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนชิ้นงานดิจิทัลนี้ได้ผ่านทางแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT อย่าง OpenSea (โอเพนซี) โดย ณ ช่วงเวลาระหว่างการประกาศโครงการใหม่นี้ที่นิวยอร์กในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 จนถึงเวลาเริ่มต้นจำหน่ายในช่วงต้นเดือนเมษายน ค.ศ. 2023 ณ เจนีวา เป็นช่วงที่เปิดโอกาสให้นักสะสมที่สนใจหนึ่งในนาฬิการุ่นใหม่ได้มีโอกาสสะสมหนึ่งใน NFTs ที่จะมีจำหน่ายบน OpenSea โดยผู้ซื้อผู้โชคดีแต่ละคนที่ได้ครอบครองหนึ่งในนาฬิกาเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นใหม่ทั้ง 12 เรือนนี้ ก็จะได้รับ NFT เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะของนาฬิกาเรือนนั้นๆ ไปด้วย

Hublot และ Takashi Murakami ได้ยกระดับนาฬิกาในฐานะงานศิลปะสู่มิติใหม่ โดยการเชื่อมโยงศิลปะแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูงเข้ากับศิลปะดิจิทัล นาฬิกาเรือนที่ 13 ของคอลเลคชั่นนี้ซึ่งเปิดตัวที่นิวยอร์ก ในรุ่น Classic Fusion Takashi Murakami Black Ceramic Rainbow (คลาสสิก ฟิวชั่น ทาคาชิ มุราคามิ แบล็ก เซรามิก เรนโบว์) นับเป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีซซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานสองรุ่นที่เปิดตัวมาแล้วก่อนหน้า โดยนาฬิการุ่นนี้ได้ตีความหมายใหม่ให้กับสัญลักษณ์อันเป็นไอคอนิกของ Takashi Murakami อย่าง ดอกมุราคามิ หรือดอกไม้ยิ้ม ภายในเรือนเวลากลีบดอกไม้ทั้ง 12 กลีบได้ถูกสร้างสรรค์ผ่านการไล่เฉดสีอย่างสมบูรณ์แบบจากอัญมณีต่างๆ ทั้ง ทับทิม, แซฟไฟร์, อเมทิสต์, ซาโวไรต์ และโท-แพซ ต้องขอบคุณระบบลูกบอลรองรับ (ball-bearing) อัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นโดยทีมวิศวกรของ Hublot ที่ทำให้กลีบดอกไม้เหล่านี้ไม่เพียงรังสรรค์ภาพอันมีชีวิตชีวาของสีสัน แต่พวกมันยังสามารถหมุนบนแกนไปตามแต่ละการเคลื่อนไหว ขณะที่การเคลื่อนไหวของกลีบดอกไม้ได้สร้างสรรค์มิติอันโดดเด่นที่ตัดกับตัวเรือนเซรามิกสีดำ ขนาด 45 มม. และศูนย์กลางของรูปดอกไม้ยิ้มยังถูกจัดวางไว้ทางด้านบนของกระจกแซฟไฟร์เพื่อสร้างเป็นภาพสามมิติอันสวยงาม

ในขณะที่นาฬิกาอีก 12 เรือนซึ่งจะมีจำหน่ายและสามารถครอบครองได้โดยผู้ที่ถือครอง NFTs บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเฉพาะนั้น ยังชวนให้นึกถึงดอกไม้ของศิลปินและเป็นตัวแทนของหนึ่งใน 12 กลีบดอกแต่ละกลีบ เป็นสัญลักษณ์ของ 12 ชั่วโมงบนหน้าปัด และ NFTs ทั้ง 12 ชิ้นงานอีกด้วย
หัวใจของนาฬิกาขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกล manufacture Unico calibre (แมนูแฟคเจอร์ ยูนิโค คาลิเบอร์) ที่ติดตั้งอยู่ภายในดีไซน์อันเป็นสัญลักษณ์ของ Classic Fusion โดยกลไกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวนี้มอบพลังงานสำรองได้ 72 ชั่วโมง และในฐานะนาฬิกาแห่งความร่วมมือรุ่นที่สามระหว่าง Hublot และศิลปินชาวญี่ปุ่น การเปิดตัวครั้งนี้นับเป็นบทพิสูจน์ถึงน่าทึ่งที่ควรค่าแก่การสะสมซึ่งเกิดขึ้นจากสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นนี้

โดยในขั้นต่อไป นักสะสมจะมีช่วงเวลาตลอดหนึ่งปีเต็มระหว่างนี้ที่พวกเขาจะมีโอกาสได้ซื้อขาย NFTs ทั้ง 12 ชิ้นงานได้บนแพลตฟอร์ม OpenSea จนถึงเดือนเมษายน ค.ศ. 2024 โดยจะมีเพียงนักสะสมผู้ซึ่งครอบครองชิ้นงาน NFTs ใหม่ทั้ง 12 ชิ้นนี้เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ซื้อในการซื้อนาฬิกาเรือนที่ 13 อันเป็นที่ตามหามากที่สุด นั่นคือ Classic Fusion Takashi Murakami Black Ceramic Rainbow และหากเกิดกรณีที่ไม่มีผู้ใดสามารถครอบครอง NFTs ทั้ง 12 ชิ้นได้ทั้งหมด นาฬิกาเรือนนี้จะถูกนำไปประมูลโดย Hublot เพื่อระดมและสมทบทุนให้กับการกุศลต่อไป

 The Aesthetic Arts 

เรือนเวลาสุดหรูของเหล่าสุภาพบุรุษ ถูกนำมาตีความให้อยู่ในเชิงศิลปะ หลากหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา Breitling รุ่น Superocean Automatic 46 หรือจะเป็น นาฬิกา Augemars Piguet รุ่น Royal Oak Offshore Selfwinding Music Edition ถูกตีความและผสมผสานเข้างานศิลปะ ที่แสดงให้เห็นถึงความสนุกสานเป็นต้น แต่ละรุ่น หากตีความในเชิงศิลปะแล้ว จะสวยงามเพียงใด เราไปชมกันเลยครับ

Artist: Patcharapa Inchang

The New ‘Friend of Hublot’ in Thailand

Photography: Courtesy of Hublot

Hublot (อูโบลท์) แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ เปิดตัวเจมส์ – ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ หรือเจมมี่เจมส์ ศิลปินและนักแสดงมากความสามารถผู้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางบันเทิง ในฐานะ Friend of Hublot ของประเทศไทย และเผยโฉมแคมเปญนาฬิกา ‘Big Bang Integrated’ เพื่อตอกย้ำเอกลักษณ์ของแบรนด์ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Art of Fusion

​Big Bang Integrated นาฬิกาไอคอนิก รุ่นใหม่ล่าสุดกับคอนเซ็ปต์ที่เสมือนการเดินทางรอบโลกอันเต็มไปด้วยสีสัน ดีไซน์ลักชัวรีสปอร์ตในแบบ monobloc, monomaterial และmonochrome 4 สี ได้แก่ blue indigo, sky blue, sand beige และ jungle green ซึ่งแต่ละรุ่นผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 250 เรือนเท่านั้น

ณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส (PMT The Hour Glass) เผยว่าสำหรับ Friend of Hublot ของประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของ Hublot ได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ เจมส์ – ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ศิลปินและนักแสดงมากความสามารถผู้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางบันเทิง นอกจากงานแสดงที่เขาทุ่มเทอย่างสุดตัว เขายังไม่หยุดที่จะเดินตามความฝันให้สุดในทุกๆ ทาง เพื่อค้นหางานศิลปะที่สะท้อนตัวตนของเขาได้ครบในทุกมิติ

​ต่อยอดมาสู่การเป็นศิลปินภายใต้สังกัดของตัวเอง JMJ Label ที่เป็นแพลตฟอร์มในการถ่ายทอดตัวตน และ passion ของเขาในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการแสดงศาสตร์การปรุงอาหาร fine dining ที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน ศาสตร์ของ mixologist ในการผสมเครื่องดื่มเชิงสร้างสรรค์ ศิลปะการวาดภาพแนวแอ็บสแตร็กต์ที่เขาใช้เป็นวิธีเยียวยาจิตใจ และศิลปะอีกหนึ่งแขนงที่เขาถ่ายทอดความเป็นตัวเองที่ไร้กรอบจำกัดก็คือโลกแฟชั่น กับสไตล์การแต่งกายแบบ genderless อันโดดเด่น

​เจมส์ – ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ Friend of Hublot ของประเทศไทยเผยว่า “ด้วยคาแรกเตอร์ของแบรนด์ที่เท่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และ Friend of Hublot แต่ละคนก็มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนมากๆ การได้รับโอกาสนี้รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ทางแบรนด์เห็นสิ่งนี้ในตัวเจมส์ การได้ร่วมทำงานในแคมเปญนาฬิกา ‘Big Bang Integrated’ ล่าสุด เพื่อสื่อสารความเป็น The Art of Fusion ของแบรนด์ ผมมีความรู้สึกยินดีและตื่นเต้นเป็นอย่างมากครับ”

​Hublot รุ่น Big Bang Integrated Ceramic (บิ๊ก แบง อินทิเกรทเต็ด เซรามิก) มีตัวเรือนขนาด 42 มม. ทำงานด้วยกลไก UNICO V2 (ยูนิโค เวอร์ชั่น 2) HUB1280 calibre (เอชยูบี 1280 คาลิเบอร์) ที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของตัวเอง ได้รับการออกแบบมาให้มีความบางยิ่งขึ้น พร้อมโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบใหม่ รวมถึงเสริมความสามารถในการอ่านค่าได้อย่างชัดเจน และมอบประสิทธิภาพสูงสุดให้กับฟังก์ชันการใช้งาน

– Author: Sethapong Pawwattana –

Hubolt Big Bang Unico Summer Purple

 Author: Sethapong Pawwattana

Hublot (อูโบลท์) เกาะติดเทรนด์ซัมเมอร์ฝั่งยุโรปปีนี้ ด้วยการเปิดตัว Big Bang Unico (บิ๊ก แบง ยูนิโค) ในเฉดสีใหม่ล่าสุดนั่นคือสีม่วง ความสดใสและเต็มไปด้วยสีสันเหล่านี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับแคมเปญใหม่ ‘Summer in the City’ (ซัมเมอร์ อิน เดอะซิตี้) ของ Hublot เช่นเดียวกับ summer edition ใหม่ของนาฬิการุ่นไอคอนิกของแบรนด์อย่าง Big Bang Unico

ตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร ซึ่งทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา โดยตัวเรือนอโนไดซ์ตกแต่งด้วยงานขัดแต่งซาตินและขัดเงามาในโทนสีม่วงทั้งหมด ซึ่งเป็นสีที่เกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างสรรค์เฉพาะ ทนทาน ป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนและแรงกระแทกต่างๆ

หัวใจการทำงานของ Big Bang Unico Summer ขับเคลื่อนด้วยกลไก HUB1280 manufacture caliber (เอชยูบี 1280 แมนูแฟคเจอร์ คาลิเบอร์) กลไกจักรกลโครโนกราฟที่มาพร้อมกับคอลัมน์วีลซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านทางหน้าปัด และให้พลังงานสำรองได้ 72 ชั่วโมง เข็มชี้และเครื่องหมายขีดบอกเวลามาในเฉดสีม่วงเดียวกัน เสริมความสามารถในการมองเห็นและเติมเสน่ห์ให้กับนาฬิกานี้ด้วยสัมผัสสารเรืองแสงสีขาว

มาพร้อมกับสายสองเส้นในสีเดียวกันโดยสายแรกมาในรูปแบบของสาย Velcro(เวลโคร) เย็บตะเข็บสีเดียวกันผนึกด้วยตัวพับล็อกสายสไตล์สปอร์ต และสายที่สองเป็นสายยางธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ทั้งสองสายมาพร้อมระบบ One-Click (วัน-คลิก) และตัวพับล็อกสายสามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรโดย Hublot

Sign of the Times

เรือนเวลา และร่องรอยแห่งกาลเวลา ความคลาสสิกที่แยกจากกันไม่ออก

Photographer: number 45

Stylist: Teeratat Somudomsup

Big Bang Integral Ceramic

เผยโฉมนาฬิกาที่เป็นภาพลักษณ์ของ HUBLOT กับการสร้างสรรค์ใหม่ที่เน้นความเป็นเอกด้วยหนึ่งเดียวไม่ว่าจะเป็น monobloc, monomaterial, monochrome ที่มาพร้อมตัวเรือนกับสายที่เป็นหนึ่งเดียวทำจากวัสดุชนิดเดียวทั้งเรือนคือเซรามิกที่มาในสีสีเดียว

การจะทำเช่นนี้ได้ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันอย่างสูงเพื่อให้เกิดงานเซรามิกที่สีสวยสม่ำเสมอทั้งชิ้นงานโดยเป็นเซรามิกที่มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และเป็นสารประกอบจาก zirconium ที่มีผ่านความร้อนสูง ดังนั้นเรื่องความสม่ำเสมอของสีหรือแม้แต่เฉดสีจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จำทำขึ้นมา

จะเห็นว่าทาง HUBLOT มีความเชี่ยวชาญในเรื่องวัสดุชนิดนี้และมีเฉดสีใหม่ๆ ที่เราจะไม่เห็นในวัสดุเดียวกันนี้ที่ไหนๆ โดยคอลเลกชั่นใหม่นี้มีเฉดสีที่สวยงาม 4 สี คือ blue indigo, sky blue, sand beige และ jungle green โดยสีน้ำเงิน Indigo นั้นมาจากสวน Majorelle Garden และสีน้ำเงินตามท้องถนนในย่าน Chefchaouen ประเทศโมรอคโค

เที่ยงตรงด้วยกลไก Unico 2 caleber ซึ่งเป็นกลไกดครโนกราฟที่มีขนาดเล็ก เสมือนการเปิดโลกแห่ง HUBLOT สู่ความศรัทธาใหม่ๆ ดดยคงรูปแบบดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ด้วย double coupling system ที่ปรากฏบนหน้าปัด พร้อมด้วยพลังงานสำรองนาน 72 ชั่วโมง โดยมีกลไกไขขึ้นลานใหม่ที่มีความบางกว่าเดิมจนสามารถทำให้กลไกมีความหนา 1.3 มม.
นี่คือรวมรวมเอาองค์ประกอบที่สำคัญและโดดเด่นในด้านต่างๆ มารวมกันไว้ใน Big Bang Integral Ceramic และด้วยความงามของเฉดสีที่หาไม่ได้ทั่วไปและความเป็นเฉดสีเดียวทั้งเรือนนั้นคือความงามที่เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยๆ จึงไม่แปลกใจที่จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากการเปิดตัวใน Watches and Wonders 2022 ครั้งนี้

HUBLOT: CLASSIC FUSION 42MM ELEMENTS SPECIAL EDITION FOR THE HOUR GLASS

ด้วยการเป็นพันธมิตรมากกว่า 40 ปี Hublot (อูโบลท์) และ The Hour Glass (ดิ อาวร์ กลาส) ได้ร่วมมือกันอีกครั้ง เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ ผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์เฉพาะของหน้าปัดหินธรรมชาติเข้ากับคอลเลกชั่นอันเป็นสัญลักษณ์ของ Hublot อย่าง Classic Fusion (คลาสสิค ฟิวชั่น) ขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตร

ครั้งนี้ Hublot ได้เลือกธาตุทั้งห้าตามธรรมชาติมาเพื่อแสดงออกและถ่ายทอดถึงตัวตนภายใต้ความสวยงามเหนือจินตนาการ ตามปรัชญาแห่งการพัฒนาของแบรนด์ นั่นคือ ‘Art of Fusion’ (‘ศิลปะแห่งการผสมผสาน’) โดดเด่นด้วย tiger’s eye (ไทเกอร์ส อาย หรือหินตาเสือ), red jasper (เรด แจสเปอร์ หรือควอร์ตซ์แดง), malachite (มาลาไคต์), turquoise (เทอร์คอยส์) และ lapis lazuli (ลาพิส ลาซูลี)

เรือนเวลา Classic Fusion 42mm Elements special edition for The Hour Glass อาบไว้ด้วยบุคลิกความโดดเด่นและความเข้มข้นหนักแน่นของธาตุธรรมชาติ

เริ่มจากคุณสมบัติเฉพาะของ Tiger’s Eye นั้นคือเสน่ห์จากลายเส้นสีเหลือง ทอง และน้ำตาล ที่คล้ายราวกับขนของเสืออันมีเอกลักษณ์ และเมื่อผ่านการตัดและขัดอย่างพิถีพิถันละเอียดอ่อนแล้ว Tiger’s Eye ยังได้มอบผลลัพธ์ของหน้าปัดที่สะท้อนความอบอุ่นและดึงดูดใจ ทั้งยังอาบไว้ด้วยบุคลิกสไตล์เอิร์ธโทนได้อย่างงดงามเปี่ยมด้วยพลัง มีชื่อเสียงด้วยคุณสมบัติด้านการรักษาและบำบัดฟื้นฟู

Red Jasper นั้นมีความสวยงามจากเฉดสีแดงสดใสมีชีวิตชีวา และยังคงถูกเลือกสวมใส่เป็นดั่งเครื่องรางนำโชคของผู้คนทั่วโลก

Malachite กับเอกลักษณ์ของสีเขียวสดได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยมตลอดช่วงประวัติศาสตร์โบราณ จากทั้งคุณสมบัติด้านความสวยงามสำหรับเครื่องประดับตกแต่งและในทางพิธีกรรม โดยเฉดสีเขียวอันเปล่งประกายนี้ชวนให้นึกถึงผืนป่าอันเขียวขจีและเขียวชอุ่มไปด้วยแมกไม้

Turquoise ได้ชื่อมาจากภาษาฝรั่งเศสโบราณว่า “turkeise” ซึ่งมีความหมายว่า “Turkish” (ตุรกี) ด้วยเพราะเป็นแร่ธรรมชาติชนิดแรกที่ถูกนำเข้าสู่ยุโรปผ่านตุรกีจากเหมืองต่าง ๆ ทางตะวันออกกลาง เฉดสีฟ้าอันโดดเด่นและแตกต่างของ เทอร์คอยซ์ได้ถูกนำมาใช้ผสมผสานกับงานออกแบบเชิงสถาปัตยกรรมทั่วโลก เพื่อมอบซึ่งมิติอันงดงามและยิ่งใหญ่ 

Lapis Lazuli กับสีโคบอลต์บลู (cobalt blue) เฉดน้ำเงินเข้มได้ถูกเลือกใช้โดยเหล่าราชวงศ์สำหรับเครื่องประดับและการตกแต่งตลอดช่วงเวลาหลายศตวรรษ และเมื่อถูกขัดเงาหินแปรด้วยประกายระริบระยับในเฉดสีน้ำเงินเข้มนี้ได้มอบซึ่งภาพราวดั่งท้องฟ้ายามราตรีที่พร่างพราวระยิบระยับไปด้วยมวลหมู่ดาว 

นาฬิการุ่นพิเศษ Classic Fusion 42mm Elements special edition for The Hour Glass ผสมผสานองค์ประกอบ เช่น สกรูบนขอบตัวเรือนรูปทรง ‘H’ ทำจาก King Gold ขัดเงา รวมถึงเข็มชี้บอกชั่วโมง นาที และวินาที ชุบเคลือบทองขัดเงาวาว

นาฬิกาดีไซน์สุดพิเศษนี้มีจำนวนจำกัดเพียง 10 เรือนสำหรับแต่ละเวอร์ชั่น ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ ความถี่ 4 เฮิรตซ์ ของ Hublot HUB1100 calibre (อูโบลท์ เอชยูบี 1100 คาลิเบอร์) สำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง ฝาหลังไทเทเนียมที่ตกแต่งด้วยงานปัดด้านแบบซาติน พร้อมแกะสลักข้อความ “SPECIAL EDITION”, “XX/10” โดยรอบขอบฝาหลัง

นาฬิกาแต่ละเรือนมาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีดำผสานยางสีดำ เย็บตะเข็บด้วยเส้นทองคำ 5N และหัวเข็มขัดแบบบานพับปรับได้ทำจากสเตนเลสสตีลเคลือบทอง

มีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่บูติกแห่งต่างๆ ของ The Hour Glass ในสิงคโปร์ มาเลเซีย และบูติก PMT The Hour Glass ในประเทศไทย

Exclusive Preview : BIG BANG SANG BLEU II: A TRIO IN CERAMIC

Hublot และสตูดิโอช่างสัก Sang Bleu ที่มีชื่อเสียงในลอนดอนร่วมกันรังสรรค์สุดพิเศษ นาฬิกาสามเรือนที่ทำจากเซรามิก นาฬิกา Big Bang รุ่นลิมิเต็ดสามรุ่นที่นำคุณไปสู่โลกแห่งสีสันใหม่ๆ การสร้างสรรค์ใหม่ 3 สิ่งสำหรับการทำงานร่วมกันของพวกเขา Hublot และ Sang Bleu ได้ปลดปล่อยเปลวไฟแห่งความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาเพื่อสร้างความใหม่ที่มีสีสันนาฬิกา Big Bang Sang Bleu II Ceramic รุ่นใหม่ในสีฟ้า สีเทาและสีขาว นอกจากความสำเร็จทางเทคนิคในการสร้างเซรามิกที่มีสีสวยงามอย่างสมบูรณ์แบบและสม่ำเสมอแล้ว Hublot ได้เผยถึงสถาปัตยกรรมนาฬิกาที่ยังคงมีความขบถต่อขนบเดิมอย่างต่อเนื่อง

ด้วยการเปิดตัว Sang Bleu II All Black เมื่อปีที่แล้วเราได้เปิดประตูสู่การทำงานด้วยวัสดุอย่างเซรามิกในโมเดลที่เราพัฒนาร่วมกับ Sang Bleu มาเป็นเวลาห้าปีแล้ว เวอร์ชันใหม่ทั้งสามนี้ยังคงดำเนินต่อไป พวกเขาเป็นความต่อเนื่องเชิงตรรกะของเวอร์ชันดั้งเดิมของ All Black และเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับงานชิ้นนี้ซึ่งยังคงความเป็นเอกลักษณ์และประติมากรรมสามมิติที่มองเห็นได้ที่นี่ในแง่มุมใหม่ๆ “
Ricardo Guadalupe Hublot CEO

การสามารถทำงานในระยะยาวกับการผลิตถือเป็นสิทธิพิเศษและเป็นเกียรติ Hublot และ Sang Bleu ได้ผลักดันขอบเขตด้านศิลปะและการผลิตนาฬิกามาตั้งแต่ปี 2016 และเสรีภาพนี้ทำให้สามารถสำรวจนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง Big Bang Sang Bleu II ทั้งสามรุ่นนี้เป็นผลของการทุ่มเทนี้ การเผยโฉมเซรามิกสามสีนี้จะเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของหน้าปัด ชุดเข็มนาฬิกาบนตัวเรือน ประสบการณ์และผลกระทบของแต่ละชิ้นส่วนเป็นสิ่งเปิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับวิธีการที่นาฬิกาจะเติมเต็มและเพิ่มความเป็นตัวตนของผู้สวมใส่ “
Maxime Plescia-Buchi ผู้ก่อตั้ง Sang Bleu และ Hublot Ambassador

ด้วยเหลี่ยมมุมที่เฉียบคมของตัวเรือนที่เป็นรูปสลักหลายเหลี่ยมราวกับเพชรทำให้ Big Bang Sang Bleu II ที่ออกแบบโดย Maxime Plescia-Buchi และ Hublot สามารถสร้างความประหลาดใจ การผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ของช่างสักเข้ากับความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของการผลิตโดยใช้ Nyon ชิ้นนี้แสดงการออกแบบที่ซับซ้อนและทรงพลัง ซึ่งต้องการการมองที่ใกล้ขึ้นให้สามารถชื่นชมรูปลักษณ์หลายมิติได้อย่างเต็มที่ ตัวเรือน ขอบตัวเรือนตรงกลางสายและหน้าปัดได้รับการสร้างขึ้นด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความลื่นไหลที่ไร้รอยต่อ

เวอร์ชันใหม่ที่ดูเรียบง่าย แต่ลึกลับ ภาพสะท้อนของรุ่น All Black ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วรุ่น “All White” นี้มีการเล่นแสงที่แพรวพราวแทนเฉดสีดั้งเดิม เสมือนสถาปัตยกรรมแห่งเหลี่ยมเพชรพลอยของกรอบตัวเรือน และสายข้อมือที่เชิญชวนให้มองสำรวจอย่างใกล้ชิดเพื่อชื่นชมมุม และส่วนโค้งที่ละเอียดอ่อนของแต่ละชิ้นส่วนนาฬิกา เป็นงานสร้างที่ทรงพลังมีแสงสะท้อนบนผิวหนังเช่นเดียวกับรอยสักที่ Maxime Plescia-Buchi ใช้ในงานศิลปะภาพพิมพ์ของเขา
Big Bang Sang Bleu II ใหม่แต่ละชิ้นจะวางจำหน่ายแบบ จำกัดจำนวน 200 ชิ้น ทั้งหมดจะมีตัวเรือนขนาดเดียว คือ 45 มม. ทำจากเซรามิกไฮเทคทั้งหมดตัวเรือนโครโนกราฟไขลานของ UNICO ผลิต ได้รับการพัฒนาภายในโดยวิศวกรและช่างทำนาฬิกาของ Hublot ประกอบด้วยส่วนประกอบ 330 ชิ้นและติดตั้งฟังก์ชันฟลายแบ็ค มีพลังงานสำรอง 3 วัน แต่ละชิ้นมีสายรัดข้อมือยางที่สอดคล้องกันด้วยระบบ One Click ช่วยให้เปลี่ยนสายได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใด ๆ

หมายเลขอ้างอิง
418.HX.2001.RX.MXM21 รุ่นเซรามิกสีขาว จำกัด เพียง 200 ชิ้น
418.EX.5107.RX.MXM21 รุ่นเซรามิกสีฟ้า จำกัด เพียง 200 ชิ้น
418.FX.8007.RX.MXM21 รุ่นเซรามิกสีเทาจำนวน จำกัด 200 ชิ้น
ด้านหลังหน้าปัดทุกสีทำจากเซรามิกเคลือบสลัก“ LIMITED EDITION 200NUM” และกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ สายนาฬิกายางแบบหัวเข็มขัด ตัวเรือนเซรามิกสีขาว สายยางสีดำและสีขาว ตัวล็อคหัวเข็มขัดดีไซน์ของ Sang Bleu ทำจากเซรามิกสีดำและไทเทเนียมสีดำ PVD
ตัวเรือนเซรามิกสีน้ำเงิน สายยางสีดำและสีน้ำเงิน ตัวล็อคหัวเข็มขัดดีไซน์ของ Sang Bleu ทำจากเซรามิกสีดำและไทเทเนียมสีดำ PVD
ตัวเรือนเซรามิกสีเทา สายยางสีดำและสีเทา ตัวล็อคหัวเข็มขัดดีไซน์ของ Sang Bleu ทำจากเซรามิกสีดำและไทเทเนียมสีดำ PVD


ราคาเรือนละ 861,000 บาท

Exclusive preview HUBLOT : BIG BANG UNICO YELLOW MAGIC

Exclusive preview HUBLOT ขอเชิญคุณมาสนุกกับชีวิตที่สดใส! BIG BANG UNICO YELLOW MAGIC ที่จะเผยโฉมในงาน Watches and Wonder 2021 วันพรุ่งนี้ แต่ L’Officiel Hommes Thailand นำความสุดพิเศษนี้มาให้คุณชมเป็นที่แรก แม้ว่าสีเหลืองจะเป็นสีหลักที่มีอยู่มากในธรรมชาติ แต่สีนี้ก็ยังทำให้มีเฉดที่สวยได้ยากโดยเฉพาะในวัสดุเช่นเซรามิก

ในฐานะผู้นำอย่างแท้จริงทางด้านนวัตกรรม และด้วยความเชี่ยวชาญของ Hublot Manufacture จึงประสบความสำเร็จในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยการสร้างเซรามิกสีเหลืองสดใสชิ้นแรก อนาคตของคุณจะสดใสด้วย Big Bang Unico Yellow Magic ของ Hublot เพราะคุณคงไม่ได้เห็นนาฬิกาสีเหลืองสดใสเขิดจ้าเหมือนแสงแดดที่จะทำให้วันของคุณสดใสขึ้นเช่นนี้มาก่อน

ด้วยการเปิดตัวเซรามิกสีแดงสดมีการกล่าวว่า (เกือบ)เป็นสีใน Pantone ที่เป็นไปได้สำหรับการทำเซรามิกสีสดใสเช่นนี้ขึ้นมา แต่เราก็ทำได้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกของโลกที่ได้รับการจดสิทธิบัตรตั้งแต่ปี 2018 ฉะนั้น Big Bang Unico Yellow Magic ไม่เพียง แต่เข้ากันได้อย่างลงตัวด้วย สีสันสดใสเจิดจ้าที่กำลังมาแรงของ Pantone ประจำปี 2021 เสมือนการเขียนอนาคตด้วยการสร้างวัสดุในเชิงนวัตกรรมของเรา … จักรวาลที่ไม่มีขอบเขต จุดเด่นของนวัตกรรมของเราอยู่ที่คำขวัญของเราที่ว่า “เป็นคนแรกไม่เหมือนใครอย่างแตกต่าง” และสิ่งที่ดีที่สุดคือยังมาไม่ถึง…”
Ricardo Guadalupe
HUBLOT CEO

แสงแดดสดใสเจิดจ้าเสมือนการมองโลกในแง่ดี … ทำให้รู้สึกดี มีความสุขด้วยสีเหลืองสดใสนี้
นอกเหนือจากรูปลักษณ์ตามเทรนด์ที่ไม่อาจพลาดได้แล้ว นี่คือนาฬิกาสปอร์ตที่มีสีสันของความสำเร็จทางเทคโนโลยี ซึ่งตอนนี้ช่างทำนาฬิกาชาวสวิสถือเป็นความลับนวัตกรรมที่ไร้ขีด จำกัด

Yellow Magic ชื่อของเซรามิกไฮเทคสีสันสดใสใหม่ที่สร้างโดย Hublot ซึ่งได้รับการกำหนดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่การมาถึงของเซรามิกสีแดงในปี 2018 กระบวนการที่เป็นเอกลักษณ์วัสดุที่ได้รับการจดสิทธิบัตรซึ่งพัฒนาและผลิตทั้งหมดโดยแผนก R&D ของผู้ผลิต ในห้องปฏิบัติการโลหะวิทยาและวัสดุ สี่ปีของการพัฒนาเพื่อค้นหาความสมดุลที่สมบูรณ์แบบของอุณหภูมิและความดันทำให้สามารถเผาเซรามิกได้โดยไม่ต้องเผาสี
Hublot ได้พบกับความท้าทายในการรักษาคุณสมบัติและความสมดุลของสีในขณะที่เพิ่มความต้านทานการสึกหรอของเซรามิกซึ่งยากกว่าเซรามิกแบบดั้งเดิม (1350 HV เทียบกับ 1200 HV) ไม่มีขาวดำอีกต่อไป ขอบคุณ Hublot เซรามิกมีให้เลือกทุกสีไม่ว่าจะเป็นแดงน้ำเงินเบจเขียวและเหลือง ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวของประสิทธิภาพและรูปลักษณ์ที่มีสไตล์นี้ Hublot จึงยังคงสานต่อเรื่องราวของนวัตกรรมโดยการคิดค้นวัสดุใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

BIGBANG UNICO YELLOW MAGIC มีจำหน่ายในรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น 250 เรือน ที่อวดสีสันเฉกเช่นแสงอาทิตย์ของตัวเรือนขนาด 42 มม. ขอบหน้าปัดส่องประกายด้วยเซรามิกสีเหลืองสดใส มีชีดบอกนาทีและวินาทีตัว ตัวเลขอารบิกบอกเวลา และเข็มนาฬิกาก็ล้วนเป็นสีเหลืองเจิดจ้า ขับเคลื่อนด้วยกลไก Unico HUB1280 มองเห็นจากด้านหน้าปัดผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ความสว่างสดใสยังคงเรื่อยไปจนถึงสายนาฬิกายางสีเหลืองที่มีเส้นดีไซน์ที่งดงาม นาฬิกาเรือนนี้จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการจำลองแสงแดดแห่งชีวิตมาไว้บนข้อมือของคุณ

BIG BANG UNICO YELLOW MAGIC (เลขอ้างอิง 441.CY.471Y.RX) ผลิตจำนวนจำกัด เพียง 250 เรือน หน้าปัดแบบ skeleton มองเห็นโครงสร้างภายใน ตัวเรือนเส้นผ่านศูนย์กลาง: 42 มม ความหนา: 14.50 มม กันน้ำ: 10 ATM (100mt) ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre Hublot HUB1280 UNICO ไขลานอัตโนมัติ Chronograph Flyback Movement with Column Wheel สำรองพลังงาน: 72 ชั่วโมง ด้านหลัง Microblasted Black Ceramic สลัก“ LIMITED EDITION 250NUM” สายยางลายโครงสร้างสีเหลืองและสีดำพร้อมตัวล็อคหัวเข็มขัดไททาเนียมเคลือบเซรามิกสีดำและชุบสีดำ

ราคาเรือนละ 828,000 บาท