Posts

พาไปชมเรื่องราวเต็มๆของโชว์ Gucci Love Parade คอลเล็กชั่นล่าสุดที่ว่าด้วยเรื่องราวความปรารถนาและพลังแห่งความฝันที่มีฉากหลังเป็นสถานที่สุดคลาสสิกของโลกภาพยนตร์อย่าง Hollywood Boulevard

จดหมายและคำโปรยถึงเรื่องราวของโชว์จาก Alessandro Michele creative director คนเก่งชาวอิตาลีของแบรนด์

เก้าตัวอักษรที่เต็มไปด้วยความปรารถนา

แม่ของผมทำงานอยู่ในวงการภาพยนตร์เป็นผู้ช่วยในบริษัทโปรดักชั่น ผมจำเรื่องราวทั้งหมดที่แม่เล่าให้ผมฟังได้ทั้งรายละเอียดและความน่าตื่นตาตื่นใจเกี่ยวกับโรงงานในฝันแห่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผิวที่ขาวบริสุทธิ์ของ Marilyn Monroe และเสียงที่ละเอียดอ่อนของเธอ ถุงมือผ้าซาตินสีดำของ Rita Hayworth และเส้นผมที่นุ่มสลวยของ Veronica Lake ตลอดจนเสน่ห์อันเย้ายวนของ Rock Hudson และพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงอันน่าสับสนของ Kim Novak ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างนั้นดูเหมือนเทพนิยาย

สมัยนั้นเราอาศัยอยู่ในอาคารร้างแถวชานเมืองของกรุงโรม ผมต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ เรื่องเล่าที่ถูกล้มล้างเหล่านั้นช่วยให้ผมก้าวผ่านความน่าเบื่อหน่ายนี้ นั่นคือการหลบหนีและการจากไปของผม ในจุดเล็ก ๆ บนโลกนั้น HOLLYWOOD ดูเหมือนจะเป็นดาวที่สว่างไสวและเปร่งประกาย เป็นเก้าตัวอักษรที่เต็มไปด้วยความปรารถนา

เมื่อผมเริ่มคิดถึงวิธีที่ผมต้องการจะเฉลิมฉลองให้กับบทใหม่นี้ในงานผจญภัยของผม ผมนึกถึงแม่และมรดกอันล้ำค่าของท่าน ผมนึกถึงการบูชาความงามที่แม่ได้เลี้ยงผมมา เกี่ยวกับของขวัญแห่งความฝันที่ไม่อาจล้มล้างได้และกลิ่นอายในตำนานของโรงภาพยนตร์ ซึ่งนี่แหละคือเหตุผลที่ผมเลือก Hollywood Boulevard

ถนนแห่งดวงดาวนี้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความรักที่ไม่มีการควบคุมของผมที่มีต่อโลกแบบดั้งเดิม ท้ายที่สุด Hollywood ก็เป็นวิหารกรีกที่มีเทพเจ้านอกรีตอาศัยอยู่ ที่นี่เหล่านักแสดงจะได้รับการยอมรับว่าเป็นวีรบุรุษในตำนาน เป็นสิ่งมีชีวิตลูกผสมที่มีพลังอยู่เหนือการดำรงอยู่ของเทพเจ้าและมนุษย์ในเวลาเดียวกันทั้งในจินตภาพและความเป็นจริง พวกเขาเป็นวีรบุรุษของจักรวาลร่วมสมัยแห่งใหม่ซึ่งเป็นตัวแทนการมีอยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า Aphrodite, Theseus, Pandora และ Medusa ยังคงอาศัยอยู่ใน Olympus ของ Hollywood ซึ่งอยู่สูงเกินกว่าที่จะเอื้อมถึงแต่ก็ยังเป็นมนุษย์

มนุษย์ครึ่งเทพเหล่านี้ได้โผล่ไปทั่วเมืองของเหล่าทูตสวรรค์ ที่ซึ่งแสงแห่งความสุขสาดส่องไปทั่ว นี่คือที่ที่ผมได้พบกับผู้คนที่แปลกประหลาดที่สุด ไม่เหมือนใคร และดื้อรั้นต่อความคิดใด ๆ เกี่ยวกับลำดับขั้นตอน ผมเฝ้าสังเกตพวกเขาอยู่เสมอขณะก้าวไปข้างหน้าบนเนินเขาของป้อมปราการแห่งความฝัน ความกระตือรือร้นที่จะเสนอตัวของพวกเขาเองเป็นของขวัญที่ไม่เหมือนใคร

ขบวนพาเหรดของสิ่งมีชีวิตที่น่าหลงใหลและเป็นอิสระที่ข้ามดินแดนที่ไม่มีอดีตหรืออนาคต มีเพียงแค่ปาฏิหาริย์ของพรสวรรค์ในจินตนาการ แม่บอกผมเสมอเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเมืองลอสแอนเจลิสนั้นเปล่งประกายด้วยเวทมนตร์ที่เป็นนิรันดร์ เป็นสถานที่ที่เผชิญหน้ากับเหล่าเทพเจ้า และกลายเป็นตำนานของความเป็นไปได้

เรียบเรียง rhunrun

ชมโชว์ล่าสุด Gucci Love Parade ที่กำลังจะมีขึ้นใน Hollywood ใน Los Angeles ได้ที่นี่ในวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 10 นาฬิกา

พาไปชมบัตรเชิญสำหรับโชว์ล่าสุด Gucci Love Parade ที่กำลังจะมีขึ้นใน Hollywood ใน Los Angeles กับซองพลาสติกเก็บหลักฐานพร้อมลิปสติกและกระดาษซับพร้อมข้อความเวลานัดหมายจาก Alessandro Michele ก็ถูกใช้เป็นตัวแทนของคำเชิญ


รับชมโชว์นี้ได้วันที่ 3 พฤศจิกายน นี้ 10 นาฬิกาตามเวลาประเทศไทย ที่ด้านล่างนี้เลยครับ!

เรื่องเรียบเรียง rhunrun

แคมเปญล่าสุดจาก Gucci ในรูปแบบ TV talk show ย้อนยุคในชื่อ Gucci Beloved พร้อมแขกรับเชิญระดับ Superstar จาก Hollywood

แคมเปญล่าสุดจาก Gucci ในรูปแบบ TV talk show กับ Gucci Beloved ซึ่งรายการนี้ก็ถูกโฮสต์โดยพิธีกรและนักแสดงอารมณ์ดี James Corden พร้อมด้วยแขกรับเชิญจาก Hollywood ที่ร่วมงานกับ Gucci มาหลายครั้งนำโดย Harry Styles , Dakota Johnson, Diane Keaton, Awkwafina และ Serena Williams นักเทนนิสชื่อดังในลุคจาก Gucci ทั้งหมด

ด้านงานการกำกับภาพก็ได้ Harmony Korine ผู้กำกับชาวอเมริกันมาร่วมมือกับ Alessandro Michele creative director ของแบรนด์ ไปชมบรรยากาศรายการกันได้เลยครับ!

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun

สรุปรางวัล-ผู้ชนะ-ผู้เข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรติ Golden Globes Award ครั้งที่ 78 ประจำปี 2021

เป็นอีกหนึ่งรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับ Golden Globes Award ครั้งที่ 78 ประจำปี 2021 และวันนี้เราก็ได้รวบรวมรางวัลทั้งผู้ชนะและผู้เข้าชิงมาฝากกันครับ จะมีภาพยนตร์และซีรี่ย์เรื่องโปรดของคุณมั้ยไปชมกันเลย เริ่มจากไฮไลต์

Chadwick Boseman ชนะรางวัลใหญ่อย่าง Best actor in a motion picture – drama จากภาพยนตร์ Ma Rainey’s Black Bottom ซึ่ง Simone Boseman ภรรยาของนักแสดงคนเก่งที่จากไปก็สวมใส่ชุดของ Atelier Versace รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้แทนเจ้าของบทบาท Black Panthers อันโด่งดังครับ

อีกหนึ่งรางวัลใหญ่ของฝ่ายหญิง Best actress in a motion picture – musical or comedy Rosamund Pike จากภาพยนตร์ I Care A Lot บน Netflix คว้าไปได้ครับ ซึ่งเธอก็มาในชุดสีแดงที่เต็มไปด้วยพลังจาก Alexander McQueen

Best actor in a motion picture – musical or comedy ก็ตกเป็นของ Sacha Baron Cohen ที่กลับมารับบทนักข่าวจอมเกรียน Borat Sagdiyev อีกครั้งในเรื่อง Borat Subsequent เกรียนปนฮาแถมยังไปป่วนถึงทำเนียบขาวมาแล้ว ขอแสดงยินดีกับเจ้าตัวและทีมงานด้วยครับ และถึงไม่ได้เดินทางมารับรางวัลเจ้าตัวก็ขอตัดแปะ handmade รางวัลแบบลวกๆพร้อมลายเส้นหวัดๆสุดกวนตามสไตล์ Borat ครับ

ปิดท้ายด้วยขวัญใจของหลายๆคน Anya Taylor-Joy กับรางวัล Golden Globes สาขา Best actress in a limited series or TV movie กับบท Beth Harmon อัจฉริยะหมากรุกสาวในซีรี่ย์ The Queen’s Gambit จาก Netflix โดยสาว Anya Taylor-Joy มาในชุดเดรสสีเขียวสุดสง่าจาก Dior Couture ครับ สุดยอดทั้งชุดและฝีมือการแสดงจริงๆสำหรับ นักแสดงสาวชาวอเมริกันวัย 24 ปีคนนี้

ส่วน list ผู้ชนะและผู้เข้าชิงอื่นๆสามารถรับชมได้ด้านล่างเลยครับ

Best motion picture – drama

  • The Father
  • Mank
  • WINNER: Nomadland
  • Promising Young Woman
  • The Trial of the Chicago 7

Best actress in a motion picture – drama

  • Viola Davis, Ma Rainey’s Black Bottom
  • WINNER: Andra Day, The United States vs Billie Holiday
  • Vanessa Kirby, Pieces of a Woman
  • Frances McDormand, Nomadland
  • Carey Mulligan, Promising Young Woman

Best actor in a motion picture – drama

  • Riz Ahmed, Sound of Metal
  • WINNER: Chadwick Boseman, Ma Rainey’s Black Bottom
  • Anthony Hopkins, The Father
  • Gary Oldman, Mank
  • Tahar Rahim, The Mauritanian

Best motion picture – musical or comedy

  • WINNER: Borat Subsequent Moviefilm
  • Hamilton
  • Music
  • Palm Springs
  • The Prom

Best actress in a motion picture – musical or comedy

  • Maria Bakalova, Borat Subsequent Moviefilm
  • Kate Hudson, Music
  • Michelle Pfeiffer, French Exit
  • WINNER: Rosamund Pike, I Care A Lot
  • Anya Taylor-Joy, Emma

Best actor in a motion picture – musical or comedy

  • WINNER: Sacha Baron Cohen, Borat Subsequent Moviefilm
  • James Corden, The Prom
  • Lin-Manuel Miranda, Hamilton
  • Dev Patel, The Personal History of David Copperfield
  • Andy Samberg, Palm Springs

Best supporting actress in any motion picture

  • Glenn Close, Hillbilly Elegy
  • Olivia Colman, The Father
  • WINNER: Jodie Foster, The Mauritanian
  • Amanda Seyfried, Mank
  • Helena Zengel, News of the World

Best supporting actor in any motion picture

  • Sacha Baron Cohen, The Trial of the Chicago 7
  • WINNER: Daniel Kaluuya, Judas and the Black Messiah
  • Jared Leto, The Little Things
  • Bill Murray, On the Rocks
  • Leslie Odom Jr, One Night in Miami

Best director – motion picture

  • David Fincher, Mank
  • Regina King, One Night in Miami
  • Aaron Sorkin, The Trial of the Chicago 7
  • WINNER: Chloe Zhao, Nomadland
  • Emerald Fennell, Promising Young Woman

Best screenplay – motion picture

  • Christopher Hampton and Florian Zeller, The Father
  • Jack Fincher, Mank
  • Chloé Zhao, Nomadland
  • Emerald Fennell, Promising Young Woman
  • WINNER: Aaron Sorkin, The Trial of the Chicago 7

Best motion picture – animated

  • The Croods: A New Age
  • Onward
  • Over the Moon
  • WINNER: Soul
  • Wolfwalkers

Best motion picture – foreign language

  • Another Round (Denmark)
  • La Llorona (Guatemala)
  • The Life Ahead (Italy)
  • WINNER: Minari (USA)
  • Two of Us (France)

Best original score – motion picture

  • Mank – Trent Reznor, Atticus Ross
  • The Midnight Sky – Alexandre Desplat
  • News of the World – James Newton Howard
  • WINNER: Soul – Trent Reznor, Atticus Ross, Jon Batiste
  • Tenet – Ludwig Göransson

Best original song – motion picture

  • Fight for You – Judas and the Black Messiah
  • Hear My Voice – The Trial of the Chicago 7
  • WINNER: Io Si (Seen) – The Life Ahead
  • Speak Now – One Night in Miami
  • Tigress & Tweed – The US vs Billie Holiday

Best TV series – drama

  • WINNER: The Crown
  • Lovecraft Country
  • The Mandalorian
  • Ozark
  • Ratched

Best actress in a drama series

  • WINNER: Emma Corrin, The Crown
  • Olivia Colman, The Crown
  • Jodie Comer, Killing Eve
  • Laura Linney, Ozark
  • Sarah Paulson, Ratched

Best actor in a drama series

  • Jason Bateman, Ozark
  • WINNER: Josh O’Connor, The Crown
  • Bob Odenkirk, Better Call Saul
  • Al Pacino, Hunters
  • Matthew Rhys, Perry Mason

Best TV series – musical or comedy

  • Emily in Paris
  • The Flight Attendant
  • WINNER: Schitt’s Creek
  • The Great
  • Ted Lasso

Best actress in a TV series – musical or comedy

  • Lily Collins, Emily in Paris
  • Kaley Cuoco, The Flight Attendant
  • Elle Fanning, The Great
  • Jane Levy, Zoey’s Extraordinary Playlist
  • WINNER: Catherine O’Hara, Schitt’s Creek

Best actor in a TV series – musical or comedy

  • Don Cheadle, Black Monday
  • Nicholas Hoult, The Great
  • Eugene Levy, Schitt’s Creek
  • WINNER: Jason Sudeikis, Ted Lasso
  • Ramy Youssef, Ramy

Best limited series or TV movie

  • Normal People
  • WINNER: The Queen’s Gambit
  • Small Axe
  • The Undoing
  • Unorthodox

Best actress in a limited series or TV movie

  • Cate Blanchett, Mrs America
  • Daisy Edgar-Jones, Normal People
  • Shira Haas, Unorthodox
  • Nicole Kidman, The Undoing
  • WINNER: Anya Taylor-Joy, The Queen’s Gambit

Best actor in a limited series or TV movie

  • Bryan Cranston, Your Honor
  • Jeff Daniels, The Comey Rule
  • Hugh Grant, The Undoing
  • Ethan Hawke, The Good Lord Bird
  • WINNER: Mark Ruffalo, I Know This Much Is True

Best supporting actress in a series, limited series or TV movie

  • WINNER: Gillian Anderson, The Crown
  • Helena Bonham Carter, The Crown
  • Julia Garner, Ozark
  • Cynthia Nixon, Ratched
  • Annie Murphy, Schitt’s Creek

Best supporting actor in a series, limited series or TV movie

  • WINNER: John Boyega, Small Axe
  • Brendan Gleeson, The Comey Rule
  • Dan Levy, Schitt’s Creek
  • Jim Parsons, Hollywood
  • Donald Sutherland, The Undoing

Cecil B DeMille Award – Jane Fonda

Carol Burnett Award – Norman Lear

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun

โรงแรมสุดโปรดของเหล่าเซเลปฮอลลีวูด Chateau Marmont เปิดไลน์เสื้อผ้า !

เป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดไอคอนิกในฮอลลีวูดอยู่แล้วสำหรับโรงแรม Chateau Marmont ที่ตั้งอยู่ใน Sunset Boulevard ใน West Hollywood รัฐ California ที่นอกจากจะเป็นที่โปรดปรานของเหล่าเซเลปคนดังในฮอลลีวูดมาตั้งแต่ปี 1929 โรงแรมที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง William Douglas Lee ยังขึ้นชื่อเรื่องภูตผีในโรงแรมที่มักออกมาทักทายแขกที่เข้ามาพักอยู่บ่อยๆ

ดูโพสต์นี้บน Instagram

In light of the Covid-19 pandemic, operations were immediately scaled-down at Chateau Marmont – protecting the health of both employees and guests, a number of whom remain in residence – to ensure that the hotel lives to see the day when it can again provide the safe haven it has for over 90 years. The drastic and unspeakably painful layoffs required could not be avoided, and the devastating impact on our family is incalculable. So the Chateau Family Fund has been established and all donations received will be shared equally amongst those who have always been the heart and soul of our community. We invite our many friends and guests of long-standing who have enjoyed and benefited from the comforting embrace of the Chateau to join André Balazs in assisting those who have so loyally and consistently supported us all. GoFundMe link in bio. #chateaufamilyfund #chateaumarmont #andrebalazsproperties #sunsetboulevard #hollywood

โพสต์ที่แชร์โดย Chateau Marmont (@chateaumarmont) เมื่อ

ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจบวกกับความเก่าแก่ของโรงแรมทำให้เหล่าแบรนด์แฟชั่นมักจะดึงเอาแรงบันดาลใจจากโรงแรมแห่งนี้ไปใช้เสมอๆ ล่าสุดก็คือ Gucci ในคอลเล็กชั่น Cruise 2019 ที่นำโลโก้ Pan เล่นเครื่องเป่าไปใช้ทั้งบนเสื้อผ้ากระเป๋าและรองเท้าผ้าใบ

Gucci Cruise 2019

และล่าสุดทางโรงแรมก็ตัดสินใจปล่อยคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าของตัวเองออกมาโดยวางจำหน่ายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ในไอเท็มต่างๆก็ประกอบไปด้วยชิ้นใส่ง่ายอย่าง เสื้อฮู้ดดี้ เสื้อ sweater เสื้อยืด และ หมวก พร้อมกับโลโก้คลาสสิคของโรงแรมถือเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นที่น่าสนใจแถมยังได้กลิ่นไอของแบรนด์หรูอีกด้วยครับ !

Ocean8 x Cartier รังสรรค์จิวเวลรี่ชิ้นพิเศษสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ 

 

ได้รับความสนใจไม่แพ้พลังนักแสดงระดับแถวหน้าของฮอลลีวู้ดในภาพยนตร์เรื่อง Ocean’s 8 โดย Cartier ได้ปลุกตำนานสร้อยพระศอของมหาราชาแคว้น Nawanagar  ร่วมเป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ในภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์แห่งปี Ocean’s 8 ภาคต่อของภาพยนตร์   แอคชั่นในตำนาน Ocean’s 11อันโด่งดัง บรรจงรังสรรค์จิวเวลรี่ชิ้นพิเศษสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ 

คาร์เทียร์ได้ระดมช่างฝีมือของแผนกอัญมณีชั้นสูง (High Jewelry) ณ Rue de la Paix ในกรุงปารีส ใช้ช่างอัญมณีที่เชี่ยวชาญที่สุดเพื่อรังสรรค์สร้อยคอชิ้นเอกในระยะเวลาไม่เกิน 8 สัปดาห์ สร้อยคอได้ถูกปรับให้เข้ากับสรีระของดารานำในเรื่อง แอน แฮทธาเวย์ โดยลดขนาดลงราว 15-20% ของขนาดดั้งเดิมที่ออกแบบมาเพื่อมหาราชาแห่งแคว้น Nawanagar

สามารถถอดเปลี่ยนได้และได้รับการปรับแต่งให้พอดีกับสรีระของนักแสดงอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับสร้อยคอตูซองต์ที่ผลิตขึ้นใหม่เพื่อการถ่ายทำภาพยนตร์ ประกอบไปด้วย เพชรน้ำงามไม่มีสีใดๆ เจือปน ส่วนดั้งเดิมที่ใช้เพชรสี ช่างได้ใช้วัสดุจากธรรมชาติที่เรียกว่าเซอร์คอเนียมออกไซด์แทนที่และวางลงบนตัวเรือนทองคำขาว

 

คาร์เทียร์ยังเป็นแบรนด์เครื่องประดับเพียงหนึ่งเดียวที่ดารารับเชิญในภาพยนตร์สวมใส่ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตันหรือ The Met เป็นเวลา 5 คืนติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับชั้นสูง ไฮ จิวเวลรี่ นาฬิกาและเครื่องประดับแบบต่างๆ

 

 

 

 

บูติคแฟลกชิพ ณ ถนนฟิฟท์อเวนิวหรือคาร์เทียร์แมนชั่น (Cartier Mansion) หนึ่งในแลนด์มาร์กของกรุงนิวยอร์กได้ใช้เป็นที่ถ่ายทำหลายฉากที่สำคัญ โดยคาร์เทียร์ปิดทำการแมนชั่นเป็นเวลา 2 วันในการถ่ายทำภาพยนตร์ รวมถึงสถาปัตยกรรมด้านนอกของคาร์เทียร์แมนชั่นบนถนนหมายเลข 52 ยังปรากฏในภาพยนตร์อีกด้วย

 

เมื่อชาวฮอลลีวูดเตียงหัก เรามาดูกันว่าค่าซ่อมเตียงเหล่านั้นจะทะยานไปถึงเท่าไหร่กันแน่

ถึงขั้นขึ้นเป็น Breaking News ของนักข่าวเกือบจะทุกสำนักทั่วโลก หลังจากมีการยืนยันว่า Angelina Jolie (แอนเจลิน่า โจลี่) ยื่นฟ้องหย่า Brad Pitt (แบรด พิตต์) ที่คบกันมาอย่างยาวนานถึง 11 ปี โดยให้เหตุผลว่า “มีปัญหาที่ไม่สามารถประนีประนอมกันได้” แม้เรื่องครอบครัวจะเป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคน แต่ในเมื่อชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงสปอตไลท์ เรื่องของสองคนจึงกลายเป็นเรื่องส่วนรวมไปโดยปริยาย ลอปติมัมขอย้อนอดีตคู่รักแห่งวงการฮอลลีวูดที่เคยเตียงหักรักร้าวกันมาก่อนหน้าคู่ Brangelina และอย่าลืมว่าทุกอย่างต้องมีราคาค่างวดของมัน ใบหย่าก็เช่นกัน

มาคำนวณกันเล่นๆ ว่าค่าเสียเวลาที่แต่ละคู่รักต้องเสียไปในการอยู่ร่วมเตียงกันนั้นคิดเป็นเท่าไหร่กันแน่

NEW YORK - APRIL 20: Actor Michael Douglas (R) and his ex-wife, producer Diandra Douglas, depart the US District Court building following the sentencing of their son Cameron Douglas to five years in prison for possession of heroin, and distribution of methamphetamine and cocaine, at the United States District Court on April 20, 2010 in New York City. Cameron Douglas admitted in a New York Court to possessing heroin and dealing large amounts of methamphetamine and cocaine in January of 2010. (Photo by Jemal Countess/Getty Images)

Michael Douglas VS Diandra Douglas
ปีที่แต่ง: 1977
ปีที่หย่า: 1995
จำนวนปี: 18
ค่าใบหย่า: $45M
เฉลี่ยปีละ: $2.5M

MIAMI BEACH, FL - MAY 15: Phil Collins and Orianne Collins attends the Phil and Orianne Collins host Little Dreams Foundation brunch at Faena Hotel on May 15, 2016 in Miami Beach, Florida. (Photo by Gustavo Caballero/Getty Images)

Phil Collins VS Orianne Cevey
ปีที่แต่ง: 1999
ปีที่หย่า: 2008
จำนวนปี: 9
ค่าใบหย่า: $47M
เฉลี่ยปีละ: $5.2M

Fifth Annual Adopt-A-Minefield Gala

Paul McCartney VS Heather Mills
ปีที่แต่ง: 2002
ปีที่หย่า: 2008
จำนวนปี: 6
ค่าใบหย่า: $48.6M
เฉลี่ยปีละ: $8.1M

james-cameron-and-linda

James Cameron VS Linda Hamilton
ปีที่แต่ง: 1997
ปีที่หย่า: 1999
จำนวนปี: 2
ค่าใบหย่า: $50M
เฉลี่ยปีละ: $25M

RocknRolla - World Film Premiere - Arrivals

Madonna VS Guy Ritchie
ปีที่แต่ง: 2000
ปีที่หย่า: 2008
จำนวนปี: 8
ค่าใบหย่า: $79M – $92M
เฉลี่ยปีละ: $9.8M – $11.5M

kevincostner

Kevin Costner VS Cindy Silva
ปีที่แต่ง: 1978
ปีที่หย่า: 1994
จำนวนปี: 16
ค่าใบหย่า: $80M
เฉลี่ยปีละ: $5M

harrison-ford-melissa-mathison-divorce-settlement-640x427

Harrison Ford VS Melissa Mathison
ปีที่แต่ง: 1983
ปีที่หย่า: 2004
จำนวนปี: 21
ค่าใบหย่า: $85M
เฉลี่ยปีละ: $4M

stevenspielberg

Steven Spielberg VS Amy Irving
ปีที่แต่ง: 1985
ปีที่หย่า: 1989
จำนวนปี: 4
ค่าใบหย่า: $100M
เฉลี่ยปีละ: $25M

Neil and Marcia Diamond

Neil Diamond VS Marcia Murphey
ปีที่แต่ง: 1969
ปีที่หย่า: 1995
จำนวนปี: 26
ค่าใบหย่า: $150M
เฉลี่ยปีละ: $5.7M

melgibson

Mel Gibson VS Robyn Moore Gibson
ปีที่แต่ง: 1980
ปีที่หย่า: 2011
จำนวนปี: 21
ค่าใบหย่า: $425M
เฉลี่ยปีละ: $20.2M

ภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่จากฮอลลีวูดใช้เวลากว่า 50 ปี ที่จะกลายเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น

Superheroes are bombarding Hollywood

หลังจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์อย่างเรื่อง X-Men ที่กำกับโดย Bryan Singer 
(ไบรอัน ซิงเกอร์) ออกฉายในปีค.ศ. 2000  อาจจะเรียกได้ว่า ภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่จากฮอลลีวูดใช้เวลากว่าสิบห้าปีเพื่อกลายเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น ภาพยนตร์แนวนี้สามารถทำรายได้มหาศาลและครองตลาดภาพยนตร์ทำเงินทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย หลังจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่นอกกระแสอย่าง Deadpool ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่
ดูจะเป็นแนวภาพยนตร์ที่ยังคงโกยรายได้มหาศาลได้เรื่อยๆ จึงมีภาพยนตร์แนวนี้ฮีโร่จ่อคิวเข้าโรงอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Batman v Superman: Dawn of Justice ต่อด้วย Captain America : Civil War หรือจะเป็นเรื่อง X-Men Apocalypse

 affiche-X-Men-L-Affrontement-final-X-Men-The-Last-Stand-2005-1

แรกเริ่มเดิมที ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่บนจอเงิน เป็นแค่หนังฮอลลีวูดธรรมดา แต่จู่ๆ Captain America ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในฤดูร้อน ช่วงปีค.ศ. 1979 ก็เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชม จากนั้นหนังซูเปอร์ฮีโร่ก็เริ่มตามออกมา มีการทำการตลาดอย่างจริงจัง อย่างภาพยนตร์เรื่อง Batman ของทิม เบอร์ตัน ทุ่มทุนการโฆษณากันแบบเต็มที่ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะเห็นโลโก้แบทแมน หรือเปิดวิทยุก็จะได้ยินเพลงประกอบภาพยนตร์

Batman V. Superman: Dawn Of Justice

ในช่วงยุค ’70s ความฝันที่จะเปลี่ยนการผจญภัยของเหล่าฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนที่ขายได้เป็นจำนวนสิบล้านกว่าฉบับให้เป็นภาพยนตร์เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ในยุคนั้นค่าย DC Comics ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของค่าย Marvel ที่ผลิตภาพยนตร์ที่มาจากหนังสือการ์ตูนอย่างเรื่อง Superman มีงบการผลิตสูงถึง 55 ล้านเหรียญสหรัฐ   ในยุคนั้นถือว่าเป็นงบสร้างภาพยนตร์ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ซึ่งมีบริษัท Warner Brothers เป็นผู้ควบคุมการผลิต และสุดท้ายภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำรายได้ถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐในบ็อกซ์ออฟฟิศและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง   สามรางวัล คุณผู้อ่านอาจจะคิดว่าภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินเสมอไปหรือเปล่า คำตอบคือ ก็ไม่เสมอไป   อย่างเรื่อง Superman มีสามภาคและแต่ละภาคก็ยิ่งผลิตด้วยงบ  และฝีมือที่ต่ำลงเรื่อยๆ และสุดท้ายภาคสี่บริษัท Canon ก็ผลิต   ออกมาได้อย่างน่าเวทนาชนิดที่ว่านักวิจารณ์หลายๆ คนลง     ความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า “ห่วยแตก”

 artoff2583

ฮีโร่คู่เกย์

ในปีค.ศ. 1989 Tim Burton (ทิม เบอร์ตัน) หันมาทำภาพยนตร์ Batman บริษัท Warner ที่ได้ร่วมมือกับบริษัท DC Comics ตั้งเป็น บริษัท Time Inc. เพื่อทำภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ให้ติดตลาด โลโก้มนุษย์ค้างคาว เพลงที่วิทยุทุกคลื่นจะต้องเปิดเพลงที่ได้ศิลปินดังอย่าง Prince มาร้องประกอบ กระพือกระแสเสื้อลายแบตแมนและของเล่น ต่างๆ เป็นการโฆษณาที่ได้ผลดีเยี่ยมและสัญลักษณ์แบตแมนก็ได้แพร่ไปทั่วโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ไป 750 ล้านเหรียญสหรัฐ ชนิดที่ยังไม่ได้นับรายได้อื่นอันมาจากการขายสินค้าประเภทอื่นๆ หากวัดรายได้ภาพยนตร์เรื่องนี้จากบ็อกซ์ออฟฟิศ ทั่วทั้งโลก ภาพยนตร์เรื่องแบตแมนทำเงินไปได้ถึง 414 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นประวัติการณ์ภาพยนตร์เลยทีเดียว หนังสือพิมพ์ New York Post ถึงกับกล่าวว่า “นี่เป็นมากกว่าภาพยนตร์หรือจะเรียกว่าเป็นการตลาดขั้นเทพได้เลยทีเดียว” ภาคต่อมา Batman & Robin กำกับโดย Joel Schumacher (โจเอล ชูมัคเกอร์) ที่ปรับให้ซูเปอร์ฮีโร่ทั้งสองเป็นคู่เกย์กัน Batman แสดงโดย George Clooney (จอร์จ คลูนีย์) และ Robin แสดงโดย Chris O’Donnell (คริส โอดอนเนล) ทางฝั่งของ Marvel ก็ยังลองผิดลองถูกกับธุรกิจภาพยนตร์อยู่จะเห็นได้จากการที่ลิขสิทธิ์เรื่อง X-Men ถูกซื้อไปโดยบริษัทของ Carolco (ผลิตภาพยนตร์ดังอย่าง Terminator 2 และ Basic Instinct) อันเป็นโครงการที่ James Cameron (เจมส์ คาเมรอน) ปฏิเสธไปตอน นาทีสุดท้ายเพราะเขาอยากจะไปมุ่งดูแลการผลิตเรื่อง Spiderman เสียมากกว่า แต่สุดท้ายเจมส์ก็ไม่ได้โกยรายได้เป็นกอบเป็นกำจากเรื่อง Spiderman อย่างใด แต่โชคดีที่เขาได้สิทธิกุมบังเหียนบริษัท 20th Century Fox แทน

spider-man-film-volume-simple-4777

“ทุกครั้งที่ผมเริ่มทำอะไรสักอย่าง ผมก็จะทำมันสำเร็จเสมอ ฮอลลีวูดพยายามที่จะปรับ X-Men ให้เป็นภาพยนตร์มา 30 ปี บริษัท 20th Century Fox จะเป็นผู้ที่ทำให้สำเร็จจนได้” เมื่อตอนที่ Bryan Singer (ไบรอัน ซิงเกอร์) ได้รับหน้าที่ให้คุมการผลิตภาพยนตร์เรื่อง X-Men ช่วงปลายปีค.ศ. 1990 บริษัท Fox คาดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะโกยรายได้ถล่มทลายได้สนับสนุนให้ไบรอันไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ที่แคนาดาด้วยงบอันเหลือเฟือ (75 ล้านเหรียญสหรัฐ) และระยะเวลาถ่ายอันจำกัดแค่ 5 เดือน หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง X-Men ถ่ายทำเสร็จและฉายในโรงภาพยนตร์สามารถโกยเงินไปได้กว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก พร้อมกับความสำเร็จที่มาพร้อมกันกับภาพยนตร์เรื่อง Blade นักล่าแวมไพร์ที่นำแสดงโดย Wesley Snipes (เวสลีย์ สไนปส์) จากนั้นก็เริ่มเป็นกระแสภาพยนตร์ ซูเปอร์ฮีโร่มาเรื่อยๆ อย่างที่เห็นได้จากความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง Daredevil ที่นำแสดงนำโดย Ben Affleck (เบน เอฟเฟลค)  (ที่สามารถโกยรายได้ทวีคูณจากทุนสร้าง) ความสำเร็จจากเรื่อง X-Men 2 และไตรภาค Spiderman ที่โกยรายได้ไปถึง 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นตัวยืนยันถึงความสำเร็จของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ Avi Arad (อาวี อาราด) พระเอกตัวจริงผู้ช่วยชีวิตบริษัท Marvel    ที่กำลังจะล้มละลายในปีค.ศ. 1996 และเป็นบิ๊กบอสของบริษัท Marvel Studios ได้กล่าวว่า “ความสำเร็จนี้เทียบเท่ากับการขุดหลุมฝังความคิดที่ว่าผู้ชมภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่มีอยู่จำกัดและพวกแฟนๆ ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่มีอยู่น้อยนิด ซูเปอร์ฮีโร่พวกนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จของบริษัท Marvel มาเป็นเวลาสิบกว่าปีและการทำเป็นภาพยนตร์ก็เป็นเรื่องที่ทำกำไรงามมาก” ไพ่ไม้ตายอีกใบหนึ่งของ Marvel ที่มี Stan Lee (สแตน ลี) เป็นผู้ก่อตั้งร่วมกับสตูดิโอสร้างภาพยนตร์ คือการเอาสิทธิในการผลิตเรื่อง Iron Man กลับคืนจากบริษัท New Line Cinema และสิทธิการใช้ตัวละครอย่าง Black Widow จากบริษัท Lions Gate ในขณะที่บริษัท Paramount ได้ซื้อสิทธิการใช้ตัวละครอย่าง Thor คืนจาก Sony โดยอาราดได้ออกจากบริษัท Marvel Studios ในปีค.ศ. 2006

การปฏิวัติทางเทคนิค

“บางทีเป็นเพราะว่านวัตกรรมทางเทคนิคต่างๆ ทำให้ทุกอย่างที่คุณต้องการเกิดขึ้นได้ เหมือนกับภาพยนตร์คาวบอยในยุคก่อนที่ฝ่ายพระเอกขี่ม้าสู้กับผู้ร้าย นี่เป็นสิ่งที่ผู้ชมในยุคนั้นคาดหวังไว้ แต่ในยุคนี้มันเป็นไปได้หมดถ้ามีคอมพิวเตอร์ ผมไม่มีคำอธิบายอื่นที่ดูดีไปกว่านี้” Stephen McFeely (สตีเฟน แมคฟีลี) หนึ่งในผู้เขียนบทเรื่อง Captain America: Civil War ให้สัมภาษณ์ไว้ ตั้งแต่ที่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อย่าง The Dark Knight Rises ของ Christopher Nolan (คริสโตเฟอร์ โนแลน) จากค่าย DC โกยรายได้ไปถึงหนึ่งพันแปดร้อยล้านเหรียญสหรัฐหรือจะเป็นภาพยนตร์อย่าง The Avengers 2 จากค่าย Marvel ที่สามารถโกยเงินไปถึง 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเรื่องที่สามารถพูดได้ว่าความสำเร็จจากเรื่อง Fantastic Four ในปีค.ศ. 2005   อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนักแม้จะสามารถทำเงินได้ถึง 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่กลายเป็นไม้เด็ดของฮอลลีวูดยุคใหม่ที่มีทั้งความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใครแถมยังจะได้กำไรแบบล้นหลามอีกด้วย

Marvel-Civil-War-alternate-poster

ส่วนทางฝั่งค่าย Marvel Studios สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่ Disney ซื้อกิจการเจ้าของการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel ในปีค.ศ. 2009 สื่อต่างบอกว่านี่เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ เพราะเงินที่ลงไปนั้นเป็นจำนวน 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นี่เป็น  คำสั่งของ Robert A. Iger (โรเบิร์ต เอ. อีเกอร์) ผู้เป็นเจ้าของกิจการ Disney และนี่ก็เป็นยุคที่ Marvel เองก็ไล่ซื้อลิขสิทธิ์การใช้ตัวละคร ที่ขายไปในปีค.ศ. 1990 คืนให้หมด ตั้งแต่ Ghost Rider และ Power Man จาก Sony หรือจะเป็น The Punisher ที่ Lions Gate เอาไปปู้ยี้ปูยำซะจนเสีย หรือ แม้กระทั่ง Daredevil และแน่นอนคือ Spiderman ที่ดูท่าจะซับซ้อนกว่าตัวละครตัวอื่น ซึ่งจะต้องทำการตกลงอย่างรอบคอบระหว่าง Amy Pascal (เอมี ปาสคาล) จากค่าย Sony Pictures และ Kevin Feige (เควิน ฟีจ) นักธุรกิจพันล้านจากค่าย Marvel Studios ที่จะทำให้ตัวละครทุกตัวใน Marvel Cinematic Universe และ Captain America รวมถึง The Hulk และ Iron Man มารวมตัวกัน ส่วนบริษัท Fox ถูกฤทธิ์หนังแป้กจากการผลิตเรื่อง Fantastic Four ที่กำกับโดย Josh Trank (จอช แทรงค์) แต่กระนั้นก็กู้หน้ากลับมาได้หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Deadpool (โปรเจ็กต์ที่ได้รับการอนุมัติหลังจากที่ Tom Rothman (ทอม รอธแมน) ซึ่งเป็นผู้บริหารใหญ่ลาออกไป ตอนแกเขาไม่อนุมัติให้สร้างเรื่อง Deadpool) สามารถโกยเงินมาได้ 490 ล้านเหรียญสหรัฐหลังจากที่ฉายไปแค่ 15 วัน นั่นหมายถึงว่า ภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ก็ยังไปต่อได้