Posts

ย้อนรอยไปกับหนุ่ม ‘กลัฟ – คณาวุฒิ’ พร้อมการเดินทางและปรัชญาของ Gucci

Author: Sethapong Pawwattana

Photographer: Narurbes Vadvaree

หลายคนอาจจะเคยไปเยี่ยมชม Gucci Garden ที่นครฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ซึ่งไม่ใช่ที่แสดงนิทรรศการถาวรและนิทรรศการหมุนเวียน แต่เป็นสถานที่ที่ผู้ชมจะได้รับรู้ถึงจิตวิญญาณแห่ง Gucci ผ่านการจัดแสดงต่างๆ ขณะเดียวกันก็ได้มีการจัดนิทรรศการหมุนเวียน ซึ่งเป็นนิทรรศการมัลติมีเดีย Gucci Garden Archetypes ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในเมืองฟลอเรนซ์ และเดินทางมาถึงนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย หลังจากเซี่ยงไฮ้ ไทเป ฮ่องกง โตเกียว และโซล โดยเราได้มีโอกาสไปสัมผัสความสุดพิเศษนี้พร้อมกับวีไอพีจากประเทศไทย คือ กลัฟ – คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ โดยสถานที่จัดงานคือ Powerhouse Ultimo

​นิทรรศการนี้เป็นการนำเอาแคมเปญโฆษณามาบอกเล่าใหม่แสดงให้เห็นถึงความท้าทายและแหวกแนวที่สุดของ Gucci ซึ่งสร้างสรรค์โดย Alessandro Michele ซิดนีย์จะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งที่ 7 ของโลกสำหรับดินแดนมหัศจรรย์แห่งการเดินทางแห่งนี้ ต้นแบบคือรูปแบบดั้งเดิมทั้งหมดและจะไม่มีวันสร้างซ้ำอีก ทุกๆ แคมเปญของ Gucci จะพูดถึงช่วงเวลาที่ไม่เหมือนใครและไม่สามารถทำซ้ำได้ แสดงออกถึงจิตวิญญาณของแต่ละคอลเลกชั่น ในขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดแนวคิดที่สะท้อนถึงปรัชญาที่ครอบคลุม เป็นอิสระ และกล้าหาญของครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ (เราไปในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมิเคเล่ยังไม่ประกาศการลาออกจาก Gucci)

เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสวมทับด้วยแจ๊กเก็ตผ้าขนสัตว์ประดับตกแต่งด้วยคริสตัลพร้อมกางเกงเข้าชุด หูกระต่ายกำมะหยี่ ถุงเท้าผ้าทอลายและรองเท้าหนังตกแต่งด้วยแถบ web และสัญลักษณ์ horsebit ทั้งหมดจาก Gucci

​เรามาถึงซิดนีย์ในช่วงเช้า หลังจากเข้าที่พักและออกไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Bar Totti’s ที่มีชื่อเสียงแถวจอร์จสตรีท ย่านกลางเมือง ร้านนี้อาหารอร่อย มีขนมปังอบจากเตาฟืนมาเป็นแผ่นกลมๆ พองๆ เป็นเอกลักษณ์ อาหารจานเล็กจานน้อยเพื่อนำมาแชร์กันตรงกลางเหมือนกินข้าวที่บ้าน คนต่างชาติจะว้าวกับคอนเซ็ปต์นี้ คนไทยที่กินอาหารเป็นสำรับเป็นเรื่องเคยชินจะว้าวกับรสชาติอาหาร​ระหว่างรอรถมารับกลับไปโรงแรมก็มีการทำคอนเท้นต์กับกลัฟ เป็นการทักทายจากซิดนีย์ เรียกว่าสื่อมวลชนที่มาเป็นผู้รายงานกิจกรรมต่างๆ ของวีไอพีที่ Gucci เชิญมา แต่หลักๆ ของบ่ายนี้คือถ่ายแฟชั่นกลัฟกับชุดในคอลเลกชั่น Cosmogonie สำหรับตีพิมพ์ในนิตยสารลอฟฟีเซียล ออมส์ (เดือนธันวาคม 2565) โดยเราได้เลือกจุดชมวิวบน Observatory Hill Park เป็นหลัก กับการพยากรณ์อากาศว่าจะมีฝนตก 90 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ เรียกว่าถอดใจกันตั้งแต่มาถึง แต่นี่เป็นความดีใจมากอีกครั้งที่การพยากรณ์ผิดพลาด เมฆฝนทะมึนมาก แต่ฝนไม่ตก ทำให้เราทำงานได้อย่างราบรื่นมาก หลังจากเปลี่ยน 4 ชุดกับการเดินตามโลเคชั่นลงจากเนินเขามาริมท่าเรือ เราก็ปรึกษากันว่าขออีกชุดเพื่อปิดวันนี้โดยจะไปเอาชุดเพิ่มที่โรงแรมแล้วไปต่อใต้สะพานฮาร์เบอร์บริดจ์ แต่ระหว่างรถติดก่อนจะถึงโรงแรม (ที่ซิดนีย์รถติดไฟแดงกับวันเวย์ คือต้องขับรถอ้อม) เสียงคุยที่คึกคักเริ่มเงียบ มองหน้ากันก็รู้สึกว่าทีมงานแบตเตอรี่ใกล้หมดเพราะตั้งแต่มาถึงยังไม่มีใครได้พัก จึงขอเก็บไว้ไปถ่ายเพิ่มวันอื่นจะดีกว่า แต่ทุกคนรวมทั้งกลัฟบอกพร้อมลุยต่อนะ แต่เรายังมีวันอื่นๆ เผื่อแสงจะเป็นใจกว่าวันนี้

​วันต่อมาเราได้เข้าไปชมนิทรรศการ Gucci Garden Archetypes ก่อนในช่วงสายๆ พร้อมทำคอนเท้นต์กับกลัฟที่นิทรรศการก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงเย็นที่จะมีค็อกเทลและการเปิดให้สื่อมวลชนทั้งหลายชมนิทรรศการในตอนค่ำ แต่งานกาล่าที่จะเปิดนิทรรศการจะมีอีกในค่ำวันต่อไป การได้ไปชมนิทรรศการก่อนวันเปิดงานจริงๆ ถึงสองรอบในวันเดียวกันนี้ทำให้เราได้ดื่มด่ำกับนิทรรศการนี้อย่างแท้จริง รวมทั้งมีเวลาทำคอนเท้นต์กับกลัฟโดยเฉพาะของเรา ก่อนรอบเย็นจะมีวีไอพีและสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ มาร่วมงาน คนก็จะคึกคักมากหน่อย การทำงานอาจจะไม่สะดวกเท่าช่วงสาย จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องมาถึงสองครั้ง และเรายังมีโอกาสสัมภาษณ์อเลสซานโดร มิเคเล่ ผ่านทางดิจิตัลในช่วงสองทุ่มของค่ำคืนวันนี้อีกด้วย ถือเป็นโอกาสที่พิเศษและหายากยิ่ง

​Gucci Garden Archetypes นำเสนอแรงบันดาลใจที่หลากหลายจากดนตรี ศิลปะ การเดินทาง และวัฒนธรรมป็อปผ่านแคมเปญของ Gucci “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ได้ร่วมเดินทางกับผู้คนในความท้าทายเกือบ 8 ปีที่ผ่านมานี้ เชื้อเชิญให้พวกเขาก้าวข้ามจินตนาการ การเล่าเรื่อง สิ่งที่คาดไม่ถึง ความแวววาว ดังนั้นผมจึงสร้างสนามเด็กเล่นแห่งอารมณ์ที่เหมือนกับในแคมเปญ เพราะสิ่งเหล่านี้คือการเดินทางสู่จินตภาพของผมอย่างชัดเจนที่สุด” อเลสซานโดร มิเคเล่ ซึ่งเป็นภัณฑารักษ์ของนิทรรศการนี้กล่าวไว้

​เทคโนโลยีล้ำสมัย งานประดิษฐ์ด้วยมืออย่างประณีตและการออกแบบภายในที่เป็นนวัตกรรมของโลกที่แตกต่างและชวนดื่มด่ำ ออกแบบโดย Archivio Personale ซึ่งเป็นสตูดิโอออกแบบที่ได้เปลี่ยนวิสัยทัศน์ของมิเคเล่ให้เป็นพื้นที่เล่าเรื่องที่สะท้อนและเสริมสร้างเอกลักษณ์ของวิสัยทัศน์ของเขา ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับมุมมองสดแบบแยกหน้าจอของนิทรรศการที่พวกเขากำลังเข้าไปชม ภายในเครือข่ายของพื้นที่และทางเดินตามธีมการสร้างแคมเปญ Gucci ระดับโลกที่สลับซับซ้อนมีชีวิตชีวา

ผู้ชมยังได้เข้าสู่สรวงสวรรค์อันหอมกรุ่นของ Gucci Bloom สวนในจินตนาการที่ซ่อนเร้นกลายเป็นสถานที่แห่งอิสรภาพสำหรับสามดาราของแคมเปญ ได้แก่ นักแสดงหญิง Dakota Johnson, ศิลปินและช่างภาพ Petra Collins และนางแบบนักแสดงอย่าง Hari Nef มีเสน่ห์และแหวกแนวทั้งสามคนนี้ร่วมกันนำวิสัยทัศน์ใหม่ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับความเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ ก่อนฤดูใบไม้ร่วงปี 2018 การแสดงความเคารพต่อเยาวชนชาวปารีสของ ‘พฤษภาคม 68’ ในวันครบรอบ 50 ปีนั้นถูกกระตุ้นด้วยกำแพงที่มีงานกราฟฟิตีที่แสดงออกถึงพลังอารยะขัดขืนของหนุ่มสาวชาวฝรั่งเศสในยุคนั้น (การประท้วงไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในปารีส)

​แคมเปญ Beloved Show ถูกสร้างขึ้นใหม่ โดยแสดงฉากที่นักแสดงฮอลลีวูดระดับ A-list ต่อความกับพิธีกรทอล์คโชว์ด้วยอารมณ์ขันที่เฉียบคมโดยมีภาพเส้นขอบฟ้าของนครซิดนีย์เป็นฉากหลัง ขณะที่โชว์กระเป๋าถือของพวกเขาอย่างภาคภูมิ ซึ่ง Gucci Beloved ได้แก่ Dionysus, Horsebit 1955 และ Jackie 1961 ต่างเป็นกระเป๋าที่บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองซึ่งเป็นคอลเลกชั่นอันน่าหลงใหลของแคมเปญ Fall/Winter 2018 แต่ห้องที่หลายคนทึ่งเพราะทั้งพื้นและเพดานปูด้วยวัสดุแบบกระจกเงา ทั้งห้องเติมเต็มพื้นที่ตั้งแต่พื้นจรดเพดานให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำกับชั้นวางที่เรียงรายไปด้วยนาฬิกากุ๊กกู เครื่องเคลือบ และกระเป๋าถือ Marmont หลายร้อยใบ โดยแขกที่มาชมงานยังพบว่าตัวเองอยู่ในห้องน้ำไนต์คลับยุค ’80s ของแคมเปญ Spring/Summer 2016 ที่จัดขึ้นในกรุงเบอร์ลิน แคมเปญนี้สร้างความสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เผยโฉม และในนิทรรศการนี้ก็เป็นอีกห้องหนึ่งที่คนมาชมเดินวนเวียนดูรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งหุ่นในเครื่องแต่งกายของ Gucci ที่จัดแสดงในห้องนั้น กลัฟถูกขอให้โพสท่ากับหุ่นในห้องน้ำหลายครั้งจนถูกแซวว่าหุ่นนั้นเป็นเพื่อนคุณกลัฟ รวมทั้งเข้าไปแดนซ์ในห้องที่เข้าไปในเขาวงกตที่เป็นกระจกเหมือนเข้าไปในบ้านโอ่อ่า โดยมีจอแอลอีดีขนาดใหญ่เรียงรายอยู่ เหมือนที่เป็นหัวใจของแคมเปญ ‘The Dionysus Dance’ ของ Cruise 2016 และนั่งรถไฟใต้ดินใน LA เหมือนที่เคยปรากฏในแคมเปญ Fall/Winter 2015 ซึ่งเป็นแคมเปญแรกของมิเคเล่ที่ทำได้เสมือนจริงมาก ต้องยอมรับว่าเป็นนิทรรศการที่ถ่ายทอดเอาแคมเปญสำคัญๆ ของ Gucci มาได้อย่างลงตัวน่าสนใจและน่าทึ่งมาก

เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสวมทับด้วยแจ๊กเก็ตผ้าขนสัตว์ประดับตกแต่งด้วยคริสตัลพร้อมกางเกงตกแต่งด้วยคริสตัลเข้าชุด รองเท้าหนัง ทั้งหมดจาก Gucci

​วันรุ่งขึ้นทุกคนมาพบกันพร้อมความสดใสและเตรียมตัวไปรับประทานอาหารกลางวันเพื่อต้อนรับเหล่าสื่อมวลชนและวีไอพีจากประเทศต่างๆ อาทิ Luna Maya นักแสดงสาวจากอินโดนีเซีย, Nadine Lustre จากฟิลิปปินส์, Lawrence Wong จากสิงคโปร์ ฯลฯ ที่ร้าน Barbetta ถนนเอลิซาเบธ โดยมี Gucci Global Brand Ambassador คือ Olivia DeJonge นักแสดงชาวออสเตรเลียเป็นดาวเด่นของงาน บรรยากาศงานเป็นกันเองมากๆ โอลิเวียมากับน้องชาย ไม่มีคณะผู้ติดตามหรือต้องมีซีนเปิดตัว และให้ความเป็นกันเองกับทุกๆ คนมาก และเธอกับน้องชายยังไปนั่งบิ๊กบัสสีชมพูตกแต่งเป็นลวดลาย Gucci Garden Archetypes เพื่อชมนครซิดนีย์กับเราในภาคบ่ายอีกด้วย ก่อนจะลาจากเราระหว่างทางที่รถบัสผ่านใกล้บ้าน เธอก็แยกเดินกลับบ้านกับน้องชายเก๋ๆ เออ… ดูเป็นผู้หญิง Gucci มากๆ ความออร่าที่ไม่ต้องพึ่งเครื่องประกอบใดๆ แต่พอค่ำคืนงานกาล่าเพื่อเปิดนิทรรศการเธอก็เข้าสู่โหมดหรูหราในชุดราตรี Gucci สีเขียวที่สวยสุดใจ

​ส่วนกลัฟก็อยู่ในโหมดพร้อมให้ทีมงานทำคอนเท้นต์ตลอด ต้องชมทั้งกลัฟและทีมที่มาคือมีความพร้อมมาก กลัฟได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนจาก SEA มาก มีการทำคอนเท้นต์ตลอด รวมถึงการสัมภาษณ์ ซึ่งกลัฟได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้ได้เห็นว่าวีไอพีที่เชิญมาร่วมทริปจะต้องพร้อมกับการทำคอนเท้นต์เสมอสำหรับโซเชียลมีเดีย ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมวงการมีเดียหลังวิกฤติโควิดที่จะต้องมีคอนเท้นต์อย่างสม่ำเสมอเมื่อมีอีเว้นต์สำคัญๆ

​ในค่ำคืนนั้นเป็นงานเปิดนิทรรศการ Gucci Garden Archetypes ซึ่งในส่วนของสื่อมวลชนได้ทำคอนเท้นต์ต่างๆ ในวันก่อนหน้านี้ไปแล้ว ซึ่งเป็นการลำดับการทำงานที่ดีมาก ทำให้ได้เนื้อหาเกี่ยวกับนิทรรศการที่ต้องการอย่างครบถ้วน อากาศที่ซิดนีย์ค่อนข้างหนาว แต่หน้างานก็มีกลุ่มแฟนคลับของกลัฟมารอต้อนรับ เช่นเดียวกับตอนที่เดินทางมา แฟนคลับของกลัฟมาส่งที่สนามบินเยอะมาก แต่ทุกคนอยู่ในความเรียบร้อยและทำตามข้อปฏิบัติของการท่าอากาศยานฯ ไม่เพียงแต่อยู่ในโซนที่การท่าฯ จัดให้อย่างเป็นระเบียบ แต่ไม่มีการส่งเสียงดังรบกวนผู้มาใช้บริการสนามบิน แฟนคลับที่มาต้อนรับกลัฟหน้าสถานที่จัดนิทรรศการยังอยู่รอส่งกลัฟในตอนกลับ น่าปลื้มใจแทน และในค่ำคืนของงานกาล่าเปิดนิทรรศการก็เหมือนไฮไลท์ของทริปนี้ นอกจากบรรดาวีไอพีจากประเทศต่างๆ ยังมีการแสดงจากดีเจ Anderson Paak ที่ทำให้ค่ำคืนนั้นมีสีสันและประทับใจทุกคนที่ได้มาร่วมงาน

​Gucci Garden Archetypes เป็นเรื่องราวต่อเนื่องของการเดินทางสู่จินตนาการของ อเลสซานโดร มิเคเล่ ซึ่งเป็นคลังที่แท้จริงของความคิดสร้างสรรค์ที่เสมือนออกมาปรากฏอยู่บนจอแสดงผล คอลเลกชั่นภาพและความน่าตื่นตาตื่นใจ เสริมด้วยถ้อยความโดยบุคคลในแวดวงวัฒนธรรม รวมถึงนักวิจารณ์ศิลปะ Achille Bonito Oliva, นักปรัชญา Emanuele Coccia, ศิลปินและนักวิจัย Anna Franceschini, ภัณฑารักษ์ Antwaun Sargent และ Shaway Yeh ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนและวัฒนธรรม

​เรามีเวลาที่ซิดนีย์อีกหนึ่งวันเพื่อเก็บบรรยากาศต่างๆ และถ่ายทำคอนเท้นต์รวมถึงแฟชั่นกับกลัฟที่ตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้ามเรือไปฝั่งตรงข้ามของสะพานฮาร์เบอร์บริดจ์เพื่อจะได้ภาพบนเรือข้ามฟาก ซึ่งเพิ่งทราบเหมือนกันว่าใช้บัตรเครดิตแบบสมาร์ทการ์ดแตะที่กั้นทางเข้าและไปถึงท่าเรือใดที่เป็นจุดหมายเราก็แตะออก บัตรก็จะถูกตัดค่าใช้จ่ายตามระยะทางการโดยสาร แน่นอนว่าจากไทยแลนด์ก็มีหลายคนที่บัตรเครดิตไม่อัพเลเวลให้ทำธุรกรรมแบบนี้ได้ แล้วก็ใช้บัตรใบเดิมแตะจ่ายให้เพื่อนไม่ได้อีก แต่ท้ายที่สุดใครมีบัตรกี่ใบก็ต้องเอาออกมาลองให้ผ่านขึ้นเรือได้ครบทั้งทีม สนุกสนานกันตั้งแต่เริ่มงาน จากตรงนี้เราไปถนนที่มีแนวต้น Jacaranda หรือต้นศรีตรัง (แต่คนละพันธุ์กับบ้านเรา) ที่ออกดอกสีม่วงพราวทั้งต้น มาซิดนีย์ช่วงนี้ต้องมาชมความงามของดอกไม้ชนิดนี้ ก่อนจะแวะไปชมหาดบอนได (Bondi Beach) กันเล็กน้อย เพราะลมแรงและหนาวจนตัวสั่น แต่ทุกๆ ที่ย่อมมีคอนเท้นต์เกิดขึ้น ต้องชมกลัฟจริงๆ ว่าตั้งใจทำงานมาก จนท้ายที่สุดมาจบที่ร้านอาหาร Chat Thai ร้านอาหารไทยที่รสชาติแบบไทยที่แท้ทรู ก่อนจะเดินข้ามถนนไปชมละครเพลง Moulin Rouge ที่ทาง Gucci จัดให้เป็นพิเศษ ซึ่งดีงามมาก เป็นการส่งท้ายความประทับใจของการมาเยือนซิดนีย์ในครั้งนี้

เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสวมทับด้วยแจ๊กเก็ตผ้าขนสัตว์ประดับตกแต่งด้วยคริสตัลพร้อมกางเกงเข้าชุด หูกระต่ายกำมะหยี่ ถุงเท้าผ้าทอลาย รองเท้าหนังตกแต่งด้วยแถบ web และสัญลักษณ์ horsebit ทั้งหมดจาก Gucci

​นิทรรศการ Gucci Garden Archetypes เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2022 ถึง 15 มกราคม 2023 ที่ Powerhouse Ultimo ซิดนีย์ สามารถจองบัตรได้ที่ www.gucci.com

Gucci Garden Archetypes Sydney 17 พฤศจิกายน 2565 – 15 มกราคม 2566 10.00 – 17.00 น. ทุกวันศุกร์ ถึงวันพุธ 10.00 – 21.00 น. ในวันพฤหัสบดี เข้าชมฟรี

Photographer: Narurbes Vadvaree

Make Up: Nadia Roongphothong

Hair: Tiyanon Kumtawai

Assistant Photographer: Poomin Wongsing 

Model: Kanawut Traipipattanapong

Ready-to-Wear: Gucci Cosmogonie Collection

นิทรรศการ GUCCI GARDEN ARCHETYPES เปิดแล้วที่ประเทศออสเตรเลีย

Gucci Garden Archetypes นิทรรศการมัลติมีเดียที่ผสานโลกเสมือนจริง ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เดินทางมาถึงที่ Powerhouse Ultimo ณ เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลียแล้ว นิทรรศการครั้งนี้จะนำแคมเปญโฆษณาที่ประสบความสำเร็จ และมีแนวคิดอันแปลกใหม่ที่สุดของ Gucci จากวิสัยทัศน์ของ Alessandro Michele มาถ่ายทอดใหม่ โดยนิทรรศการที่กำลังจัดขึ้นที่ซิดนีย์นี้ถือว่าเป็นลำดับที่ 7 หลังจากที่จัดมาแล้วในเซี่ยงไฮ้ ไทเป ฮ่องกง โตเกียว และโซล

จากความหมายของคำว่า Archetype ที่กล่าวถึงรูปลักษณ์ดั้งเดิม มีเพียงหนึ่งเดียวและจะไม่ถูกสร้างอีกครั้ง เป็นต้นแบบของสำเนาที่ตามมาทั้งหมด แคมเปญโฆษณาทุกแคมเปญของ Gucci ล้วนกล่าวถึงห้วงเวลาอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของแต่ละคอลเล็คชั่น สะท้อนถึงความเป็นหนึ่งเดียว และถ่ายทอดปรัชญาแห่งความกล้าหาญและเสรีของ Alessandro Michele ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Gucci นั่นเอง

Gucci Garden Archetypes จะเจาะลึกลงไปสู่แรงบันดาลใจอันหลากหลาย ทั้งจากโลกแห่งเสียงดนตรี ศิลปะ การเดินทาง และป๊อปคัลเจอร์ ที่สะท้อนออกมาผ่านแคมเปญโฆษณาของ Gucci

“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะเปิดให้ผู้คนเข้ามาสัมผัสกับการผจญภัยอันยาวนานเกือบแปดปีนี้ และเชิญทุกคนให้ก้าวเข้ามาสู่จินตนาการ เรื่องเล่า สิ่งเหนือความคาดหมาย และความหรูหรา ดังนั้น ผมจึงได้สร้างสนามเด็กเล่นทางอารมณ์อันหลากหลาย ที่จะสะท้อนความรู้สึกที่อยู่ในแคมเปญเหล่านั้น เพราะนั่นจะเป็นการเดินทางที่ชัดเจนที่สุดไปสู่โลกแห่งจินตนาการของผม” Alessandro Michele กล่าวในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรรศการนี้


เทคโนโลยีสุดล้ำยุค งานฝีมืออันแสนวิจิตร และงานออกแบบภายในที่แปลกใหม่ ร้อยเรียงร่วมกันจนถือกำเนิดเป็นเรื่องราวที่แตกต่างภายในโลกที่ชวนดื่มด่ำ ซึ่งทั้งหมดออกแบบโดยสตูดิโอ Archivio Personale จากการแปลงวิสัยทัศน์ของ Alessandro Michele ให้กลายเป็นพื้นที่บอกเล่าเรื่องราวซึ่งทั้งสะท้อนและส่งเสริมวิสัยทัศน์สร้างสรรค์ของเขาในเวลาเดียวกัน  เมื่อก้าวเข้าสู่นิทรรศการ ผู้เยี่ยมชมจะได้รับประสบการณ์ที่เสมือนการชมงานเบื้องหลังผ่านทางห้องปฏิบัติการ ที่จะถ่ายทอดบรรยากาศสดภายในห้องจัดแสดงผ่านจอแสดงผลแบบแยก  ภายในนิทรรศการ พื้นที่ที่ถูกแบ่งเป็นธีมต่างๆ มากมายจะปลุกโลกที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนของแคมเปญโฆษณาของ Gucci ให้ดูมีชีวิตขึ้นมาในทันใด

“ทาง Powerhouse รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการ Gucci Garden Archetypes ในซิดนีย์ ออสเตรเลีย  Alessandro Michele ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ผู้เลิศล้ำของ Gucci ได้นำเอาแง่มุมของแฟชั่นที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ ดนตรีและสร้างสรรค์นิทรรศการที่จะนำผู้ชมไปสู่การเดินทางที่หลอมรวมโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน เป็นดั่งการเดินทางที่ท่องไปท่ามกลางแรงบันดาลใจเบื้องหลังแคมเปญโฆษณามากมาย ซึ่งกลายเป็นไอคอนของแบรนด์แฟชั่นเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงก้องโลก” Lisa Havilah ผู้บริหารสูงสุดของ Powerhouse กล่าวถึงงานนิทรรศการครั้งนี้

นอกจากนี้ ผู้ชมนิทรรศการยังจะได้เข้าชมสวนสวรรค์แห่งดอกไม้หอมอย่าง Gucci Bloom สวนลับในจินตนาการที่กลายมาเป็นสถานที่แห่งเสรีภาพสำหรับเซเลบริตี้ทั้งสาม ได้แก่ นักแสดงสาว Dakota Johnson  ศิลปินและช่างภาพ Petra Collins และนักแสดง/นางแบบ Hari Nef  ด้วยบุคลิกที่มีเสน่ห์และโดดเด่นไม่ซ้ำแบบใคร ทั้งสามจะทำหน้าที่เป็นบุกเบิกวิสัยทัศน์ใหม่ของ Alessandro Michele ในการตีความหมายของสตรีในโลกยุคปัจจุบัน 

ภาพวาดกราฟิตีบนฝาผนังนั้นนำมาจากแคมเปญก่อนฤดูใบไม้ร่วงปี 2018 ที่อุทิศให้กับเยาวชนของปารีสในเหตุการณ์ ‘May 68’ ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 50 ปีของเหตุการณ์ดังกล่าว

อีกหนึ่งแคมเปญที่ถูกนำมารังสรรค์ขึ้นใหม่ในนิทรรศการครั้งนี้คือ The Beloved Show ซึ่งเล่าฉากของดาราระดับเอลิสต์ของฮอลลีวูดหยอกล้อกับพิธีกรรายการทอลค์โชว์ช่วงดึก โดยมีฉากหลังเป็นทิวทัศน์ของเมืองซิดนีย์ พร้อมอวดกระเป๋าถือจากคอลเล็คชั่น Beloved ทั้งสี่รุ่น ได้แก่ Dionysus, Horsebit 1955  และ Jackie 1961 สุดคลาสสิคทั้งสี่รุ่นของ Gucci ซึ่งล้วนแต่เป็นกระเป๋าที่มีเรื่องราวของตนเองทั้งสิ้น

แคมเปญของคอลเล็คชั่นอันน่าหลงใหลจาก Fall Winter 2018 จะครองพื้นที่จากพื้นจรดเพดานขณะที่ผู้มาชมนิทรรศการไม่อาจละสายตาจากชั้นที่เต็มไปด้วยนาฬิกานกกาเหว่า (Cuckoo Clock) นับร้อยๆเรือน  เครื่องถ้วยเซรามิคและกระเป๋ารุ่น Marmont  นอกจากนี้ ผู้ชมยังจะได้พบตัวเองอยู่ในฉากของห้องน้ำในไนต์คลับยุค 80 จากแคมเปญ Spring Summer 2016 อีกด้วย

ในงานนี้ผู้เข้าชมนิทรรศการจะได้เดินผ่านเขาวงกตกระจกเข้าสู่คฤหาสน์หรูที่เป็นหัวใจของแคมเปญ Cruise 2016 และจะได้นั่งรถไฟใต้ดินของลอสแอนเจลิสอย่างที่ปรากฏในแคมเปญ Fall Winter 2015 ซึ่งเป็นผลงานแคมเปญแรกของอเลสซานโดร มิเคเลอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการจัดทำแคตตาล็อกของนิทรรศการ Gucci Garden Archetypes ซึ่งจะสานต่อการเดินทางของนิทรรศการนี้ เข้าสู่โลกแห่งจินตนาการของ Alessandro Michele เปรียบเหมือนคลังแสงแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่เต็มไปด้วยภาพและความประหลาดใจมากมาย ผ่านถ้อยคำพรรณนาอันไม่ซ้ำแบบใครของบุคคลที่โดดเด่นในแวดวงศิลปวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นนักวิจารณ์ศิลปะ Achille Bonito Oliva, นักปรัชญา Emanuele Coccia, ศิลปินและนักวิจัย Anna Franceschini, ภัณฑารักษ์ Antwaun Sargent และที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนและวัฒนธรรมอย่าง Shaway Yeh

นิทรรศการ Gucci Garden Archetypes เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2022 จนถึง 15 มกราคม 2023 ณ Powerhouse Ultimo กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย  จองตั๋วเข้าชมได้ที่ www.gucci.com