Posts

Scents and Sensibility

เมื่อเรื่องของ ‘กลิ่นหอม’ กลายมาเป็นเอกลักษณ์สำคัญในปัจจุบัน และมันไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้ด้วยเรื่องของเพศอีกต่อไป วันนี้เราเลยขอพาคุณมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกับโลกของน้ำหอม ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของโทนกลิ่น และวิธีการฉีดพรมที่น่าสนใจ

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Fashion Editor: Chanond Mingmit

Author: Chayanon Chongprasert

“การวางตัวที่ดี และโคโลญจน์กลิ่นดีๆ ซักขวดจะทำให้ชายหนุ่มธรรมดาๆ กลายเป็นสุภาพบุรุษ” คำกล่าวของ Tom Ford นี้อาจจะดูเกินจริงไปบ้างในครั้งแรกที่อ่าน ในหัวของใครหลายคนตอนนี้คงกำลังคิดว่า แน่ล่ะ ว่าการวางตัวที่ดีจะช่วยเรื่องภาพลักษณ์ของคนเราได้ แต่กลิ่นโคโลญจน์หรือน้ำหอมนี่หรือ จะทำให้เรา ‘กลาย’ เป็นสุภาพบุรุษอันน่าดึงดูดไปได้ พูดแล้วก็เหมือนราวกับเวทมนตร์ด้วยซ้ำไป แต่ถ้าหากลองคิดให้ดี กลิ่นหอมในขวดหลากรูปทรงนี้แหละ ที่ทำให้บุคลิกของคุณน่าสนใจมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนให้กับตัวคุณในเวลาเดียวกัน

หากจะกล่าวไป การใช้น้ำหอมของผู้ชายนั้นมีมาหลายต่อหลายปีแล้วในประวัติศาสตร์ ถ้าหากลองศึกษาดู คุณอาจจะพบกับคำว่า ‘โคโลญจน์’ ที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ก่อนที่จะพัฒนากลายมาเป็นคำจำกัดความในแบบเดียวกันกับน้ำหอมของผู้หญิงที่หลายคนคุ้นเคย คำจำกัดความเหล่านี้ ถูกแบ่งออกตามความเข้มข้นของหัวน้ำหอมภายในขวดนั้น ซึ่งก็จะส่งผลให้โทนกลิ่น การกระจายตัวของกลิ่น และความติดทนนั้นแตกต่างไปตามระดับกัน ‘parfum’ คือระดับเข้มข้นที่มากที่สุด หรือเรียกว่าหัวน้ำหอมเลยก็ได้ ส่วน ‘cologne’ หรือ ‘โคโลญจน์’ นั้นเป็นระดับที่มีหัวน้ำหอมเบาบางที่สุด มอบกลิ่นที่โปร่งสบายกว่ากันพอตัว

การที่โคโลญจน์ถูกเลือกใช้โดยผู้ชายส่วนใหญ่ในยุคสมัยก่อนนั้น ก็เพราะโทนกลิ่นที่โปร่งของมันนั่นแหละ น้อยคนนักที่จะเลือกน้ำหอมกลิ่นที่มีความเข้มข้นสูงมาใช้ ด้วยทั้งสภาพอากาศรวมไปถึงพัฒนาการของวงการน้ำหอมเอง แต่ในปัจจุบัน มุมมองหลายๆ อย่างก็ถูกปรับให้ร่วมสมัยและเข้ากับความต้องการและการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น เราจึงได้เห็นน้ำหอมผู้ชายในแบบ ‘parfum’,‘eau de parfum’ รวมไปถึง ‘eau de toilette’ ที่มอบความติดทนที่เหมาะกับหลากหลายโอกาส

มองง่ายๆ เมื่อระดับความเข้มข้นมากขึ้น ความติดทนก็จะมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากเป็นโอกาสพิเศษ ที่คุณต้องการกลิ่นที่โดดเด่นกว่าการใช้ชีวิตประจำวันนั้น ลองเลือกหยิบน้ำหอมในรูปแบบ parfum ที่เข้มข้นมาแต้มบนผิว ส่วนในชีวิตประจำวัน วันไหนต้องการความติดทนซักหน่อยพร้อมกับโทนกลิ่นที่เข้มข้น คุณสามารถเลือกใช้น้ำหอมในรูปแบบ eau de parfum ได้ หรือถ้าหากเป็นวันสบายๆ ลองเลือกหยิบ eau de toilette หรือ cologne มาฉีดพรมก็เป็นความคิดที่ดีและเหมาะกับบรรยากาศที่คุณต้องการได้อย่างดี

พูดกันถึงเรื่องความเข้มข้นไปแล้ว เราขอพาคุณมาทำความรู้จักกับเรื่องของโทนกลิ่นของน้ำหอมกันบ้างดีกว่า นานนับปี วัตถุดิบชั้นดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไม้หอม ดอกไม้ สมุนไพร เครื่องหอมนานาชนิด แร่ธาตุ หรือแม้แต่สารสกัดพิเศษจากทั้งสัตว์หรือสารเคมีที่ปลอดภัยต่อการสูดดม ถูกเก็บเกี่ยวและเสาะหามาถึงมือของสุคนธกร หรือนักปรุงน้ำหอมระดับแถวหน้ามาอย่างนับไม่ถ้วน วัตถุดิบเหล่านี้ถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ก่อให้เกิดทั้งกลิ่นที่น่าหลงใหล สดชื่น หรือน่าค้นหา เพื่อบ่งบอกตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างหลากหลาย

สำหรับครั้งนี้ เราขอเลือก 3 โทนกลิ่นที่กำลังเป็นที่นิยมมาแนะนำให้คุณรู้จัก หรือถ้าหากใครรู้จักอยู่แล้วนั้น ก็หวังว่าเราจะทำให้คุณได้รู้จักกับโทนกลิ่นที่คุณหลงรักมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยกลิ่นโทน ‘woody’ โดยจะมีกลิ่นหอมที่โดดเด่นอย่างกลิ่นจากไม้หอมเป็นหัวใจหลัก อย่างเช่นซีดาร์วู้ด แซนดัลวู้ด หรือโรสวู้ด ซึ่งก็จะถูกห้อมล้อมผสมผสานด้วยกลิ่นของเครื่องเทศบ้าง ผลไม้บ้าง หรือแม้แต่ดอกไม้ก็ตาม กลิ่นโทน woody จะมาพร้อมกับความอบอุ่น แต่ก็แฝงไว้ด้วยความลุ่มลึกและน่าค้นหาในตัวตน ตามแต่ส่วนผสมอื่นๆ ที่มาด้วยกัน กลิ่นหอมที่ดูจะเหมาะกับคาแรคเตอร์ของผู้ชายที่ลุ่มลึกและน่าค้นหา

โทนกลิ่นที่สองคือโทนกลิ่นแบบ ‘aromatic’ โทนกลิ่นหอมที่มีความเย้ายวนมากยิ่งขึ้น เป็นกลิ่นที่เหมาะ กับคาแรคเตอร์เท่ๆ ดูลึกลับ หรือเหมาะกับโอกาสพิเศษอย่างงานกลางคืนหรืองานสังสรรค์ โดยจะผสมผสานกลิ่นเครื่องเทศอย่างซินนาม่อน ลูกจันทน์ หรือทองก้าบีนส์ ไว้กับกลิ่นของแผ่นหนังหรือเครื่องหอมอย่างกำยาน ก่อนจะปิดท้ายความอบอวลด้วยมัสก์ที่สร้างมิติให้กับกลิ่น อาจจะมีกลิ่นของสมุนไพรหรือผลไม้เข้ามาสร้างสีสันบางครั้ง

และโทนกลิ่นสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำก็คือ ‘fresh’ หรือ ‘citrus’ ที่โดดเด่นมาด้วยความสดชื่น นำโดยผลไม้รสเปรี้ยวหลากชนิด เช่น เลม่อน หรือส้มแมนดาริน ผสมผสานกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้หอมต่างชนิด รวมไปถึงดอกไม้ที่ไม่ได้มีกลิ่นที่เด่นชัดมากนัก อย่างเช่นจำพวกดอกไม้สีขาว เป็นกลิ่นที่เหมาะกับวันสบายๆ ให้ความสปอร์ตและมีมาด เป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจพูดมาถึงตรงนี้แล้ว เราจะขอทิ้งท้ายไปด้วยวิธีการฉีดน้ำหอมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างที่รู้กันว่าการฉีดน้ำหอมนั้น ควรเริ่มจากบริเวณจุดชีพจร ไม่ว่าจะเป็นลำคอ ข้อมือ หรือข้อพับแขน เพราะจะเป็นจุดที่ร่างกายมีความร้อนและจะทำให้กลิ่นกระจายตัวได้ดีอย่างที่สุด สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณทำความเข้าใจอีกครั้งหรือหยุดทำกันไปเลย คือการฉีดน้ำหอมและถูข้อมือทั้งสองข้างไปด้วยกันทันที การกระทำนี้จะทำให้กลิ่นของน้ำหอมนั้นเพี้ยนได้ เพราะเปรียบเสมือนกับไปขัดการทำงานของน้ำหอมให้ผิดขั้นตอน และกลิ่นหอมที่คุณเคยได้จากขวดหรือบนกระดาษที่เคยลองนั้น ก็จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ทีนี้นอกจากจุดชีพจรที่เรากล่าวไปแล้วนั้น ก็ยังมีเทคนิคการฉีดน้ำหอมที่เราอยากจะแบ่งปันกันเพิ่มเติม อย่างเช่นวันไหนที่คุณใส่กางเกงขาสั้น ลองฉีดน้ำหอมบริเวณข้อพับขา เพื่อเป็นการช่วยให้กลิ่นน้ำหอมของคุณนั้นกระจายตัวได้มากขึ้น โดยความร้อนจากพื้นดินจะยิ่งทำให้กลิ่นน้ำหอมของคุณโดดเด่นขึ้นได้อีก หรือถ้าหากคุณต้องการที่จะยืดความติดทนของน้ำหอมของคุณโดยไม่อยากได้ความเข้มข้นที่มากขึ้นนั้น ลองผสมผสานกลิ่นหอมที่คุณชอบเข้าไปในกิจวัตรประจำวันของคุณให้มากขึ้น ด้วยการใช้สบู่และครีมทาผิวกายในกลิ่นเดียวกัน ก่อนจะฉีดพรมน้ำหอมลงเป็นขั้นสุดท้าย เป็นอีกวิธีที่ดีที่จะทำให้น้ำหอมของคุณติดทนมากยิ่งขึ้นและยังทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับกลิ่นที่คุณรักมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

GROOMING: Sirima Khongtong

Model: Zsombar @Tofu Models