Author: Giampietro Baudo
“ผมมีความสุขนะ มีความสุขสุดๆ มีความสุขจนเสียสติเลยน่ะ… (ผลงานคอลเลกชั่นนี้) มันคือผม โลกของผม และในขณะเดียวกัน มันคือบางสิ่งที่เกินกว่าประวัติศาสตร์ของผมและฉายภาพมันไปสู่อนาคต” Jean Paul Gaultier เด็กเจ้าปัญหาแห่งแฟชั่นฝรั่งเศส กำลังตื่นเต้นเขานั่งอยู่ในสตูดิโอขนาดใหญ่ของเขาที่ปารีสซึ่งตั้งอยู่บนถนน Rue Saint-Martin หลังจบการแสดงโชว์ผลงานคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิปี 2020 เขาได้เกษียณจากการทำงานมาราธอนกับคอลเลกชั่นของตัวเองตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และเรียกนักออกแบบคนอื่นมารังสรรค์จินตนาการใหม่ของเสื้อผ้าชั้นสูงของเขา เริ่มด้วย Sacai’s Chitose Abe เมื่อไม่นานมานี้ Gaultier ได้ส่งมอบงานส่วนใหญ่ใส่มือของ Glenn Martens ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Y/Project และ Diesel ผู้ที่ออกแบบผลงานคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2022
“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไปทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้ามานะ” Gaultier กล่าวแบบตลกๆ “ผมรักคอลเลกชั่นนี้ รักวิธีที่เขาตีความจักรวาลของผม วิธีการทำงานเชิงเทคนิคสมัยใหม่และไหวพริบของแฟชั่นชั้นสูง—ผลลัพธ์ที่ได้มันคือสิ่งที่เกินจินตนาการของผมไปมาก” Martens—ผู้ซึ่งงานแรกในชีวิตหลังจากจบจากโรงเรียนศิลปะคือเข้าทำงานที่สตูดิโอของ Gaultier เมื่อปี 2008—ได้นำเสนอผลงาน 36 ลุค โดยระลึกถึงเส้นสายลายเซ็นของ Gaultier ในงานเสมอ ไม่ว่าจะเป็นลายทางแบบกะลาสี เสื้อรัดทรง และชุดออกงานกลางคืนที่ฟูฟ่อง ทั้งหมดนั่นกับมุมพลิกผันที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ Martens มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากที่ Y/Project “ผมต้องการให้มันเป็นงานปาร์ตี้น่ะ” Martens ว่า “เพื่อแสดงความเคารพต่อมรดกงานสร้างสรรค์ของต้นกำเนิด”
Gaultier กล่าวว่า “เสื้อผ้าชั้นสูงนั้นสำหรับผมแล้วเป็นมากกว่าความฝันแบบนามธรรมเสมอมา มันเป็นห้องทดลองมากกว่าอย่างอื่น เพื่อประดิษฐ์คิดค้นรูปแบบร่วมสมัยและสร้างเสื้อผ้าที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับความเป็นจริงได้ เพื่อจินตนาการถึงการสร้างสรรค์ที่พร้อมจะแต่งตัวให้กับลูกค้าที่มีตัวตนจริงๆ เพื่อสร้างอนาคตผ่านเทคนิคและงานฝีมือระดับที่น่าทึ่ง” สำหรับเขา “เสื้อผ้าหนึ่งชุดถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณฝัน มันก็ต้องนำมาสวมใส่จริงได้ด้วย แฟชั่นต้องสัมผัสกับชีวิตและความเป็นจริงได้อย่างแน่วแน่ซื่อสัตย์มั่นคง งานของผมในฐานะนักออกแบบเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกและการรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงเสมอมา”
รากฐานแห่งความเป็นจริงนี้ร้อยรัดผูกพันนักออกแบบทั้งสองเข้าด้วยกัน Martens ผู้มีอายุ 38 ปี นับชีวิตการทำงานในทุกวันของเขาว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขากล่าวว่า “สิ่งที่ให้แรงบันดาลใจสูงสุดแก่ผมคือเพื่อนๆ และผู้คนตามถนนหนทาง—การได้ออกไปข้างนอกและมองดูวิธีการแต่งตัวของเด็กๆ ผมหมกมุ่นกับการมองดูผู้คนมากนะ”
L’OFFICIEL พูดคุยกับ Martens เรื่องการออกแบบให้กับ Gaultier และการผจญภัยครั้งใหม่ของเขาที่ Diesel
L’OFFICIEL: คุณจัดการทั้งหมดทั้งมวลระหว่าง Y/Project, Diesel และการออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงสำหรับคอลเลกชั่นของ Jean Paul Gaultier นั่นอย่างไร
Glenn Martens: โดยไม่คิดถึงมันมากเกินไป เพราะถ้าคุณคิดถึงมันคุณจะสติแตก มันเป็นฤดูกาลที่เข้มข้น—-ผมไม่รู้ว่านักออกแบบคนอื่นเขาทำอย่างไรกับการที่มีหลากหลายแบรนด์และหลากหลายคอลเลกชั่น เรื่องก็คือผมมาจากครอบครัวที่เคร่งครัดมาก ตายายของผมมาจากครอบครัวที่ทำงานในกองทัพมาถึงสามชั่วอายุคน ผมเองบางครั้งก็มีวิธีทำงานตามโครงสร้างแบบเฟลมมิช ดังนั้นผมเลยสามารถทำงานแบบเข้มข้นได้ ฤดูกาลนี้ผมก็จะทำแบบนี้แหละ ไม่มีเวลามากนักกับชีวิตส่วนตัว แต่มันก็โอเคอยู่นะ ผมรู้สึกเหมือนได้รับพรกับการทำงานทั้งสามโครงการนี้นะ
L’O: คุณเริ่มสนใจแฟชั่นครั้งแรกอย่างไร
GM: ผมโตมาในเมืองชนบทที่เล็กมาก คือ Bruges ใน Belgium ในหนังสือนำเที่ยว Bruges ถูกเรียกว่าเจ้าหญิงนิทรา เพราะมันน่าง่วงมาก สภาพแวดล้อมของผมไม่ได้มีการคิดไปข้างหน้าหรือทดลองอะไรใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม ตัวเมืองเองก็สวยงาม Bruges คือไข่มุกแห่งประวัติศาสตร์เม็ดน้อย และมันมีอิทธิพลต่อผมในแง่ของความหมกมุ่นเรื่องประวัติศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก ผมอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์ ราชินี ฆาตกร และสงคราม—มันเหมือนเทพนิยาย ผมรักการวาดรูปด้วย และความสนใจจริงๆ ของผมส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่แพรพรรณที่ตัวละครในประวัติศาสตร์เหล่านี้สวมใส่ ผมคิดว่านั่นคงเป็นครั้งแรกที่ผมรับรู้ว่าเสื้อผ้าสามารถสะท้อนบุคลิกภาพและแสดงตัวตนของใครสักคนได้
L’O: สุภาพสตรีและอัศวินคือนางแบบนายแบบแรกของคุณ แต่ความทรงจำเกี่ยวกับแฟชั่นครั้งแรกของคุณคืออะไร
GM: มันคือนิตยสารผู้หญิงที่คุณแม่ของผมซื้อมา มันคือยุคสมัยอันรุ่งเรืองของนักออกแบบเสื้อผ้าสตรีแห่งทศวรรษ ’90s เช่น Gaultier และ Thierry Mugler ซึ่งออกแบบคอลเลกชั่นเสื้อผ้าละครแบบแปลกประหลาด สำหรับเด็กแล้ว นั่นเป็นงานเลี้ยงสำหรับสายตาเลยนะ
L’O: และงานแรกของคุณ ทันทีที่เรียนจบจาก Royal Academy of Fine Arts ที่ Antwerp คือการทำงานที่ Jean Paul Gaultier
GM: ใช่ ผมเหมือนได้รับพรอันมหาศาลเลยนะ เพราะมันเป็นสถานที่ออกแบบที่อิสระมาก ก็อย่างที่คุณรู้แหละ แฟชั่นเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นมือใหม่ มันคือเวลาทำงานอันยาวนานในแต่ละวัน มันซ้ำซากและมันสามารถถูกข่มเหงเล็กๆ ได้ด้วยนะแต่ Jean Paul ไม่ทำงานแบบนั้น เขาเป็นคนแบบทำงานด้วยกันจริงๆ เฉลิมฉลองแฟชั่นและสนุกสนานไปกับมัน
L’O: คุณได้แรงบันดาลใจมาจากไหน
GM: ภูมิหลังด้านสถาปัตยกรรมการตกแต่งภายในมีอิทธิพลและให้สีสันอย่างมากต่อวิธีการที่ผมมองเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผมท้าทายการออกแบบตัดเย็บเสมอ และคิดว่าเราจะสร้างแพรพรรณในวิถีที่แตกต่างออกไปได้อย่างไรและหลังจากนั้น มันก็คือความเป็นจริงในชีวิตประจำวันของผม ผมรักการอยู่อาศัยที่ปารีส ผมรักความเป็นจริงที่ว่ามันคือหม้อหลอมละลายที่ผู้คนมารวมกันและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และผมใช้รถไฟใต้ดินเสมอ หรือไม่ก็เดิน ผมไม่ค่อยใช้รถรับจ้าง หรืออูเบอร์ เพราะผมรักการอยู่บนท้องถนน
L’O: วิธีการทำงานของคุณในการออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงให้กับ Jean Paul Gaultier คืออะไร
GM: แน่นอนว่าวิธีการทำงานคือการเฉลิมฉลองการทำงานฝีมือและตัวตนของ Gaultier การออกแบบสักหนึ่งคอลเลกชั่นแตกต่างอย่างมากกับการรับช่วงต่อทั้งบริษัทนะ ดังนั้นผมก็แค่พยายามสนุกกับงานให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมไม่ได้สร้างผู้หญิงของ Gaultier ขึ้นมาใหม่นะ ผมมีวิธีของผมเองในการมองเธอ
L’O: คุณชื่นชมอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับ Gaultier
GM: เขาคือหนึ่งในนักประดิษฐ์แท้จริงคนแรกๆ เขาเป็นครูที่ปรึกษาให้กับผู้คนมากมาย และผมคิดว่าเขาเปิดประตูให้กับนักออกแบบทั้งรุ่น สิ่งที่เขาทำจริงๆ คือการนำเอาวัฒนธรรมสตรีทเข้ามาสู่ความหรูหรา ผมคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในนักออกแบบรุ่นแรกๆ ที่ทำงานกับการคัดเลือกนายแบบนางแบบแนวสตรีท เมื่อเขาไปเที่ยวคลับเขาจะคุยกับเด็กๆ ที่มาเที่ยวว่า “คุณน่าจะมาอยู่ในโชว์ของผมนะ”
L’O: เมื่อเราได้คุยกับ Gaultier ในระหว่างที่ชมแฟชั่นโชว์ เขาบอกว่าความฝันของเขาคืออยากเป็นอิสระ แล้วความฝันของคุณคืออะไร
GM: แน่นอนว่าอิสรภาพก็สวยงามดีนะ แต่เมื่อคุณมีความรับผิดชอบต่อหลายร้อยครอบครัวที่พึ่งพิงความสำเร็จของแบรนด์ของคุณ คุณไม่สามารถหลับตาฝันและเป็นอิสระได้หรอก อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าคุณสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในขณะเดียวกันก็สนุกและร่าเริงได้นะ และหลีกเลี่ยงการกลายสภาพเป็นสัตว์ประหลาดทางการค้า จุดนั้นแหละคือที่ที่ผมมีความสุขที่สุดแล้ว
L’O: คุณมีวิธีการทำงานออกแบบคอลเลกชั่นของคุณกับ Y/Project และ Diesel อย่างไร
GM: มันมีวิธีการทำงานแตกต่างกันนะ—ที่ Y/Project และ Diesel ผมคุยกับลูกค้ารายบุคคล เพราะแพรพรรณนั้นไม่ใช่สิ่งที่สวมใส่ทุกวัน แพรพรรณหนึ่งมักจะสวมใส่ได้หลายวิธี ดังนั้นเมื่อคุณสวมใส่มันคุณต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับมันและตั้งคำถามว่าคุณอยากจะสวมมันอย่างไรและคุณอยากจะถูกรับรู้อย่างไร ผมพูดคุยกับลูกค้าที่ต้องการทดลองและฉลองความเป็นปัจเจกของเขามากกว่า Diesel ต่างออกไปเพราะมันเป็นสังคมมากกว่า มันเป็นเสื้อผ้าที่ผู้คนสวมใส่ในชีวิตประจำวัน เราใส่มันไปขี่จักรยาน เราใส่มันไปทำงาน เราใส่มันล้างจาน เหนือสิ่งอื่นใด มันมีราคาที่จับต้องได้ ดังนั้นผมจึงพูดคุยกับผู้คนที่หลากหลายกว่า
L’O: คุณค้นพบรางวัลอะไรจากการออกแบบเพื่อคนหมู่มาก
GM: มีความรับผิดชอบมากมายที่มากับมัน เพราะผมเข้าถึงครอบครัวที่โดยปกติแล้วไม่ได้สัมผัสเมื่อทำงานกับ Y/Project หรือ Jean Paul Gaultier และผมคิดว่านั่นคือความรับผิดชอบของผมที่จะนำเอาลูกค้าเข้ามาเกี่ยวข้องรับรู้กับข่าวสารของ Diesel ในเรื่องความยั่งยืนซึ่งเป็นรากฐานของอะไรก็ตามที่เราทำ
L’O: คุณคิดว่าอะไรคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ
GM: ผมว่ามันคือห้องสมุด Diesel นะ มันคือห้องสมุดผ้ายีนส์ที่เราสร้างขึ้นด้วยผ้ายีนส์ที่ยั่งยืนเต็มรูปแบบ นี่คือเรื่องหลักจริงๆ เพราะว่ามันคือแบรนด์ระดับโลกที่มีขนาดใหญ่มหาศาล และผมได้รื้อการทำงานของกระบวนการผลิตทั้งหมดเพื่อสินค้าหลักของ Diesel 40 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ผมเป็นนักออกแบบอิสระเป็นเวลาหลายปีและผมมีความสุขสุดยอดเมื่อผมได้นำเสนอด้านศิลปะทั้งหมดกับ Y/Project แต่พอมาถึงจุดหนึ่งมันก็มีมากกว่านั้น ณ จุดหนึ่งผมก็พบว่าตัวเองคิดว่า ผมจะแค่มีความสุขกับการผลิตเสื้อผ้าตามคอนเซ็ปต์ไปตลอดชีวิตหรือ หรือผมอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ และนั่นก็คือตอนที่Diesel เข้ามาสู่ชีวิตผม ตอนนี้ผมมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้จริงแล้ว
L’O: คุณมองเห็นอะไรในอนาคตของคุณ
GM: นั่นเป็นคำถามที่ดีนะ เมื่อสองวันก่อนเพื่อนผมคนหนึ่งถามผมด้วยคำถามเดียวกันนี้แหละ เขาแบบว่า “ก้าวต่อไปคืออะไร” และผมก็แบบ “ไม่รู้สิ” ผมยังคงมีงานต้องทำมากมาย Diesel เป็นโครงการใหญ่ยักษ์—บริษัทนี้มันเป็นแบบเรือ Titanic น่ะ คุณไม่สามารถกลับลำมันได้ในหนึ่งวินาทีหรอก มันต้องใช้เวลาก่อนที่อะไรๆ จะเริ่มเปลี่ยนแปลง Y/Project เองในช่วงสองปีหลังมานี่ก็เติบโตอย่างบ้าคลั่ง และผมตั้งใจว่าต้องแน่ใจว่ามันเติบโตต่อเนื่องเพื่อว่าทีมของผมจะมีความสุขกับการทดลองและสนุกกับการทำงาน
– Translator: Dr.Wattan K –