Posts

Y/PROJECT คอลเล็กชั่นล่าสุด Fall/Winter 2023 โดย Glenn Martens ดีไซน์เนอร์ผู้ปลุกกระแส Y2K

เป็นดีไซเนอร์ที่ปลุกกระแส y2k คนแรกๆอยู่แล้วสำหรับ Glenn Martens (เริ่มจาก Diesel อีกแบรนด์ที่เจ้าตัวเป็น creative director) และสำหรับคอลเล็กชั่นล่าสุด Fall/Winter 2023 ของ Y/PROJECT  แบรนด์ที่เขาเองก็คุมตำแหน่ง creative director ดีไซเนอร์ชาวเบลเยี่ยมก็ยังเอาลวดลายกราฟฟิกและ silhouette ในยุค 2000s มาปรับใช้กับกลิ่นไอสตรีทแวร์รวมไปถึงยีนส์ฟอกสีหลากหลายโทน

เป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นจาก Paris Fashion Week ที่น่าสนใจครับและหลายชิ้นรับรองเลยว่าเข้าเทรนด์ยามสวมใส่แน่นอน ชมลุคไฮไลต์กันได้เลยครับ!

rhunrun เรียบเรียง

DIESEL อีกหนึ่งแบรนด์ฮอตภายใต้การนำของ Glenn Martens หยิบกระแส Y2K มาต่อยอดผ่านคอลเล็กชั่นล่าสุด Pre-Fall 2023

DIESEL แบรนด์ที่กลับมาฮอตแบบหยุดไม่อยู่ด้วยการนำเอากลิ่นไอของเทรนด์ Y2K มาตีความหมายใหม่ผ่านสายตาของ Glenn Martens creative director ชาวเบลเยี่ยม

และนี่ก็คือคอลเล็กชั่นของฝั่งผู้ชายในฤดูกาลล่าสุด Pre-Fall 2023 ไปชมกันได้เลยครับ!

rhunrun เรียบเรียง

Glenn Martens ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Y/Project และ Diesel ได้สร้างสรรค์คอลเลคชั่นหนึ่งให้ Jean Paul Gaultier

Author: Giampietro Baudo

“ผมมีความสุขนะ มีความสุขสุดๆ มีความสุขจนเสียสติเลยน่ะ… (ผลงานคอลเลกชั่นนี้) มันคือผม โลกของผม และในขณะเดียวกัน มันคือบางสิ่งที่เกินกว่าประวัติศาสตร์ของผมและฉายภาพมันไปสู่อนาคต” Jean Paul Gaultier เด็กเจ้าปัญหาแห่งแฟชั่นฝรั่งเศส กำลังตื่นเต้นเขานั่งอยู่ในสตูดิโอขนาดใหญ่ของเขาที่ปารีสซึ่งตั้งอยู่บนถนน Rue Saint-Martin หลังจบการแสดงโชว์ผลงานคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิปี 2020 เขาได้เกษียณจากการทำงานมาราธอนกับคอลเลกชั่นของตัวเองตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และเรียกนักออกแบบคนอื่นมารังสรรค์จินตนาการใหม่ของเสื้อผ้าชั้นสูงของเขา เริ่มด้วย Sacai’s Chitose Abe เมื่อไม่นานมานี้ Gaultier ได้ส่งมอบงานส่วนใหญ่ใส่มือของ Glenn Martens ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Y/Project และ Diesel ผู้ที่ออกแบบผลงานคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2022

“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไปทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้ามานะ” Gaultier กล่าวแบบตลกๆ “ผมรักคอลเลกชั่นนี้ รักวิธีที่เขาตีความจักรวาลของผม วิธีการทำงานเชิงเทคนิคสมัยใหม่และไหวพริบของแฟชั่นชั้นสูง—ผลลัพธ์ที่ได้มันคือสิ่งที่เกินจินตนาการของผมไปมาก” Martens—ผู้ซึ่งงานแรกในชีวิตหลังจากจบจากโรงเรียนศิลปะคือเข้าทำงานที่สตูดิโอของ Gaultier เมื่อปี 2008—ได้นำเสนอผลงาน 36 ลุค โดยระลึกถึงเส้นสายลายเซ็นของ Gaultier ในงานเสมอ ไม่ว่าจะเป็นลายทางแบบกะลาสี เสื้อรัดทรง และชุดออกงานกลางคืนที่ฟูฟ่อง ทั้งหมดนั่นกับมุมพลิกผันที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ Martens มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากที่ Y/Project “ผมต้องการให้มันเป็นงานปาร์ตี้น่ะ” Martens ว่า “เพื่อแสดงความเคารพต่อมรดกงานสร้างสรรค์ของต้นกำเนิด”

Gaultier กล่าวว่า “เสื้อผ้าชั้นสูงนั้นสำหรับผมแล้วเป็นมากกว่าความฝันแบบนามธรรมเสมอมา มันเป็นห้องทดลองมากกว่าอย่างอื่น เพื่อประดิษฐ์คิดค้นรูปแบบร่วมสมัยและสร้างเสื้อผ้าที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับความเป็นจริงได้ เพื่อจินตนาการถึงการสร้างสรรค์ที่พร้อมจะแต่งตัวให้กับลูกค้าที่มีตัวตนจริงๆ เพื่อสร้างอนาคตผ่านเทคนิคและงานฝีมือระดับที่น่าทึ่ง” สำหรับเขา “เสื้อผ้าหนึ่งชุดถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณฝัน มันก็ต้องนำมาสวมใส่จริงได้ด้วย แฟชั่นต้องสัมผัสกับชีวิตและความเป็นจริงได้อย่างแน่วแน่ซื่อสัตย์มั่นคง งานของผมในฐานะนักออกแบบเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกและการรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงเสมอมา”

รากฐานแห่งความเป็นจริงนี้ร้อยรัดผูกพันนักออกแบบทั้งสองเข้าด้วยกัน Martens ผู้มีอายุ 38 ปี นับชีวิตการทำงานในทุกวันของเขาว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขากล่าวว่า “สิ่งที่ให้แรงบันดาลใจสูงสุดแก่ผมคือเพื่อนๆ และผู้คนตามถนนหนทาง—การได้ออกไปข้างนอกและมองดูวิธีการแต่งตัวของเด็กๆ ผมหมกมุ่นกับการมองดูผู้คนมากนะ”

L’OFFICIEL พูดคุยกับ Martens เรื่องการออกแบบให้กับ Gaultier และการผจญภัยครั้งใหม่ของเขาที่ Diesel

L’OFFICIEL: คุณจัดการทั้งหมดทั้งมวลระหว่าง Y/Project, Diesel และการออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงสำหรับคอลเลกชั่นของ Jean Paul Gaultier นั่นอย่างไร

Glenn Martens: โดยไม่คิดถึงมันมากเกินไป เพราะถ้าคุณคิดถึงมันคุณจะสติแตก มันเป็นฤดูกาลที่เข้มข้น—-ผมไม่รู้ว่านักออกแบบคนอื่นเขาทำอย่างไรกับการที่มีหลากหลายแบรนด์และหลากหลายคอลเลกชั่น เรื่องก็คือผมมาจากครอบครัวที่เคร่งครัดมาก ตายายของผมมาจากครอบครัวที่ทำงานในกองทัพมาถึงสามชั่วอายุคน ผมเองบางครั้งก็มีวิธีทำงานตามโครงสร้างแบบเฟลมมิช ดังนั้นผมเลยสามารถทำงานแบบเข้มข้นได้ ฤดูกาลนี้ผมก็จะทำแบบนี้แหละ ไม่มีเวลามากนักกับชีวิตส่วนตัว แต่มันก็โอเคอยู่นะ ผมรู้สึกเหมือนได้รับพรกับการทำงานทั้งสามโครงการนี้นะ

L’O: คุณเริ่มสนใจแฟชั่นครั้งแรกอย่างไร

GM: ผมโตมาในเมืองชนบทที่เล็กมาก คือ Bruges ใน Belgium ในหนังสือนำเที่ยว Bruges ถูกเรียกว่าเจ้าหญิงนิทรา เพราะมันน่าง่วงมาก สภาพแวดล้อมของผมไม่ได้มีการคิดไปข้างหน้าหรือทดลองอะไรใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม ตัวเมืองเองก็สวยงาม Bruges คือไข่มุกแห่งประวัติศาสตร์เม็ดน้อย และมันมีอิทธิพลต่อผมในแง่ของความหมกมุ่นเรื่องประวัติศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก ผมอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์ ราชินี ฆาตกร และสงคราม—มันเหมือนเทพนิยาย ผมรักการวาดรูปด้วย และความสนใจจริงๆ ของผมส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่แพรพรรณที่ตัวละครในประวัติศาสตร์เหล่านี้สวมใส่ ผมคิดว่านั่นคงเป็นครั้งแรกที่ผมรับรู้ว่าเสื้อผ้าสามารถสะท้อนบุคลิกภาพและแสดงตัวตนของใครสักคนได้

L’O: สุภาพสตรีและอัศวินคือนางแบบนายแบบแรกของคุณ แต่ความทรงจำเกี่ยวกับแฟชั่นครั้งแรกของคุณคืออะไร

GM: มันคือนิตยสารผู้หญิงที่คุณแม่ของผมซื้อมา มันคือยุคสมัยอันรุ่งเรืองของนักออกแบบเสื้อผ้าสตรีแห่งทศวรรษ ’90s เช่น Gaultier และ Thierry Mugler ซึ่งออกแบบคอลเลกชั่นเสื้อผ้าละครแบบแปลกประหลาด สำหรับเด็กแล้ว นั่นเป็นงานเลี้ยงสำหรับสายตาเลยนะ

L’O: และงานแรกของคุณ ทันทีที่เรียนจบจาก Royal Academy of Fine Arts ที่ Antwerp คือการทำงานที่ Jean Paul Gaultier

GM: ใช่ ผมเหมือนได้รับพรอันมหาศาลเลยนะ เพราะมันเป็นสถานที่ออกแบบที่อิสระมาก ก็อย่างที่คุณรู้แหละ แฟชั่นเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นมือใหม่ มันคือเวลาทำงานอันยาวนานในแต่ละวัน มันซ้ำซากและมันสามารถถูกข่มเหงเล็กๆ ได้ด้วยนะแต่ Jean Paul ไม่ทำงานแบบนั้น เขาเป็นคนแบบทำงานด้วยกันจริงๆ เฉลิมฉลองแฟชั่นและสนุกสนานไปกับมัน

L’O: คุณได้แรงบันดาลใจมาจากไหน

GM: ภูมิหลังด้านสถาปัตยกรรมการตกแต่งภายในมีอิทธิพลและให้สีสันอย่างมากต่อวิธีการที่ผมมองเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผมท้าทายการออกแบบตัดเย็บเสมอ และคิดว่าเราจะสร้างแพรพรรณในวิถีที่แตกต่างออกไปได้อย่างไรและหลังจากนั้น มันก็คือความเป็นจริงในชีวิตประจำวันของผม ผมรักการอยู่อาศัยที่ปารีส ผมรักความเป็นจริงที่ว่ามันคือหม้อหลอมละลายที่ผู้คนมารวมกันและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และผมใช้รถไฟใต้ดินเสมอ หรือไม่ก็เดิน ผมไม่ค่อยใช้รถรับจ้าง หรืออูเบอร์ เพราะผมรักการอยู่บนท้องถนน

L’O: วิธีการทำงานของคุณในการออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงให้กับ Jean Paul Gaultier คืออะไร

GM: แน่นอนว่าวิธีการทำงานคือการเฉลิมฉลองการทำงานฝีมือและตัวตนของ Gaultier การออกแบบสักหนึ่งคอลเลกชั่นแตกต่างอย่างมากกับการรับช่วงต่อทั้งบริษัทนะ ดังนั้นผมก็แค่พยายามสนุกกับงานให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมไม่ได้สร้างผู้หญิงของ Gaultier ขึ้นมาใหม่นะ ผมมีวิธีของผมเองในการมองเธอ

L’O: คุณชื่นชมอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับ Gaultier

GM: เขาคือหนึ่งในนักประดิษฐ์แท้จริงคนแรกๆ เขาเป็นครูที่ปรึกษาให้กับผู้คนมากมาย และผมคิดว่าเขาเปิดประตูให้กับนักออกแบบทั้งรุ่น สิ่งที่เขาทำจริงๆ คือการนำเอาวัฒนธรรมสตรีทเข้ามาสู่ความหรูหรา ผมคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในนักออกแบบรุ่นแรกๆ ที่ทำงานกับการคัดเลือกนายแบบนางแบบแนวสตรีท เมื่อเขาไปเที่ยวคลับเขาจะคุยกับเด็กๆ ที่มาเที่ยวว่า “คุณน่าจะมาอยู่ในโชว์ของผมนะ”

L’O: เมื่อเราได้คุยกับ Gaultier ในระหว่างที่ชมแฟชั่นโชว์ เขาบอกว่าความฝันของเขาคืออยากเป็นอิสระ แล้วความฝันของคุณคืออะไร

GM: แน่นอนว่าอิสรภาพก็สวยงามดีนะ แต่เมื่อคุณมีความรับผิดชอบต่อหลายร้อยครอบครัวที่พึ่งพิงความสำเร็จของแบรนด์ของคุณ คุณไม่สามารถหลับตาฝันและเป็นอิสระได้หรอก อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าคุณสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในขณะเดียวกันก็สนุกและร่าเริงได้นะ และหลีกเลี่ยงการกลายสภาพเป็นสัตว์ประหลาดทางการค้า จุดนั้นแหละคือที่ที่ผมมีความสุขที่สุดแล้ว

L’O: คุณมีวิธีการทำงานออกแบบคอลเลกชั่นของคุณกับ Y/Project และ Diesel อย่างไร

GM: มันมีวิธีการทำงานแตกต่างกันนะ—ที่ Y/Project และ Diesel ผมคุยกับลูกค้ารายบุคคล เพราะแพรพรรณนั้นไม่ใช่สิ่งที่สวมใส่ทุกวัน แพรพรรณหนึ่งมักจะสวมใส่ได้หลายวิธี ดังนั้นเมื่อคุณสวมใส่มันคุณต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับมันและตั้งคำถามว่าคุณอยากจะสวมมันอย่างไรและคุณอยากจะถูกรับรู้อย่างไร ผมพูดคุยกับลูกค้าที่ต้องการทดลองและฉลองความเป็นปัจเจกของเขามากกว่า Diesel ต่างออกไปเพราะมันเป็นสังคมมากกว่า มันเป็นเสื้อผ้าที่ผู้คนสวมใส่ในชีวิตประจำวัน เราใส่มันไปขี่จักรยาน เราใส่มันไปทำงาน เราใส่มันล้างจาน เหนือสิ่งอื่นใด มันมีราคาที่จับต้องได้ ดังนั้นผมจึงพูดคุยกับผู้คนที่หลากหลายกว่า

L’O: คุณค้นพบรางวัลอะไรจากการออกแบบเพื่อคนหมู่มาก

GM: มีความรับผิดชอบมากมายที่มากับมัน เพราะผมเข้าถึงครอบครัวที่โดยปกติแล้วไม่ได้สัมผัสเมื่อทำงานกับ Y/Project หรือ Jean Paul Gaultier และผมคิดว่านั่นคือความรับผิดชอบของผมที่จะนำเอาลูกค้าเข้ามาเกี่ยวข้องรับรู้กับข่าวสารของ Diesel ในเรื่องความยั่งยืนซึ่งเป็นรากฐานของอะไรก็ตามที่เราทำ

L’O: คุณคิดว่าอะไรคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ

GM: ผมว่ามันคือห้องสมุด Diesel นะ มันคือห้องสมุดผ้ายีนส์ที่เราสร้างขึ้นด้วยผ้ายีนส์ที่ยั่งยืนเต็มรูปแบบ นี่คือเรื่องหลักจริงๆ เพราะว่ามันคือแบรนด์ระดับโลกที่มีขนาดใหญ่มหาศาล และผมได้รื้อการทำงานของกระบวนการผลิตทั้งหมดเพื่อสินค้าหลักของ Diesel 40 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ผมเป็นนักออกแบบอิสระเป็นเวลาหลายปีและผมมีความสุขสุดยอดเมื่อผมได้นำเสนอด้านศิลปะทั้งหมดกับ Y/Project แต่พอมาถึงจุดหนึ่งมันก็มีมากกว่านั้น ณ จุดหนึ่งผมก็พบว่าตัวเองคิดว่า ผมจะแค่มีความสุขกับการผลิตเสื้อผ้าตามคอนเซ็ปต์ไปตลอดชีวิตหรือ หรือผมอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ และนั่นก็คือตอนที่Diesel เข้ามาสู่ชีวิตผม ตอนนี้ผมมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้จริงแล้ว

L’O: คุณมองเห็นอะไรในอนาคตของคุณ

GM: นั่นเป็นคำถามที่ดีนะ เมื่อสองวันก่อนเพื่อนผมคนหนึ่งถามผมด้วยคำถามเดียวกันนี้แหละ เขาแบบว่า “ก้าวต่อไปคืออะไร” และผมก็แบบ “ไม่รู้สิ” ผมยังคงมีงานต้องทำมากมาย Diesel เป็นโครงการใหญ่ยักษ์—บริษัทนี้มันเป็นแบบเรือ Titanic น่ะ คุณไม่สามารถกลับลำมันได้ในหนึ่งวินาทีหรอก มันต้องใช้เวลาก่อนที่อะไรๆ จะเริ่มเปลี่ยนแปลง Y/Project เองในช่วงสองปีหลังมานี่ก็เติบโตอย่างบ้าคลั่ง และผมตั้งใจว่าต้องแน่ใจว่ามันเติบโตต่อเนื่องเพื่อว่าทีมของผมจะมีความสุขกับการทดลองและสนุกกับการทำงาน 

– Translator: Dr.Wattan K –

Diesel x Diesel ที่สุดของการ collaboration กับการ collab กับแบรนด์ตัวเอง

ที่สุดของการ collaboration กับการ collab กับแบรนด์ตัวเอง! Diesel แบรนด์อิตาลีมากประวัติศาสตร์ คอลเล็กชั่นแรกภายใต้การนำของ Glenn Martens creative director คนเก่งชาวเบลเยี่ยม เลือกหยิบเอา archives จากยุค 80’s ที่แบรนด์ Diesel และ designer ผู้ก่อตั้งอย่าง Renzo Rosso เจ้าของฉายา อัจฉริยะแห่งการตัดยีนส์ (Jeans Genius) นำกลับมาปรับให้เข้ากับยุคสมัย และผสมผสานดีเทลระหว่างลุคเด่นที่เคยสร้างชื่อให้แบรนด์ออกมาเป็น 6 ลุคพิเศษ

ที่มีกลิ่นไอมหาลัยอเมริกันแต่ตัดเย็บด้วยดีเทลละเอียดซับซ้อนแบบอิตาลีครับ ไปชมกัยได้เลยสำหรับ Diesel x Diesel!

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun