A Chance to Change
Photographer: Perakorn Voratananchai
Direction by: Napat Roongruang
แม้จะเปลี่ยนแนวทางดนตรี แต่ Yes’Sir Days ก็ยังมีพลังเต็มเปี่ยมในการสร้างสรรค์เพลงให้ทุกคนได้ติดตาม
การเปลี่ยนแปลงอาจฟังดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน หากเราเคยชินกับกิจวัตรหรือภาพจำ – ไม่ว่าจะเป็นของเราเองหรือของคนอื่น – มานาน แต่สำหรับ Yes’Sir Days (เยสเซอร์เดย์ส) การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อวงในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาคือโอกาสในการสำรวจและทำดนตรีแนวใหม่ๆ ที่ฉีกออกจากความเป็น ‘วงร็อก’ ที่หลายคนคุ้นเคยตลอดสิบปีที่ผ่านมา และซิงเกิลล่าสุดของวงอย่าง ‘จบไม่จริง’ ก็เป็นอีกผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงที่ว่า
“ตั้งแต่เป็น Yes’Sir Days ยุคใหม่ เรายังไม่ได้ทำเพลงที่มีเนื้อหาเจ็บๆ คนฟังก็เลยสงสัยว่า เมื่อไหร่วงจะทำเนื้อหาที่เจ็บๆ สักหน่อย เราก็เลยพยายามรวบรวมไอเดียกันครับว่าคราวนี้เราจะมาเล่าความเจ็บปวดและอกหักในมุมไหนดี สุดท้ายแล้วมาจบที่คำว่า ‘จบไม่จริง’ เป็นคำที่เราอยากได้ ชื่อมันน่าจะอิมแพคต์ดี และผมว่า [ความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายยังตัดใจจากคนรักเก่าไม่ได้] น่าจะเป็นเรื่องที่คนเคยเจอกันค่อนข้างเยอะเหมือนกันครับ” อัทธ์ – อังค์กูณฑ์ ธนาทรัพย์เจริญ ร้องนำ เล่าถึงที่มาที่ไปของเนื้อหาเพลงใหม่ แล้วเขาก็พูดถึงการทำดนตรีในสไตล์ใหม่ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องสมาชิกใหม่ของวง ยุคสมัย และพฤติกรรมการฟังเพลงที่เปลี่ยนไปของผู้คน
“คือเมื่อก่อน อย่างผมกับอาร์ท เราก็จะเติบโตกับเพลงของ Bodyslam, Clash หรืออื่นๆ ในยุคนั้น และเรื่องการพัฒนาซาวด์ในฝั่งต่างประเทศเอง ก็ยังไม่ได้ใช้ซินธ์หรือเสียงสังเคราะห์มาก แต่พอ Yes’Sir Days ก้าวเข้ามาในยุคนี้ เราก็ฟังเพลงเปลี่ยนไป เด็กๆ รุ่นใหม่เริ่มไม่ค่อยฟังเพลงร็อกแล้ว ถ้าจะฟังร็อกคือฟังเพลงบรรเลงหรือเพลงป็อปทั่วไป หรือ [สมาชิกใหม่สองคน] อย่างบอม [ณัฐธีร์ รุ่งเลิศ – นิรันดร์] มือกีตาร์ กับตูน [พชรัชต์ พูลผล] มือเบส เขาก็จะเป็นสายเล่นดนตรีแนวโมเดิร์น วงก็เลยต้องมาคุยกันว่า ทุกคนอยากได้เพลงอย่างไรครับ” อัทธ์อธิบาย ส่วนอาร์ท – วสุรัตน์ พานิช มือกลองของวง เสริมต่อว่า “เราก็มาเวทกันว่า เพลงนี้ [จบไม่จริง] ถ้าไปทางบรรเลงหมด หรือเมโลดีใหม่จ๋าๆ ไปเลย มันอาจจะกระโดดเกินไป ก็เลยดึงมันให้มาทางป็อปด้วย เป็นป็อปร็อกครับ”
แล้วแฟนคลับตอบรับกับแนวดนตรีและสไตล์ที่เปลี่ยนไปของ Yes’Sir Days อย่างไรบ้าง “จริงๆ ถ้าเพลงก่อนหน้านี้ อย่าง ‘สตั๊น (Stun)’ กับ ‘ระบาย’ แฟนคลับก็อาจจะยังไม่ได้ตกใจมาก เพราะตอนนั้น ผมยังไม่ได้อยากเปลี่ยนวิถีเมโลดีร้องมากนักครับ” อัทธ์เกริ่น “แต่ในเพลง ‘จบไม่จริง’ เราทำให้เมโลดีร้องอยู่ในยุคสมัยมากขึ้น และเราน่าจะใส่เต็มด้านดนตรียิ่งกว่าสองเพลงนั้นด้วย [ดังนั้น] ถ้าคนชอบ เขาก็จะบอกว่า ‘หูย! ดีพี่ ชอบเลย เจ๋ง… โห! ฝรั่งมาก’ แต่ถ้าแฟนเพลงเก่าๆ ก็จะรู้สึกไม่คุ้นหู และคอมเมนต์ว่า ‘ทำไมไม่ทำแบบเก่า’ อะไรอย่างนี้ครับ
“แต่ผมก็เข้าใจ [คนที่ไม่ชอบภาพลักษณ์ใหม่ของวง] นะครับ เพราะเราโตกับภาพจำ [การเป็นวงร็อก] แบบนั้นมา แต่วันนี้วงก็เติบโตขึ้น ทุกคนมีเรื่องราวที่เปลี่ยนไป แล้วเราอยากเล่นดนตรีอย่างมีความสุขด้วย ถ้าเรากลับไปทำแบบเก่าเลย ผมว่าเราอาจจะไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้น แต่ในปัจจุบัน เราแฮปปี้กับสิ่งที่เป็น เพราะเราอยากนำเสนอเพลงในรูปแบบใหม่ที่เราชอบครับ” อัทธ์ยืนยันในแนวทางการทำดนตรีแบบใหม่ของวง
เราถามต่อว่า พวกเขามองเห็นอนาคตของอุตสาหกรรมเพลงไทยอย่างไร ในฐานะที่ Yes’Sir Days ก็อยู่ในวงการดนตรีมาสิบปีแล้ว “ผมว่าตอนนี้อุตสาหกรรมเพลงไทยเข้าใกล้ระดับสากลมากขึ้น ทุกอย่างพัฒนาไปเยอะครับ เมื่อก่อน การก้าวขึ้นมาทำเพลงให้คนรู้จักมันยากนะ เพราะพื้นที่สื่อมีน้อย แต่ว่ายุคนี้มันอิสระแล้ว… ผมว่าคนไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร [ในตลาดโลก] ครับ” อัทธ์ตอบ ทิ้งท้ายการสัมภาษณ์ อัทธ์เป็นตัวแทนขอบคุณแฟนคลับทั้งเก่าและใหม่ที่ติดตามเพลงของวง “แล้วก็ลองดูครับว่า หลังจากนี้ เราจะพาคุณทัวร์ไปในโลกดนตรีที่เป็นแบบ Yes’Sir Days ได้มากขนาดไหน ก็น่าจะมีเพลงให้ฟังได้สนุกหูกันอีก ขอฝากไว้ด้วยครับ”
– Author: Peerachai Pasutan –
ติดตาม Yes’Sir Days ได้ที่ Instagram: @yessirdaysband
และทาง YouTube channel: Genierock