Posts

Breguet at Frieze Seoul 

Photography: Courtesy of Breguet

ศิลปะเป็นเหมือนเครื่องบ่งชี้ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมที่มาพร้อมกับความมั่งคั่งของเศรษฐกิจ ไม่แปลกใจเลยถ้างานนิทรรศการศิลปะ Frieze ที่โด่งดังระดับโลกที่จัดงานครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ จะเลือกกรุงโซล ประเทศเกาหลีเป็นจุดหมายถัดไปของการจัดงาน และเป็นครั้งแรกในเอเชียสำหรับงานนี้เช่นกัน

​Frieze Seoul เป็นงานนิทรรศการศิลปะที่เหล่าบรรดาแกลเลอรีชั้นนำ ศิลปินผู้สร้างงานศิลปะจะได้นำเสนอผลงานชิ้นเยี่ยมของพวกเขาสู่สายตาคนรักศิลปะและนักสะสมงานศิลป์ มาตรฐานของ Frieze ทำให้นักสะสมงานศิลปะต้องเดินทางมาโซลในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ โดยงานจัดขึ้นที่ COEX ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการขนาดใหญ่ใจกลางย่านกังนัม

​ความผูกพันของ Breguet (เบร์เกต์) เครื่องบอกเวลาชั้นสูงกับงานศิลปะมีความเกี่ยวพันกันมาอย่างยาวนาน รวมทั้งดีไซน์ของ Breguet ที่เป็นเสมือนงานศิลปะแห่งการบอกเวลา ซึ่งในงาน Frieze Seoul ครั้งนี้ทาง Breguet ได้สร้างสรรค์บูติกภายในงานด้วยผลงานศิลปะของ Pablo Bronstein ศิลปินชาวอาร์เจนตินาที่โด่งดังในลอนดอน ผลงานของเขาสำหรับ Breguet มาในรูปแบบวอลล์เปเปอร์แบบพาโนรามาที่สวยงาม ลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องจักรในศตวรรษที่ 18 ที่เสมือนยุคทองของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ยุคนั้นการออกแบบเครื่องจักรไม่เพียงเน้นความมีประสิทธิภาพ แต่ยังเน้นความสวยงามของทุกชิ้นส่วนกลไก อันเสมือนมรดกที่สืบเนื่องมาสู่การทำกลไกของนาฬิกาที่แม้ทุกวันนี้ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบให้มีการจัดวางที่สวยงาม

​การทำงานของศิลปินท่านนี้ทำขึ้นมาจากแบบร่างต้นแบบก่อนจะนำไปขยายจนได้ขนาดที่ต้องการและลงมือตกแต่งไฮไลท์เส้นสีขาวต่างๆ ด้วยการวาดด้วยมือทับลงไปอีกชั้นหนึ่ง เป็นการทำงานที่ใช้เทคโนโลยีกับงานฝีมือผสมผสานกันเฉกเช่นการผลิตนาฬิกานั่นเอง

ภายในงานนี้ยังมีการเผยโฉมนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับงาน FriezeSeoul นั่นก็คือ Breguet Classique 7337 สำหรับสุภาพบุรุษ และBreguet Classique Dame 8068 สำหรับสุภาพสตรี Classique 7337Calendar (คลาสสิค 7337 คาเลนดาร์) ใหม่ล่าสุด คือความโดดเด่นแห่งเรือนเวลาคอลเลกชั่น Classique เผยโฉมในกลิ่นอายโมเดิร์นซึ่งยังคงเอกลักษณ์อันเป็นแก่นของ Breguet ไว้อย่างชัดเจน

​นาฬิกาเรือน Classique 7337 นี้ยังเผยให้เห็นฝีมือหัตถศิลป์ตกแต่งเรือนเวลาหลากหลายแบบตลอดทั่วทั้งเรือนหน้าปัดแบบ off-centered งดงามด้วยลวดลายคลู เดอ ปารี (Clous de Paris) อันแสนละเอียดประณีต สลักมือด้วยเทคนิคกิลโยเช่ (guilloche) โดยใช้เครื่องมือ rose engine โดยช่างฝีมือของ Breguet เอง (มีการนำเครื่องมือชนิดนี้มาแสดงในงานและมีช่างมาสาธิตทำให้ชมด้วย) หน้าปัดรอบนอกสลักลวดลายเมล็ดข้าวบาร์เลย์ (barleycorn) มีมูนเฟส (moon phase) ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา โดยออกแบบเพื่อสร้างความงามสมจริงจับตา ดวงจันทร์สีทองทำขึ้นด้วยมือ ใช้เทคนิคการตีแผ่นทองด้วยค้อนล้อมรอบด้วยเหล่าก้อนเมฆขัดแต่งด้วยเทคนิค sandblast ทำให้เกิดผิวสัมผัสแบบแมตต์ ส่วนท้องฟ้าเคลือบลงยาสีฟ้าประกาย ทำให้ดวงดาวดูเปล่งประกายเมื่อมองจากมุมต่างๆ แสดงชั่วโมง นาทีและวินาที ด้วยเข็มนาฬิกา open-tipped รังสรรค์จากบลูสตีลอันเป็นเอกลักษณ์ของ Breguet แสดงวันที่และวัน ณ ตำแหน่ง 2และ 10 นาฬิกาที่มีขนาดใหญ่ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

​ตัวเรือนไวท์โกลด์และโรสโกลด์ขนาด39 มม. กลไกคาลิเบอร์ 502 ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไก Breguet ที่มีขนาดบางที่สุดเพียง 2.4 มม. เท่านั้นออกแบบมาเพื่อให้ทำงานอย่างทรงประสิทธิภาพถึงแม้จะมีขนาดบาง​ส่วนนาฬิกา Classique Dame (คลาสสิค ดาม) มาในดีไซน์ที่ผ่านการตีความครั้งใหม่ โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่เปี่ยมด้วยความร่วมสมัยพร้อมออกแบบให้ผู้สวมใส่สามารถเปลี่ยนสายเองได้ตามต้องการ มีทั้งตัวเรือนไวท์โกลด์และโรสโกลด์ที่งดงามโดดเด่นประหนึ่งงานศิลปะชิ้นงาม

นี่คือความงามของงานศิลปะที่ Breguet ได้เผยโฉมเป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการศิลปะ Frieze Seoul ครั้งนี้ นอกเหนือจากงานศิลปะโดยศิลปินชื่อดังอย่าง Pablo Bronstein ทำให้บูติกของ Breguet ในงานได้รับความสนใจอย่างคับคั่ง

– Author: Sethapong Pawwattana –