Posts

จับรถยนต์คันสวยพลิกดูรายละเอียดการดีไซน์อันประณีตใต้ท้องรถที่งามไม่แพ้ตัวถัง

Vice Versa

รถยนต์คือส่วนผสมอันชาญฉลาดระหว่างดีไซน์ การตลาด และวิศวกรรมศาสตร์ กว่าจะเป็นรถยนต์หนึ่งคัน จะต้องผ่านขั้นตอนด้านอากาศพลศาสตร์ ด้านไฟฟ้า และด้านจักรกลมาแบบจัดเต็ม แต่สิ่งที่น่าเสียใจก็คือ จักรกลที่เป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์
สุดสวยเหล่านี้กลับไม่ค่อยได้รับการมองเห็น และสัมผัสเท่าไหร่ นอกเหนือไปจากช่างมืออาชีพเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

นั่นก็ทำให้ลอปติมัมตัดสินใจเปิดเปลือยรถยนต์สุดงามทั้งหกคันนี้ในมุมที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เราจะเห็นความสวยงามแบบดิบๆ ที่เกิดจากการคิดคำนวณ
ทางวิศวกรรมอย่างรอบคอบ ผนวกกับการดีไซน์อันตั้งอกตั้งใจ เราจะมาเปิดเปลือยทั้งแผ่นเหล็ก แหนบล้อ ท่อไอเสีย เลยไปจนถึงสไตล์ใต้ท้องรถ นั่นเพราะว่า Cyrano (ซีราโน) เคยย้ำไว้ว่า ยิ่งดูไร้ค่าเท่าไหร่ ก็จะยิ่งงดงามเท่านั้น”

1 Audi A5 Coupé 2.0 TFSI

Audi w1

ในบรรดารถทั้งหลายที่ Audi (ออดี้) เคยผลิตมา คันนี้ถือว่าสำแดงออกถึงความเป็น ละติน’ ได้ชัดเจนที่สุด มีการเพิ่มลวดลายโค้งเว้าทำให้รถดูมีเอกลักษณ์ และลวดลายเหล่านั้นก็ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนภายใต้รถยนต์ ทั้งระบบเกียร์ ระบบขับเคลื่อน ระบบกันสะเทือน และท่อไอเสีย ถือเป็นการดีไซน์อันเลอค่าแบบใครก็เถียงไม่ได้ทีเดียว

เครื่องยนต์เทอร์โบสี่สูบ 252 แรงม้า

ราคา 49,000 ยูโร

ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ขนาด 4.68 x 1.85 เมตร

เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.8 วินาที

2 DS 3 Performance

Citroen w1

ด้วยกำลังเครื่องยนต์ 208 แรงม้าเพื่อตอบสนองแรงเร้าของเท้าขวา ทำให้ DS3 Performance คันนี้ดูราวกับจรวดสี่ล้อก็ไม่ปาน ใต้รถคันนี้ไม่ได้มีของตกแต่งเพิ่มน้ำหนัก แต่เป็นชิ้นส่วนจำเป็นเรียบง่ายเพื่อความเร็วอันเร้าใจ

เครื่องยนต์สี่สูบ กำลัง 208 แรงม้า

เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที

ขนาด 3.96 x 1.72 เมตร

ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ราคา 27,950 ยูโร

 

3 Ford Mustang V8 VBA

Ford w1

Ford Mustang (ฟอร์ด มัสแตง) รุ่นใหม่นี้ได้นำรถที่ฮิตในยุค ’60s มาตีความใหม่ได้อย่างทรงพลัง ความสำเร็จที่แผ่ขยายไปทั่วโลกนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมดุลระหว่างราคา คุณภาพ และความระทึกใจที่ไม่มีใครหาญสู้ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 37,900 ยูโร ทำให้รถคันนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็น พรจากฟ้า” เลยทีเดียว เพลาขับเคลื่อนอิสระที่ล้อหลังของรถ (ผลิตเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดตัวรถรุ่นนี้ในปีค.ศ. 1964) สร้างความพึงพอใจให้มากถึงขนาดที่ทำให้เราลืมๆ เรื่องเครื่องยนต์ไปได้เลยทีเดียว

เครื่องยนต์ V8 กำลัง 421 แรงม้า

ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.8 วินาที

ขนาด 4.79 x 1.92 เมตร

ราคา 45,900 ยูโร

4 Abarth 595 Turismo

Fiat w1

พ่อมดแห่งวงการรถยนต์อย่าง Carlo Abarth (คาร์โล อบาร์ธ) เป็นที่รู้จักจากการพัฒนาท่อไอเสียให้กับ Fiat 500 ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกของ Fiat (เฟียต) นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมรถรุ่นลูกคันนี้ถึงปรากฏลายรูปแมงป่องผยองสองตัวตรงท่อไอเสีย (นอกจากเป็นโลโก้ยี่ห้อ Abarth แล้ว ยังเป็นราศีเกิดของเขาอีกด้วย) นอกจากจะสวยเท่ทั้งภายนอกและใต้ท้องรถแล้ว นี่ยังเป็นรถที่สามารถวิ่งทางวิบากได้อย่างเร้าใจอีกด้วย

ราคา 22,400 ยูโร

ความเร็วสูงสุด 218 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เครื่องยนต์เทอร์โบสี่สูบ กำลัง 165 แรงม้า

เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.3 วินาที

ขนาด 3.66 x 1.63 เมตร

5 Jaguar F-Type SVR

Jaguar w1

กำลังรถระห่ำ 575 แรงม้าเป็นสิ่งที่คอยขับเคลื่อนม้าผยองอย่าง Jaguar F-Type SVR คันนี้ จำเป็นต้องมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น จึงจะควบคุมเจ้าม้าตัวนี้ได้อย่างปลอดภัยจงดื่มด่ำไปกับความสมมาตรของท่อไอเสียที่ขนาบทั้งซ้ายขวา และเสียงที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากท่อสุดพิเศษนี้ก็แสนจะเซ็กซี่เร้าใจไม่เปลี่ยนแปลง

เครื่องยนต์คอมเพรซเซอร์ V8 กำลัง 575 แรงม้า

เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.7 วินาที

ราคา 139,500 ยูโร

ขนาด  4.48 x 1.92 เมตร

ความเร็วสูงสุด 322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

6Porsche Panamera 4S

Porsche w1

คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เราก็รู้อยู่แล้วว่าการผลิต Porsche (ปอร์เช่) นั้นเป็นอย่างไร ทั้งท้ายรถอันบางเฉียบที่เสริมการทำงานของอากาศพลศาสตร์ให้ง่ายขึ้น พ่วงด้วยความสวยงามแบบดิบๆ ของปีกนกกันสะเทือน รวมไปถึงความสมบูรณ์แบบของท่อไอเสียแบบสมมาตรที่ดูเหมือนจะทำให้รถทั้งคันดูหรูหราขึ้นอีกหลายเท่า เอาเป็นว่า เมื่อเอาทุกส่วนมารวมกัน ก็พูดได้ง่ายๆ ว่า Porsche ยังไงก็เป็น Porsche

เครื่องยนต์เทอร์โบ V6 กำลัง 440 แรงม้า

เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 4.4 วินาที

ราคา 115,917 ยูโร

ขนาด 5.05 x 1.94 เมตร

ความเร็วสูงสุด 289 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เรื่องราวประวัติศาสตร์ของ Fiat รถยนต์ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลี

From the Roof  to the Road

ประเทศอิตาลีถือเป็นแหล่งกำเนิดยนตรกรรมให้กับเหล่าซูเปอร์คาร์ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกหลากหลายยี่ห้อไม่แพ้ประเทศอันดับหนึ่งเรื่องยานยนต์อย่างเยอรมนี หนึ่งในแบรนด์ดังที่แปะสัญลักษณ์ธงชาติอิตาลีอันคุ้นตาคุ้นหูก็คือแบรนด์อย่าง Fiat ที่ออกมาทำการตลาดกับรถ “จ่ายกับข้าว” หรือกลุ่มผู้ใช้รถทั่วไปบนท้องถนน ฉีกแนวออกมาจากแบรนด์สายพันธุ์สปอร์ตรุ่นพี่อย่าง Ferrari

LONDON, ENGLAND - JANUARY 23: Lorenzo Quinn's Vroom Vroom sculpture is installed in its new setting on Park Lane on January 23, 2011 in London, England. The four-metre high sculpture, consists of a vintage Fiat 500, the first car that the sculptor ever bought, grasped by an oversized aluminium child's hand modelled from Quinn's son. The exhibition has previously been displayed in Valencia and Abu Dhabi. (Photo by Matthew Lloyd/Getty Images for Halcyon Gallery)

ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์มา Fiat เป็นรถที่แฝงตัวอย่างกลมกลืนกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของเรามาโดยตลอด มันแทรกซึมตกทอดผ่านเจเนอเรชั่นต่างๆ ตั้งแต่รุ่นปู่ไล่เลียงมาจนถึงรุ่นเราในปัจจุบัน ตัวถังและดีไซน์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ Fiat นั้นทำให้พวกเราที่เคยใช้ชีวิตผ่านกาลเวลาร่วมกับมันมาหวนระลึกถึงอดีตและความทรงจำเก่าๆ ได้เสมอ ยกตัวอย่างรุ่น Fiat 500 ที่ออกรุ่นแรกสู่ตลาดโลกในปี 1957 ในฐานะรถขนาดกะทัดรัดที่ใช้เครื่องยนต์ความจุเพียง 497 ซีซี. แถมด้วยหลังคาเปิดได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรับลมเย็นๆ และแสงแดดอุ่นๆ ได้เพียงเปิดแผ่นหนังที่หุ้มตัวรถออกไปทางด้านหลังเท่านั้น หลังจากประสบความสำเร็จกับรุ่นแรก Fiat ก็ปล่อยอีกโฉมออกมาในปีใกล้ๆ กัน โดยสามารถเปิดหลังคาได้ทั้งบานไปจนถึงท้ายรถ ซึ่งแถมความเก๋ในการดีไซน์โดยให้มือเปิดอยู่ด้านหน้า ส่วนบานพับอยู่กลางรถ ไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ประเทศที่เป็นหนึ่งในด้านแฟชั่น จวบจนปัจจุบัน รูปทรงของ Fiat 500 ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ไม่ทิ้งเสน่ห์ดั้งเดิม ตัวหลังคาสามารถเปิดได้สุดไม่ต่างจากโฉมเดิมๆ แต่เพิ่มเติมเทคโนโลยีอันทันสมัยต่างๆ เข้าไป พร้อมอัพขนาดเครื่องยนต์ให้เริ่มต้นที่ 900 ซีซี. ไปจนถึง 1,400 ซีซี. เพื่อการขับขี่ที่ลื่นไหล และไปถึงที่หมายได้ไวกว่าเดิม

CHICHESTER, ENGLAND - JUNE 26: The ex Alex Fiorio Lancia Delta Integrale on the rally stage at Goodwood on June 26, 2015 in Chichester, England. (Photo by Charles Coates/Getty Images)

ส่วนอีกรุ่นยอดนิยมของแบรนด์นี้ก็ได้แก่ Fiat 124 Spider รถโรดสเตอร์ขนาดกะทัดรัดเปิดประทุนท้าลมทุกฤดูกาล ตัวล่าสุดมาพร้อมเครื่องเสียงจาก BOSE พร้อมลำโพงเก้าจุดรอบคันให้ความเพลิดเพลินตลอดการขับขี่ แต่กว่าจะมาเป็นโรดสเตอร์คันงามวิ่งฉิวโฉมปัจจุบันนั้น สายการผลิต Fiat 124 Sport Spider รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้นในปี 1966 ที่ Lingotto Factory ในเขตเมืองตูริน ประเทศอิตาลี ตัวโรงงานเป็นตึกสูงห้าชั้นที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่โรงงานผลิตรถยนต์แบบม้วนเดียวจบเท่านั้น แต่ชั้นดาดฟ้าของโรงงาน อันเป็นจุดสุดท้ายที่รถจะออกจากสายพานการผลิตเป็นคันอย่างสมบูรณ์แบบ ถูกปรับพื้นที่ให้กลายเป็นสนามทดสอบรถยนต์ของ Fiat โดยรถทุกคันจะต้องผ่านการทดสอบวิ่งบนหลังคาแห่งนี้ก่อนจะถูกส่งออกไปถึงมือลูกค้า เพื่อการันตีความสมบูรณ์แบบของมันเป็นครั้งสุดท้าย

maxresdefault-3_w1

สนามแข่งบนหลังคาของเมืองตูรินนี้มีชื่อเสียงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ความยาวของสนามนั้นก็พอๆ กับสนามแข่งขนาดย่อม พื้นสนามถูกออกแบบมาให้ลาดเอียงรับกับโค้งของตึกอย่างพอเหมาะลงตัว เป็นรูปวงรีสวยงามให้รถวิ่งทวนเข็มนาฬิกาได้อย่างสะดวก โรงงานแห่งนี้เปิดทำการอย่างเป็นทางการในฐานะโรงงานประกอบรถยนต์และสนามทดสอบหลักของ Fiat ตั้งแต่ปี 1923 ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่ารุ่นใหญ่อย่าง Fiat 500 ก็เคยผ่านมือสนามนี้มาก่อนที่ Fiat 124 Sport Spider จะนำเอาเครื่องขนาด 1,200 ซีซี. ขึ้นมาครองในปี 1966 หลังจากนั้น มีเพียงรุ่นหลานมันที่ผลิตขึ้นในปี 1969 เท่านั้นที่ได้มีโอกาสขึ้นมาทดลองกับสนามบนหลังคานี้ เพราะด้วยเหตุผลหลายประการทั้งเรื่องธุรกิจและปัจจัยภายนอก ทำให้โรงงานที่ดำเนินมาถึง 59 ปีนี้ต้องปิดตัวลง แต่ก็ไม่ได้เป็นการสิ้นสุดการทำหน้าที่ในฐานะอาคารอย่างถาวร แต่อาคารนี้ถูกเปลี่ยนไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อีกมากมาย ทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนหลักสูตรโพลีเทคนิคของมหาวิทยาลัยตูริน ต่อมาส่วนต่างๆ ของอาคารก็ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยตามกาลเวลา ปรับเปลี่ยนเป็นศูนย์การค้า ฮอลล์คอนเสิร์ต และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนหลังคาอาคารถูกปรับปรุงใหม่ให้เป็นพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ แต่สนามแข่งลอยฟ้านี้ก็ยังคงอยู่ แม้จะไม่ได้เปิดใช้งานตามจุดประสงค์เดิม พื้นสนามและรายละเอียดหลักๆ ยังถูกคงไว้เหมือนก่อน เพื่อเปิดให้แขกผู้สนใจในประวัติศาสตร์ยานยนต์และอาคารได้เข้าชมตามอัธยาศัย

fiat-lingotto_w1

ก่อนที่สนามแข่งบนหลังคาแห่งนี้จะกลายเป็นตำนานตลอดกาลไปเมื่อปี 1982 มันก็ได้สร้างตำนานก่อนปิดโดยเปิดโอกาสให้คู่แข่งตัวสำคัญอย่าง Lancia Delta ได้ขึ้นสัมผัสแทร็คสนามแข่งแห่งนี้ ถือว่าเป็นรถรุ่นสุดท้ายจริงๆ ที่ได้วิ่งปิดตำนานโรงงานแห่งนี้อย่างถาวร ในปัจจุบัน บริษัทในเครือของ Fiat นั้นมีโรงงานการผลิตและทดสอบกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นบราซิล อิตาลี เม็กซิโก แคนาดา อินเดีย จีน เซอร์เบีย โปแลนด์ อาร์เจนตินา และตุรกี แต่สนามแข่งลอยฟ้าอย่าง Fiat Lingotto Factory ก็ยังเป็นที่กล่าวขานโจษจันกันมาจนถึงวันนี้

Content by Jonut, Photography by GettyImages