Posts

YouTube กำลังแซง Facebook ขึ้นมาเป็นแหล่งข่าวออนไลน์ที่ฮิตที่สุดในอเมริกา

นอกจากจะเป็นช่องทางในการชมคลิปวีดิโอสนุก ๆ หรือฟังเพลงเพราะ ๆ แล้ว ดูเหมือนว่า YouTube กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นช่องทางออนไลน์ในการติดตามข่าวสารที่ฮิตที่สุดในอเมริกา และอีกหลายประเทศทั่วโลกครับ 

จากรายงานข่าวดิจิทัลปี 2020 ที่จัดทำโดยสถาบัน Reuters นั้นเผยว่า ชาวอเมริกันกว่า 24% ใช้ YouTube ในการติดตามข่าวสาร แม้ว่าจะตัวเลขจะยังคงน้อยกว่า Facebook ที่มีผู้ใช้งานเพื่อจุดประสงค์นี้ที่ 35% แต่เมื่อดูความเปลี่ยนแปลงแล้ว ความนิยมใน Facebook นั้นตกลงไป 4% ขณะที่ความนิยมใน YouTube เพิ่มขึ้น 4% สาเหตุที่ทำให้ Facebook เริ่มเสื่อมความนิยมนั้น มาจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นศูนย์ข่าวปลอมออนไลน์หรือ Fake News โดยเฉพาะข่าวการเมืองมาตั้งแต่ช่วงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในปี 2016 

ไม่ใช่แค่ในอเมริกาเท่านั้น แต่แนวโน้มลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นในอีก 12 ประเทศทั่วโลก – รวมถึงสหราชอาณาจักร เยอรมณี และญี่ปุ่น – มาตั้งแต่ปี 2016 โดยความนิยมในการติดตามข่าวผ่าน Facebook นั้นค่อย ๆ ลดลง แต่ YouTube นั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 80,000 คน จาก 40 ประเทศ พบว่า Facebook กลายเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่น่าเชื่อถือมากที่สุด โดยผู้ทำแบบสำรวจ 29% นั้นรู้สึกกังวลถึงข้อมูลข่าวสารที่อาจนำเสนอผิดพลาดหรือทำให้เข้าใจผิด ความกังวลนี้เพิ่มเป็น 35% ในกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกัน ทว่าความไม่ไว้ใจในแพลตฟอร์ม YouTube นั้นมีเพียง 5% เท่านั้น 

ก็ต้องดูกันต่อไปครับว่า Facebook จะรับมือและแก้ปัญหานี้อย่างไร และ YouTube จะสามารถคงความนิยมและน่าเชื่อถือนี้ต่อไปได้หรือไม่ในอนาคต 

เรื่อง Peerachai Pasutan

เรียบเรียง rhunrun

จบแล้วจ้า!!! มาร์ก ซักเกอร์เบิร์กแห่ง Facebook รับปริญญาบัตรใบแรกในชีวิตจากฮาร์วาร์ด

นี่คือสปีชสุดซาบซึ้งในวันรับปริญญาของเขา

https://www.thestar.com/business/2017/05/25/mark-zuckerberg-finally-graduates-12-years-after-quitting-harvard.html

หลังจากที่เขาแสดงความดีใจอย่างออกนอกหน้าครั้งที่ฮาร์วาร์ดตอบรับเขาเข้าเรียนเมื่อสิบสองปีที่แล้ว

http://fortune.com/2017/05/19/mark-zuckerberg-harvard-acceptance-video-reaction/

ก็ใช้เวลา ‘เรียน’ ไม่ช้าไม่นาน แค่ทศวรรษกว่าๆ เท่านั้นเอง แต่อย่าว่างั้นงี้เลยเถอะ ถ้าให้พวกเราลาออกมาเปลี่ยนโลกแบบนี้ พวกเราก็คงทำล่ะเนอะ

ขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับเจ้าพ่อโซเชียลมีเดียคนสำคัญของโลกใบนี้

สิ่งที่ควรรู้ หากยังอยากมี ‘ที่ยืน’ อยู่ใน Facebook และ Instagram

ความจริงแล้วเงื่อนไขต่างๆ ที่คุณ ‘ควรรู้’ ระบุไว้อย่างชัดเจนแล้วตั้งแต่ตอนที่คุณเริ่มสมัครอินตราแกรม เราไม่ได้จะบอกว่าคุณไม่รอบคอบ เพราะเราเชื่อว่า 1 ในล้านคน ที่อ่านสิ่งนั้น! เริ่มเลยแล้วกันกับกฎเหล็ก 6 ข้อ ที่หากทีมงานตรวจพบคุณจะถูกสั่งปิดทันที่

หลักจากมีประเด็นในโลก อินสตราแกรม ที่ได้บล็อกอินตราแกรมของคนดัง เนื่องจากทำผิดกฏในข้อที่ว่า มีอายุต่ำกว่า 13 ปี และไม่ได้เป็นคนเล่น IG ด้วยตัวเอง ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า กฎแบบนี้มีด้วยหรือ!
1. ห้ามแชร์รูปภาพหรือวิดีโอที่ไม่ใช่ของตัวเอง รวมถึงโพสต์ของบุคคลอื่นๆ และรูปภาพที่นำมาจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งบัญชีที่มีแต่เนื้อหาประเภทนี้อาจถูกปิดใช้งานได้ทุกเวลา
2. ห้ามแชร์รูปภาพหรือวิดีโอที่แสดงความโป๊เปลือย หรือเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่
3. ห้ามแชร์รูปภาพหรือวิดีโอที่มีเนื้อหาผิดกฎหมาย ความรุนแรง ทารุณกรรม รวมถึงการจำหน่ายสินค้าอาวุธปืน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ ยาที่แพทย์ต้องสั่งจ่าย หรือผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่
4. ห้ามสแปม หรือแสดงความคิดเห็นที่ซ้ำซาก และการใช้บริการเพื่อส่งเสริมตัวเองด้านการค้า เช่น รหัสส่วนลด หรือ URL ไปยังเว็บไซต์
5. ห้ามใช้ถ้อยคำหยาบคาย หาก Instagram ได้รับการร้องเรียนอย่างถูกต้องเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าว จะได้รับคำเตือนหรืออาจปิดบัญชีในทันที โดย Instagram แนะนำให้บล็อกบุคคลเหล่านี้ให้หมด เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
6. ห้ามส่งเสริมหรือยกย่องการทำร้ายตนเอง เช่น ส่งเสริมให้ผู้ใช้อดอาหาร กินอาหารอย่างไม่ปกติ หรือความผิดปกติอื่นๆ ในการกิน หรือการทำร้ายร่างกายตนเอง หรือฆ่าตัวตาย

และอีก 5 กฎเหล็กของ Facebook ที่ห้ามเด็ดขาดเด็ดขาดเพราะหากเข้าเงื่อนไขแม้แต่ข้อใดข้อหนึ่ง บัญชีนั้นจะถูกระงับอย่างถาวรและไม่สามารถขอคืนได้เลย…

1. มีพฤติกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้รับคำเตือนหลายครั้งจาก Facebook หมายถึงว่าถ้าโพสภาพอนาจารแล้วโดนตักเตือน หากทำการโพสครั้งที่ 2 จะถูกปิดทันที
2. ติดต่อกับบุคคลอื่นโดยมีจุดประสงค์เพื่อก่อกวน โฆษณา โปรโมท ชวนออกเดท หรือการกระทำอื่นๆ ที่ไม่เหมาะสม
3. การใช้ชื่อปลอม ข้อนี้ แอบเถียงเล็กน้อยเนื่องจากสมาชิกในกองใช้ชื่อปลอมกันหลายคน แต่ก็ยังไม่มีใครถูกปิดบัญชีลงส่ะที
4. การปลอมตัวเป็นผู้อื่น หรือองค์กร หรือการแสดงอัตลักษณ์อันเป็นเท็จ แอบอ้างเอารูปผู้อื่นมาทำเป็นภาพโปรไฟล์ก็เสี่ยงอยู่นะ
5. การโพสต์เนื้อหาที่ละเมิดเงื่อนไข เช่น ภาพอนาจาร คลิปโป๊เปลือยเป็นต้น