Posts

The Original of Cool.

ที่พิพิธภัณฑ์ Great Egypt Museum ซึ่งจะเปิดต่อสาธารณชนราวเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ในค่ำคืนก่อนจะมีแฟชั่นโชว์แห่งปีของ Dior ที่มหาพีระมิด Giza ได้มีการเปิดตัวแคปซูลคอลเลกชั่นของ DIOR MEN CAPSULE FALL 2023 – DIOR TEARS
โดยเป็นงานออกแบบรับเชิญจาก DENIM TEARS ซึ่งมี Tremaine Emory เป็นผู้สร้างสรรค์ ซึ่งเขาขุดลึกไปถึงต้นกำเนิดของเดนิม และรากของคำว่า Cool ว่ามาอย่างไร โดยผสมผสานสองสิ่งนี้เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับ DIOR TEARS


“ผมต้องการย้อนเวลากลับไปสู่บรรยากาศอันงดงามระหว่างที่ศิลปิน, นักเขียน และนักดนตรีผิวสีทั้งหลายพากันย้ายถิ่นฐานจากอเมริกามาแสวงหาการยอมรับ และความทัดเทียมในมหานครต่างๆ บนภาคพื้นยุโรป ช่วงเวลาที่พวกเขาได้รับเกียรติ และการยกย่อง เป็นที่นับถือทั้งในแง่ของตัวบุคคล และผลงานศิลปะ ถึงแม้ในยุคสมัยนั้นยังไม่อาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ กระนั้น ก็ยังเป็นช่วงเวลาอันงดงามจากความรู้สึกที่ว่า คนผิวสีได้รับสิทธิ์ และมีโอกาสที่จะหลบหนีไปให้พ้นจากความโหดร้าย น่าสะพรึงกลัวของอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรังเกียจเดียดฉันท์อันมาพร้อมกับ Jim Crow America กฎหมายว่าด้วยการแบ่งแยก และยอมรับการปฏิบัติอันแตกต่างกับคนต่างสีผิว ศิลปินในหลายๆ สาขาอย่างไมลส์ เดวิด นักทรัมเป็ตชื่อดัง และนักเขียนอย่างเจมส์ บอลด์วิน ก็ได้พบที่พักพิงในกรุงปารีส” ทรีเมน อีมอรี (Tremaine Emory)
แม้นี่จะเป็นความรู้สึกที่บอกเล่าถึงที่มาของงานสร้างสรรค์นี้ แต่ผลงานไม่ได้มีความขมขื่น หากแต่เป็นการมองที่นำเอาด้านที่เปี่ยมความหวังมานำเสนอเป็นลุคการแต่งกายอารมณ์ลำลองในกรอบของสไตล์คลาสสิก คอลเลกชั่นนี้เป็นการออกแบบรับเชิญของทรีเมน อีมอรี ผู้ก่อตั้ง และนักสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ Denim Tears ซึ่งเพื่อนสนิทอย่างคิม โจนส์ ได้ให้ความนับถือ และยกย่องเป็นอย่างสูง อีกทั้งยังเป็นบุคคลผู้นำแนวทางการออกแบบอเมริกันมารองรับไหวพริบทางการตัดเย็บชั้นสูงแบบฝรั่งเศสอย่างลงตัว


นายแบบออกมาในลุคต่างๆ พร้อมเสียงเพลงจากแซกโซโฟน บรรเลงสดโดย Cktrl ซึ่งดนตรีแจซเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยเพราะเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของผลงานทั้งรูปธรรมและนามธรรม อย่างโทนสีที่เป็นสีแห่งฤดูใบไม้ร่วงแต่ก็มีความสดใสไม่ทึมเทา เป็นดทนสีที่งดงามมีความสุขและเต็มไปด้วยสีสัน(แบบเพลงแจซ) โดยนายแบบที่เดินออกมาจำนวนทั้งสิ้น 12 ลุคนั้นมีความเด่นและแปลกตาโดยวัสดุหลักก็คือ เดนิม ที่เสมือนเป็นเอกลักษณ์ของ Denim Tears ทว่ามีความหรูหราในเนื้อผ้าแบบดิออร์ เป็นการทอผ้าเดนิมขึ้นมาใหม่โดยใช้เทคนิคการทอลายในตัวแบบแจ็คการ์ดทำให้ต่างจากเดนิมที่หลายคนคุ้นเคย เดนิมมีต้นกำเนิดในฝรั่งเศส อ้างอิงจากการแผลงมาจากคำว่า serge de Nimes (แซร์ช เดอ นีมส์) ผ้าทอลายสองจากนิคมสิ่งทอเมืองนีมส์ แต่ครั้งนี้ ผ้าเดนิมอาศัยการทอผสมด้วยเครื่องทอขึ้นลายในตัวพร้อมกับพัฒนาลายพิมพ์เพื่อสะท้อนมรดกสิ่งทอ ส่วนซิลลูเอทนั้นเป็นเรื่องราวของทศวรรษ 1950 เน้นทักษะหัตถศิลป์เสื้อผ้าชั้นสูงตามขนบ Dior ด้วยการผสมผสานศิลปะพื้นบ้านอเมริกันกับหัตถกรรมชั้นสูงแบบฝรั่งเศส โดยมีโครงเรื่องจากอิทธิพลของนักดนตรีเพลงแจซ แอฟริกัน-อเมริกันคนสำคัญ ผู้เดินทางเปิดการแสดงไปทั่วทวีปยุโรป พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งซึ่งตนพบเจอในมหานครปารีส และในทางกลับกัน พวกเขาก็สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ปารีส


อีกหนึ่งแรงบันดาลใจสำคัญในการออกแบบคอลเลกชันนี้ก็คือรูปแบบการแต่งกายนักศึกษาผิวสีในมหาวิทยาลัยเอกชนไอวี ลีก (Ivy League) ระหว่างทศวรรษ 1950 ถึง 1960 กับสไตล์เสรีนิยมของนักดนตรีเพลงแจซยุคสมัยเดียวกัน
รวมไปถึงอิทธิพลจากขบวนการสิทธิพลเมือง (civil rights movement) ซึ่งดำเนินการต่อสู้เรียกร้องสิทธิเสมอภาคของคนผิวสีในสหรัฐอเมริการะหว่างสองช่วงทศวรรษนั้น ก็ยังถูกสะท้อนผ่านงานออกแบบเลียนแบบเสื้อผ้าคนงาน และนี่เอง ที่ลุคนักศึกษาวัยรุ่นได้มาบรรจบพบกับต้นกำเนิดศัพท์แสลงคำว่า cool ผ่านกระบวนการพัฒนาเพื่อหลอมรวมเครื่องแต่งกายแบบฉบับอเมริกันชนอย่างเชิ้ตลายตารางหมากรุกตัวเก่งสวมทับด้วยแจ็กเก็ตนักศึกษาประจำไฮสคูลยอดนิยมกับกางเกงชิโนสวมสบาย เติมความโฉบเฉี่ยว ทันสมัยด้วยโอเวอร์โค้ทตัดเย็บจากผ้าวูลสไตล์คลาสสิก หรือชุดสูทกางเกงตัดเย็บอย่างมีชั้นเชิงร่วมกับเครื่องประดับหนังสีน้ำตาลคอนญัคงามสง่าอย่างทรงกระเป๋าทรัมเป็ต


แนวทางการออกแบบสำหรับคอลเลกชันเฉพาะกาลหรือ Capsule Collection ครั้งนี้ ยังมีบางส่วนที่สะท้อนถึงตัวตนของทรีเมน อีมอรีในฐานะคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันผู้ถือกำเนิดในชนบทตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาก่อนมาเติบโตอยู่ในมหานครนิวยอร์ก
การเดินทางของดนตรีแจซ ซึ่งมีรกรากอยู่ในแอฟริกานั้น เต็มไปด้วยแง่มุมซับซ้อนซึ่งสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้นบนโลกใบนี้ ก็ช่างลงตัวกับการจัดแสดงคอลเลกชันขึ้นที่อียิปต์ หนึ่งในแหล่งกำเนิดอารยธรรมเปลี่ยนโลกผ่านรูปแบบการนำเสนอแบบ ‘ภาพนิ่ง’ ท่ามกลางโบราณวัตถุของหนึ่งในอารยธรรมอันยิ่งยงที่สุดภายในพิพิธภัณฑ์โบราณคดีอียิปต์ (Grand Egyptian Museum)