Photographer: Perakorn Voratananchai

Stylist: Napat Roongruang

ที่มาที่ไปของ ‘Up to You’ ซิงเกิ้ลแรกในชีวิต

ปีที่ผ่านมา ผมรับงานที่มีการร้องเพลงมากขึ้น ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยมั่นใจในการร้องเพลงเลย รู้สึกมาตลอดว่านั่นไม่ใช่ตัวเรา มันไม่ได้เลยจริงๆ พอรับงานร้องเพลงมาเพลงแรกก็ตัวสั่น มือสั่น คุยกับใครไม่ได้เลย ทรมานมากจริงๆ แต่พอผ่านเวทีนั้นมาแล้ว ผมก็รู้สึกว่าอยากทำสิ่งนี้ให้ดีขึ้น อยากขึ้นไปร้องเพลงให้ดีจริงๆ เลยเริ่มรับงานร้องเพลงมากขึ้นเรื่อยๆ พอปลายปีของทุกปี ผมกับพี่จัสติน (ผู้จัดการ) ก็จะมาวาง road map ว่าปีหน้าเราจะทำอะไรกัน อยากพัฒนาตัวเองในด้านไหน พอหารือแล้วก็เห็นตรงกันว่ามาพัฒนาสกิลล์ศิลปิน ซึ่งก็คือสกิลล์การร้องเพลงบวกเต้นนิดหน่อยกันดีกว่า ตอนแรกก็คุยกันแค่นั้นแหละ ไม่ได้คิดว่าจะออกเพลงจริงจังหรอก แต่พี่จัสบอกว่าให้ออกเพลงเลย จะได้มีจุดหมายที่แข็งแรง มีจุดที่เราต้องไปให้ถึงให้ได้ ก็เลยเอาวะ… ลองดูสักตั้ง ก็ออกมาเป็นเพลงนี้ล่ะครับ

ส่วนที่มาของเพลงก็ตามเนื้อเพลงเลยครับว่า up to you คือเราทำให้ทุกอย่างแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว สุดท้ายแล้วคนที่จะรับ(รัก) หรือไม่รัก ก็คือคุณนั่นแหละ ประมาณนี้ครับ

ความท้าทายที่สุดเรื่องการร้องเพลงของอัพคืออะไร

ทุกอย่างเลยครับ ทั้งความมั่นใจ การออกเสียง การมีอารมณ์ร่วมกับเพลง ยากทุกอย่างเลยครับสำหรับผม ผมก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป และต้องขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มาช่วยผมในแต่ละเรื่องด้วยครับ

การเป็นนักแสดงมีส่วนช่วยในการร้องเพลงไหม

ผมว่ามันคนละแบบนะ แต่ถ้าถามว่าช่วยไหม มันช่วยได้ในระดับหนึ่งเวลาขึ้นเวที คือถ้าร้องเพลงในห้อง มันคือคนละเรื่องเลยครับ แต่เวลาต้องออกไปแสดง หรือไปร้องเพลงให้ใครฟัง การแสดงมันก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งนะครับ

เคยพูดไว้ว่าจะไม่ร้องเพลงเด็ดขาด อะไรคือจุดที่ทำให้ตัวเองก้าวข้ามผ่านจุดนั้นมาได้

จากการที่มีงานที่ต้องร้องเพลงนี่ล่ะครับ จริงๆ คือพี่จัสเตรียมตัวผมมาล่วงหน้าสักพักแล้วว่าให้ไปเรียนร้อง เรียนเต้นเตรียมไว้ จนวันที่ผมได้ร้องเพลงครั้งแรกในไลฟ์ นั่นเป็นจุดที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมไม่ได้แค่อยากร้องเพลง แต่อยากร้องเพลงให้ดีด้วย นั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมก้าวข้ามผ่านกรอบที่ผมเคยตั้งไว้นี่ล่ะครับ

มีศิลปินคนไหนเป็นแรงบันดาลใจหรือไอดอลบ้างไหม

ไม่ได้มีแบบอยากเป็นคนนี้นะครับ แต่ผมชอบพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) เพราะพี่จัสก็เปิดเพลงพี่เบิร์ดให้ฟังตลอดเวลา ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงวันนี้ทุกคนรอบตัวพี่จัสก็จะได้ฟังเพลงพี่เบิร์ด ถูกต้องไหมครับ (หัวเราะ) เพลงพี่เบิร์ดเป็นเพลงที่ส่งพลังบวกให้กับผมได้จริงๆ เวลาฟังเหมือนเติมพลังงานบางอย่างเข้ามาในตัว พอผมได้มีโอกาสคุยกับพี่เบิร์ดแป๊บนึงเป็นแป๊บเดียวที่เหมือนกับได้เติมหลอดเลือดที่แดงๆ อยู่ให้กลับมาเขียวทันที อะไรแบบนี้ครับ

ช่วงปีที่ผ่านมา มีศิลปินออกมาเปิดค่ายตัวเองเยอะ อัพเองก็มีค่ายเป็นของตัวเอง และเป็นศิลปินเองด้วย คิดว่าสิ่งนี้ส่งผลต่อวงการบันเทิงอย่างไรบ้าง

ผมก็เป็นศิลปินในสังกัด JustUp เนอะ (นิ่งคิด) ตอบแบบความคิดของผมล้วนๆ เลยนะ ผมว่าการทำแบบนี้มันเป็นการเพิ่มคู่แข่งทางการตลาดในวงการ ซึ่งมันเป็นวงจรปกติของธุรกิจอยู่แล้ว ผมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผลงานของศิลปินแต่ละคนเป็นการแข่งขันที่สูงขึ้น เพราะแต่ละคนก็อยากทำผลงานให้มีคุณภาพมากที่สุด ซึ่งผมว่าต่อไปมันก็จะส่งผลโดยรวมกับอุตสาหกรรมนี้ล่ะครับ ทำให้คุณภาพงานในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้น และทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ อันนี้คือสิ่งที่ผมคิดนะครับ

– Author: Pacharee Klinchoo –