ชมนาฬิกา TUDOR ที่เปิดตัวในงาน Watches and Wonders 2023

g

TUDOR เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ในงาน WATCHES and WONDERS 2023 ด้วยนาฬิการุ่นต่างๆ ที่แน่นอนว่ารุ่นเด่นต้อง Black Bay ที่เป็นการปฏิวัติวงการไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันใหม่ๆ ไปจนถึงรูปโฉมภายนอก

BLACK BAY

TUDOR เปิดตัว Black Bay รุ่นใหม่ล่าสุด พบกับนาฬิกาดำน้ำอันเป็นเอกลักษณ์กับขอบตัวเรือนสีแดงเบอร์กันดี การปฏิวัติวงการครั้งใหม่ทั้งในด้านการใช้งานและความงดงาม นาฬิการุ่นนี้คือตัวแทนของ Black Bay รุ่นล่าสุด กับองค์ประกอบของการออกแบบที่มีการพัฒนามากขึ้นจากรุ่นเดิม อย่างเช่นตัวล็อกข้อมือ “T-fit” และการรับรองมาตรฐานมาสเตอร์โครโนมิเตอร์โดย METAS

Black Bay รุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปี 2012 พร้อมขอบตัวเรือนสีแดงเบอร์กันดี และมาพร้อมคาลิเบอร์ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเองในปี 2015 วันนี้กลับมาในยุคที่สามของการพัฒนาซึ่งบ่งบอกถึงอนาคตแห่งความงดงามและพัฒนาการทางเทคนิคใหม่ๆ ที่นาฬิกาตระกูลนี้จะก้าวต่อไป ด้วยชื่อ Black Bay ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ในคอลเลกชันของ TUDOR นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างแห่งความเชี่ยวชาญของ TUDOR ที่เป็นหนึ่งในผู้สร้างมาตรฐานระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมนี้ ในด้านการทำงานที่เที่ยงตรงและความต้านทานต่อสนามแม่เหล็ก
Black Bay ซึ่งผ่านการทดสอบโดยสถาบันมาตรวิทยาสวิสเซอร์แลนด์ (METAS) ได้นำเอาเทคโนโลยีการผลิตนาฬิกาสุดล้ำ มาผสานรวมเข้ากับองค์ประกอบดีไซน์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากมรดกที่สืบทอดมายาวนานเกือบเจ็ดทศวรรษของ TUDOR ในการผลิตนาฬิกาดำน้ำมืออาชีพที่ทนทาน

BLACK BAY 31/36/39/41

TUDOR ขอนำเสนอนาฬิกาในตระกูล Black Bay เวอร์ชันใหม่ ในวัสดุสตีล พร้อมขอบตัวเรือนแบบ fixed นาฬิกาทุกรุ่นติดตั้งคาลิเบอร์ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง โดยมาในสี่ขนาดพร้อมสายนาฬิกาแบบห้าข้อต่อ และตัวล็อกข้อมือที่มีกลไกปรับสายได้อย่างรวดเร็ว

Black Bay รุ่น 31/36/39/41 มอบสุนทรียภาพที่เป็นเอกลักษณ์ให้แก่นาฬิกาในตระกูล Black Bay ตัวเรือนที่โค้งมนมาพร้อมผิวสัมผัสที่หลากหลายซึ่งยกระดับนาฬิกาให้เข้ากับดีไซน์ยุคใหม่ และสื่อให้เห็นถึงความแตกต่างเล็กน้อย จากนาฬิกาที่เป็นเครื่องมือโดยมีความโดดเด่นซึ่งถือได้ว่าเป็นจิตวิญญาณของแบรนด์ เพื่อนำเสนอความทันสมัยในแบบยูนิเซ็กซ์ ที่งดงามประณีตและใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ติดตั้งมาพร้อมคาลิเบอร์ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเองซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าของวงการการผลิตนาฬิกาในปัจจุบัน อีกคุณสมบัติหนึ่งที่สำคัญเพื่อความสบายสูงสุดในการสวมใส่คือ สายนาฬิกาแบบห้าข้อต่อที่มาพร้อมตัวล็อกข้อมือ “T-fit” ของ TUDOR ที่มีกลไกปรับสายได้อย่างรวดเร็วในนาฬิกาทุกขนาด สิ่งที่มาใหม่ในปีนี้คือ หน้าปัดซันเรย์หลากหลายรูปแบบที่ยกระดับนาฬิกาให้ดูดีมีระดับยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดสีน้ำเงิน, สีเทาแอนทราไซต์ หรือสีแชมเปญอ่อน เส้นรางบอกนาทีจะมาในสีสันที่ตัดกันชัดเจนเพื่อเติมความอบอุ่นให้กับดีไซน์โดยรวม

BLACK BAY 54

TUDOR เสริมทัพให้กับตระกูล Black Bay ด้วยนาฬิการุ่นใหม่ที่บอกเล่าถึงนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกสุดของแบรนด์ ผ่านการตีความแบบโมเดิร์นอย่างแท้จริง ในปี 1954 ได้มีการเปิดตัวนาฬิกาหมายเลขอ้างอิง 7922 ขึ้น วันนี้ Black Bay ได้ทำให้หวนคิดถึงนาฬิการุ่นดังกล่าวผ่านตัวเรือน 37 มม. และคาลิเบอร์ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง

ในขณะที่ตระกูล Black Bay นั้นได้อ้างอิงถึงนาฬิกาดำน้ำยุคแรกๆ ของ TUDOR แต่ Black Bay 54 รุ่นใหม่ทั้งหมดนี้ เป็นตัวอย่างที่ตรงกันอย่างชัดเจนมากที่สุดกับนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของ TUDOR หมายเลขอ้างอิง 7922 ตัวเรือน 37 มม. ยังคงรักษาสัดส่วนสุดคลาสสิกของนาฬิการุ่นเมื่อวันวานเอาไว้ แต่อัดแน่นมาพร้อมคุณสมบัติทางเทคนิคของคาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นเองโดยเฉพาะของ TUDOR ที่บอกเวลาเท่านั้น และการกันน้ำลึกถึง 200 ม. เฉกเช่นเดียวกับรุ่นต้นแบบ ขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ทิศทางเดียวนั้นไร้ซึ่งเครื่องหมายเส้นขีดจับเวลา สะท้อนถึงช่วงเวลาในยุคทศวรรษที่ 1950 ที่การดำน้ำแบบสกูบานั้นยังเพิ่งเริ่มต้น และ TUDOR ก็ได้รังสรรค์นาฬิกาสำหรับผู้ที่กล้าบ้าบิ่นพอที่จะท้าทายตัวเองด้วยกีฬาที่เพิ่งเริ่มเป็นที่นิยมนี้ หากแต่รายละเอียดแห่งสุนทรียภาพนั้นไม่ได้อยู่ที่ขนาดของตัวเรือนและขอบตัวเรือนแต่เพียงอย่างเดียว เข็มวินาทีมาในดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึงนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกๆ ของแบรนด์ในแบบรูปอมยิ้ม
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาการออกแบบให้มีความปลอดภัย และสะดวกสบายต่อการใช้งาน สำหรับเม็ดมะยมและขอบตัวเรือนที่ออกแบบใหม่โดยทั้งสองมาในสัดส่วนเช่นเดียวกับนาฬิการุ่นดั้งเดิม


BLACK BAY GMT

TUDOR เสริมทัพนาฬิกาตระกูล Black Bay GMT ด้วยหน้าปัดที่ดูแปลกใหม่ในสีโอพาลีน เข้ากันกับขอบตัวเรือนสีแดงเบอร์กันดี และสีน้ำเงินอันโดดเด่น มาพร้อมกับคาลิเบอร์ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเองอันเที่ยงตรงอีกด้วย

TUDOR Black Bay GMT รังสรรค์ขึ้นจากทุกองค์ประกอบที่ใช่ข้อแรกคือมาพร้อมฟังก์ชันแสดงเวลาหลายโซนที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง หรือที่เรียกว่าฟังก์ชัน GMT ซึ่งสามารถบอกเวลาในท้องถิ่น พร้อมทั้งสามารถบอกเวลาในอีกสองโซนเวลาได้อีกด้วยด้วยขอบตัวเรือนแบบหมุนได้อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีที่มาจากรูปแบบการใช้สีน้ำเงินเข้มและสีแดงเบอร์กันดีของนาฬิการุ่นอื่นๆ ในตระกูล Black Bay แต่มาในรูปแบบสีด้าน นับได้ว่า Black Bay GMT นั้นยังบ่งบอกถึงนาฬิกาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในยุคแรกๆ อีกด้วย วันนี้ TUDOR ได้เพิ่มตัวเลือกใหม่เอี่ยมกับหน้าปัดสีโอพาลีนที่ขับเน้นสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของ Black Bay GMT ได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว โอพาลีนไม่ได้เป็นสีขาวสนิท แต่ยังแต่งแต้มเฉดสีเงินจางๆ ให้กับหน้าปัด และยังตกแต่งผิวสัมผัสเทาขาวเนื้อด้านลงบนหน้าปัดด้วยการใช้กระบวนการกัลวาไนซ์ และเครื่องหมายบอกเวลารอบๆ ก็มีสีเข้มขึ้นเพื่อให้สีดูตัดกันชัดเจนยิ่งขึ้น นอกเหนือจากเป็นการหวนรำลึกถึงยุครุ่งเรืองของการบินเชิงพาณิชย์ช่วงกลางศตวรรษที่ผ่านมาแล้ว หน้าปัดสีโอพาลีนอันเปี่ยมเสน่ห์นี้ยังสามารถอ่านได้ง่ายอีกด้วย

TUDOR ROYAL

ด้วยสายนาฬิกาเหล็กแบบเป็นชิ้นเดียวกับตัวเรือน ขอบตัวเรือนแบบสลักร่องหรือประดับเพชร และกลไกลานอัตโนมัติ ทำให้นาฬิกาตระกูล TUDOR Royal มีทั้งความสปอร์ตและทันสมัยในตัว จึงเหมาะสมกับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ พร้อมกับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ และวันนี้ยังมาพร้อมตัวเลือกหน้าปัดที่น่าตื่นตาอีกสองแบบใหม่ นั่นคือ
สีน้ำตาลช็อกโกแลต และสีไลต์แซลมอน

TUDOR ได้เพิ่มตัวเลือกหน้าปัดของตระกูล Royal รุ่นยอดนิยม ได้แก่ หน้าปัดสีแซลมอน และสีน้ำตาลขัดเงาเรเดียล ซึ่งนำเสนอสุนทรียภาพอันลึกล้ำในสีสันที่แปลกใหม่เหนือความคาดหมาย นาฬิกาตระกูล Royal เสนอนาฬิกาที่มีความสปอร์ตและทันสมัย กับกลไกลานอัตโนมัติพร้อมสายนาฬิกาแบบเป็นชิ้นเดียวกับตัวเรือนในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ เช่นเดียวกับสุนทรียภาพอันพิถีพิถัน โดดเด่นด้วยสมรรถนะทางเทคนิคชั้นเลิศและสุนทรีภาพอันประณีต นาฬิกาในตระกูลนี้จึงรวมเอาทั้งความคลาสสิกและความสปอร์ตไว้ในตัว Royal เป็นชื่อที่ TUDOR นำมาใช้เป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1950 เพื่อตอกย้ำถึงคุณภาพที่เหนือระดับของนาฬิกา มีให้เลือกในแบบสายสแตนเลสสตีล หรือทองคำและสตีล โดยมีให้เลือกสี่ขนาดและหน้าปัดรวมสิบสามแบบให้เลือกเพื่อตอบโจทย์ทุกบุคลิก

ส่อง Airport Look เรียบโก้ของหนุ่ม ‘ไบร์ท วชิรวิชญ์’ ที่เตรียมบินลัดฟ้าร่วมชมโชว์ Burberry ณ ลอนดอน

พร้อมเดินทางสู่ลอนดอน! ส่อง Airport Look ของหนุ่มสุดเท่อย่าง ‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี’ หนึ่งใน Brand Ambassador ของแบรนด์สุดยูนีคอย่าง Burberry ที่เตรียมพร้อมออกเดินทางสู่ลอนดอน เข้าร่วมชมโชว์ Burberry ประจำฤดูกาล Autumn/Winter 2023 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 03:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) เราต้องมาติดตามกันครับว่า ลุคร่วมโชว์ของหนุ่มไบรท์ จะหล่อเพียงใด และคอลเล็กชั่นนี้จะสวยงามแค่ไหน แฟนๆ ต้องห้ามพลาดครับ!

 

Bright-Vachirawit Chivaaree

ประมวลภาพบรรยากาศสุดมันส์จากงาน Neon Countdown 2023

ผ่านไปแล้วกับงาน EDM สุดยิ่งใหญ่แห่งทวีปเอเชีย Neon Countdown ณ กรุงเทพเมืองคอนเสิร์ตที่กินเวลาถึง 3 วัน 3 คืนติดๆ กับทัพดีเจดังกว่า 30 ชีวิต โดยมีไฮไลท์เป็นดีเจมือหนึ่งของโลกอย่าง Martin Garrix

เรียกได้ว่าจัดเต็มแบบส่งท้ายปีหลังจากอัดอั้นจากการล็อคดาวน์มาอย่างเนิ่นนาน ไปชมประมวลภาพบรรยากาศพร้อมกันเลยครับ! 

Bulgari ฉลองเปิด ‘Bulgari Serpenti Light Up’ ครั้งแรกในไทย

บุลการี (Bulgari) ฉลองเปิด Bulgari Serpenti Light Up ครั้งแรกในไทย 

จัดเต็มการแสดงดอกไม้ไฟตลอดริมโค้งน้ำเจ้าพระยา 

รัศมียาวกว่า 2,000 เมตร  

บุลการี (Bulgari) ช่างอัญมณีแห่งโรมัน (Roman Jeweler) ปลุกสัมผัสแห่งความอัศจรรย์ และต้อนรับประสบการณ์ใหม่ของฤดูกาลแห่งวันหยุดด้วยมุมมองอันสดใส เพื่อค้นพบกับความสวยงามและเสน่ห์ในทุกๆ มิติของชีวิต จัดงาน Bulgari Serpenti Light Up ฉลองเปิดไฟคริสต์มาส เซอร์เพนติ เนคเลซ ไลท์ สตรัคเจอร์ (Serpenti Necklace Light Structure) ติดตั้งแบบฟรีสแตน-ดิ้ง ด้วยขนาดสูง 18.5 เมตร ซึ่งสูงที่สุดเท่าที่แบรนด์เคยทำมา โดยได้แรงบันดาลใจจาก เซอร์เพนติ เนคเลซ (Serpenti Necklace) สร้อยคองูอันเป็น ไอคอนิกของบุลการี และเป็นดั่งสัญลักษณ์ตลอดกาลของการถือกำเนิดใหม่ และ ความเชี่ยวชาญของ ช่างอัญมณีแห่งโรมัน ภายใต้แคมเปญใหม่ ฮอลิเดย์ ซีซัน 2022 (Holiday Season 2022) ในแนวคิด ไอ บีลีฟ อิน วันเดอร์ (I Believe in Wonder) และดื่มด่ำไปกับความสุขแห่งปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นได้ในทุกๆ วัน โดยได้จัดงานฉลองอย่างเป็นทางการ โดยมีเหล่าเซเลบริตี้ – ศิลปิน นักแสดงระดับท็อป นำโดย ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ ในฐานะ Friend of The House บุลการี เซ้าท์เอเชีย-แปซิฟิค พร้อมแขกพิเศษจากเกาหลีซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด มาร์ก ต้วน (Mark Tuan)

พร้อมด้วย เก้า-สุภัสสรา ธนชาต, มิน-พีชญา วัฒนามนตรี, พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร, สกาย-วงศ์รวี นทีธร, เต-ตะวัน วิหครัตน์, นิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ, บิว-จักรพันธ์ พุทธา, เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม, เจษ-เจษฎ์พิพัฒน์ ติละพรพัฒน์, อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์, มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ มาร่วมงาน ณ ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2565

สำหรับงาน Bulgari Serpenti Light Up ฉลองเปิดไฟคริสต์มาส ดีไซน์ เซอร์เพนติ เนคเลซ ในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟทางแบรนด์บุลการี (Bulgari) สร้างสรรค์ พิธีเปิดอันตระการตา ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดอกไม้ไฟตลอดริมโค้งน้ำเจ้าพระยา รัศมียาวกว่า 2,000 เมตร เป็นเวลากว่า 3 นาที ซึ่งเป็นการแสดงดอกไม้ไฟที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยมี ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงไฟเลเซอร์ การแสดงนาฏศิลป์ร่วมสมัยอันน่าจดจำ 

ไฮไลต์สูงสุดงาน อย่าง เซอร์เพนติ เนคเลซ ไลท์ สตรัคเจอร์ ประติมากรรมประดับไฟ เซอร์เพนติ สุดงดงามนี้ได้ติดตั้งด้วยไฟ LED ขนาดเล็กถึง 150,000 ดวงเรียงรายไปตามลำตัวของโครงสร้างรูปทรงงูขนาดใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 9 เดือนในการออกแบบและผลิต ทำให้ เซอร์เพนติ เนคเลซ ไลท์ สตรัคเจอร์ นี้เปล่งประกายความสว่างไสวด้วยจิตวิญญาณแห่งความล้ำเลิศ และเป็นดั่งตัวแทนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานซึ่งหล่อหลอมไว้ด้วยมรดกแห่งองค์ความรู้และความสามารถอันแสนพิเศษ รวมถึงงานหัตถศิลป์อันล้ำเลิศเข้าไว้ด้วยกัน มาพร้อมกับเซอร์ไพรส์พิเศษที่จะพาผู้ชมและผู้มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์แห่งความอัศจรรย์ ด้วยรูปแบบดิจิตัลอินเตอร์แอคทีฟ ให้ผู้ชมสามารถควบคุมแสงไฟ เซอร์เพนติ เนคเลซ ไลท์ สตรัคเจอร์ ได้ผ่านโปรแกรมที่มีอยู่ใน Line Official @BVLGARITH เพื่อให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมในการสัมผัสประสบการณ์ซึ่งขับเคลื่อนด้วยดิจิตัลไปกับประติมากรรมอันงดงามนี้ 

ร่วมสัมผัสความอัศจรรย์ เซอร์เพนติ เนคเลซ ไลท์ สตรัคเจอร์ ประติมากรรมประดับไฟ พร้อมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม 

ส่องหนุ่มๆ ที่ไปงาน Cartier ว่าใครใส่ไอเท็มเด็ดชิ้นไหน

ส่องแฟชั่นคนดังจากงานปาร์ตี้ Clash de Cartier
เผยเสน่ห์เฉพาะตัวด้วยเครื่องประดับจากคอลเลคชั่น Clash de Cartier
เครื่องประดับสะท้อนหลากหลายสไตล์

คาร์เทียร์ (Cartier) ชวนส่องลุคเครื่องประดับจากงานปาร์ตี้ Clash de Cartier ปาร์ตี้สุดอลังการครั้งใหญ่แห่งปีของคาร์เทียร์ เพื่อเปิดตัวคอลเลคชั่นแคลช เดอ คาร์เทียร์ (Clash de Cartier) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่ครองโลกโซเชียลของทุกคนไปเมื่อไม่นานมานี้ ผ่าน #ClashdeCartier ปาร์ตี้นี้นับเป็นอีเวนท์ครั้งสำคัญของวงการแฟชั่นที่พรั่งพร้อมไปด้วยเซเลบริตี้ทั่วฟ้าเมืองไทย ทุกคนเผยเสน่ห์และสไตล์ของตัวเอง ถ่ายทอดผ่านเครื่องประดับจากคอลเลคชั่นแคลช เดอ คาร์เทียร์ ได้อย่างลงตัว

แคลช เดอ คาร์เทียร์ (Clash de Cartier) เครื่องประดับเครื่องประดับยูนิเซ็กซ์ที่มาพร้อมกับดีไซน์ร่วมสมัยและสะท้อนสไตล์ได้หลากหลาย โดยนำความงดงามของชิ้นงานในอดีตผสานเข้ากับความร่วมสมัยของห้วงเวลาปัจจุบัน รังสรรค์เป็นเครื่องประดับชิ้นไอคอนิคแห่งอนาคต เกิดเป็นความสมดุลของสไตล์อันแตกต่างแต่คลาสสิก นำเสนอผ่านองค์ประกอบสำคัญอย่าง หมุดสตั๊ด ลูกปัด และหมุดจัตุรัสทรงโดมหรือหมุดคลู คาเร่ต์ (Clous Carrés) ที่สะท้อนเจตคติสไตล์พังค์ประจำคอลเลคชั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ได้กับทุกลุค ไม่ว่าจะเป็นลุคโฉบเฉี่ยวในวันพิเศษ หรือเติมเต็มความเรียบหรูกับ Everyday Look ในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ กำไลข้อมือ แหวนหรือต่างหู ที่มีทั้งตัวเรือนแบบโรสโกลด์และไวท์โกลด์ นับว่าเป็นเครื่องประดับที่เปี่ยมด้วยความสมดุลแห่งการออกแบบผสานรหัสความงามชั้นสูงแห่งคาร์เทียร์อย่างแท้จริง


ประเดิมลุคแรกด้วยดาวเด่นของงาน แจ็กสัน หวัง ศิลปินหนุ่มชื่อดังมากความสามารถและแบรนด์แอมบาสเดอร์ของคาร์เทียร์ เพิ่มลูกเล่นให้กับลุคเรียบหรูด้วยกำไลข้อมือ Clash de Cartier และสร้อยคอ Clash de Cartier ผสานความแตกต่างอย่างลงตัวของตัวเรือนโรสโกลด์เคียงคู่กับออนิกซ์ได้เป็นอย่างดี

Clash de Cartier Bracelet ราคา 740,000.-
Clash de Cartier Necklace ราคา 525,000.-

จัดเต็มความเท่ห์ให้กับลุคสวยหรู ของคิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส Friend of the Maison ของคาร์เทียร์ ประเทศไทย ด้วยเครื่องประดับสไตล์ Oversized จากคอลเลคชั่น Clash de Cartier อย่างแหวน Clash de Cartier XL, กำไลข้อมือ Clash de Cartier XL, สร้อยคอ Clash de Cartier XL และต่างหู Clash de Cartier ที่ประดับด้วยหมุดจัตุรัสทรงโดมหรือ Clou Carré แบบแถวคู่ ให้ลุคหรูหราดูแตกต่างกว่าเคย

Clash de Cartier Ring XL Model ราคา 325,000.-
Clash de Cartier Bracelet XL Model ราคา 945,000.-

Clash de Cartier Earrings ราคา 249,000.-
Clash de Cartier Necklace XL Model ราคา 2,180,000.-

เพิ่มความร็อคแอนด์โรลให้กับมาดเข้มของ บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ด้วยกำไลข้อมือ Clash de Cartier ตัวเรือนไวท์โกลด์และโรสโกลด์พร้อมด้วยแหวน Clash de Cartier ตัวเรือนไวท์โกลด์ เคียงคู่มากับ พีพี – กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ที่เสริมลุคเรียบหรูด้วยเครื่องประดับแคลช เดอ คาร์เทียร์หลากหลายชิ้น ได้แก่ สร้อยคอ Clash de Cartier, กำไลข้อมือ Clash de Cartier ตัวเรือนไวท์โกลด์ และต่างหู Clash de Cartier โรสโกลด์ ขนาดเล็ก และแหวน เติมความเปรี้ยวได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นการจับคู่สองสไตล์ แตกต่างอย่างลงตัว

Clash de Cartier Bracelet Medium Model ราคา 316,000.-
Clash de Cartier Bracelet Medium Model ราคา 339,000.-
Clash de Cartier Ring Medium Model ราคา 119,000.-


Clash de Cartier Ring Medium Model ราคา 111,000.-
Clash de Cartier Necklace Small Model ราคา 86,000.-

Clash de Cartier Earrings Small Model ราคา 140,000.-

Clash de Cartier Bracelet Medium Model ราคา 339,000.-

เติมความพังค์ให้กับลุค White on White ของ ต่อ – ธนภพ ลีรัตนขจร ด้วย Clash de Cartier ไวท์โกลด์ทั้งลุค ทั้งสร้อยคอและสร้อยข้อมือ และแหวน Clash de Cartier ให้ลุคเรียบง่าย เปล่งประกายอย่างโดดเด่นในค่ำคืนพิเศษ

Clash de Cartier Necklace Flexible Medium Model ราคา 700,000.-
Clash de Cartier Bracelet Flexible Medium Model ราคา 316,000.-

Clash de Cartier Ring Medium Model ราคา 119,000.-


เสริมความน่าค้นหาให้กับหนุ่มฮอตสายแฟ เจเจ – กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม ที่มาพร้อมกับสไตล์ไอคอนิค ประจำตัวด้วยต่างหู Clash de Cartier ตัวเรือนโรสโกลด์ แมทช์ไปกับกำไลข้อมือ และแหวน Clash de Cartier ขนาด small และ medium ตัวเรือนไวท์โกลด์

Clash de Cartier Bracelet Medium Model
ราคา 339,000.-
Clash de Cartier Ring Medium Model
ราคา 119,000.-
Clash de Cartier Ring Small Model
ราคา 82,500.-
Clash de Cartier Single earring
ราคา 95,500.-

อัพเลเวลความเท่ห์ให้กับลุคหวานๆ ของ แอลลี่ – อชิรญา นิติพน ด้วย แหวน Clash de Cartier กำไลข้อมือ Clash de Cartier และสร้อยคอ Clash de Cartier โรสด์โกลด์ ทั้งสามไอเท็มมีให้เลือกแบบ Small Model ช่วยเติมเต็มลุคอ่อนโยนให้ดูมีลูกเล่นมากกว่าเคย

Clash de Cartier Ring Small Model ราคา 77,000.-
Clash de Cartier Bracelet Small Model ราคา 240,000.-
Clash de Cartier Necklace Small Model ราคา 86,000.-

เพิ่มความเร้าใจและเสริมความสนุกให้กับ ไอซ์ – พาริส อินทรโกมาลย์สุต ด้วยการจับคู่สร้อยข้อมือ Clash de Cartier และแหวน Clash de Cartier ในตัวเรือนไวท์โกลด์และโรสโกลด์ เลเยอร์คู่สีที่แตกต่างเข้ากันได้อย่างลงตัว

Clash de Cartier ring Medium Model ราคา 111,000.-

Clash de Cartier ring Medium Model ราคา 119,000.-

C

Clash de Cartier bracelet, flexible Medium Model ราคา 316,000.-

Clash de Cartier bracelet, flexible Medium Model ราคา 294,000.-

เต็มเติมลุคสุดสมาร์ทของ พลอย – เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ด้วยกำไลข้อมือ Clash de Cartier และสร้อยคอ Clash de Cartier และสร้างความสนุกขึ้นด้วยการใส่แหวน Clash de Cartier สองขนาดทับซ้อนกันเป็นเลเยอร์ เครื่องประดับแคลช เดอ คาร์เทียร์ในตัวเรือนโรสโกลด์ช่วยคอมพลีตลุคเรียบๆ ให้สมบูรณ์แบบกว่าเคย

Clash de Cartier Ring Small Model ราคา 77,000.-
Clash de Cartier Bracelet Medium Model
ราคา 316,000.-
Clash de Cartier Hoop Earrings Small Model
ราคา 271,000.-
Clash de Cartier Ring ราคา 170,000.-

เติมเต็มความร้อนแรงให้กับเดรสสุดฮอตของ เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร ด้วยสร้อยคอ Clash de Cartier แบบหมุดรอบตัวเรือน, กำไลข้อมือ Clash de Cartier และแหวน Clash de Cartier ทั้งหมดในตัวเรือนไวท์โกลด์ ตัดกับสีขาวของชุดและช่วยขับผิวให้สว่างขึ้นได้เป็นอย่างดี

Clash de Cartier Ring Medium Model ราคา 111,000.-
Clash de Cartier Bracelet Medium Model
ราคา 316,000.-
Clash de Cartier Necklace Flexible Medium Model ราคา 655,000.-

จะเห็นได้ว่า เครื่องประดับคอลเลคชั่นแคลช เดอ คาร์เทียร์ (Clash de Cartier) คือเครื่องประดับร่วมสมัยที่สะท้อนสไตล์ได้หลากหลาย ปราศจากกฎตายตัว ไม่ว่าจะเติมเต็มลุคเรียบหรู อ่อนหวาน หรือสมาร์ท โดยมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แหวน ต่างหู กำไลข้อมือและสร้อยคอ จับคู่เติมแต่งลุคต่างๆ ให้โดดเด่น แตกต่าง และโฉบเฉี่ยวกว่าเคย
คาร์เทียร์ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์ของ Clash de Cartier อย่างใกล้ชิด ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน วันที่ 17 – 28 สิงหาคม 2565 สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เวลา 11.00 – 19.00 น. (เฉพาะวันที่ 17 ส.ค. เปิดให้เข้าชมเวลา 16.30 – 19.00 น.และมีช่วงเวลาปิดให้เข้าชมดังนี้ 19 ส.ค. เวลา 11.00-12.30 น. และ 13.00 – 14.30 น. / 20 ส.ค. เวลา 11.00-12.30 น.)
#ClashdeCartier #CartierThailand
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาร์เทียร์ โปรดเยี่ยมชม www.cartier.com/th-th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Cartier Thailand
LINE Official Account @CartierTH หรือสแกน QR Code

Annual Christmas Lighting Ritual Concertini.

งานเปิดไฟต้นคริสต์มาสประจำปี ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ สัมผัสมนต์เสน่ห์ของเทศกาลคริสต์มาสและความบันเทิงที่คัดสรรมาเพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินและน่าจดจำ ช่วงเวลามหัศจรรย์แห่งปีที่ซึ่งล็อบบี้ถูกประดับประดาอย่างสวยงามโดยได้รับแรงบันดาลใจจากดินแดนแห่งฤดูหนาวในยุโรป

ตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสขนาดมหึมา รายล้อมด้วยหมู่บ้านซานตาคลอสขนาดจำลองที่ทำจากขนมปังขิง และขบวนรถไฟจำลองส่งเสียงร้อง ชู ชู มองแล้วชวนเพลิดเพลิน ขอเชิญร่วมกิจกรรมในช่วงเทศกาล ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ พบกับซานตาคลอสและการแสดงที่จะสร้างความประทับใจให้กับท่านไปตลอดกาล

ดำเนินรอยตามประเพณีและวัฒนธรรมตามแบบฉบับยุโรปของแบรนด์เคมปินสกี้ ทางโรงแรมฯ มีความยินดีและตั้งใจในการมอบประสบการณ์พิเศษให้กับแขกผู้มีเกียรติที่ต่างตั้งตารอการเฉลิมฉลอง พร้อมทั้งยังสนับสนุนเยาวชนที่มีพรสวรรค์ เพื่อขับร้องบทเพลงคริสต์มาสประสานเสียงและโชว์การแสดงบัลเล่ต์อันสง่างาม เพื่อสร้างสีสันและมอบความบรรเทิงให้กับทุกท่านด้วย

สืบเนื่องจากความสำเร็จของปีที่ผ่านมา โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ได้จัดงานเปิดไฟต้นคริสต์มาสอีกครั้ง เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564 พิธีการเริ่มต้นด้วยการจุดเทียนตามประเพณีของเคมปินสกี้ โดย ‘เลดี้ อิน เรด’ แบรนด์ แอมบาสเดอร์ของโรงแรมฯ เพื่อสื่อถึงการเฉลิมฉลอง ตามด้วยการนับถอยหลังและเปิดไฟต้นคริสต์มาสที่อย่างเป็นทางการโดย มร. ริชาร์ด เชสตัค ผู้อำนวยการใหญ่ ของโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ทีมงานและแขกผู้มีเกียรติ

โปรแกรมความบันเทิงของค่ำคืน เริ่มต้นด้วยการแสดงคริสต์มาสคอนเสิร์ตตินีจากเยาวชนนักขับร้องประสานเสียงจาก‘สถาบันจินตะดนตรีคาไว’ (Kawai Music Institute) ตามด้วยการแสดงบัลเล่ต์ตอน ‘เดอะ นัทแครกเกอร์’ (The Nutcracker) จากบทประพันธ์สุดคลาสสิกของ มร. ปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี แสดงโดยนักเต้นบัลเล่ต์รุ่นเยาว์จาก‘บางกอก ซิตี้ บัลเล่ต์’ (Bangkok City Ballet) และปิดท้ายด้วยการมาเยือนของซานตาคลอส ที่มาพร้อมของขวัญเพื่อส่งมอบความสุขให้แก่เด็กๆ ในล็อบบี้ที่ประดับประดาด้วยต้นคริสต์มาสช่วงฤดูหนาวในยุโรปสีทองหรูหรา สูงโอ่อ่าตระการตากว่า 10 เมตร เป็นฉากหลังอันแสนสวยงามให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านได้ถ่ายภาพกันอย่างน่าประทับใจ

สำหรับวันคริสต์มาส อีฟ ในวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 พบกับการขับร้องประสานเสียง ตามด้วยการแสดงบัลเล่ต์ตอน ‘เดอะ นัทแครกเกอร์’ (The Nutcracker) และขอพรจากซานตาคลอสที่ล็อบบี้ ตั้งแต่เวลา 18:00 ถึง 19:00 น.

ทุกสุดสัปดาห์ในเดือนธันวาคม พบกับการแสดงบัลเล่ต์ตอน ‘เดอะ นัทแครกเกอร์’ (The Nutcracker) ที่ล็อบบี้ เวลา 14:45 น. และ 15:45 น.

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ kempinski.com/en/bangkok/siam-hotel/restaurants-and-bars/festive-season-2021/ โทร. 02 162 9000 หรืออีเมล dining.siambangkok@kempinski.com หรือติดต่อ LINE @SiamKempinskHotel

Reserve experience by the sea.

ก่อนที่เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย จะเปิดประตูต้อนรับทุกท่านในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เรามารู้จักคำนิยามใหม่แห่งความหรูหราแบบเป็นส่วนตัวที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งมอบประสบการณ์การพักผ่อนสุดพิเศษ  “รีเซิร์ฟ” ไว้เฉพาะคุณ ณ มุมสงบปลายหาดเฉวงอันน่าหลงใหลของเกาะสมุย ด้วยตัวสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลแวดล้อมไปด้วยสวนสวยสไตล์สวนเมืองร้อน ที่นี่คือจุดหมายใหม่สุดพิเศษสำหรับคุณ ในโอกาสนี้มีข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับคุณ อ่านได้ในตอนท้ายบทความนี้

เรามาดู 5 สิ่งสุดพิเศษที่ทางรีสอร์ทหรูหราแห่งนี้จะมอบประสบการณ์วันพักผ่อนให้กับคุณ

1.ที่ตั้งของรีสอร์ทแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเกาะสมุย

2.เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย นำเสนอห้องพักระดับหรู 184 ห้อง รวมทั้งพูลสวีท และพูลวิลล่าติดชายหาด พร้อม 6 ห้องอาหารและบาร์ที่มีความโดดเด่น รีสอร์ทยังมีกิจกรรมมากมายที่เหมาะกับนักเดินทางทุกท่าน

3.ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของรีเซิร์ฟ สปา เซ็นวารี แห่งแรกของโลกที่มาพร้อมสวนสปาสมุนไพรออร์แกนิค และฟิตเนสเซ็นเตอร์ที่พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายล้ำสมัย สระว่ายน้ำวิวทะเลที่สวยสมบูรณ์แบบ 

4.ประสบการ์แบบ Reserve สุดเอ็กซ์ครูซีฟไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใช่จุดหมายของการจัดงานหรือเป็ฯสถานที่สำหรับการจัดประชุมหลากหลายรูปแบบ ที่นี่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการประสบการณ์เหนือระดับทุกประเภท 

6.การลิ้มรสอาหารรสเลิศเป็นหัวใจสำคัญของประสบการณ์ที่เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย ผ่านห้องอาหารและบาร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้ง 6 ร้าน สนุกไปกับบรรยากาศหรูหราแต่เรียบง่ายที่บีชบาร์ริมชายหาดแห่งใหม่ล่าสุดบนเกาะสมุย ไปจนถึงการรับประทานอาหารแนวโมเดิร์นที่ยังคงรสชาติต้นตำรับ หรือจะเลือกจิบค็อกเทลผสมเหล้าจินที่รังสรรค์มาเป็นพิเศษ ณ จินบาร์

5.เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย ยังเป็นรีสอร์ทที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการงดใช้พลาสติก การติดตั้งระบบผลิตน้ำดื่มบริสุทธิ์และน้ำดื่มอัดแก๊สบรรจุขวดในบริเวณรีสอร์ท นอกจากนี้ยังมีการแปรรูปเศษอาหารเป็นก๊าซชีวภาพเพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงเสริมภายในครัวของรีสอร์ทอีกด้วย

แล้วประสบการณ์แบบ Reserve นั้นจะเป็นเช่นไร เรามาดูแบบฉบับการให้บริการของรีเซิร์ฟ 4 ประการ เริ่มจาก Reserve Time “ช่วงเวลาอันล้ำค่าในแบบฉบับเฉพาะคุณ” อิสระในการเลือกเวลาเช็คอินและเช็คเอาท์เพื่อให้คุณพักผ่อนได้เต็มที่ตามใจปรารถนา หรือเลือกเวลารับประทานอาหารเช้าสุดโปรดในไทม์โซนของคุณเอง

Reserve Space “สถานที่ที่รังสรรค์มาเพื่อคุณ” มุมต่างๆในรีสอร์ทถูกปรับแต่งให้เหมาะกับทุกช่วงเวลาพิเศษของคุณ เช่น อาหารกลางวันเสิร์ฟในรูปแบบของปิคนิคสุดโรแมนติกบนชายหาดส่วนตัว หรือเนรมิตระเบียงห้องสวีทให้เป็นงานปาร์ตี้ค็อกเทลส่วนตัวสำหรับคุณและเพื่อนๆ

ในขณะที่ Reserve Culture “สัมผัสกลิ่นอายท้องถิ่น” เสมือนตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแขกผู้เข้าพักกับวัฒนธรรมท้องถิ่น เริ่มจากการต้อนรับแบบวิถีไทยด้วยการลอยดอกดาวเรืองภายในสระน้ำบริเวณล็อบบี้ ซึ่งเป็นการสื่อถึงความสุข ความเบิกบานใจ และความโชคดี นอกจากนี้มุมค็อกเทลในห้องพักเพียบพร้อมด้วยสูตรและส่วนผสมของเครื่องดื่มที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกาะสมุย

Reserve Touch “ความสุขของคุณคือทุกความใส่ใจของเรา” สะท้อนถึงการให้บริการแบบเฉพาะตัวและเหนือความคาดหมาย นับตั้งแต่การให้บริการบัตเลอร์ส่วนตัว “รีเซิร์ฟโฮสต์” จนถึงอภินันทนาการถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพความประทับใจของแขกขณะที่พักอยู่ในรีสอร์ท หรือการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักเล่าเรื่องประจำรีเซิร์ฟที่ยินดีให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรีสอร์ทและท้องถิ่นเกาะสมุยอีกด้วย

ทีนี้เรามาดูควาหมายของการใช้ชีวิตแบบรีเซิร์ฟ ”Reserve Living”
เรามาดูสิ่งที่ซ่อนอยู่ในดีไซน์อันสวยงามของเซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย ออกแบบโดยบริษัทการออกแบบ อาฟโรโค่ (AvroKO) ที่ได้รับรางวัลมาหลายเวที ด้วยการนำความหรูหราตามสไตล์คลาสสิคโคโลเนียลผสานไปกับการตกแต่งแบบร่วมสมัย เกิดเป็นฉากหลังที่สวยงามเหมาะแก่การ
สรรค์สร้างช่วงเวลาอันควรค่าแก่การตรึงไว้ในความทรงจำ โดยมีห้องพักหรู 184 ห้อง รวมทั้งพูลสวีท และพูลวิลล่าติดชายหาด ตกแต่งผสมผสานองค์ประกอบแบบไทยเข้ากับความร่วมสมัย โดยวิวจากแต่ละห้องจะแตกต่างกันไประหว่างวิวสวนทรอปิคอลและวิวท้องทะเลอันงดงาม รวมไปถึงพื้นที่ระเบียงที่กว้างขวาง เพียบพร้อมไปด้วยของใช้ส่วนตัวของทั้งคุณผู้หญิง คุณผู้ชาย และคุณหนูๆ ที่จัดเตรียมไว้ให้ตามความต้องการของแขกแต่ละท่าน และยังมีนาฬิกาที่ช่วยให้การนอนหลับของคุณเป็นการพักผ่อนอย่างดียิ่งขึ้น (Sleep Therapy Clock) ถูกจัดเตรียมไว้ให้ในห้องพักอีกด้วยห้องรีเซิร์ฟ โอเชียน สวีท ให้พื้นที่การพักผ่อนที่มากขึ้น ในขณะที่ห้องพักติดสระน้ำ และพูลสวีทมาพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัวเพิ่มความสดชื่นให้กับการพักผ่อน อีกทั้งรีเซิร์ฟ โอเชียน พูลวิลล่า ริมหาดทรายขาว มีขนาดกว้างขวางถึง 501
ตารางเมตร ห้องสวีทและวิลล่าทุกๆ ห้อง ยังมาพร้อมบริการบัตเลอร์ส่วนตัว รีเซิร์ฟโฮสต์ อีกด้วย

Reserve Gastronome “ประสบการณ์ลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มสไตล์รีเซิร์ฟ”
อาหารหลากหลายซึ่งปรุงจากวัตถุดิบชั้นยอดของท้องถิ่นและความเพลิดเพลินในการลิ้มรสอาหารเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์ประสบการณ์ของเซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย ผ่านห้องอาหารและบาร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้ง 6 ร้าน สนุกไปกับบรรยากาศหรูหราแต่เรียบง่ายที่บีชบาร์ริมชายหาดแห่งใหม่ล่าสุดบนเกาะสมุย ไปจนถึงการรับประทานอาหารแนวโมเดิร์นที่ยังคงรสชาติต้นตำรับ หรือจะเลือกจิบค็อกเทลผสมเหล้าจินที่รังสรรค์มาเป็นพิเศษ ณ จินบาร์
Act 5 ห้องอาหารที่เป็นส่วนตัว ให้บรรยากาศราวกับการชมการแสดงเหนือระดับ โดยมีอาหารประจำฤดูกาลแนวร่วมสมัยเป็นตัวเอก เสิร์ฟมาอย่างมีสไตล์ตกแต่งจานด้วยสมุนไพรสดที่เก็บมาจากสวนของรีสอร์ท แขกสามารถรับชมการแสดงชั้นครูผ่านรสชาติ การตกแต่ง และขั้นตอนการเสิร์ฟอาหารได้อีกด้วย

Salt Society ร้านอาหารและ บีชบาร์ เสิร์ฟทั้งอาหารประเภทซีฟู้ด เครื่องดื่มที่รังสรรค์มาเป็นพิเศษเคล้าจังหวะเพลงฟังสบาย พลาดไม่ได้กับซันเดย์บรันช์ อิ่มอร่อยพร้อมวิวทะเลที่สวยไม่แพ้กัน

Sa-Nga หรือ “สง่า” ในภาษาไทย เสิร์ฟอาหารแนวทาปาสสไตล์ไทยที่มาพร้อมรสชาติ
ต้นตำรับที่แสนอร่อยปรุงแต่งในแบบสมัยใหม่โดยมาสเตอร์เชฟที่รังสรรค์จานพิเศษจากครัวเปิด
The Terrace ได้แรงบันดาลใจมาจาก Piazza ลานกว้างในประเทศอิตาลี มาพร้อมอาหารนานาชาติจากทั่วทุกมุมโลก ในขณะที่ Pool Bar มุมยอดนิยมของรีสอร์ทก็เหมาะแก่การนอนแช่น้ำและชมวิวเกาะที่สวยราวภาพวาด หรือนั่งผ่อนคลายริมสระพร้อมจิบเครื่องดื่ม รวมถึงครีเอทีฟค็อกเทล และอาหารทานเล่น

บรรยากาศมีระดับรอให้คุณมาค้นพบที่ The Gin Run นำเสนอจินหลากหลายสูตรเฉพาะ รวมไปถึงเมจิครีเซิร์ฟจิน ที่รังสรรค์โดยทีมมิกซ์โซโลจิสต์ที่เปี่ยมไปด้วยเทคนิคล้ำสมัยของเรา
Kitchen Table อีกขั้นแห่งประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบส่วนตัวนี้ เปิดโอกาสได้ชมเหล่าเชฟมากฝีมือประกอบอาหารพร้อมลิ้มลองรสชาติ ณ ใจกลางครัวหลักของรีสอร์ท ด้วยอิสระในการเลือกรับประทานอาหารได้ทุกที่ทุกเวลา แขกผู้เข้าพักสามารถเลือกศาลาสุดโปรดในการจัดบาร์บีคิวสำหรับคุณและครอบครัว ชุดปิคนิคริมชายหาด ไปจนถึงบาร์บีคิว สุดชิค และมื้ออาหารเย็นแสนโรแมนติคใต้แสงเทียนในสวนสวย


Reserve Wellbeing “สุขภาพดีแบบรีเซิร์ฟ”
รีเซิร์ฟ สปา เซ็นวารี แห่งแรกของโลก มอบประสบการณ์การบำบัดผ่อนคลายพร้อมสวนสปาสมุนไพร ที่ซึ่งเทอราปิสต์ผู้เชี่ยวชาญจะพาแขกไปเลือกเก็บส่วนผสมสำหรับใช้ในแต่ละทรีทเมนต์ด้วยตัวเอง โดยนำสมุนไพรที่เก็บมาผสมกับน้ำมันและโคลนเพื่อใช้ในสปาทรีทเมนต์ ให้ผลลัพธ์ในการปลอบประโลมและบ่มเพาะรากฐานของการมีสุขภาพดี ห้องทรีทเมนต์ทั้ง 7 ห้อง ประกอบไปด้วยห้องอบไอน้ำและห้องซาวน่า เมนูสปาแบบออร์แกนิค 100 เปอร์เซ็นต์นั้นครอบคลุมขั้นตอนการบำรุงผิว การขัดผิว และการดูแลผิวด้วยการพันร่างกายโดยผลิตผลจากสวนสมุนไพรธรรมชาติตามด้วยการเสิร์ฟอาหารว่างและเครื่องดื่มออร์แกนิคที่เข้าคู่กัน
สปา เซ็นวารี ให้บริการโดยทีมงานที่ได้รับรางวัลมาหลายเวที มีชื่อเสียงในการส่งมอบประสบการณ์สปาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาสตร์การบำบัดแผนไทย โดยมีสาขาครอบคลุมกว่า 35 สาขา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง
เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย ยังมีฟิตเนสเซ็นเตอร์ชั้นเลิศที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และศาลาโยคะที่แขกผู้เข้าพักสามารถมาใช้บริการเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ใจ และจิตวิญญาณ

ประสบการณ์และกิจกรรมแบบรีเซิร์ฟ
เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย ครอบคลุมพื้นที่บนชายหาดที่ยาวที่สุดของเกาะสมุย เป็นดั่งสื่อกลางในการเชื่อมต่อกับวิถีชีวิตท้องถิ่น พร้อมยกระดับประสบการณ์การเข้าพักผ่านวัฒนธรรมแบบไทย อาทิ กิจกรรมการเดินเล่นชมตลาดกับเชฟพื้นถิ่น รวมถึงชั้นเรียนการทำอาหาร งานศิลปะ งานฝีมือ กิจกรรมการตกปลาตอนกลางคืน การเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บนเกาะ รวมไปถึงการอาบแดดรับแสงอาทิตย์ริม 3 สระว่ายน้ำอันสวยงามของรีสอร์ท ซึ่งมีสระหนึ่งที่สำรองไว้สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
สำหรับนักเดินทางรุ่นเยาว์ ก็สามารถสนุกไปกับคลับส่วนตัวที่ไร้การรบกวนจากเทคโนโลยี เลือกเพลิดเพลินไปกับสวนน้ำ หรือร่วมทำกิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการ เช่น การระบายสีผ้าบาติก กีฬามวยไทย ชั้นเรียนทำอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเชฟและมิกซ์โซโลจิสรุ่นจิ๋ว

งานเลี้ยงและงานเฉลิมฉลอง
สมุยคือจุดหมายปลายทางในฝันสำหรับการเฉลิมฉลอง นับตั้งแต่งานแต่งงานบนเกาะ งานฉลองครบรอบแต่งงาน และการทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน รวมทั้งทริปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ รีสอร์ทแห่งนี้เป็นฉากหลังสุดสมบูรณ์แบบสำหรับการเฉลิมฉลองช่วงเวลาสำคัญต่างๆ ของชีวิตโดยมีสถานที่จัดงานมากมายทั้งแบบในห้องประชุมและหลายพื้นที่ภายในบริเวณรีสอร์ท ตั้งแต่ชายหาด สวนสวย พื้นที่ริมสระว่ายน้ำ วิลล่า เราพร้อมเนรมิตรทุกพื้นที่ให้เป็นงานเฉลิมฉลองสำหรับแต่ละก้าวสำคัญของชีวิต

นิยามแรกกับข้อเสนอสุดพิเศษ
มาร่วมค้นพบจุดหมายปลายทางสุดพิเศษและเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ระดับโลกที่รังสรรค์มาเฉพาะคุณจาก 3 ข้อเสนอพิเศษนี้ เมื่อสำรองห้องพักภายใน 31 ธันวาคม 2564 เพื่อเข้าพักวันที่ 1 ธันวาคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 ทุกข้อเสนอรวมมินิบาร์และค็อกเทลสเตชั่นในห้องพร้อมเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวจัดเติมให้ทุกวัน อภินันทนาการเข้าพักสำหรับเด็กสองคน ส่วนลดค่าอาหาร 10 เปอร์เซ็นต์ และส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการใช้บริการสปาและบริการซักรีดอีกด้วย
ข้อเสนอพิเศษ Reserved for You รวมอาหารเช้า การอัพเกรดห้องพัก การเข้าพักได้ตั้งแต่ 8:00 น. และการขยายเวลาเข้าพักได้ถึงเวลา 20:00 น. เซอร์ไพรส์ประจำวัน อภินันทนาการมินิบาร์จัดเติมทุกวัน ราคาเริ่มต้นที่ 5,900++ บาทต่อห้องต่อคืน
ข้อเสนอพิเศษ Reserved for Longer อภินันทนาการสิทธิห้องพักฟรีหนึ่งคืนต่อการเข้าพักทุกๆ สองคืน รวมอาหารเช้า ทุกวัน ไวน์ 1 ขวด เซอร์ไพรส์ประจำวัน การเข้าพักได้ตั้งแต่เวลา 8:00 น. และการขยายเวลาเข้าพักได้ถึงเวลา 20:00 น. อภินันทนาการมินิบาร์จัดเติมทุกวัน ราคาเริ่มต้นที่ 14,800++ บาทต่อการเข้าพักสามคืน
สำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์เข้าพักแบบหรูหราอีกระดับ เชิญเลือกรับข้อเสนอ The Suite & Villa Reserve Experience ที่มาพร้อมรีเซิร์ฟโฮสต์คอยให้บริการตามความต้องการ โดยแพ็กเกจนี้จะรวมรถรับส่งจากสนามบิน แชมเปญ 1 ขวด การเข้าพักได้ตั้งแต่เวลา 8:00 น. และการขยายเวลาเข้าพักได้ถึงเวลา 20:00 น. อาหารเช้าทุกวัน เซอร์ไพรส์ประจำวัน ชุดอาหารว่างและเครื่องดื่มยามบ่าย อภินันทนาการมินิบาร์จัดเติมทุกวัน ทริปชมสวนสมุนไพรและสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ราคาเริ่มต้นที่ 13,200++ บาท สำหรับการเข้าพักสองคืนในห้องรีเซิร์ฟพูลสวีทและห้องพักประเภทที่สูงกว่า
พิเศษ สมาชิกเซ็นทาราเดอะวันรับส่วนลดพิเศษ 15 เปอร์เซ็นต์ คะแนนโบนัส 3 เท่า เมื่อจองแพ็คเกจ The Suite & Villa Reserve Experience หรือคะแนนโบนัส 2 เท่า เมื่อจองข้อเสนอพิเศษ Reserved for You และ Reserved for Longer
เพลิดเพลินกับการผ่อนคลายกายและใจไปกับการเข้าพักที่เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย ด้วยมาตรการความปลอดภัยและมาตรการรับรองทางสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดของเซ็นทารา คอมพลีท แคร์
ข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพัก ติดต่อได้ที่ โทร. +66 (0) 77230500 อีเมล์ crs@chr.co.th เว็บไซต์ https://www.centarahotelsresorts.com/reserve/crs/promotion/
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย ได้ที่ www.centarahotelsresorts.com/reserve/crs/ Facebook   Instagram

Welcome back to Lord Jim’s.

หลังจากปิดตัวไประยะหนึ่งด้วยสถานการณ์โควิด 19 ห้องอาหารลอร์ด จิมส์ (Lord Jim’s Restaurant) โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ได้กลับมาเปิดประตูต้อนรับทุกๆ ท่านอีกครั้งกับการปรับปรุงโฉมห้องนี้ใหม่ที่สวยงาม รวมทั้งบุฟเฟ่ต์ที่เป็นที่กล่าวขานจนเป็นภาพลักษณ์ของห้องอาหารนี้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ใครที่คิดถึงโรสต์บีฟที่มาพร้อมยอร์คเชียร์พุดดิ้งหรือซุปล็อบสเตอร์บิสค์ที่เป็นเมนูยอดนิยม รวมทั้งอาหารทะเลสดๆ ในแบบยุโรปและญี่ปุ่นต้องแวะมา

ปีนี้เป็นปีที่ 46 ที่ห้องอาหารลอร์ด จิมส์นำเสนอบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันอันเป็นที่กล่าวขานของกรุงเทพฯ ซึ่งการกลับมาอีกครั้งนี้ก็ต้องให้ยิ่งใหญ่สมกับที่ทุกคนคิดถึง โดยแบ่งเป็นรายการบุฟเฟ่ต์สำหรับวันจันทร์-ศุกร์(80 รายการ) และบุฟเฟ่ต์วันเสาร์ -วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์(100 รายการ) ที่มีรายการอาหารแตกต่างกัน โดยรายการอาหารยอดนิยมต่างๆ จะมียืนพื้น เพียงแต่วันหยุดนั้นจะเพิ่มอาหารทะเลระดับพรีเมียมรวมทั้งแคนนาเดี่ยนล็อบสเตอร์ ปูยักษ์จากฮฮกไกโด หอยนางรมจากฝรั่งเศส ตับห่านรสเลิศจากฝรั่งเศสเสิร์ฟพร้อมซอสมะม่วงสุดคลาสสิค แฮมไอเบอริโก 36 เดือนจากสเปน แซลมอนกรัฟลักซ์ตำรับนอร์ดิค (Gravlax Salmon) ปลากะพงอบเกลือ
ส่วนเมนูสุดคลาสสิคประจำลอร์ด จิมส์ อย่างแฮมอบน้ำผึ้งมัลเบอร์รี่ออร์แกนิค ซึ่งเป็นน้ำผึ้งออร์แกนิคจากฟาร์มผึ้งของโรงแรมตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์
และยังมีซูชิ ซาชิมิ ซี่โครงแกะอบ ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ มุมผักสลัดออร์แกนิค สเตชั่นพาสต้าเส้นสด ซึ่งเป็นเส้นพาสต้าโฮมเมดพร้อมด้วยซอสนานาชนิดจากห้องอาหารเชาว์ เทอราซซ่า และที่พลาดไม่ได้คือ เครปซูเซท ที่อยู่คู่กับซุ้มขนมหวานประจำลอร์ด จิมส์มายาวนานกว่าสี่ทศวรรษ


แต่ที่พิเศษสุดๆ ก็คือให้เลือกสั่งอาหารจานหลักจากเมนู เพื่อให้เชฟสามารถปรุงเมนูอาหารจานหลักให้ท่านอย่างสดใหม่ทุกจาน และปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความชื่นชอบส่วนตัวของท่านได้ อาทิ อาหารทะเลหลากชนิดปรุงในซอสเคจันตามแบบฉบับของอาหารอเมริกันในรัฐหลุยเซียนาโดยจานหลักเมนูนี้ห้องอาหารลอร์ด จิมส์จะจัดเสิร์ฟในปริมาณสำหรับรับประทานร่วมกันในครอบครัว (sharing style) หรือท่านจะเลือกอาหารจานหลักแบบเสิร์ฟสำหรับหนึ่งท่านรับประทาน เช่น ซีฟู้ดเทอร์มิดอร์ รีซอตโต้กับแบล็คทรัฟเฟิ้ล ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิว แต่ละจานต่างมีความเลิศรสและเสิร์ฟมาในขนาดกำลังดี ใครที่เน้นความอร่อยบนไลน์บุฟเฟต์ก็ยังสามารถสั่งจานหลักมารับประทานโดยไม่อิ่มเกิน ซึ่งในเมนูจานหลักนี้สามารถสั่งซุปหรือจานเรียกน้ำย่อยได้ด้วย และ Lobster bisque ที่โด่งดังก็เป็นซุปในเมนูจานหลักนี้ ซึ่งเขาเสิร์ฟมาในถ้วยกาแฟเล็กๆ ขนาดพอดื่มต่อหนึ่งท่าน เป็นไอเดียที่ดีมากเพราะไม่ตัดกำลังและทำให้ได้ชิมซุปอร่อยในตำนานห้องอาหารลอร์ดจิมส์ นี้ แต่ใครต้องการอาหารไทยรสแซบเป็นจานหลักเพื่อให้เจริญอาหารยิ่งขึ้นก็สามารถสั่งอาหารจานหลักตำรับไทยปรุงโดยเชฟป้อม พัชรา จากห้องอาหารศาลาริมน้ำ อาทิ ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวานไก่หรือเนื้อ น่องเป็ดตุ๋นสมุนไพร เป็นต้น ซึ่งเมนูอาหารจานหลักท่านสามารถสั่งได้ไม่จำกัด
นอกจากอาหารรสเลิศแล้วเรายังจะได้ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบเต็มตาเพราะการตกแต่งใหม่นี้จะยิ่งทำให้ห้องอาหารลอร์ดจิมส์เสมือนาวาสุดหรูลำใหญ่ที่เราจะได้สัมผัสบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเต็มตากว่าเคย

ส่วนใครที่ยังไม่ทราบว่่าที่มาของชื่อห้องอาหารลอร์ด จิมส์ (Lord Jim’s Restaurant) โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ นั้นเป็นมาอย่างไร เราก็ขอขยายความนิดหนึ่ง ก็เพราะโรงแรมแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับนักเขียนชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างโจเซฟ คอนราด (Joseph Conrad) ผู้ที่เคยมาพักที่โรงแรมเมื่อปี พ.ศ.2431 ชื่อ‘ลอร์ด จิมส์’ถูกตั้งขึ้นตามชื่อกะลาสีเรือผู้ที่เป็นตัวละครในหนังสือที่มีชื่อเดียวกัน โดยห้องอาหารลอร์ด จิมส์ ตั้งอยู่บนชั้น 1 ของอาคารริเวอร์วิง(River Wing) ที่ถูกปรับโฉมใหม่โดยนักออกแบบชื่อดัง มร.เจฟฟี่ย์ วิลค์ (Jeffrey Wilkes) นักออกแบบตกแต่งอาคารริเวอร์ วิง รวมถึงห้องพัก ห้องอาหารต่างๆ รวมทั้งล็อบบี้ โดยใช้งบประมาณกว่า 2,700 ล้านบาท ในส่วนของห้องอาหาร ลอร์ด จิมส์ นั้น เจฟฟี่ย์ วิลค์ ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือสำราญหรูสไตล์อาร์ตเดโค ซึ่งเป็นศิลปะการออกแบบในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 สถาปัตยกรรมในยุคนั้นจะ โดดเด่นด้วยลายเส้นโค้ง เหลี่ยม และรูปทรงเรขาคณิต แฝงความหรูหราด้วยการนำวัสดุอย่างไม้สัก ทองเหลือง และหินอ่อน มาใช้ในการตกแต่ง รวมถึงการปรับโฉมโลโก้ ลอร์ด จิมส์ ใหม่ ให้มีลักษณะคล้ายแผงควบคุมเรือสำราญ โดยตัวอักษรด้วย‘L’สื่อถึงใบเรือและตัวอักษร‘J’ที่เปรียบเสมือนการเคลื่อนไหวของเรือ อีกทั้งส่วนโค้งของตัว‘J’ยังสื่อถึงความโค้งเว้าของท้องเรืออีกด้วย


ตลอดระยะเวลาที่ห้องอาหาร ลอร์ด จิมส์ เปิดให้บริการมา 46 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ลอร์ด จิมส์ ได้กลายเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ของทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ จนได้รับคำนิยามว่าเป็นเสมือน “ห้องนั่งเล่นของกรุงเทพฯ” กล่าวได้ว่าห้องอาหารลอร์ด จิมส์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ได้นำเสนอบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันระดับพรีเมี่ยมเป็นแห่งแรกในประเทศไทยก็ว่าได้ ไม่แปลกใจที่คนหลายรุ่นจะมีภาพประทับใจของตัวเองกับห้องอาหารแห่งนี้ เมื่อถึงวาระที่ห้องอาหารลอร์ด จิมส์ ได้เปิดประตูต้อนรับทุกๆ ท่านอีกครั้ง อย่าพลาดที่จะมาตักตวงความประทับใจจากรุ่นถึงรุ่นเช่นนี้ได้อีกครั้งภายใต้บรรยากาศหรูเท่และอาหารรสเลิศที่เป็นที่กล่าวขานกันเสมอมา

ห้องอาหาร ลอร์ด จิมส์ (Lord Jim’s) โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เปิดบริการเวลา: 12.00 น.– 14.30 น. มื้อกลางวัน แบบบุฟเฟ่ต์ (วันพุธ – วันศุกร์)ราคา 2,350++ บาท ต่อท่าน สำหรับผู้ใหญ่ และ 11.30 น. – 15.00 น. มื้อกลางวัน แบบบุฟเฟ่ต์ (วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุด
นักขัตฤกษ์) ราคา 3,200++ บาท ต่อท่าน สำหรับผู้ใหญ่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่โทร +66 (2) 659 9000 หรือ สำรองที่นั่งผ่านทางเว็บไซต์ของโรงแรม www.mandarinoriental.com/bangkok

เผยโฉมนาฬิกาซีรีส์ใหม่ล่าสุดจาก Grand Seiko GMT ฉลองความงามของ 4 ฤดูกาลในประเทศญี่ปุ่น

ฤดูกาลในประเทศญี่ปุ่น จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ฤดู และในแต่ละ 4 ฤดู จะถูปแบ่งย่อยออกเป็น 6 ช่วง ทั้ง 4 ฤดูกาลจะมีลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างกันไป การเปลี่ยนแปลงจากฤดูกาลหนึ่งไปยังอีกฤดูหนึ่งเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน ทำให้ธรรมชาติของเวลามีความใกล้ชิดกับสัมผัสแห่งความรู้สึกของเรามากยิ่งขึ้น นาฬิกา GMT แต่ละเรือนเหล่านี้เป็นผลงานที่ได้รับการรังสรรค์เพื่อเฉลิมฉลองให้กับ 24 ช่วงฤดูย่อยในรอบ 1 ปีหรือที่เรียกว่า ‘Sekki’ (เซกกิ)

ช่วงฤดูที่ถูกเลือกสรรประกอบด้วย คือ Shunbun (ชุนบุน – ฤดูใบไม้ผลิ) , Shōsho (โชโฉะ – ฤดูร้อน), Kanro (คังโร – ฤดูใบไม้ร่วง) and Tōji (โทจิ – ฤดูหนาว) ในรุ่น Shunbun และ Shōsho จะมากับกลไกรหัส 9S86 ซึ่งเป็นกลไกความถี่สูง 36,000 GMT ขณะที่รุ่น Kanro และTōji บรรจุกลไกรหัส 9R66 ที่ขับเคลื่อนด้วย Spring Drive GMT

หน้าปัดของแต่ละรุ่นจะสะท้อนถึงช่วงเวลาแห่งฤดูกาล หรือ Sekki

Shunbun – SBGJ251

ในฤดูใบไม้ผลิ การเดินทางของวันที่มีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนที่เท่ากันได้มาถึง ทุกคนสามารถสัมผัสถึงฤดูใบไม้ผลิได้อย่างชัดเจนจากอากาศที่อยู่โดยรอบ ต้นซากุระในภูเขาเริ่มผลิบานและดอกซากุระกระจายตัวประดับประดาอยู่บนเนินเขาอย่างงดงาม สีเขียวและสีโรสโกลด์ที่อยู่บนหน้าปัดสะท้อนถึงคำสัญญาของฤดูใบไม้ผลิได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Shōsho – SBGJ249

ในที่สุดฤดูฝนก็สิ้นสุดลง และฤดูร้อนใกล้เข้ามา ในช่วงฤดู Shōsho สายลมอันอบอุ่นได้สร้างระลอกคลื่นอันละเอียดอ่อนในทะเลสาบและแอ่งน้ำหลายพันแห่งทั่วญี่ปุ่น พร้อมกับทอแสงระยิบระยับท่ามกลางแสงแดดของช่วงต้นฤดูร้อน ลายคลื่นที่อยู่บนหน้าปัดนำ Shōsho ให้มีชีวิต

Kanro – SBGE271

เมื่อยามตะวันตกดินในตอนเย็น และอากาศที่เย็นสบายในตอนเช้า เข็มวินาทีมีการเคลื่อนตัวอย่างเงียบๆ ราวกับดวงจันทร์เคลื่อนตัวผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน ฤดูใบไม้ร่วงมาจนถึงจุดสูงสุดแล้ว

Tōji – SBGE269

ปรากฏการณ์กลางคืนยาวนานกว่ากลางวันของประเทศในแถบซีกโลกเหนือ (Winter Solstice) อยู่ใน TŌji สื่อถึงจุดเริ่มต้นของฤดูหนาว ช่วงเวลากลางวันจะสั้น อากาศแจ่มใสและปลอดโปร่ง และหิมะล่องลอยไปตามเสียงแห่งลม หน้าปัดของนาฬิกามาพร้อมกับพื้นผิวและสีที่สะท้อนถึงทิวทัศน์ที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า

ตัวเรือนที่โค้งมนอย่างนุ่มนวลมาพร้อมกับขอบที่คมและมีเหลี่ยมมุมอย่างโดดเด่นและคลาสสิก ตามแบบฉบับของ Grand Seiko และด้านข้างได้รับการขัดด้วยเทคนิคซารัตซึ (Zaratsu) ซึ่งให้ภาพสะท้อนที่ใสราวกระจกปราศจากการผิดเพี้ยนของพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นกลไกจักรกลและกลไกแบบ Spring Drive คุณสามารถมองเห็นรายละเอียดของกลไกเหล่านี้ผ่านทางกระจกแซฟไฟร์ที่ผนึกบนฝาหลัง ให้ชื่นชมความงดงามที่ผ่านการขัดแต่งชิ้นส่วนกลไกต่างๆ อย่างประณีต

เมื่ออ้างอิงจากการเปิดตัวรุ่นแรกที่ถูกนำเสนอในสหรัฐอเมริกา รุ่น Shunbun และ Shōsho จะเริ่มจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม ตามด้วย Kanro และ TŌji จะเปิดตัวในเดือนกันยายน ที่บูติกของ Grand Seiko และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก

กลไก 9S86 : SBGJ249, 251

ระบบขับเคลื่อน : อัตโนมัติ 

ความถี่ในการเดิน : 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง (10 บีทต่อวินาที)

ความเที่ยงตรง : +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน  

พลังงานสำรอง : 55 ชั่วโมง

เข็ม GMT แสดงเวลาไทม์โซนที่ 2

จำนวนทับทิม : 37 เม็ด

กลไก 9R66 : SBGJ269, 271

ระบบขับเคลื่อน : อัตโนมัติ แบบ สปริง ไดร์ฟ

ความเที่ยงตรง : +/- 1 วินาทีต่อวัน (+/-15 วินาทีต่อเดือน

พลังงานสำรอง : 72 ชั่วโมง

เข็ม GMT แสดงเวลาไทม์โซนที่ 2

จำนวนทับทิม : 30 เม็ด

ข้อมูลทางเทคนิค

ตัวเรือนและบานพับผลิตจากสแตนเลสสตีล

บานพับ 3 ทบพร้อมกับปุ่มกดคลายล็อก

กระจกแซฟไฟร์ทรงยกสูง พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง

ฝาหลังแบบใสมองทะลุได้

ความสามารถในการกันน้ำ: 3 บาร์ (รุ่น SBGJ249, 251) / 10 บาร์ (รุ่น SBGJ269, 271)

ความทนทานต่อสนามแม่เหล็ก : 4,800 แอมป์/เมตร

ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือน: 39.5 มิลลิเมตร หนา 14.1 มิลลิเมตร (รุ่น SBGJ249, 251)

ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือน: 40.2 มิลลิเมตร หนา 14.0 มิลลิเมตร (รุ่น SBGJ269, 271)

เรียบเรียง rhunrun

พบกับทีเซอร์แรกของภาพยนตร์หายนะครั้งใหญ่ Moonfall พร้อมทำความรู้จักโรแลนด์ เอมเมอร์ริช เจ้าพ่อหนังหายนะตัวจริงแห่งวงการฮอลลีวู้ด

ในระหว่างที่รอรัฐบาลตัดสินใจเรื่องการเปิดโรงภาพยนตร์อยู่นี้ สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนลก็ขยันปล่อยทีเซอร์ภาพยนตร์ออกมายั่วใจผู้ที่คิดถึงบรรยากาศในโรงภาพยนตร์ออกมารัวๆ และในครั้งนี้ ภาพยนตร์แอ็กชั่นไซไฟมหันตภัยฟอร์มยักษ์อย่าง Moonfall ก็มาแบบยิ่งใหญ่เกรียงไกรแบบไม่ให้คอหนังหายนะผิดหวังเลยทีเดียว

Moonfall เป็นผลงานการกำกับของโรแลนด์ เอมเมอร์ริช ผู้กำกับภาพยนตร์หายนะเรื่องสำคัญของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Independence Day (ID4) ภาพยนตร์ว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวบุกโลกที่เป็นหมุดหมายให้กับนักสร้างภาพยนตร์รุ่นหลังๆ / 2012 ภาพยนตร์สิ้นโลกว่าด้วยเรื่องมูเตลูและการเอาตัวรอด / Midway หายนะแห่งส่งครามโลกครั้งที่สอง / The Day After Tomorrow หนังหายนะน้ำแข็งกลืนกินโลกที่ทำให้หลายๆ คนตกหลุมรักเจค จิลเลนฮาลมาแล้ว และในการกลับมาเล่าเรื่องภารกิจหยุดยั้งไม่ให้ดวงจันทร์พุ่งเข้าชนโลกของเหล่านักบินอวกาศใน Moonfall ครั้งนี้ เขาก็ซัมมอนดารานักแสดงชื่อดังมากมายมาร่วมโปรเจ็กต์นี้ ไม่ว่าจะเป็นฮัลลี เบอร์รี (X-Men, John Wick: Chapter 3 – Parabellum) แพทริค วิลสัน (The Conjuring, Aquaman) จอห์น แบรดลีย์ (Game of Thrones) โดนัลด์ ซูเธอร์แลนด์ (The Hunger Games) ไมเคิล เพ็นย่า (Ant-Man) และชาร์ลี พลัมเมอร์ (All The Money in The World)

ผู้กำกับ Roland Emmerich ที่กองถ่าย Moonfall ภาพโดย Reiner Bajo

เตรียมพบกับ Moonfall ได้ในโรงภาพยนตร์ เมื่อมันเปิดฉายนะ (ประเทศอื่นเขาไปถึงไหนกันแล้ว)