4 เซเลบริตี้ วางใจ BMW EUROPA MOTOR โชว์รูมรถหรูสัญชาติเยอรมันที่เปรียบเหมือนเพื่อนที่คอยดูแลกัน

BMW Europa Motor (บีเอ็มดับเบิลยู ยุโรปามอเตอร์) ผู้นำด้านการให้บริการรถยนต์ BMW และ BMW Premium Selection ในฐานะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BMW Thailand เปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด Friends With Best support พร้อมเป็นเพื่อนที่ดูแลคุณในทุกเป้าหมายตลอดไป เพื่อทุกจุดหมายไปด้วยกัน โดยงานนี้ได้ 4 เซเลบริตี้ชื่อดังจาก 4 วงการร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ความประทับใจที่มีกับการใช้บริการที่ BMW Europa Motor เปรียบเหมือนเพื่อนสนิทที่คอยเคียงข้างทุกเส้นทาง พร้อมให้คำแนะนำ มอบประสบการณ์พิเศษและดูแลกัน ผ่านวีดีโอ 4 เรื่อง ได้แก่ จารุจิต ใบหยก , ณ ชนก รัตนทารส ,วรากฤธ วิวัฒนาเกษม, ศรันยารินท์ หิรัญโชคอนันต์ และ นพวิชญ์ ไทยแท้ 

เริ่มต้นที่สาวมั่น จารุจิต ใบหยก เซเลบริตี้สาวทายาทเจ้าของตึกใบหยกที่ตอนนี้มาเอาจริงเอาจังกับธุรกิจส่วนตัว Gemster Thailand แบรนด์เครื่องประดับจากพลอยสีเหมาะกับแฟชั่นนิสต้าสาวยุคใหม่ ซึ่งเจ้าตัวดีไซน์เองทุกขั้นตอน ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องไลฟ์สไตล์การขับรถหรือการเลือกซื้อรถซักคัน คุณบุ๋มเผยว่า “ปกติผู้หญิงเราๆจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องรถอะไรมาก เราก็จะมองดีไซน์กับไลฟ์สไตล์การใช้งานเป็นหลัก ซึ่งด้วยแบรนด์ BMW ก็ตอบโจทย์อยู่แล้ว บุ๋มเองเป็นคนที่เวลารถมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับรถเล็กๆน้อยๆก็จะต้องมีคนคอยดูแลให้ตลอด อย่างที่ BMW Europa Motor พนักงานดูแลดีมาก มีอะไรก็ปรึกษาและช่วยแก้ปัญหาให้เหมือนเป็น personal assistant เลยครบจบในที่เดียว และที่บุ๋มชอบคือเค้าเข้าใจลูกค้าว่าอย่างเราไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องยนต์เค้าก็จะใช้ศัพท์ ใช้คำที่พูดกับเราแล้วเราเข้าใจง่าย จริงเพื่อนๆก่อนหน้านี้ก็คุยกับเพื่อนหลายคนเค้าก็แนะนำที่นี่ และที่บ้านก็เป็นลูกค้าของที่นี่อยู่แล้วด้วยค่ะ เลยมั่นใจโชว์รูม “BMW Europa Motor”

ณ ชนก รัตนทารส CEO, G Enterprise & Co ซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอดในแวดวงอาหาร เล่าถึงความประทับใจในโชว์รูม Europa Motor ว่า “ปกติเวลาผมเลือกรถก็จะศึกษารุ่น หรือสมรรถนะ ดูรีวิวมาระดับหนึ่ง มีเกณฑ์ในใจของตัวเอง นอกจากจะต้องสวยถูกใจเพราะรถคันนึงบ่งบอกคาแรคเตอร์ของคนขับชัดเจนมาก เรื่องคุณภาพของรถยนต์ต้องดี ไม่เสียบ่อยและที่สำคัญโชว์รูมที่เราซื้อรถก็ต้องเลือกโชว์รูมที่มั่นใจด้วย โดยเฉพาะเซลล์ที่ดูแลผมจะต้องมีความเชี่ยวชาญและทำงานที่นั่นมาหลายปีหน่อย เพราะเราซื้อรถคันนึงอยู่กับเราก็อย่างน้อย 3-5 ปี เราก็อยากมั่นใจว่าเซลล์ที่ดูแลเรายังเป็นคนเดิมในระหว่างที่เราใช้ อีกอย่างศูนย์ซ่อมของที่นี่ก็ได้มาตรฐานมาก ที่สำคัญซ่อมเร็ว มีโชว์รูมใกล้บ้าน และมีหลายที่ อีกอย่างที่สังเกตได้เลยว่าโชว์รูมที่ไหนดี ดูได้เลยถ้ารถที่จอดโชว์มีรุ่นพิเศษ เบาะพิเศษ สีพิเศษ หรือสเปคตัวท็อปโชว์อยู่แสดงว่าอย่างน้อยโชว์รูมนี้ขายดีมีลูกค้าไว้ใจเยอะ ทำให้ได้โควต้าตัวท็อปๆมาขาย ซึ่งที่นี่มีครบ”

วรากฤธ วิวัฒนาเกษม

จ๊ะจ๋า-ภูผา ศรันยารินท์ หิรัญโชคอนันต์ และ นพวิชญ์ ไทยแท้ สองคู่รักที่ชอบการเดินทางและหาประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิตอยู่เสมอ ได้เล่าเรื่องราวความประทับใจกับโชว์รูม BMW Europa Motor ว่า “ผมกับจ๊ะจ๋าเรามีบ้านที่สุรินทร์ เพราะทำธุรกิจที่โน่นด้วย จะขับรถกลับบ้านที่ต่างจังหวัดบ่อยๆ เรียกได้ว่าใช้งานหนัก ขับทางไกลด้วย เวลาซื้อนอกจากรถจะต้องสมรรถนะดี ขับขี่ปลอดภัย ก็ต้องเลือกโชว์รูม หรือบริการศูนย์ซ่อมที่มั่นใจได้ แล้วด้วยความที่เราเป็นรถที่สลับกันขับ บางทีเราก็ต้องเลือกรถให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของทั้งสองคน ต้องมีที่เก็บของเยอะ ต่อไปวางแผนว่าจะวางแผนจะมีลูกก็ต้องวางคาร์ซีทได้ เลยเลือกเป็นรุ่นที่ใหญ่หน่อยแต่อาจจะไม่ถึงกับใหญ่มากเพราะผู้หญิงขับด้วย โชว์รูมนี้ก็ให้คำแนะนำค่อนข้างดี อีกอย่างที่ผมชอบเพราะมีถึง 4 สาขาทั่วกรุงเทพเลย แล้วที่ประทับใจมากๆ คือที่นี่ตรงต่อเวลา นัดซ่อมค่อนข้างไว ทำให้เราตัดปัญหาความยุ่งยากในการส่งเรื่อง ส่งซ่อม เช็คสภาพไปได้เลย เพียงแค่โทรหาเค้าก็จัดการให้หมด สุดท้ายผมว่าการเลือกซื้อรถซักคันต้องซื้อกับโชว์รูมที่ได้มาตรฐาน และไว้ใจได้เท่านั้น”

สัมผัสประสบการณ์การให้บริการด้านรถยนต์เหนือระดับ

เปรียบเสมือนเพื่อนที่ดูแลคุณในทุกเป้าหมายตลอดไป เพื่อ“ทุกจุดหมายไปด้วยกัน”

ที่ BMW Europa Motor ทุกสาขา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ

ยุโรปามอเตอร์ สาขา จรัญสนิทวงศ์    โทร.02-864-0077          ยุโรปามอเตอร์ สาขา พระราม 2            โทร.02-848-1111

ยุโรปามอเตอร์ เซอร์วิสเอาท์เลท       โทร. 02-408-2266        ยุโรปามอเตอร์ สาขาตลิ่งชัน     โทร. 02 458 2266

Line official : @BMWEuropaMotor

พาไปชมทุกดีเทลของซูเปอร์เอสยูวีระดับโลก กับ Lamborghini Urus Performante ความจัดจ้านและเร้าใจที่ท้าให้คุณมาพิสูจน์

ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) สุดยอดแบรนด์ซูเปอร์สปอร์ตคาร์หรูระดับโลกสัญชาติอิตาลี เผยโฉม Urus Performante” ปรากฏการณ์ใหม่แห่งสุดยอดสมรรถนะและสัมผัสการขับขี่แนวสปอร์ตในแบบฉบับซูเปอร์เอสยูวี ที่พร้อมสะกดทุกสายตาทั้งบนท้องถนน สนามแข่งขัน หรือแม้แต่บนเส้นทางสุดทรหด 

ซึ่งก่อนเผยโฉมที่งาน Pebble Beach Concours d’Elegance ครั้งที่ 71 ซูเปอร์เอสยูวีคันนี้ได้สร้างสถิติใหม่ในหมวดยานยนต์เอสยูวีเป็นที่เรียบร้อย จากการทดสอบวิ่งบนทางลาดชันสุดหฤโหดของ Pikes Peak International Hill Climb Road ที่มีระดับความสูงกว่า 4,302 เมตร (14,115 ฟุต) โดยสามารถทำเวลาเพียง 10:32.064 นาที ทุบสถิติเดิมที่ Bentley Bentayga เคยทำไว้เมื่อปี 2018 ที่ 10:49.902 นาที ถึง 17.838 วินาที

และนี่คือดีเทลสุดจัดจ้านที่ท้าให้คุณมาพิสูจน์ความเร้าใจ กับ Urus Performante มาตรฐานใหม่แห่งสุดยอดงานดีไซน์อันเปี่ยมพลัง ที่ผสานระบบวิศวกรรมยานยนต์ระดับซูเปอร์สปอร์ตไว้อย่างลงตัว

  • สะกดทุกสายตาตั้งแต่แรกเห็นด้วยดีไซน์แนวอากาศยานในทุกมุมมอง โดดเด่นตั้งแต่รูปลักษณ์ด้านหน้า ด้วยงานออกแบบฝากระโปรงและแผงกันชนขนาดใหญ่โดยใช้รูปทรงที่เฉียบคม ที่นอกจากสื่อถึงดีเอ็นเอสายพันธุ์ซูเปอร์สปอร์ตของ Performante ได้อย่างเด่นชัดแล้ว ยังแฝงกลิ่นอายแห่งความหรูหรา
    ภูมิฐานของรถยนต์ Urus ไว้อย่างกลมกลืน ขณะที่การออกแบบฟินสปอยเลอร์หลังซึ่งช่วยเพิ่มแรงกดให้ตัวรถได้แรงบันดาลใจจากAventador SVJ 
  • เหนือระดับด้วยดีไซน์อากาศพลศาสตร์แบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นช่องดักอากาศด้านหน้าที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการระบายความร้อนเครื่องยนต์พร้อมเพิ่มความดุดันแนวซูเปอร์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์, ม่านดักลมที่ทำให้อากาศไหลเข้าทางล้อหน้าได้มากขึ้น ไปจนถึงการออกแบบอย่างเหนือชั้นตรงช่องระบายลมบนฝากระโปรง 
  • มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ V8 มอบสัมผัสแห่งการขับขี่ที่ตื่นเต้นเร้าใจด้วยกำลังเครื่องยนต์สูงสุดที่ 660 แรงม้า และด้วยน้ำหนักที่เบาลงถึง 47 กก. จึงทำให้ Urus Performante มีอัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังเครื่องยนต์ดีที่สุดในคลาส สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.3 วินาที มีแรงบิด 850 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 2,300 – 2,400 รอบต่อนาที ซึ่งความสามารถที่เหนือกว่ารุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์เดียวกันยังรวมถึงความเร็วสูงสุดที่ 306 กม./ชม.
  • ยาง Pirelli P Zero ที่ใช้เป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อ Urus Performante รุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยนับเป็นครั้งแรกที่มีการผลิตยาง Pirelli แบบกึ่งสลิคเพื่อให้สอดคล้องกับคาแรกเตอร์ของรถเอสยูวีซึ่งเกิดจากการร่วมมือพัฒนากับลัมโบร์กินี ผลลัพธ์ของความร่วมมือครั้งนี้ทำให้ได้ยางที่ใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ดีขึ้น แต่ยังคงมอบประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมทั้งบนพื้นผิวแห้งที่มีอุณหภูมิสูง และบนพื้นผิวเปียกที่มีอุณหภูมิต่ำ
  • นอกจากโหมดการขับขี่มาตรฐานต่าง ๆ Urus Performante ยังมาพร้อมโหมดใหม่อย่าง RALLY เพื่อยกระดับการขับขี่แนวสปอร์ตที่สนุกสนานในแบบฉบับเอสยูวี และนำเสนออีกระดับของความตื่นเต้นเร้าใจในการวิ่งบนทางดิน

ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ล่าสุดได้ที่ “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ถนนวิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111

rhunrun เรียบเรียง

Mercedes-Benz Experience Center

BENZ BKK GROUP อวดโฉม Mercedes-Benz Experience Center เวิลด์คลาสออโต้โมทีฟเดสติเนชั่น ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย แลนด์มาร์คเชื่อมโยงโลกแห่งยานยนต์และประสบการณ์ไลฟ์สไตล์เหนือระดับ เบนซ์ บี เคเค กรุ๊ป จัดงานแกรนด์โอเพ่นนิ่ง เผยโฉม Mercedes-Benz Experience Center อย่างเป็นทางการ สู่การเป็นเวิลด์คลาสออโต้โมทีฟเดสติเนชั่น ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย

พร้อมทั้งเป็นแลนด์มาร์คเชื่อมโยงโลกแห่งยานยนต์และประสบการณ์ไลฟ์สไตล์เหนือระดับ ด้วยแฟซิลิตี้ หลากหลาย สุดพรีเมี่ยม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ชูความลักซูรี ในงานเปิดตัวพบกับการปรากฏโฉม Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium, Mercedes-EQS 450+ AMG Premium และ Mercedes-AMG GT C นำโดย ประณัย พรประภา เซเลบริตี้หนุ่มไฟแรง พร้อมโชว์สุดพิเศษจาก “แต้ว” ณฐพร เตมีรักษ์ และ เจ-เจตริน วรรธนะสิน ที่ BENZ BKK GROUP – BANGNA

ตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบนซ์ บี เคเค กรุ๊ป จำกัด (BENZ BKK GROUP) ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ที่ได้รับความไว้วางใจมายาวนานกว่า 30 ปี เผยว่างานแกรนด์โอเพ่นนิ่งครั้งนี้จะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Mercedes-Benz Experience Center ที่จะเป็นเวิลด์คลาสออโต้โมทีฟ แห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ไม่เพียงตอบโจทย์การเป็นศูนย์จำหน่ายและศูนย์บริการเทคโนโลยียานยนต์ครบวงจรที่ทันสมัยที่สุดแล้ว

ที่สำคัญ Mercedes-Benz Experience Center แห่งนี้จะเป็นเดสติเนชั่นแห่งใหม่ที่จะมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า ด้วยการเนรมิตพื้นที่พักผ่อนสุดหรูหราไม่ต่างจากคลับเฮ้าส์ กว่า 2,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่

“ทุกวันนี้โลกแห่งยานยนต์คนรุ่นใหม่ไม่ได้ต้องการแค่นวัตกรรมรถยนต์ แต่ต้องการเสพประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิต เบนซ์ บี เคเค กรุ๊ป เข้าใจถึงเทรนด์นี้ จึงสร้างสรรค์ Mercedes-Benz Experience ให้มีแฟซิลิตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟและบริการที่มารองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ได้ทุกกลุ่ม ทุกเจเนอเรชั่น โดยตั้งเป้าให้ที่นี่เป็น ไอคอนนิคบิลดิ้ง เข้าสู่บางนา New CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก”

สุดยอดความยิ่งใหญ่ของ BKK Group, Mercedes-Benz Experience Center แห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ย่านบางนา-ตราด บนถนนเทพรัตน์ (บางนา-ตราด) กม.ที่ 4.2 อลังการด้วยพื้นที่ใช้สอยกว่า 50,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่โชว์ยานยนต์กว่า 6,000 ตารางเมตร สามารถรองรับการให้บริการหลังการขายได้มากกว่า 1,500 คัน/เดือน โดดเด่นด้วยโชว์รูม 3 มิติ โถงสูงกว่า 15 เมตร เชื่อมต่อกัน 3 ชั้น ด้วยบันไดเลื่อน

สูงตระหง่านด้วยสัญลักษณ์ดาวสามแฉกบนยอดอาคาร สะกดทุกสายตาด้วยเสน่ห์แห่ง Mercedes-Benz ผ่าน Car Display Box เด่นชัดทุกมุมมอง ทั้งจากทางด่วนบูรพาวิถีและถนนเทพรัตน์ ครบครันทุกฟังก์ชัน พิถีพิถันการดีไซน์ทุกมิติ ด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบเช่นเดียวกับยุโรป โดยเป็นผลงานการดีไซน์จาก Gensler (เจนส์เลอร์) บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกจากซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 100 ประเทศทั่วโลก

“ดีไซน์แบบ Car Display Box เราตั้งใจให้เป็นเสมือนออโต้มอลล์เช่นเดียวกับวงการยานยนต์ระดับโลกในต่างประเทศ ที่ลูกค้าสามารถสัมผัส-จับต้องประสบการณ์จริงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ครบทุกรุ่นมากที่สุด อีกทั้งยังสามารถให้บริการ ดูแล-ซ่อมบำรุงยานยนต์แบรนด์อื่นๆ นอกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ด้วย ซึ่งเป็นการย้ำว่าเราสามารถตอบสนอง
บริการด้านยานยนต์ได้ครบวงจรที่สุด ด้วยศูนย์บริการที่เน้นความรวดเร็ว ปลอดภัย มาพร้อมเซอร์วิสด้านไลฟ์สไตล์ระดับเวิลด์คลาส”

BKK Group, Mercedes-Benz Experience Center พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้ได้สัมผัสประสบการณ์ขั้นสุด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “World-class Automotive Destination” ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่โชว์รูม ตั้งแต่ชั้น 1 ตระการตากับ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ทุกประเภท, BKK Café, Service Lobby และ Accessories Shop
ชั้น 2 พบกับโชว์รูม Mercedes-AMG จัดแสดงรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ แบบสปอร์ต ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ ที่มอบพละกำลังแรงม้าที่เร้าใจในชั่วพริบตา และ Exclusive Mercedes-Maybach Lounge เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป ได้รับสิทธิ์อย่างเป็นทางการในการจัดจำหน่าย และดูแลบริการหลังการขาย Mercedes-Maybach ซึ่งโชว์รูมและศูนย์บริการได้รับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ลูกค้าได้สัมผัสความหรูหรา สะดวกสบายระดับเวิลด์คลาส ในการเลือกชม และสัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อมบริการหลังการขายที่มีการจัดเตรียมพื้นที่พิเศษเฉพาะ มีการจัดสรรบุคลากรเฉพาะทั้งด้านการขาย และบริการหลังการขาย นอกจากนั้นที่ชั้นนี้ยังมีความโดดเด่นเหนือระดับด้วยห้องส่งมอบรถที่ไม่เหมือนใครให้ลูกค้าและครอบครัวสามารถเฉลิมฉลองการรับรถแบบไพรเวท ตื่นตาตื่นใจไปกับการรับมอบรถระดับ VIP จัดเต็มเทคโนโลยีแสงสีเสียง และ Turntable Car ที่ให้ชมทุกมุมของยานยนต์แบบ 360 องศา ในบรรยากาศเอ็กซ์คลูซีฟเลาจน์ Cigar Bar สุดหรู นั่งดื่มไวน์เคล้าเสียงดนตรี

ชั้น 3 โชว์รูมโอ่โถงของ Mercedes-Benz Certified ที่จัดแสดงรถยนต์ Pre-owned ให้เลือกมากกว่า 100 คัน พร้อมพื้นที่ Co-working Space ดีไซน์สุดฮิป, DIY Cafe และ Business Center ที่มีห้องประชุมให้ใช้ถึง 4 ห้อง 4 สไตล์ รองรับไลฟ์สไตล์ชีวิตไม่หยุดนิ่งของคนยุคใหม่ ให้ได้นั่งทำงานหรือคุยธุรกิจได้ตลอดวัน

สัมผัสการพักผ่อนสุดพิเศษ ยกระดับการใช้บริการเมื่อเข้ามาศูนย์บริการบนชั้น 8 ด้วย Sky Lounge ที่มีบริการทั้งอาหารและเครื่องดื่มจากเชฟมืออาชีพ, Massage Studio ห้องนวดผ่อนคลายระดับโรงแรม, ฟิตเนส พร้อมห้องอาบน้ำแยกชายหญิง ไปจนถึงเปิดรับวิวสุดสายตาบนสวนลอยฟ้าแบบ Semi -Outdoor รวมไปถึงพื้นที่อเนกประสงค์ให้เป็นตัวเลือกผ่อนคลายหรือทำงานได้อย่างใจ

“ในอนาคตเรามีแผนจับมือ (Collaborate) ต่อยอดความเป็นแลนด์มาร์คไลฟ์สไตล์ให้ชัดเจนขึ้น โดยอาจจัดเป็นพื้นที่จัดแสดงงานอาร์ตแกลเลอรี หรืออาคารมิกซ์ยูสจัดกิจกรรมลักซ์ชัวรี่ไลฟ์อื่นๆ ที่จะมาตอบโจทย์เทรนด์ชีวิตคนเมืองรุ่นใหม่ ทั้งหมดนี้คือมิติใหม่แห่งความสมบูรณ์แบบ ทันสมัยและยิ่งใหญ่ที่สุดของโชว์รูมและศูนย์บริการ Mercedes-Benz ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนในเมืองไทย”

สำหรับภายในงานแกรนด์โอเพ่นนิ่งเปิดโชว์รูมสุดอลังการ “BENZ BKK GROUP GRAND OPENING : WORLD-CLASS AUTOMOTIVE DESTINATION” นำโดย เหรียญชัย ลิขิตพฤกษ์ ท่านประธานใหญ่ ที่จะพาไปพบกับที่สุดแห่งยานยนต์สุดพรีเมี่ยมที่ทุกคนเฝ้ารอคอย กับการปรากฏโฉมของ Mercedes-Maybach GLS600 4MATIC Premium ยนตรกรรมตระกูล SUV ที่ได้สืบทอดประวัติศาสตร์ของ Mercedes-Maybach มาทุกประการ นำโดย อนุพล ลิขิตพฤกษ์ไพศาล และตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ ผู้บริหารใหญ่แห่ง Benz BKK Group

ตลอดจนการเผยโฉม Mercedes-EQS รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ที่ได้ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ประณัย พรประภา มาเป็นตัวแทนของรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต และร่วมค้นพบมิติใหม่ของ “Comfort zone” กับ The new C-Class พร้อมโชว์สุดพิเศษ จาก “แต้ว” ณฐพร เตมีรักษ์” และ Mercedes-AMG GT C Roadster ที่มาพร้อมแรปเปอร์ชื่อดัง “เจ-เจตริน วรรธนะสิน” คับคั่งด้วยเหล่าเซเลบริตี้ตบเท้าร่วมงาน อาทิ พล.ต.ต สันต์ – ยุวเรศ ศรุตานนท์, ปิยะเลิศ – สุนทรี ใบหยก, นภัสดล หวั่งหลี, คุณาคม-นันทวิมล พลพานิช, สยาม-คริสตินา เศรษฐบุตร

ทั้งนี้ BKK Group, Mercedes-Benz Experience Center โดดเด่นด้วยการนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ครบทุกซับแบรนด์ Mercedes-Benz Passenger Cars & Van, Mercedes-AMG, Mercedes-Maybach, Mercedes-EQ, และ Mercedes-Benz Certified ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและการบริการที่ทันสมัยที่สุด ถือเป็นศูนย์บริการศูนย์ช่อมสีตัวถังครบวงจรใหญ่ที่สุดในเอเชีย กับการบริการศูนย์ซ่อมสีรถยนต์มาตรฐาน (Body & Paint) ที่รองรับรถยนต์ได้กว่า 400 คันต่อเดือน พร้อมเซอร์วิสต่างๆ ที่รองรับได้มากถึง 1,500 คันต่อเดือน

กลุ่ม เบนซ์ บีเคเค มีความภาคภูมิใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร กับ 3 โชว์รูม 3 มุมเมือง ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็น Benz BKK Group (บางนา) ที่ครอบคลุมพื้นที่ฝั่งตะวันออก Benz BKK Vipawadee ครอบคลุมพื้นที่ฝั่งตะวันตก และ BKK Autohaus Kanchanapisek ครอบคลุมพื้นที่ตอนเหนือ โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอนัดหมายได้ที่เบอร์ 1449
www.benzbkkgroup.co.th

Mercedes-Benz: The Reinvention of Tomorrow ค่านิยมใหม่ของคำว่าพรีเซนเตอร์รถยนต์ ที่เป็นการแทนที่ภาพจำเดิมๆด้วยการให้ความสำคัญและคุณค่ากับความหลากหลาย

เทคโนโลยี ค่านิยม และความคิดของผู้คน คือสิ่งที่ถูกเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นตลอดเวลา “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ผู้นำของโลกยนตรกรรมสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลาย(diversity) และความเท่าเทียมอย่างต่อเนื่องเสมอมา จึงต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม โดยเริ่มจากการเปลี่ยน “ค่านิยม” ที่อยู่คู่กับงานจัดแสดงรถยนต์ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

นั่นก็คือวัฒนธรรมการใช้ “พรีเซนเตอร์” ที่ทุกคนรู้จักในนาม “พริตตี้” ที่ช่วยโปรโมทรถยนต์ในงานอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย จนอาจส่งผลต่อมุมมองของคนไทยที่มีต่อ “พริตตี้” และหลาย ๆ ครั้งก็ส่งผลกระทบกับคุณค่าของผู้หญิงและอาจนำไปสู่การกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อพวกเธอ

เพราะคุณค่าของแต่ละบุคคล อยู่ที่หลากหลายองค์ประกอบ ไม่ใช่แค่เพศสภาพ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วยการสร้างนิยามใหม่ เพื่อให้พรีเซนเตอร์คนนี้ถูกให้เกียรติ และสร้างจุดยืนใหม่ ๆ ในวงการ ด้วยการนำเสนอ

พรีเซนเตอร์…ที่ไม่จำกัดเพศ สีผิว หรือรูปร่าง                                                                        

พรีเซนเตอร์…ที่ไม่จำเป็นต้องแต่งตัววาบหวิว

พรีเซนเตอร์…ที่ได้รับการอบรมเรื่องรถยนต์ และมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ให้ข้อมูลอย่างแม่นยำ

เราเรียกพวกเขาว่า “Digital Guide” (ดิจิทัล ไกด์) กลุ่มคนที่จะมาทำหน้าที่ในการให้ความรู้เรื่องรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น ในงานจัดแสดงรถยนต์ทุกงานในประเทศไทย โดยเป็นการแสดงจุดยืน ผ่านทางภาพยนตร์โฆษณาหนึ่งเรื่อง ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Reinvention of Tomorrow ว่านี่เป็นเพียงหนึ่งสิ่งที่เราเปลี่ยน เพื่อสร้างค่านิยมใหม่และแนวคิดใหม่ของงานแสดงรถยนต์

..และยังมีสิ่งใหม่ ๆ อีกมากมายจากเมอร์เซเดส-เบนซ์รอคุณอยู่

rhunrun เรียบเรียง

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว 3 KOLs

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว 3 KOLs เป็นตัวแทน 3 แนวคิดที่เผยจุดยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์
ทั้งในเรื่องการออกแบบประสบการณ์ สมรรถนะและความหลงใหล และความยั่งยืน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ย้ำจุดยืนในการนำเสนอการออกแบบประสบการณ์ สมรรถนะของรถยนต์ที่อัดแน่นไปด้วยความหลงใหล พร้อมความยั่งยืน ผ่านวิดีโอที่เล่าเรื่องของ 3 ผู้นำทางความคิด (Key Opinion Leaders: KOLs) ผู้เป็นตัวแทนของ 3 จุดยืนดังกล่าว ได้แก่ พล หุยประเสริฐ นักออกแบบประสบการณ์ผู้ผสมผสานดีไซน์และนวัตกรรม พลอย ปิ่นแสง นักกีฬาโปโลทีมชาติผู้มุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และต้น บดินทร์ พลางกูร สถาปนิกและนักออกแบบภายในที่ใช้ธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน

มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จุดยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในเรื่องของการนำเสนอนวัตกรรมการออกแบบที่มีความโดดเด่น สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ ควบคู่ไปกับความยั่งยืนนั้นเป็นสิ่งที่ชัดเจนในใจผู้บริโภคอยู่แล้ว และการเลือกบุคคลที่มีความโดดเด่นทั้ง 3 ท่านนี้มาเป็นตัวแทนของจุดยืนของเราก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในทุก ๆ ด้าน ทั้งการเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมภายใต้ประสบการณ์การออกแบบที่น่าจดจำและน่าตื่นเต้น สามารถสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับผู้คน การตอบสนองความต้องการของลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ด้วยโซลูชันที่ผลักดันให้ทุกคนไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่น และการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านจุดยืนด้านการมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรมที่มีความยั่งยืน ทั้งหมดนี้คือการตอกย้ำความตั้งใจของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่จะให้ความสำคัญกับ 3 จุดยืนนี้ทั้งในปีนี้และปีต่อ ๆ ไป ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ KOL ทั้ง 3 ท่านและหวังว่าแคมเปญนี้จะช่วยประกายและเติมเต็มแรงบันดาลใจให้กับลูกค้า พร้อมทั้งช่วยให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเป็นแบรนด์ลักชัวรีอันดับ 1 ที่ตอบสนองความต้องการของทุกท่านได้”

พล หุยประเสริฐ นักออกแบบประสบการณ์ผู้ทำงานออกแบบหลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะคอนเสิร์ตที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้ชม บอกว่า “งานของผมคืองานออกแบบประสบการณ์ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสให้คนได้รู้สึก มีส่วนร่วม และได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น ๆ ได้มาสัมผัสบรรยากาศไม่ว่าจะเป็นความสุข เศร้า ตื่นเต้น และความสนุก เมื่อผมได้ฟังเรื่องราวของรถยนต์รุ่น The new C-Class ที่ออกแบบมาจากแนวคิดเกี่ยวกับประสบการณ์ พฤติกรรมของผู้ขับขี่ และการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการนำเสนอ ดึงดูดความสนใจ และเข้าถึงความรู้สึกและความต้องการ ไม่ว่าปลายทางจะเป็นการออกแบบคอนเสิร์ตหรือดีไซน์รถยนต์ สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญคือการสร้างประสบการณ์ทีดีให้กับผู้ใช้ ผมดีใจที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดโอกาสให้ผมเป็นตัวแทนการนำเสนอแนวคิดจากการทำความเข้าใจในพฤติกรรมและความต้องการของมนุษย์ ซึ่งตอนนี้ผมกำลังร่วมทำโปรเจกต์ออกแบบประสบการณ์พิเศษใหม่ร่วมกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ อยากให้ติดตามกันครับ”

พลอย ปิ่นแสง นักกีฬาโปโลทีมชาติผู้มุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง กล่าวว่า “พลอยบอกตัวเองเสมอว่า ถ้าเราเชื่อและเรามี passion กับสิ่งไหนแล้ว เราจะทำสิ่ง ๆ นั้นได้ดี ดังนั้นพลอยจะตั้งใจมาก ๆ ทุ่มเทและเต็มที่กับสิ่งที่ทำ ทำให้สุด ใส่ให้เต็มร้อย เรียกว่า Go Hard or Go Home เราจะทำได้ดี ทำได้มาก หรือไปได้แค่ไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราทั้หงมด นี่คือพลังผลักดันและขับเคลื่อนตัวเราให้มุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้าถึงจุดมุ่งหมาย สำหรับพลอย รถยนต์ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe Special EDITION ที่พลอยได้เห็นครั้งแรก แค่ดีไซน์ก็คงไม่ต้องบรรยายแล้ว พอได้ฟังและได้สัมผัสถึงพลังของเครื่องยนต์ แค่เสียงและฟีเจอร์แบบเข้ม ๆ นี้ passion ของพลอยก็มาเต็มเลยค่ะ อยากจะลองขับและพุ่งไปข้างหน้าเพื่อไปยังจุดหมายด้วยกัน รถยนต์คันนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาที่พลอยได้ขี่ม้า ได้สัมผัสถีงพลังของรถ เหมือนต้องการคนขับที่พร้อมจะใส่พลังแล้วออกไปสุดด้วยกัน อยากให้ทุกคนมาลองประสบการณ์กับรถยนต์คันนี้ ได้ลองขับ แล้วก็จะเข้าใจความหมายเกี่ยวกับ Performance ที่พลอยพูดถึงค่ะ”

ต้น บดินทร์ พลางกูร สถาปนิกและนักออกแบบภายในหนุ่มผู้ใช้ธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานออกแบบ พร้อมนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาผสมผสานเพื่อสร้างผลงานที่มีความยั่งยืน เล่าว่า “ส่วนตัวผมเชื่อในพลังของธรรมชาติที่เป็นทั้งแหล่งสร้างแรงบันดาลใจและเป็นพื้นที่ที่ช่วยฟื้นพลังให้กับตัวเอง แนวคิดในการทำงานออกแบบของผมส่วนใหญ่มาจากการนำสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งต่าง ๆ ตามธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในงานดีไซน์ ส่วนเรื่องเทคโนโลยีก็เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปัจจุบัน ซึ่งในการออกแบบ เทคโนโลยีก็ช่วยอำนวยความสะดวกและทำให้เกิดประสิทธิภาพ ผมคิดว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจความสำคัญของธรรมชาติ พร้อมไปกับการเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีเพื่อให้ธรรมชาติสามารถอยู่กับเราได้อย่างยืนยาวต่อไปในอนาคต เหมือนกับวิวัฒนาการของรถยนต์ ที่ปัจจุบันมีรถยนต์ที่ใช้ได้ทั้งน้ำมันและมีเทคโนโลยีไฟฟ้าให้เลือกใช้ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนเรื่องความยั่งยืนมาตลอด ไม่ว่าจะผ่านงานดีไซน์ แนวคิด หรือการใช้ชีวิตประจำวัน รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปลั๊กอินไฮบริด สำหรับผม คือส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความยั่งยืน ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นได้จากตัวเราและสิ่งที่เราเลือก นี่คือจุดเริ่มต้นของวันพรุ่งนี้ และผมคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีให้กับหลาย ๆ คนเลยครับ ผมกำลังมีโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับความยั่งยืนที่ผมจะทำร่วมกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ด้วย ฝากติดตามด้วยครับ”

การทำงานร่วมกับ KOL ทั้งสามท่านคือเครื่องยืนยันว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่มีวันหยุดนิ่งที่จะจินตนาการถึงวันพรุ่งนี้ที่ดียิ่งกว่าด้วยการสร้างสรรค์รถยนต์และนำเสนอนวัตกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่เป็นที่ปรารถนาและทำให้ลูกค้ามีความภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้เป็นเจ้าของออกมาอย่างต่อเนื่อง

เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 170,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค เมอร์เซเดส-อีคิว จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยแบรนด์เมอร์เซเดส มีนำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับพรีเมียมรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2563 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 2.1 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 375,000 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเดมเลอร์ ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม

ชมรถยนต์ไฮไลต์ที่ Mercedes-Benz จะเปิดตัวในงาน“บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43”

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรถยนต์ไฮไลต์ “The new Mercedes-Benz C-Class”
เดอะนิวเบบี้ลักชัวรี และ “Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION”
ที่งาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43” ภายใต้คอนเซปต์ “Reinvention of Tomorrow” 23 มีนาคมถึง 3 เมษายนนี้

เมอร์เซเดส-เบนซ์ยกทัพรถยนต์ลักชัวรีแบบครบครันทุกเซกเมนต์ลุยงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Reinvention of Tomorrow” ไฮไลต์นำโดย “The new Mercedes-Benz C-Class” เดอะนิวเบบี้ลักชัวรีของรถยนต์รุ่นยอดนิยมพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ และ “Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION” สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบเหนือใครในแบบฉบับรถยนต์สปอร์ตจาก Mercedes-AMG นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์มอบโปรโมชันสุดพิเศษ “Mercedes-Benz Reinvention of Tomorrow Offers” กับข้อเสนอสำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์หลายรุ่นและสิทธิประโยชน์มากมาย ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายนนี้ด้วย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรีอย่างต่อเนื่อง ด้วยทัพรถยนต์หรูแบบครบทุกเซกเมนต์ที่นำมาจัดแสดงในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43” ตั้งแต่ 23 มีนาคมถึง 3 เมษายนนี้ ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 เมืองทองธานี โดยภายใต้คอนเซ็ปต์ “Reinvention of Tomorrow” ที่สื่อความหมายถึงการนำเสนอประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตที่ดียิ่งกว่าจากเมอร์เซเดส-เบนซ์

โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมนำเสนอไฮไลต์ที่หลายคนรอคอย นำโดย “The new Mercedes-Benz C-Class” เดอะนิวเบบี้ลักชัวรีของรถยนต์รุ่นยอดนิยมตลอดกาลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ และ “Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION” สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบที่พิเศษเหนือใครของรถยนต์สปอร์ตในแบบฉบับ Mercedes-AMG ที่เตรียมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับคุณ โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเตรียมโปรโมชันพิเศษ “Mercedes-Benz Reinvention of Tomorrow Offers” กับข้อเสนอที่พลาดไม่ได้สำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์หลายรุ่น และสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 เมษายนนี้ ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 และที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับทุกคน และนั่นคือสิ่งที่สะท้อนออกมาทั้งในทุกรายละเอียดของการสร้างสรรค์บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Reinvention of Tomorrow” ที่สื่อความหมายถึงการนำเสนอประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตที่ดียิ่งกว่า ผ่านการสร้างสรรค์รถยนต์ที่ลูกค้าจะภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ เป็นรถยนต์ที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของสุนทรียะ สมรรถนะ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความยั่งยืน เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยคำนึงถึงการลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน”

“สำหรับทัพรถยนต์รุ่นใหม่ที่เป็นไฮไลต์ภายในงานในปีนี้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ “The new Mercedes-Benz C-Class” โฉมใหม่ของรถยนต์รุ่นยอดนิยมตลอดกาลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ “Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION” สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบของรถยนต์สปอร์ตในแบบฉบับ Mercedes-AMG ที่เตรียมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับคุณ การนำเสนอรถยนต์รุ่น C-Class โฉมใหม่นั้น เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความตั้งใจที่ตอบรับความต้องการของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ เพราะจากผลการวิจัยตลาดทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์พบว่า ฐานผู้ใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์นั้นกว้างขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่อายุน้อยที่ต้องการรถยนต์ที่มีคุณภาพและตอบรับไลฟ์สไตล์ของตนเองได้อย่างลงตัว การแนะนำ The new Mercedes-Benz C-Class ในวันนี้จึงเป็นการนำเสนออีกหนึ่งทางเลือกของรถยนต์ซีดานขนาดเล็กที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ ด้วยขุมพลังดีเซลภายใต้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด” มร.โฟลเกอร์ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังพร้อมเชื่อมต่อประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราไร้ขีดจำกัดทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อผ่านการนำเสนอประสบการณ์พิเศษในทุกรายละเอียดที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งในเรื่องประสบการณ์การขับขี่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ผ่านหน้าจอต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่รายรอบบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ผ่านการพูดคุยกับ “ดิจิทัลไกด์” ที่ครอบคลุมและครบครันตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์

สำหรับไฮไลต์ของรถยนต์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาจัดแสดงภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ได้แก่

“The new Mercedes-Benz C-Class” เจเนอเรชันที่ 6 รหัส W206 คือเดอะนิวเบบี้ลักชัวรีที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ กับขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร พัฒนาใหม่พร้อมระบบ Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ แบบ 48V technology ทำให้ได้กำลังรวมมากถึง 200 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที และให้แรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที และทำความเร็วได้สูงสุด 245 ก.ม./ช.ม. พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-TRONIC) ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตและขนาดตัวรถที่กว้างขึ้นในทุกมิติ จึงช่วยมอบความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ส่วนดีไซน์ภายในก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ทั้งหน้าจอ LCD ความละเอียดสูง การปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางแบบ LED จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 11.9 นิ้วที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและมาตรฐานของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ได้รับการยกระดับขึ้นอีกขั้น

The new Mercedes-Benz C-Class มีจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่
– รุ่น C 220 d Avantgarde
– รุ่น C 220 d AMG Dynamic

“Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION” คือสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบที่พิเศษเหนือใครของรถยนต์สปอร์ตในแบบฉบับ Mercedes-AMG ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินแบบวี 6 สูบ BITURBO engine มอบพละกำลังที่แข็งแกร่งกับแรงม้าสูงสุด 390 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตรที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที มอบความเร็ว แรง และเร้าใจในชั่วพริบตาด้วยอัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4.7 วินาที

นอกจากนี้ยังเพิ่มความเร้าใจเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC ที่ทำให้การออกตัวพุ่งทะยานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ควบคุมการเข้าโค้งได้เฉียบคม ตอบโจทย์การขับขี่ทุกสภาพถนน ส่วนระบบเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G Transmission แบบใหม่ยังมาพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ เปิดโอกาสให้คุณรับประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างดีที่สุด ดีไซน์ภายนอกสะท้อนความเร้าใจตามแบบฉบับ AMG ได้อย่างลงตัว ส่วนดีไซน์ภายในพร้อมเปิดประสบการณ์สปอร์ตเหนือจินตนาการให้กับคุณ ผ่านการรวบรวมความสปอร์ตเหนือระดับมาให้คุณได้สัมผัสจิตวิญญาณของนักแข่งในที่เดียว

สำหรับแคมเปญพิเศษที่ไม่ควรพลาดสำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์หลากหลายรุ่น และสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

– สำหรับรุ่น A 200 AMG, GLB 200 Progressive และ GLS 350 d AMG Premium รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 3 ปี เมื่อทำสัญญามายสตาร์* กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ประเทศไทย
– สำหรับรุ่น C-Class, E-Class, GLC, GLC Coupé, C Coupé และ AMG 43 Coupé, GLC 43 Coupé และ AMG GLA 35 เลือกได้ 2 ทางเลือก ได้แก่
ฟรี MBSP Extra Guarantee ระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง หรือ
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 4 ปี เมื่อทำสัญญามายสตาร์* กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ประเทศไทย

*เงื่อนไขแถมฟรีประกันภัยเป็นไปตามที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ประเทศไทยกำหนด

ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อพบกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นต่าง ๆ นำโดย “The new Mercedes-Benz C-Class” และ “Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION” พร้อมรับข้อเสนอในแคมเปญ “Mercedes-Benz Reinvention of Tomorrow Offers” ได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ตั้งแต่ 23 มีนาคมถึง 3 เมษายนนี้ ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 เมืองทองธานี หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และข้อเสนอต่าง ๆ ได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

ไปชมทุกไอเท็มจาก Apple ที่เปิดตัวล่าสุดในงาน Apple Event นำโดย iPhone 13 สีเขียวอัลไพน์และ Mac Studio ที่มาพร้อมชิป M1 Max และ M1 Ultra ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา!

กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 13 ในโทนเขียวสวยสะดุดตาใหม่ล่าสุด

Apple® ประกาศเปิดตัวสีใหม่ 2 สีคือ สีเขียวอัลไพน์และสีเขียวสำหรับ iPhone® 13 Pro และ iPhone 13 กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 13 มาพร้อมกับดีไซน์ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับการเสริมให้ทนทานยิ่งขึ้นด้วยด้านหน้าแบบ Ceramic Shield™ อีกทั้งยังมีชิป A15 Bionic สุดล้ำ ประสบการณ์การใช้งาน 5G ขั้นสูง ระบบกล้องอันล้ำสมัยเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอที่สวยสะดุดตา และระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นแบบก้าวกระโดด iPhone 13 และ iPhone 13 mini ยังมีจอภาพ Super Retina XDR® ที่ให้สีสันสดใสขณะที่ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR พร้อม ProMotion® ที่ให้สีสันสดใส โดยมีอัตราการดึงข้อมูลใหม่แบบปรับได้ตั้งแต่ 10Hz จนถึงสูงสุด 120Hz iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์และ iPhone 13 สีเขียวใหม่จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม

 iPhone SE ใหม่: สมาร์ทโฟนที่ทรงพลังในดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ในราคาที่น่าคบหา!

 iPhone® SE ซึ่งเป็น iPhone ใหม่ที่ทรงพลังในดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมความสามารถและประสิทธิภาพที่เหนือชั้นในราคาที่ไม่น่าเชื่อ iPhone SE มาในดีไซน์แบบกะทัดรัดและทนทาน ที่จะทำงานร่วมกับ iOS 15 เพื่อมอบประสบการณ์หนึ่งเดียวแบบไร้รอยต่อ iPhone SE ใหม่มาพร้อมการอัปเกรดที่น่าประทับใจ ซึ่งประกอบด้วยประสิทธิภาพของชิป A15 Bionic ที่เป็นขุมพลังให้กับความสามารถสำหรับกล้องสุดล้ำ และมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าในแทบทุกด้าน เริ่มตั้งแต่การปรับแต่งรูปภาพไปจนถึงตัวเลือกที่ต้องอาศัยการประมวลผลหนักๆ อย่างการเล่นเกมหรือเทคโนโลยีความจริงเสริม iPhone SE มาในสามสีใหม่อันน่าทึ่ง — มิดไนท์ สตาร์ไลท์ และ รุ่น (PRODUCT)RED1 ทั้งยังรวมไปถึง 5G, ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น และความทนทานที่ได้รับการปรับปรุง 1 iPhone SE จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม

iPad Air ที่ทรงพลังและอเนกประสงค์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

 iPad Air® ใหม่พร้อมชิป M1 ที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งมอบประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด iPad Air มีวางจำหน่ายในสีสันใหม่ๆ และยังมาพร้อมกล้องหน้าอัลตร้าไวด์ใหม่พร้อมคุณสมบัติ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” เพื่อประสบการณ์การประชุมทางวิดีโอที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น, พอร์ต USB-C ที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และ 5G ที่เร็วสุดแรงในรุ่นเซลลูลาร์ ทั้งหมดนี้มาในราคาเริ่มต้นที่เอื้อมถึงได้เช่นเดิม กล้องสุดล้ำและการรองรับอุปกรณ์เสริมล่าสุดทำให้ผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่เป็นนักสร้างคอนเทนต์ เกมเมอร์ และนักเรียนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ ประสิทธิภาพการทำงาน และการแสดงความเป็นตัวเอง iPad Air ใหม่จะพร้อมให้สั่งซื้อและจะวางจำหน่ายในร้านค้าเร็วๆ นี้

ชิป M1 Ultra ชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

ชิป M1 Ultra ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวกระโดดครั้งสำคัญสำหรับ Apple Silicon และ Mac® โดยที่ชิป M1 Ultra นั้นมาพร้อมสถาปัตยกรรมการบรรจุชิปอันล้ำสมัยของ Apple ในชื่อ UltraFusion™ ที่เชื่อมต่อแผ่นวงจรชิป M1 Max สองตัวเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง SoC (System on Chip) ที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงทำให้ Mac Studio™ ใหม่มีพลังการประมวลผลที่แรงเหลือล้น แต่ยังคงมีประสิทธิภาพต่อวัตต์อยู่ในระดับชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมเช่นเดิม 

โดยที่ SoC ใหม่นี้ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ 1.14 แสนล้านตัว ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชิปคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ยิ่งกว่านั้น ยังสามารถปรับแต่งหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงและความหน่วงต่ำของชิป M1 Ultra ได้สูงสุดถึง 128GB สำหรับเรียกใช้โดย CPU แบบ 20-core, GPU แบบ 64-core และ Neural Engine แบบ 32-core เพื่อประสิทธิภาพที่สุดขั้วสำหรับนักพัฒนาที่คอมไพล์โค้ด, ศิลปินที่ทำงานในสภาพแวดล้อม 3D สุดอลังการในแบบที่ไม่เคยเรนเดอร์ได้มาก่อน และมืออาชีพด้านวิดีโอที่สามารถแปลงวิดีโอเป็น ProRes™ ได้เร็วขึ้นสูงสุด 5.6 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac Pro® แบบ 28-core ที่ติดตั้ง Afterburner®1

Mac Studio และ Studio Display แบบใหม่หมดดดเด่นด้วยประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมด้วยการเชื่อมต่อที่หลากหลายในดีไซน์สุดกะทัดรัด

Apple® เปิดตัว Mac Studio™ และ Studio Display™ ซึ่งเป็นเดสก์ท็อป Mac® และจอภาพที่ใหม่หมดในทุกรายละเอียด ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้มีครบทุกสิ่งที่ต้องการสำหรับการสร้างสตูดิโอในฝัน เริ่มจาก Mac Studio ที่พร้อมปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลด้วยขุมพลังอย่างชิป M1 Max และ M1 Ultra ใหม่ ซึ่งเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่โดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมด้วยการเชื่อมต่อที่หลากหลาย และความสามารถใหม่เอี่ยมอีกมากมายในดีไซน์สุดกะทัดรัดที่สามารถวางบนโต๊ะให้ผู้ใช้เอื้อมถึงได้ไม่ยาก เรียกได้ว่า Mac Studio เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยทำได้มาก่อนบนเดสก์ท็อปเครื่องไหน อย่างการเรนเดอร์สภาพแวดล้อม 3D ที่อลังการ และการเล่นวิดีโอ ProRes™ ได้ถึง 18 สตรีม

ในขณะที่ Studio Display คือคู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับ Mac Studio แถมยังใช้งานร่วมกับ Mac ทุกรุ่นได้อย่างสวยงามลงตัว เพราะมีทั้งจอภาพ Retina® 5K ขนาดใหญ่ 27 นิ้ว, กล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP พร้อมคุณสมบัติ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” และระบบเสียง 6 ลำโพงที่คมชัด พร้อมระบบเสียงตามตำแหน่ง ซึ่งเมื่อรวมกัน Mac Studio และ Studio Display พร้อมแล้วที่จะพลิกโฉมทุกพื้นที่ทำงานให้กลายเป็นขุมพลังสำหรับการสร้างสรรค์ ทั้งคู่จะเข้ามาเสริมทัพผลิตภัณฑ์ตระกูล Mac ที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Apple

ประสิทธิภาพของ Mac Studio พร้อมชิป M1 Max2

  • CPU เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว ที่เร็วที่สุดที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์แบบ 10-core สูงสุด 2.5 เท่า
  • CPU เร็วกว่า Mac Pro® พร้อมโปรเซสเซอร์ Xeon แบบ 16-core สูงสุด 50%
  • กราฟิกเร็วกว่า iMac® รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 3.4 เท่า และเร็วกว่า Mac Pro ที่มาพร้อมการ์ดกราฟิกรุ่นยอดนิยมเกิน 3 เท่า
  • แปลงวิดีโอได้เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 7.5 เท่า และเร็วกว่า Mac Pro แบบ 16-core สูงสุด 3.7 เท่า

ประสิทธิภาพของ Mac Studio พร้อมชิป M1 Ultra3

  • CPU เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว ที่เร็วที่สุดที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์แบบ 10-core สูงสุด 3.8 เท่า
  • CPU เร็วกว่า Mac Pro พร้อมโปรเซสเซอร์ Xeon แบบ 16-core สูงสุด 90%
  • CPU เร็วกว่า Mac Pro แบบ 28-core สูงสุด 60%
  • กราฟิกเร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 4.5 เท่า และเร็วกว่าการ์ดกราฟิกสำหรับ Mac ที่เร็วที่สุดที่มีจำหน่ายในปัจจุบันสูงสุด 80%
  • แปลงวิดีโอได้เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 12 เท่า และเร็วกว่า Mac Pro แบบ 28-core สูงสุด 5.6 เท่า

Apple ได้ปฏิวัติเทคโนโลยีส่วนบุคคลด้วยการแนะนำ Macintosh สู่ท้องตลาดตั้งแต่ปี 1984 ในวันนี้ Apple คือผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมด้วย iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ทั้งห้าของ Apple ได้แก่ iOS, iPadOS, macOS, watchOS และ tvOS มาพร้อมประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมบนอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่อง และเสริมสร้างการบริการที่ดีเยี่ยมแก่ผู้ใช้ รวมถึง App Store, Apple Music, Apple Pay และ iCloud พนักงานของ Apple กว่าแสนคนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก และทำให้โลกใบนี้ดีกว่าที่เคยเป็นมา

เรียบเรียง rhunrun

สร้างวันอันแสนประทับใจให้ยิ่งงดงามและสนุกสนานด้วย เอ็กซ์คลูซีฟ ไลน์ สติกเกอร์ จาก Bulgari ดาวน์โหลดได้เลยที่นี่

สร้างวันอันแสนประทับใจให้ยิ่งงดงามและสนุกสนานด้วย เอ็กซ์คลูซีฟ ไลน์ สติกเกอร์ จาก บุลการี ประเทศไทย ด้วยแรงบันดาลใจของไอคอนหญิงสาวผู้เปี่ยมเสน่ห์และสดใสของบุลการี เพิ่มเป็นเพื่อนกับ บุลการี ไลน์ ออฟฟิเชียล แอคเคานต์ @BVLGARITH เพื่อดาวน์โหลดสติกเกอร์เหล่านี้ได้แล้ว จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 

คลิกลิงค์เพื่อดาวน์โหลดสติกเกอร์ https://line.me/S/sticker/25394

เรียบเรียง rhunrun

BREITLING X TRIUMPH

พบกับการจับคู่นาฬิการะดับสุดยอด Breitling และรถจักรยานยนต์สุดหรู Triumph เป็นการร่วมมือครั้งใหม่อันน่าทึ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรม café-racer ในปี 1960 ซึ่งในยุคนั้นสายบิดกับการแข่งรถรุ่งโรจน์มาก และเกิดกระแส“café-racer” ซึ่งพวกเขาจะไปพบปะกันที่คาเฟ่จำหน่ายเครื่องดื่มพร้อมรถจักรยานยนต์ที่มีสไตล์ ซึ่งพวกเขาจะตระเวณไปตามคาเฟ่สุดฮิปต่างๆ นี่คือการร่วมมือของสุดยอดแห่งเวลาและความเร็วที่นานๆ ครั้งจะโคจรมาพบกัน ไม่ว่าสายบิดหรือสายนักสะสมนาฬิกาคงต้องหามาครอบครองกันแล้ว

Willy Breitling ตระเวณไปวัดความเร็วของนักบิดเปี่ยมสไตล์เหล่านั้นด้วยนาฬิกาที่เป็นรูปแบบใหม่ในการจับเวลา ผลลัพธ์ก็คือนาฬิกา Breitling Top Time Triumph ซึ่งเป็นนาฬิกาโครโนกราฟแหวกแนวที่ออกแบบมาสำหรับ “มืออาชีพรุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น” ทำให้เป็นนาฬิกายอดนิยมอย่างรวดเร็วสำหรับชายและหญิงออกแนวสปอร์ตที่ห้าวหาญ

วันนี้ จิตวิญญาณของ café-racer เปี่ยมเสรีแห่งทศวรรษ 1960 ได้กลับมาอีกครั้ง เป็นการทำงานร่วมกันแบบท็อปไทม์ครั้งใหม่ที่น่าตื่นเต้นระหว่าง Breitling และ Triumph รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษ และนับเป็นปีที่ 120 ที่ Triumph ผสมผสานงานฝีมืออันเก่าแก่เข้ากับการออกแบบร่วมสมัยเพื่อสร้างรถจักรยานยนต์คลาสสิก

“มรดกของ Triumph และความงามแบบย้อนยุคแต่มีความสมัยใหม่เป็นสองสิ่งที่เรามีเหมือนกัน” Georges Kern ประธานกรรมการบริหารของ Breitling กล่าว “การผสมผสานระหว่างประเพณีกับเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับสิ่งที่เราทำ”

สำหรับการเปิดตัวครั้งแรก Breitling ผลิตนาฬิกา Top Time Triumph ที่มีพื้นผิวขัดมันอันโดดเด่นในลวดลายโบว์ไทที่เรียกเล่นๆ ว่า “หน้าปัด Zorro” โดยนักสะสม Top Time ขณะเดียวกัน Triumph กำลังเปิดตัวรถจักรยานยนต์ The Speed Twin Breitling Limited Edition ซึ่งผู้ที่ได้ครอบครองจะมีโอกาสรับสิทธิพิเศษในการซื้อ Top Time Triumph รุ่นพิเศษด้วย โดยรุ่นนี้มีหน้าปัดแบบ Sunray และฝาหลังแบบจะแกะสลักที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั่นก็คือหมายเลขของจักรยานยนต์ที่คู่กัน (การสั่งซื้อกับ Triumph ภายในวันที่ 22 สิงหาคม 2022)

ความเจิดจรัสของนาฬิกาทั้งสองเรือนคือหน้าปัดสีน้ำเงินไอซ์บลู สีที่เป็นเอกลักษณ์นี้มีการอ้างอิงหลักสองประการ: Triumph Thunderbird 6T สีน้ำเงินจากปี 1951 และ Breitling Top Time Ref. สีน้ำเงินที่หายาก 815 จากปี 1970

ความโดดเด่นอื่นๆ ได้แก่ สายหนังลูกวัวในธีมรถแข่งที่ดูเรียบหรู ช่วยให้หน้าปัดเปล่งประกาย โลโก้ Breitling และ Triumph วางไว้อย่างประณีตที่ตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกา ปุ่มกดทรงดอกเห็ดขนาดใหญ่ช่วยควบคุมฟังก์ชันหยุด-เริ่มและรีเซ็ตของโครโนกราฟได้อย่างง่ายดาย และสเกลทาคีมิเตอร์คอนทราสต์สูงที่ให้ความชัดเจนในการอ่านค่าความเร็วอย่างเด่นชัด นาฬิกาใช้พลังงานจากกลไก Breitling Calibre 23 ซึ่งเป็นโครโนมิเตอร์ที่ได้รับการรับรองจาก COSC สามารถสำรองพลังงานได้ประมาณ 48 ชั่วโมง และอีกหนึ่งคุณลักษณะเจ๋ง ๆ ที่นักสะสมจะหลงรักนั่นก็คือ ฝาหลังสลักด้วยภาพร่างการออกแบบที่มีรายละเอียดของเครื่องยนต์แฝดของ Triumph
หน้าปัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 มม. Top Time Triumph จึงมีความพอเหมาะสำหรับชายและหญิงเช่นเดียวกับรุ่นดั้งเดิม สำหรับแฟน ๆ ของแบรนด์ Triumph และผู้ที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ Speed ​​Twin Breitling Limited Edition ก็คงต้องมีอย่างแน่นอน


Triumph Speed ​​Twin Breitling รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น รถจักรยานยนต์รุ่นพิเศษนี้จะมีการผลิตเพียง 270 คันเท่านั้น มาดูการออกแบบที่ร่วมสร้างสรรค์กันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน Polychromatic Blue ที่ปรากฏบนหน้าปัดของนาฬิกาโครโนกราฟ Top Time ซึ่งเป็นโทนสีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากรถมอร์เตอร์ไซค์ Triumph รุ่นอมตะในภาพยนตร์นักบิดที่เป็นตำนานจากปี 1953 เรื่อง The Wild One
สเปคสุดพรีเมี่ยมของรถจักรยานยนต์ด้วยระบบกันสะเทือนหลังแบบคู่หลัง Öhlins piggyback twin rear suspension units  ที่ปรับแต่งได้เต็มที่ เป็นสเปกที่สูงกว่า ผสานกับสมรรถนะ ความสามารถ และเทคโนโลยีของ Speed ​​Twin เจนเนอเรชั่นล่าสุด
รวมทั้งรายละเอียดเครื่องยนต์ที่ไม่ซ้ำใคร อุปกรณ์ตกแต่งคลัตช์อะลูมิเนียมกลึง Billet และ alternator พร้อมผิวเคลือบอะโนไดซ์สีเข้มแสดงโลโก้ Breitling ที่ทำขึ้นอย่างประณีต


เบาะหนังพรีเมี่ยมทำจากหนังสีดำเจาะรูพร้อมเย็บตะเข็บสีเทาตัดกันเชื่อมโยงดีไซน์กับสายนาฬิกา Top Time Triumph และโดดเด่นด้วยการปัก Breitling “B” อย่างหรูหรา
ปรับแต่งรายละเอียดแสดงผลความเร็วของรถ ร่วมออกแบบโดย Breitling มาตรวัดความเร็วและ RPM gauges ของรถจักรยานยนต์ใช้สไตล์เดียวกับการออกแบบหน้าปัดนาฬิกา Top Time Triumph
นี่คือการร่วมมือของสุดยอดแห่งเวลาและความเร็วที่นานๆ ครั้งจะโคจรมาพบกัน ไม่ว่าสายบิดหรือสายนักสะสมนาฬิกาคงต้องหามาครอบครองกันแล้ว

Grand Seiko เผยโฉมเรือนเวลาอิดิชั่นพิเศษเฉพาะบนช่องทางออนไลน์ พร้อมอัปเดตฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำจาก Virtual Boutique เพื่อยกระดับสู่ช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบ

เดินหน้ายกระดับสู่ช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบไปอีกขั้น Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำของโลก เผยโฉม The first Grand Seiko Boutique Online Exclusive Edition ครั้งแรกของการรังสรรค์เรือนนาฬิกาพิเศษที่นำเสนอขายเฉพาะบนช่องทางออนไลน์เท่านั้น ให้แฟนๆ และเหล่านักสะสมนาฬิกาได้ร่วมสัมผัสความพิเศษและเก็บไว้ในคอลเลคชั่นแล้ววันนี้ พร้อมพัฒนา 3 ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดใน Virtual Boutique: www.grandseikoboutiquethailand.com เพื่อตอบโจทย์การช้อปออนไลน์ที่เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น

หลังจากสร้างประสบการณ์ครั้งสำคัญสู่โลกออนไลน์ช้อปปิ้งด้วยการเปิดตัว Grand Seiko Virtual Boutique แห่งแรกของโลก โดยฝีมือการพัฒนาจากทีมงานของประเทศไทย ล่าสุด Grand Seiko ได้เปิดตัวเรือนเวลาพิเศษในงาน “The first Grand Seiko Boutique Online Exclusive Edition” รุ่น SBGA469 Grand Seiko Boutique Online Exclusive Edition ซึ่งจะจัดจำหน่ายเฉพาะบนช่องทางออนไลน์ให้เหล่าแฟนๆ ได้สัมผัสความงามและเก็บสะสม พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งาน Virtual Boutique ผ่าน VDO โฆษณาที่นำแสดงโดยลูกค้าคนสำคัญของแบรนด์อีกด้วย 

สำหรับ นาฬิการุ่น SBGA469 The First Grand Seiko Boutique Online Exclusive Edition ถูกออกแบบให้หน้าปัดมีสีน้ำเงิน katsuiro (คัตสึ-อิโระ) หนึ่งในเฉดสี Iindigo blue ซึ่งเป็นสีประจำของแบรนด์ pattern ลวดลายบนหน้าปัดได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ออกแบบให้มีลวดลายและ texture คล้ายกับโขดหินของเทือกเขา Hotake ที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกับ Shinshu watch studio ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ Grand Seiko Spring drive ตัวเรือนเป็น stainless steel ขนาด 40 mm และถูกนำไปผ่านกระบวนการ heat treatment ที่อุณหภูมิ 800 องศา เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานต่อการเกิดรอย ส่วนตัว movement เป็น spring drive +/- 1 วินาทีต่อวัน ซึ่งถือได้ว่าเที่ยงตรงที่สุดในโลกสำหรับนาฬิกาที่ operate โดยกระปุกลาน และยังสะสมพลังงานได้ถึง 72 ชั่วโมงอีกด้วย

แฟนๆ Grand Seiko และเหล่าคนรักนาฬิกา สามารถเข้าชมและช้อปออนไลน์ผ่าน Virtual Boutique บูติกเสมือนจริงแห่งแรกของ Grand Seiko บูติกที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในปัจจุบัน พร้อมรับบริการผ่านฟีเจอร์มากมายที่สะดวกสบาย ทันสมัย สัมผัสประสบการ์ที่มีคุณภาพแบบไร้รอยต่อ (Seamless Customer Experience) ได้แล้ววันนี้ ที่ www.grandseikoboutiquethailand.com

เรียบเรียง rhunrun