การฟังเพลงจะสนุกขึ้นเพียงใดหากหูฟัง ‘AirPods Max’ ของเรา มีดีไซน์สุดเท่ที่ไม่เหมือนใคร

เมื่อ ‘หูฟัง’ คือหนึ่งในสิ่งของติดตัว ที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว แม้กระทั่งอยู่ในบ้าน เราก็ต้องหยิบไอเท็มหูฟังนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างโลกอีกใบให้เราได้เข้าไปสนุกกับมัน และไอเท็ม ‘AirPods Max’ ก็นับว่าคือหนึ่งในไอเท็มของใครหลายๆ คนในยุคนี้ไปแล้ว แต่จะดีแค่ไหนหากเราหยิบหูฟังขึ้นมาจากกระเป๋า ไอเท็มของเรามีดีไซน์สุดเท่ไม่เหมือนใคร และยังสามารถดึงดูดสายตาคนรอบข้างให้หันมามองได้อีกด้วย เราได้ไปพบแอคเคาต์สุดเท่ นามว่า @yalocaloffgod นักออกแบบชาวญี่ปุ่น ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานเคสครอบหูฟังสุดเก๋ ที่มีดีไซน์ไม่เหมือนใคร หลากหลายดีไซน์ที่หนุ่มคนนี้ได้สร้างขึ้นมาและสวมใส่ให้เราได้เห็นภาพ บอกได้เลยว่าแต่ละชิ้น หากทำออกมาขายต้องมีกลุ่มคนเท่ๆ ต่อคิวซื้ออย่างแน่นอน เราได้นำผลงาน AirPods Max ในดีไซน์ต่างๆ มาฝากแฟนๆ ลอฟฟิเซียล ออมส์ กันแล้วครับ จะมีชิ้นไหนโดนใจเพื่อนๆ กันบ้าง เราไปชมกันเลยครับ!

10 ศิลปินไทย สร้างสรรค์ผลงานสุดครีเอตบนเคสโทรศัพท์ในงาน Bangkok Design Week 2023

CASETiFY แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมระดับโลก ร่วมกับผู้จัดงาน Bangkok Design Week 2023 จับมือ 10 ศิลปินไทย ดึงเอกลักษณ์ย่านที่มีเสน่ห์ของกรุงเทพฯ สู่งานดีไซน์บนเคสโทรศัพท์มือถือ เตรียมจัดแสดงผลงาน CASETiFY Masterpieces ณ ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันที่ 6 – 28 กุมภาพันธ์ 2566 นี้

เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2566 หรือ Bangkok Design Week 2023 ดำเนินการโดยสํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) : สศส. หรือ Creative Economy Agency (Public Organization) : CEA โดยในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 4 – 12 กุมภาพันธ์ 2566 ภายใต้ธีม ‘urban‘NICE’zation เมือง-มิตร-ดี’ ซึ่งเป็นพื้นที่สําหรับนักสร้างสรรค์จากสาขาต่าง ๆ ในการนําเสนอแนวคิดที่มีเป้าหมายในการ ‘ทําเมืองให้ดีขึ้น’ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันพัฒนาให้กรุงเทพฯ ดีขึ้นสําหรับวันข้างหน้า นอกจากนั้น กิจกรรมนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการผลักดันให้กรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือกเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก (UNESCO Creative City Network) ในสาขาด้านการออกแบบ (Bangkok City of Design) ร่วมกับผู้ร่วมจัดงานทั้งภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศกว่า 60 หน่วยงาน รวมถึงนักออกแบบและธุรกิจ สร้างสรรค์กว่า 2,000 ราย โดยมียอดผู้เข้าชมงานทั้งไทยและต่างประเทศรวมแล้วมากกว่า 400,000 คนในแต่ละปี

ความร่วมมือระหว่าง CASETiFY กับงาน BKKDW 2023 และ 10 ศิลปินไทยนั้น เป็นโปรเจกต์การออกแบบงานอาร์ตลงบนเคสโทรศัพท์มือถือของ CASETiFY ภายใต้ธีม ‘urban‘NICE’zation เมือง-มิตร-ดี’ โดยใช้แรงบันดาลใจจากเอกลักษณ์ของย่านที่โดดเด่นของกรุงเทพฯ แสดงฉากสร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวาตามมุมมองของศิลปินที่มีรูปแบบศิลปะที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลให้คอลเล็กชั่นนี้มีความชีวิตชีวาเหมือนกับเมืองกรุงเทพฯ โดย 1 ศิลปินได้ออกแบบคนละ 1 ย่าน อาทิ ย่านปากคลองตลาด, ตลาดน้อย เจริญกรุง, เยาวราช, สยาม เป็นต้น ศิลปินที่เข้าร่วมโปรเจกต์นี้เป็นศิลปินรุ่นใหม่ รวมถึงดีไซเนอร์ นักออกแบบ นักวาดภาพประกอบ ได้แก่ BDK, Jiranarong, Nakrob Moonmanas, Phayanchana, Eaowen, NATTHAPHORN, Kanith, Prang Vipaluk, faan.peeti และ Pnk.ff

แม้ว่าคอลเล็กชั่นนี้จะเป็นธีมเกี่ยวกับกรุงเทพฯ และงานออกแบบในกรุงเทพฯ แต่จะวางจำหน่ายที่ CASETiFY.com ทั่วโลก (มีจำหน่ายเฉพาะรุ่น iPhone 11-iPhone 14, Samsung S21 และ S22 series และ ZFlip 3 และ 4) ซึ่งจะเป็นเวทีระดับโลกในการแสดงออกถึงตัวตนของศิลปินไทย รวมถึงมีจำหน่ายที่ Pop Up Store Bangkok และจะจัดแสดงผลงานการออกแบบจากคอลเล็กชั่น CASETiFY Masterpieces ที่ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ ใกล้ประตูทางเข้า โดยเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม ตั้งแต่วันที่ 6 – 28 กุมภาพันธ์ 2566

ให้ทุกการ Brainstrom เป็นเรื่องง่าย Apple เปิดตัว Freeform แอปใหม่อันทรงพลังที่ออกแบบมาเพื่อการสร้างสรรค์คอนเทนท์ผ่านรูปภาพได้อย่างอิสระ

นนี้แอป Freeform พร้อมให้ใช้งานแล้วบน iOS, iPadOS, และ macOS เวอร์ชั่นล่าสุด โดยเป็นแอปที่เปิดให้ใช้งานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย Freeform ช่วยให้ผู้ใช้จัดระเบียบและจัดวางคอนเทนต์ลงบนผืนผ้าใบที่ยืดหยุ่นในรูปแบบภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ทุกคนดู แชร์ และทำงานร่วมกันได้ในที่เดียวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเลย์เอาท์หรือขนาดของหน้ากระดาษ ผู้ใช้สามารถเพิ่มไฟล์ได้หลากหลายประเภทและดูตัวอย่างได้เลยโดยไม่ต้องออกจากบอร์ด Freeform ซึ่งออกแบบมาเพื่อการทำงานร่วมกันช่วยให้การเชิญผู้อื่นมาทำงานร่วมกันบนบอร์ดเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย ผู้ใช้ยังสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นขณะที่โทร FaceTime ได้ด้วย บอร์ด Freeform จะถูกจัดเก็บอยู่ใน iCloud ผู้ใช้จึงสามารถซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้

ตัวอย่างการทำแอป Freeform ไปใช้งาน

  • FaceTime: ผู้ใช้สามารถวาดภาพร่วมกันได้ขณะ FaceTime เพื่อให้ผู้อื่นเห็นภาพไอเดียของคุณชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ด้านการศึกษาและกิจกรรมในห้องเรียน: คุณครูสามารถใช้ Freeform เป็นสื่อการเรียนการสอน โดยสามารถให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันทำงานบนผืนผ้าใบเดียวกันคนละมุม จากนั้นนำกลับมารวมกลุ่มและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันได้
  • Mood Boards หรือโปรเจคส์ต่างๆ: ผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันไอเดีย ภาพ reference และนำไปต่อยอดได้ โดยเฉพาะงานด้านการออกแบบต่างๆ ตลอดจนจัดงานอีเว้นต์ หรือแม้กระทั่งจัดงานแต่งงาน
  • การซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน: ถ้าหากกำลังวางแผนตกแต่งบ้านใหม่อยู่นั้น Freeform สามารถเป็นผืนผ้าใบที่ช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลเฟอร์นิเจอร์ สี รูปแบบการก่อสร้างไว้ในที่เดียวกันได้ โดยสามารถส่งต่อให้คนในครอบครัวสามารถเข้ามาดูและแบ่งปันความคิดเห็นลงไปได้เช่นกัน 
  • การท่องเที่ยว: ผู้ใช้งานสามารถวางแผนทริปที่กำลังจะเกิดขึ้นบนแอป Freeform ได้ โดยครอบคลุมได้ตั้งแต่สถานที่ที่ต้องการจะไป ร้านอาหาร แผนที่ เส้นทางการเดินทาง งบประมาณ รูปภาพ หรือแม้แต่เพลย์ลิสต์ท่ีอยากเปิดขณะเดินทาง
  • แฟชั่น: ผู้ใช้สามารถสเก็ตช์ ออกแบบเสื้อผ้า ตลอดจนออกแบบโชว์ ใส่ภาพแรงบันดาลใจต่างๆ ฯลฯ และแบ่งปันให้แก่ทีมงานของผู้ใช้งานได้

พื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกัน

ไม่ว่าผู้ใช้จะทำงานที่โต๊ะหรือทำงานระหว่างเดินทาง Freeform ก็มีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อสำหรับโปรเจ็กต์แบบสแตนด์อโลนหรือเมื่อทำงานร่วมกับผู้อื่น Freeform มาพร้อมความสามารถในการทำงานร่วมกันได้สูงสุด 100 คนบนบอร์ดเดียวกัน จึงเป็นพื้นที่ในการแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับผู้อื่น เมื่อทำงานในโปรเจ็กต์แบบกลุ่มหรือแม้แต่วางแผนวันหยุดพักผ่อนกับเพื่อนๆ

Freeform ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติการทำงานร่วมกันแบบใหม่ในแอปข้อความ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชิญผู้อื่นมาที่บอร์ด Freeform ได้ง่ายๆ เพียงแค่ลากลงในเธรดข้อความ สมาชิกทั้งหมดของเธรดนั้นจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมบอร์ดโดยอัตโนมัติและสามารถเริ่มทำงานร่วมกันได้ทันที เมื่อมีคนแก้ไข การอัปเดตกิจกรรมจะแสดงที่ด้านบนของเธรดข้อความ

ความพร้อมใช้งาน

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป Freeform จะใช้งานได้ฟรีบน iPhone, iPad และ Mac ทุกเครื่องที่รองรับ iOS 16.2, iPadOS 16.2 หรือ macOS Ventura 13.1

rhunrun เรียบเรียง

Nothing Ear (stick) นวัตกรรมสุดล้ำกับดีไซน์อ้างอิงหลักยศาสตร์เพื่อความสบายสูงสุด มาพร้อมกับเสียงที่สมจริงทรงพลังด้วยไดร์เวอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อพลิกโฉมวงการหูฟัง

Nothing ได้นำเสนอประสบการณ์ทางด้านเสียงที่ล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน กับหูฟัง Ear (stick) ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 29 ชั่วโมง มีไดร์เวอร์ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะขนาด 12.6 มม. และออกแบบมาในรูปแบบ half-in ear สามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย Nothing Ear (stick) ถ่ายทอดเสียงที่ทรงพลังอย่างแท้จริง มอบความรู้สึกเบาสบายในราคาเพียง 4,190 บาท

ออกแบบมาเพื่อความสบาย

ดีไซน์มาในรูปแบบ half-in-ear ที่ทำให้การสวมใส่สบายเป็นพิเศษ Ear (stick) มอบทางเลือกใหม่ให้กับผู้ใช้ในระบบEcosystem เสียงของ Nothing หูฟังที่มาในเคสทรงกระบอกขนาดกะทัดรัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของลิปสติก ตัวหูฟังอยู่ในระดับที่พอดีกับหู เพื่อให้สวมใส่ได้อย่างพอดีและเป็นธรรมชาติ ได้รับการออกแบบตามหลัก การยศาสตร์และผ่านการทดสอบกับผู้คนมากกว่า 100 คน Nothing Ear (stick) ให้ความรู้สึกเบาสบายราวกับไม่ได้สวมใส่ มีน้ำหนักเพียง 4.4 กรัมต่อข้าง เพื่อการใช้งานที่สะดวกตลอดทั้งวัน

เสียงที่ชัดเจน
สัมผัสเสียงที่มีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยไดร์เวอร์ไดนามิคที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะของ Nothing Ear (stick) ซึ่งเป็นหนึ่งในไดร์เวอร์ที่มีความไวที่สุดในตลาด มีขนาด 12.6 มม. ซึ่งสามารถที่จะให้ความลึกของเสียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยรายละเอียดเสียงสูงที่ชัดเจนและครบถ้วน ในขณะเดียวกันก็ยังมีขนาดที่เล็กพอสำหรับการสวมใส่ที่พอดี ให้ความสม่ำเสมอของเสียงแม้อยู่ในความถี่สูงสุดและต่ำที่สุด เพื่อประสบการณ์การรับฟังที่สมจริงอย่างทรงพลัง

เผยเทคโนโลยีใหม่อย่าง Bass Lock Technology ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่จะวัดรูปร่างของช่องหูที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ใช้แต่ละคนและความพอดีของหูฟัง และทำการตรวจเสียงเบสที่หายไประหว่างการสวมใส่ หลังจากนั้นเส้นโค้งของอีควอไลเซอร์จะปรับโดยอัตโนมัติไปยังระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ใช้ เพื่อให้เสียงมีความลึกและคมชัดทุกครั้ง

Clear Voice Technology 

Nothing’s Clear Voice Technology อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เพิ่มประสิทธิภาพให้ไมโครโฟนมีความละเอียดสูงสามตัว ทำงานร่วมกับระบบอัลกอริทึมที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และเพิ่มประสิทธิภาพการสนทนาของผู้ใช้ด้วยการป้องกันเสียงจากสิ่งแวดล้อมภายนอก


การเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ

Ear (stick) มีเสาอากาศที่ออกแบบใหม่ซึ่งอยู่ห่างจากใบหน้าเพื่อลดการปิดกั้นของสัญญาณ เมื่อคุณเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนของ Nothing Phone (1) ฟังก์ชันนี้จะสลับไปที่โหมดความหน่วงต่ำโดยอัตโนมัติเพื่อให้เสียงและกราฟิกตรงกันอย่างพอดี นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Android ได้อย่างง่ายดายด้วย Fast Pair[1]


Press Controls
ปุ่มควบคุมหูฟังถูกออกแบบมาเพื่อการสัมผัสที่แม่นยำมากขึ้นเป็นพิเศษ โดยปุ่มควบคุมหูฟังสามารถใช้งานได้แม้ในขณะที่นิ้วมือเปียก ผู้ใช้สามารถกดสั่งการผ่านก้านหูฟังเพื่อเปิดใช้งานระบบด้วยเสียงและปรับระดับเสียงได้อย่างง่ายดาย


ใช้ร่วมกับ Phone (1)

Phone (1) สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานร่วมกับ Ear (stick) ได้อย่างลงตัว เพราะการตั้งค่าและคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Phone (1) โดยตรง ทั้งในเรื่องของการควบคุมและการตั้งค่าของ EQ ในทุกย่านความถี่ของเสียงได้อย่างรวดเร็วผ่านการตั้งค่าด่วน เพื่อการฟังที่ราบรื่นและลงตัวที่สุดสำหรับคุณ สำหรับอุปกรณ์ Android และ iOS อื่น ๆ ฟังก์ชันทั้งหมดจะมีอยู่ในแอปใหม่ Nothing X app[2]

แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
Ear (stick) มาพร้อมกับเคสที่ถูกดีไซน์มาเป็นพิเศษ ด้วยสรีระที่ไม่ซ้ำใคร สามารถพกพาได้สะดวก ด้วยแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการฟังได้สูงสุดถึง 7 ชั่วโมงและรองรับการสนทนาการคุยโทรศัพท์ได้นานถึง3 ชั่วโมง อีกทั้งเคสยังบรรจุการชาร์จได้ถึง 22 ชั่วโมง ตัวหูฟังสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา เพียงใส่ในเคสในระยะเวลา 10 นาที ก็สามารถเพิ่มระยะเวลาการใช้งานได้สูงสุด 2 ชั่วโมง

จับคู่กับอุปกรณ์ Android ที่ใช้งานร่วมกันได้ทันที เพียงแค่เปิดเคสและกดปุ่มจับคู่ [2] แอปสามารถใช้งานได้กับ Android 5.1 ขึ้นไปและ iOS 11 ขึ้นไป

การวางจำหน่ายและราคา

Ear (stick) จะวางจำหน่ายที่ประเทศไทยในจำนวนจำกัดครั้งแรกที่ Carnival ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป และจะเริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ที่:

  • Dotlife ทุกสาขา
  • Nothing official store บน Shopee และ Lazada 
  • เว็บไซต์ KOAN 

rhunrun เรียบเรียง

coffin dodger 

t o n g


ไปชมทุกไอเท็มจาก Apple ที่เปิดตัวล่าสุดในงาน Apple Event นำโดย iPhone 13 สีเขียวอัลไพน์และ Mac Studio ที่มาพร้อมชิป M1 Max และ M1 Ultra ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา!

กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 13 ในโทนเขียวสวยสะดุดตาใหม่ล่าสุด

Apple® ประกาศเปิดตัวสีใหม่ 2 สีคือ สีเขียวอัลไพน์และสีเขียวสำหรับ iPhone® 13 Pro และ iPhone 13 กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 13 มาพร้อมกับดีไซน์ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับการเสริมให้ทนทานยิ่งขึ้นด้วยด้านหน้าแบบ Ceramic Shield™ อีกทั้งยังมีชิป A15 Bionic สุดล้ำ ประสบการณ์การใช้งาน 5G ขั้นสูง ระบบกล้องอันล้ำสมัยเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอที่สวยสะดุดตา และระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นแบบก้าวกระโดด iPhone 13 และ iPhone 13 mini ยังมีจอภาพ Super Retina XDR® ที่ให้สีสันสดใสขณะที่ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR พร้อม ProMotion® ที่ให้สีสันสดใส โดยมีอัตราการดึงข้อมูลใหม่แบบปรับได้ตั้งแต่ 10Hz จนถึงสูงสุด 120Hz iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์และ iPhone 13 สีเขียวใหม่จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม

 iPhone SE ใหม่: สมาร์ทโฟนที่ทรงพลังในดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ในราคาที่น่าคบหา!

 iPhone® SE ซึ่งเป็น iPhone ใหม่ที่ทรงพลังในดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมความสามารถและประสิทธิภาพที่เหนือชั้นในราคาที่ไม่น่าเชื่อ iPhone SE มาในดีไซน์แบบกะทัดรัดและทนทาน ที่จะทำงานร่วมกับ iOS 15 เพื่อมอบประสบการณ์หนึ่งเดียวแบบไร้รอยต่อ iPhone SE ใหม่มาพร้อมการอัปเกรดที่น่าประทับใจ ซึ่งประกอบด้วยประสิทธิภาพของชิป A15 Bionic ที่เป็นขุมพลังให้กับความสามารถสำหรับกล้องสุดล้ำ และมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าในแทบทุกด้าน เริ่มตั้งแต่การปรับแต่งรูปภาพไปจนถึงตัวเลือกที่ต้องอาศัยการประมวลผลหนักๆ อย่างการเล่นเกมหรือเทคโนโลยีความจริงเสริม iPhone SE มาในสามสีใหม่อันน่าทึ่ง — มิดไนท์ สตาร์ไลท์ และ รุ่น (PRODUCT)RED1 ทั้งยังรวมไปถึง 5G, ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น และความทนทานที่ได้รับการปรับปรุง 1 iPhone SE จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม

iPad Air ที่ทรงพลังและอเนกประสงค์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

 iPad Air® ใหม่พร้อมชิป M1 ที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งมอบประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด iPad Air มีวางจำหน่ายในสีสันใหม่ๆ และยังมาพร้อมกล้องหน้าอัลตร้าไวด์ใหม่พร้อมคุณสมบัติ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” เพื่อประสบการณ์การประชุมทางวิดีโอที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น, พอร์ต USB-C ที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และ 5G ที่เร็วสุดแรงในรุ่นเซลลูลาร์ ทั้งหมดนี้มาในราคาเริ่มต้นที่เอื้อมถึงได้เช่นเดิม กล้องสุดล้ำและการรองรับอุปกรณ์เสริมล่าสุดทำให้ผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่เป็นนักสร้างคอนเทนต์ เกมเมอร์ และนักเรียนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ ประสิทธิภาพการทำงาน และการแสดงความเป็นตัวเอง iPad Air ใหม่จะพร้อมให้สั่งซื้อและจะวางจำหน่ายในร้านค้าเร็วๆ นี้

ชิป M1 Ultra ชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

ชิป M1 Ultra ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวกระโดดครั้งสำคัญสำหรับ Apple Silicon และ Mac® โดยที่ชิป M1 Ultra นั้นมาพร้อมสถาปัตยกรรมการบรรจุชิปอันล้ำสมัยของ Apple ในชื่อ UltraFusion™ ที่เชื่อมต่อแผ่นวงจรชิป M1 Max สองตัวเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง SoC (System on Chip) ที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงทำให้ Mac Studio™ ใหม่มีพลังการประมวลผลที่แรงเหลือล้น แต่ยังคงมีประสิทธิภาพต่อวัตต์อยู่ในระดับชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมเช่นเดิม 

โดยที่ SoC ใหม่นี้ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ 1.14 แสนล้านตัว ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชิปคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ยิ่งกว่านั้น ยังสามารถปรับแต่งหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงและความหน่วงต่ำของชิป M1 Ultra ได้สูงสุดถึง 128GB สำหรับเรียกใช้โดย CPU แบบ 20-core, GPU แบบ 64-core และ Neural Engine แบบ 32-core เพื่อประสิทธิภาพที่สุดขั้วสำหรับนักพัฒนาที่คอมไพล์โค้ด, ศิลปินที่ทำงานในสภาพแวดล้อม 3D สุดอลังการในแบบที่ไม่เคยเรนเดอร์ได้มาก่อน และมืออาชีพด้านวิดีโอที่สามารถแปลงวิดีโอเป็น ProRes™ ได้เร็วขึ้นสูงสุด 5.6 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac Pro® แบบ 28-core ที่ติดตั้ง Afterburner®1

Mac Studio และ Studio Display แบบใหม่หมดดดเด่นด้วยประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมด้วยการเชื่อมต่อที่หลากหลายในดีไซน์สุดกะทัดรัด

Apple® เปิดตัว Mac Studio™ และ Studio Display™ ซึ่งเป็นเดสก์ท็อป Mac® และจอภาพที่ใหม่หมดในทุกรายละเอียด ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้มีครบทุกสิ่งที่ต้องการสำหรับการสร้างสตูดิโอในฝัน เริ่มจาก Mac Studio ที่พร้อมปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลด้วยขุมพลังอย่างชิป M1 Max และ M1 Ultra ใหม่ ซึ่งเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่โดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมด้วยการเชื่อมต่อที่หลากหลาย และความสามารถใหม่เอี่ยมอีกมากมายในดีไซน์สุดกะทัดรัดที่สามารถวางบนโต๊ะให้ผู้ใช้เอื้อมถึงได้ไม่ยาก เรียกได้ว่า Mac Studio เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยทำได้มาก่อนบนเดสก์ท็อปเครื่องไหน อย่างการเรนเดอร์สภาพแวดล้อม 3D ที่อลังการ และการเล่นวิดีโอ ProRes™ ได้ถึง 18 สตรีม

ในขณะที่ Studio Display คือคู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับ Mac Studio แถมยังใช้งานร่วมกับ Mac ทุกรุ่นได้อย่างสวยงามลงตัว เพราะมีทั้งจอภาพ Retina® 5K ขนาดใหญ่ 27 นิ้ว, กล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP พร้อมคุณสมบัติ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” และระบบเสียง 6 ลำโพงที่คมชัด พร้อมระบบเสียงตามตำแหน่ง ซึ่งเมื่อรวมกัน Mac Studio และ Studio Display พร้อมแล้วที่จะพลิกโฉมทุกพื้นที่ทำงานให้กลายเป็นขุมพลังสำหรับการสร้างสรรค์ ทั้งคู่จะเข้ามาเสริมทัพผลิตภัณฑ์ตระกูล Mac ที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Apple

ประสิทธิภาพของ Mac Studio พร้อมชิป M1 Max2

  • CPU เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว ที่เร็วที่สุดที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์แบบ 10-core สูงสุด 2.5 เท่า
  • CPU เร็วกว่า Mac Pro® พร้อมโปรเซสเซอร์ Xeon แบบ 16-core สูงสุด 50%
  • กราฟิกเร็วกว่า iMac® รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 3.4 เท่า และเร็วกว่า Mac Pro ที่มาพร้อมการ์ดกราฟิกรุ่นยอดนิยมเกิน 3 เท่า
  • แปลงวิดีโอได้เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 7.5 เท่า และเร็วกว่า Mac Pro แบบ 16-core สูงสุด 3.7 เท่า

ประสิทธิภาพของ Mac Studio พร้อมชิป M1 Ultra3

  • CPU เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว ที่เร็วที่สุดที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์แบบ 10-core สูงสุด 3.8 เท่า
  • CPU เร็วกว่า Mac Pro พร้อมโปรเซสเซอร์ Xeon แบบ 16-core สูงสุด 90%
  • CPU เร็วกว่า Mac Pro แบบ 28-core สูงสุด 60%
  • กราฟิกเร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 4.5 เท่า และเร็วกว่าการ์ดกราฟิกสำหรับ Mac ที่เร็วที่สุดที่มีจำหน่ายในปัจจุบันสูงสุด 80%
  • แปลงวิดีโอได้เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 12 เท่า และเร็วกว่า Mac Pro แบบ 28-core สูงสุด 5.6 เท่า

Apple ได้ปฏิวัติเทคโนโลยีส่วนบุคคลด้วยการแนะนำ Macintosh สู่ท้องตลาดตั้งแต่ปี 1984 ในวันนี้ Apple คือผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมด้วย iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ทั้งห้าของ Apple ได้แก่ iOS, iPadOS, macOS, watchOS และ tvOS มาพร้อมประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมบนอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่อง และเสริมสร้างการบริการที่ดีเยี่ยมแก่ผู้ใช้ รวมถึง App Store, Apple Music, Apple Pay และ iCloud พนักงานของ Apple กว่าแสนคนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก และทำให้โลกใบนี้ดีกว่าที่เคยเป็นมา

เรียบเรียง rhunrun

สร้างวันอันแสนประทับใจให้ยิ่งงดงามและสนุกสนานด้วย เอ็กซ์คลูซีฟ ไลน์ สติกเกอร์ จาก Bulgari ดาวน์โหลดได้เลยที่นี่

สร้างวันอันแสนประทับใจให้ยิ่งงดงามและสนุกสนานด้วย เอ็กซ์คลูซีฟ ไลน์ สติกเกอร์ จาก บุลการี ประเทศไทย ด้วยแรงบันดาลใจของไอคอนหญิงสาวผู้เปี่ยมเสน่ห์และสดใสของบุลการี เพิ่มเป็นเพื่อนกับ บุลการี ไลน์ ออฟฟิเชียล แอคเคานต์ @BVLGARITH เพื่อดาวน์โหลดสติกเกอร์เหล่านี้ได้แล้ว จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 

คลิกลิงค์เพื่อดาวน์โหลดสติกเกอร์ https://line.me/S/sticker/25394

เรียบเรียง rhunrun

Grand Seiko เผยโฉมเรือนเวลาอิดิชั่นพิเศษเฉพาะบนช่องทางออนไลน์ พร้อมอัปเดตฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำจาก Virtual Boutique เพื่อยกระดับสู่ช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบ

เดินหน้ายกระดับสู่ช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบไปอีกขั้น Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำของโลก เผยโฉม The first Grand Seiko Boutique Online Exclusive Edition ครั้งแรกของการรังสรรค์เรือนนาฬิกาพิเศษที่นำเสนอขายเฉพาะบนช่องทางออนไลน์เท่านั้น ให้แฟนๆ และเหล่านักสะสมนาฬิกาได้ร่วมสัมผัสความพิเศษและเก็บไว้ในคอลเลคชั่นแล้ววันนี้ พร้อมพัฒนา 3 ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดใน Virtual Boutique: www.grandseikoboutiquethailand.com เพื่อตอบโจทย์การช้อปออนไลน์ที่เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น

หลังจากสร้างประสบการณ์ครั้งสำคัญสู่โลกออนไลน์ช้อปปิ้งด้วยการเปิดตัว Grand Seiko Virtual Boutique แห่งแรกของโลก โดยฝีมือการพัฒนาจากทีมงานของประเทศไทย ล่าสุด Grand Seiko ได้เปิดตัวเรือนเวลาพิเศษในงาน “The first Grand Seiko Boutique Online Exclusive Edition” รุ่น SBGA469 Grand Seiko Boutique Online Exclusive Edition ซึ่งจะจัดจำหน่ายเฉพาะบนช่องทางออนไลน์ให้เหล่าแฟนๆ ได้สัมผัสความงามและเก็บสะสม พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งาน Virtual Boutique ผ่าน VDO โฆษณาที่นำแสดงโดยลูกค้าคนสำคัญของแบรนด์อีกด้วย 

สำหรับ นาฬิการุ่น SBGA469 The First Grand Seiko Boutique Online Exclusive Edition ถูกออกแบบให้หน้าปัดมีสีน้ำเงิน katsuiro (คัตสึ-อิโระ) หนึ่งในเฉดสี Iindigo blue ซึ่งเป็นสีประจำของแบรนด์ pattern ลวดลายบนหน้าปัดได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ออกแบบให้มีลวดลายและ texture คล้ายกับโขดหินของเทือกเขา Hotake ที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกับ Shinshu watch studio ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ Grand Seiko Spring drive ตัวเรือนเป็น stainless steel ขนาด 40 mm และถูกนำไปผ่านกระบวนการ heat treatment ที่อุณหภูมิ 800 องศา เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานต่อการเกิดรอย ส่วนตัว movement เป็น spring drive +/- 1 วินาทีต่อวัน ซึ่งถือได้ว่าเที่ยงตรงที่สุดในโลกสำหรับนาฬิกาที่ operate โดยกระปุกลาน และยังสะสมพลังงานได้ถึง 72 ชั่วโมงอีกด้วย

แฟนๆ Grand Seiko และเหล่าคนรักนาฬิกา สามารถเข้าชมและช้อปออนไลน์ผ่าน Virtual Boutique บูติกเสมือนจริงแห่งแรกของ Grand Seiko บูติกที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในปัจจุบัน พร้อมรับบริการผ่านฟีเจอร์มากมายที่สะดวกสบาย ทันสมัย สัมผัสประสบการ์ที่มีคุณภาพแบบไร้รอยต่อ (Seamless Customer Experience) ได้แล้ววันนี้ ที่ www.grandseikoboutiquethailand.com

เรียบเรียง rhunrun

‘SVM’ เปิดตัวคอลเลกชั่นฟอลล์-วินเทอร์ 2021 มอบความสุขส่งท้ายปีด้วยสีสันเท่ๆในแบบสตรีท สไตล์

SVM (เอสวีเอ็ม) แบรนด์เครื่องหนังแท้สัญชาติไทย เติมความมีชีวิตชีวาให้หนังเอ็กโซติก เปิดตัวสีใหม่ Bright Green หรือสีเขียวสุดอินเทรนด์ที่เพิ่มเข้ามาในคอลเลกชั่น SVM Fall – Winter 2021 (ฟอลล์-วินเทอร์ 2021) อันประกอบไปด้วย กระเป๋าสะพาย, กระเป๋าสตางค์ รวมไปถึงเคสโทรศัพท์ที่สามารถออกแบบตัวอักษรได้เอง ให้ความรู้สึก Street Luxury ที่ดูเรียบง่าย สนุกสนาน แต่แฝงไปด้วยความหรูหรา เหมาะอย่างยิ่งกับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี

สำหรับคอลเลกชั่นนี้ คีย์ไอเทมที่พลาดไม่ได้ คือ Rio Messenger Bag กระเป๋าขนาดกะทัดรัดรุ่นใหม่สามารถใส่ของจำเป็นได้ครบครัน โดดเด่นด้วยหนังจระเข้สี Bright Green ทำให้ได้ฟีลความสตรีทที่หรูหราและทันสมัย มาพร้อมสายสะพายที่สามารถปรับระดับได้ ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย เหมาะสำหรับหนุ่มเออเบิร์นสะพายไปทำงานในเมือง รวมไปถึงกระเป๋ารุ่นฮิตอย่าง Micro Gabriel กระเป๋าหนังเอ็กโซติกใบจิ๋วที่รวมทุกนิยามของผู้หญิง SVM ผ่านการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ดูทันสมัย สามารถสะพายข้างหรือคาดเอว เพิ่มดีเทลช่องซิปด้านในและที่ใส่บัตร 3 ช่อง ให้สาวๆแมทช์เข้ากับทุกชุดทั้งกลางวันและกลางคืน 

ส่งมอบของขวัญชิ้นพิเศษด้วยเครื่องหนังเอ็กโซติก จากแบรนด์ SVM และสัมผัสสีสันสตรีท สไตล์ ในคอลเลกชั่นSVM Fall – Winter 2021 ได้ที่ S’uvimol Flagship Store ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ ชั้น M ศูนย์การค้า สยามพารากอน, ช่องทางออนไลน์

Line Official – @maisonsvm 

Instagram – @maisonsvm 

เรียบเรียง rhunrun

Unbox หูฟังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกAirPods รุ่นที่ 3 ดีไซน์ใหม่ทั้งหมดพร้อมคุณสมบัติด้านเสียงสุดล้ำและแบตเตอรี่ใช้ฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมง

Unbox หูฟังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกAirPods® รุ่นที่ 3 พร้อมระบบเสียงตามตำแหน่ง คุณสมบัติขั้นสูงและประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ในดีไซน์ใหม่แบบโค้งมน การผสมผสานระหว่างพลังของชิป H1 เข้ากับดีไซน์อะคูสติกที่ออกแบบโดย Apple ทำให้ AirPods ใหม่สามารถมอบประสบการณ์การฟังสุดล้ำพร้อม EQ แบบปรับได้เองด้วยการใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์

ผู้ใช้จะได้เพลิดเพลินกับระบบเสียงตามตำแหน่งที่มาพร้อม Dolby Atmos ใน Apple Music®, ภาพยนตร์ และรายการทีวีพร้อมด้วยการติดตามศีรษะแบบไดนามิกบนอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple AirPods ใหม่นั้นมีความสามารถในการทนเหงื่อและน้ำ ทั้งยังมาพร้อมเซ็นเซอร์แรงกดเพื่อการควบคุมเพลงและการโทรที่ง่ายดายและเป็นธรรมชาติอีกด้วย ด้านอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นทำให้สามารถฟังได้นานถึง 6 ชั่วโมง1 และฟังได้นานถึง 30 ชั่วโมงด้วยเคสชาร์จที่ใช้งานสะดวก AirPods (รุ่นที่ 3)

AirPods (รุ่นที่ 3) วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 6,790 บาท ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

เรื่อง_เรียบเรียง rhunrun

บุกตลาดเกมส์ต่อเนื่อง Gucci กำลังจะมี collaboration ร่วมกับ XBOX ผู้ผลิตเกมส์ console ชื่อดัง!

บุกตลาดเกมส์ต่อเนื่อง Gucci กำลังจะมี collaboration ร่วมกับ XBOX โดย Microsoft ผู้ผลิตเกมส์ชื่อดัง โดยทั้งคู่ได้มีการแซวกันผ่าน account twitter และ IG เมื่อวานนี้เป็นเครื่องยืนยันครับ รอติดตามได้เลย!

เรื่องเรียบเรียง rhunrun