Apple เปิดตัว Black Unity Collection ซึ่งออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองและเชิดชูประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวผิวดำ โดยในคอลเลกชั่นนี้ประกอบด้วย Apple Watch Series 6 รุ่นพิเศษ, สายแบบ Sport Band รุ่น Black Unity และหน้าปัดนาฬิกา Unity หรือ “เอกภาพ” และในครั้งนี้ Apple ยังร่วมสนับสนุนองค์กรระดับโลก 6 แห่งเพื่อช่วยผลักดันพันธกิจขององค์กรในการส่งเสริมและบรรลุเป้าหมายด้านความเท่าเทียมกันและสิทธิพลเมืองทั้งในสหรัฐฯ และที่อื่นๆ ทั่วโลก อันได้แก่ Black Lives Matter Support Fund ผ่านทาง Tides Foundation; European Network Against Racism; International Institute on Race, Equality and Human Rights; Leadership Conference Education Fund; NAACP Legal Defense and Education Fund, Inc. และ Souls Grown Deep
สมาชิกชุมชนชาวครีเอทีฟผิวดำและพันธมิตรทั่วทั้ง Apple ได้ร่วมกันออกแบบสาย Apple Watch แบบ Sport Band และหน้าปัดนาฬิกา Apple Watch เพื่อเป็นเกียรติแก่การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทางเชื้อชาติที่ยังคงดำเนินอยู่ สายแบบ Sport Band รุ่น Black Unity ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเคลื่อนไหวทั้งในอดีตและปัจจุบันเพื่อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มีคำว่า “Truth. Power. Solidarity” สลักด้วยเลเซอร์อยู่ด้านในหมุดสแตนเลสสตีลสำหรับยึดสาย
Black Unity Collection เป็นการแสดงความเคารพต่อประเพณีและความประณีตในการถักเย็บของชุมชนชาวผิวดำที่มีมาอย่างยาวนาน และยังเป็นการเฉลิมฉลองสีของธงแพนแอฟริกัน ซึ่งประกอบด้วย สีแดง แทนสีของโลหิตที่รวมกลุ่มคนแอฟริกันพลัดถิ่น หรือ African Diaspora ให้เป็นหนึ่ง และการหลั่งโลหิตเพื่ออิสรภาพ, สีดำ แทนคนผิวดำซึ่งธงดังกล่าวนี้เองที่เป็นเครื่องยืนยันถึงการมีตัวตนของพวกเขา และสีเขียว แทนความมั่งคั่งทางธรรมชาติอันเขียวขจีของแอฟริกาซึ่งเป็นมาตุภูมิ สายแบบ Sport Band รุ่น Black Unity ทำมาจากยางฟลูโอโรอีลาสโตเมอร์สีสันต่างๆ หลายชิ้นที่นำมาประกอบด้วยมือและอัดขึ้นรูปเข้าด้วยกันเป็นชิ้นเดียว ส่วนหน้าปัดนาฬิกา “เอกภาพ” มาพร้อมลายที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามการเคลื่อนไหวของ Apple Watch (ชมวีดีโอ Unbox ได้ด้านล่างบน IGTV ของเราเลยครับ)
Apple Watch Series 6 รุ่น Black Unity และสายแบบ Sport Band รุ่น Black Unity จะวางจำหน่ายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ (ตาลเวลาประเทศสหรัฐอเมริกา)ส่วนหน้าปัดนาฬิกา “เอกภาพ” มาพร้อมกับ watchOS 7.3 ซึ่งพร้อมให้อัพเดทแล้ววันนี้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ Apple Watch ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมใหม่ในชื่อ Unity Activity Challenge เพื่อรับรางวัลพิเศษโดยการปิดวงแหวนการเคลื่อนไหว 7 วันติดต่อกันในเดือนกุมภาพันธ์
เป็นภาพยนตร์เรื่องโปรดของหลายๆคนโดยเฉพาะผู้หลงใหลในความเร็วและรถยนต์สำหรับ The Fast and The Furious โดยเฉพาะภาค Tokyo Drift ที่เรื่องราวเกิดขึ้นในญี่ปุ่นและรายล้อมไปด้วยรถซิ่งสุดคลาสสิคหลายคัน ล่าสุดแบรนด์สตรีทแวร์รุ่นใหญ่จากแอลเอ XLarge ก็หยิบหนังแฟรนไชส์นี้มาคอบแลปบอเรชั่นเสื้อผ้า
https://hommesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/cnewshttpshypebeast.comimage202101xlarge-fast-and-the-furious-collaboration-release-info-tw-820x360-1.jpg360820rhunrunhttps://hommesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/IMG_4282-300x104.pngrhunrun2021-01-21 15:25:032021-01-21 15:27:24พร้อมกลับมาซิ่งให้หายคิดถึง! XLARGE x The Fast and The Furious กับลายพิมพ์ซีนไอคอนิกจากภาพยนตร์รถซิ่งสุดยิ่งใหญ่
Apple เปิดตัว MacBook Air, MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว และ Mac mini รุ่นใหม่ ที่ขับเคลื่อนโดย M1 ชิพสุดล้ำตัวแรกที่ Apple ออกแบบมาเพื่อ Mac โดยเฉพาะ (ถือเป็นชิพที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา) M1 ช่วยพลิกโฉมหน้าประสบการณ์ของ Mac ครั้งใหม่ และด้วยประสิทธิภาพการทำงานต่อวัตต์ระดับชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ผสานเข้ากับ macOS Big Sur ทำให้ M1 มี CPU ที่ทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 3.5 เท่า, GPU ที่ทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่า,
ความสามารถด้านการเรียนรู้ของระบบ (ML) ที่เร็วขึ้นสูงสุด 15 เท่า และระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานขึ้นกว่าเดิมสูงสุด 2 เท่า ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอลเลกชั่นแอพสำหรับ Mac ที่มีจำนวนมากที่สุดกว่าที่เคย อันเป็นผลจากทั้ง M1 และ Big Sur เรียกว่า Mac รุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนโดย M1 มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานอันน่าทึ่งและคุณสมบัติใหม่ที่ไม่ธรรมดา ในราคาที่คุ้มค่า
MacBook Air: สุดยอดขุมพลังที่ทั้งบางและเบา
MacBook Air ถือเป็น Mac ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Apple และเป็นโน้ตบุ๊คขนาด 13 นิ้ว ที่ขายดีที่สุดในโลก โดย MacBook Air ที่มาพร้อมชิพ M1 สามารถทำงานได้เร็วขึ้นทุกด้าน ตั้งแต่การปรับแต่งรูปภาพครอบครัวไปจนถึงการส่งออกไฟล์วิดีโอสำหรับเว็บ การทำงานของ CPU แบบ 8-core ที่ทรงพลัง สามารถประมวลผลเร็วขึ้นสูงสุด 3.5 เท่า เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อน ขณะเดียวกัน GPU สูงสุด 8-core ก็ทำให้การประมวลผลกราฟิกเร็วขึ้นสูงสุด 5 เท่า ถือเป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับ MacBook Air อันทำให้เกมต่างๆ ที่เน้นกราฟิกและความสมจริงสามารถทำงานได้ที่อัตราความเร็วของเฟรมที่สูงกว่าเดิมอย่างมาก
นอกจากนี้การทำงานของ ML ยังเร็วขึ้นสูงสุด 9 เท่า ดังนั้นแอพต่างๆ ที่ใช้คุณสมบัติด้าน ML เช่น การรู้จำใบหน้าหรือการตรวจจับวัตถุ จึงสามารถประมวลผลโดยใช้เวลาเพียงเสี้ยวเดียวของที่ผ่านมา อีกทั้งตัวควบคุมตัวจัดเก็บข้อมูลและเทคโนโลยีแฟลชล่าสุดของชิพ M1 ยังให้ประสิทธิภาพด้าน SSD ที่เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า ทำให้การเรียกดูตัวอย่างรูปภาพขนาดมหึมาหรือการนำเข้าไฟล์ขนาดใหญ่จำนวนมาก สามารถทำได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย และชิพ M1 ใน MacBook Air ยังทำงานได้เร็วกว่าชิพอื่นที่อยู่ใน 98 เปอร์เซ็นต์ของแล็ปท็อป PC ที่จำหน่ายเมื่อปีที่ผ่าน MacBook Air ที่มาพร้อมชิพ M1 ซึ่งประหยัดพลังงานในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ยังมอบประสิทธิภาพผ่านดีไซน์แบบไม่มีพัดลม ดังนั้นไม่ว่าผู้ใช้จะกำลังทำอะไรก็ตาม ก็จะยังคงทำงานได้อย่างเงียบสนิท นอกจากนี้ MacBook Air รุ่นใหม่ยังมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษ สามารถท่องเว็บผ่านระบบไร้สายนานสูงสุดถึง 15 ชั่วโมง และสามารถเล่นวิดีโอนานสูงสุดถึง 18 ชั่วโมง เรียกว่ามีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดสำหรับ MacBook Ai
MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว: ทรงพลังยิ่งขึ้นและโปรยิ่งกว่าเดิม
MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ถือเป็นโน้ตบุ๊คระดับโปรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Apple เหล่านักศึกษาใช้เพื่อการเรียนในมหาวิทยาลัย และเหล่ามืออาชีพใช้เพื่อถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ และเมื่อ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว มาพร้อมชิพ M1 และ Big Sur ก็ทำให้ทรงพลังยิ่งขึ้นและโปรยิ่งกว่าเดิม โดย CPU แบบ 8-core ที่ทำงานร่วมกับระบบระบายความร้อนของ MacBook Pro มอบความเร็วที่เหนือกว่าเจเนอเรชั่นก่อนสูงสุดถึง 2.8 เท่า
ให้ประสิทธิภาพการทำงานในมิติใหม่ทั้งด้านการคอมไพล์โค้ด การแปลงไฟล์วิดีโอ การปรับแต่งรูปภาพความละเอียดสูง และอีกมากมาย ส่วน GPU แบบ 8-core นั้น ก็เร็วขึ้นกว่าเดิมสูงสุดถึง 5 เท่า ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่สุดจะราบรื่นไม่ว่าจะกำลังออกแบบเกมที่เน้นกราฟิกหรือออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ตาม และ M1 ยังทำให้ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ทำความเร็วได้เหนือกว่าแล็ปท็อป Windows ยอดนิยมระดับเดียวกันสูงสุดถึง 3 เท่า ขณะเดียวกัน ML ก็ทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 11 เท่า และหากพูดถึงการทำงานของ ML บนตัวเครื่องซึ่งใช้ Neural Engine ต้องบอกว่าปัจจุบัน MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ใหม่ล่าสุด ถือเป็นโน้ตบุ๊คระดับโปรรุ่นกะทัดรัดที่ทำงานได้เร็วที่สุดในโลก นอกจากนี้ MacBook Pro ยังมอบระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานกว่าเดิมสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อน และยังเป็นระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่บน Mac ที่ยาวนานที่สุด โดยสามารถท่องเว็บได้สูงสุด 17 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอได้นานถึงกว่า 20 ชั่วโมง
Mac mini: ประสิทธิภาพสุดทึ่งและดีไซน์สุดกะทัดรัด
Mac mini ถือเป็นคอมพิวเตอร์ที่อเนกประสงค์ที่สุดของ Apple และเมื่อมาพร้อม M1 ก็ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานอันสุดทึ่งและคุณสมบัติใหม่ ๆ อันตื่นตา ภายใต้ดีไซน์ที่แสนกะทัดรัด โดย M1 ช่วยมอบ CPU แบบ 8-core ที่มีประสิทธิภาพเร็วกว่าเจเนอเรชั่นก่อนสูงสุดถึง 3 เท่า สามารถเร่งความเร็วเวิร์กโหลดได้อย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการคอมไพล์โค้ดนับล้านบรรทัดหรือจัดการกับโปรเจ็กต์เพลงขนาดใหญ่แบบหลายแทร็คก็ตาม ส่วน GPU แบบ 8-core ก็ให้ประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่สูงขึ้นถึงกว่า 6 เท่า ทำให้ Mac mini สามารถรับมือกับงานที่เน้นประสิทธิภาพได้สบาย ๆ อาทิ การเรนเดอร์ 3D ที่ซับซ้อน
นอกจากนี้การทำงานของ ML ยังเป็นไปอย่างเหนือระดับกว่าเดิม ให้ประสิทธิภาพที่เร็วขึ้นสูงสุด 15 เท่า เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อน และหากเทียบกับเดสก์ท็อป Windows ในระดับราคาเดียวกัน ก็ชัดเจนว่า Mac mini นั้นมีขนาดตัวเครื่องที่เล็กกว่าถึง 1 ใน 10 เท่า อีกทั้งยังให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วกว่าสูงสุดถึง 5 เท่า
ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย
MacBook Air รุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท และ 29,600 บาท สำหรับนักศึกษา; MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 42,900 บาท และ 39,600 บาท สำหรับนักศึกษา; และ Mac mini รุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 22,900 บาท และ 22,200 บาท สำหรับนักการศึกษา