เอเชียผงาดอีกครั้ง!!! เกาหลีส่ง Project Silence เข้าฉาย Midnight Screening ในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2023

ปังไม่หยุดสำหรับประเทศเกาหลี ล่าสุดส่งภาพยนตร์แอ็คชั่น-ภัยพิบัติโปรเจ็กต์ยักษ์ Project Silence ไปเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2023 โดยภาพยนตร์นี้ได้รับคัดเลือกเข้าฉายในโปรแกรม Midnight Screening นอกสายประกวด ตามรอยภาพยนตร์รุ่นพี่อย่าง Train to Busan และ Hunt 

ภาพยนตร์เรื่อง Project Silence จะจัดฉายที่โรงภาพยนตร์ Lumière Grand Theater ในคืนวันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2023 เวลา 00.30 น. 

About Project Silence

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของคิมแทกอน (Familyhood / Sunshine Boys) นำแสดงโดยอีซอนคยุน (Parasite) และจูจีฮุน (Along with The God 1 และ 2) เล่าเรื่องราวการเอาตัวรอดของมนุษยชาติเมื่อหมอกหนาปกคลุมไปทั่วเมือง และทุกคนต้องฝ่าฟันภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์โลกเคยเผชิญไปด้วยกัน

สำหรับแฟนๆ ชาวไทย มงคลเมเจอร์คอนเฟิร์มแล้วว่า Project Silence เข้าฉายในไทยอย่างแน่นอน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เร็วๆ นี้

สิงหานี้ กรุงเทพฯ จะอบอุ่นไปด้วยบทเพลงจาก Bruno Major 

แฟนๆ ของ Bruno Major เตรียมเฮกับคอนเสิร์ต #HYHBKK Live! with Bruno Major ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 13 สิงหาคมนี้

โดย Bruno Major คือศิลปินชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักจากอัลบั้ม A Song for Every Moon (2017) ต่อด้วย To Let a Good Thing Die (2020) ที่ได้เสียงร้องและซาวด์ดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาถ่ายทอดความโรแมนติกของเพลงแบบที่ใครก็ทำไม่ได้

และเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม เขาก็ได้ปล่อยออร่าความโรแมนติกปนหวานเศร้าออกมาในเพลง We Were Never Really Friends และประกาศทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งก็มีประเทศไทยเป็นหนึ่งหมุดหมายของเขาด้วย

Have You Heard? นำเสนอคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของ Bruno Major ให้แฟนๆ ทุกคนในวันที่ 13 สิงหาคม 2023 นี้ที่ Voice Space

บัตรทั่วไปเริ่มขายตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2023 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไปทาง https://www.brunomajor.com

Volti Tascan Grill and Bar

ห้องอาหาร โวลติ เปิดให้บริการอีกครั้งภายใต้แนวคิดใหม่ “โวลติ ทัสคาน กริลล์ แอนด์ บาร์” ที่สายเนื้อต้องไม่พลาดเพราะจุดเด่นหนึ่งก็คือสเต๊กเนื้อที่ย่างจากเตาถ่าน แต่ใครไม่สายเนื้อก็มีอาหารสไตล์ทัสคานีที่เป็นจุดเด่นจากการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดมาปรุงอาหาร ด้วยเมนูที่พร้อมพรั่งทั้งอาหารเรียกน้ำย่อย พาสต้า รวมทั้งอาหารทะเลที่คัดมาสดๆ ปรุงในสไตล์ครัวในบ้านของชาวทัสคานีย์


เป็นการกลับมาอีกครั้งของห้องอาหารอิตาเลียน Volti ด้วยแนวคิดใหม่ “อาหารย่างในสไตล์ทัสคาน” ที่คุณพลาดไม่ได้ โดยห้องอาหาร โวลติ ทัสคาน กริลล์ แอนด์ บาร์ โฉมใหม่ นำเสนอความอร่อยจากเนื้อคุณภาพที่ดีที่สุดในโลก นำมาปรุงในสไตล์ทัสคานีย์แท้ด้วยการรมควันและย่างด้วยเตาถ่าน เริ่มจากเนื้อชั้นเยี่ยมอย่างเนื้อวากิวสายพันธุ์เลือดแท้ 100% (A5) ซึ่งเป็นเนื้อวากิวเกรดสูงสุดที่หายากที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีเนื้อแองกัสออสเตรเลีย (MBS3+) ที่ได้รับคะแนนสูงสุดของเนื้อแองกัสจากเมืองดาร์ลิงดาวน์ รัฐควีนส์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นเนื้อที่ได้รับรางวัลสเต็กเนื้อแองกัสที่ดีที่สุด โดยมีความโดดเด่นด้านเนื้อสัมผัสที่นุ่มและรสชาติเนื้อที่เข้มข้น อีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ได้แก่ F1 วากิว (MBS7+) ซึ่งได้รับคะแนนสูงสุดสำหรับเนื้อออสเตรเลียน F1 วากิว

เนื้อที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี พร้อมนำมาย่างบนเตาถ่านชาร์โคลที่ออกแบบโดยชาวออสเตรีย ราดด้วยไขมันวากิวหมักด้วยขิง และเสิร์ฟบนถาดเกลือหิมาลายัน เพื่อให้เนื้อสเต็กจะยังคงอุณหภูมิที่เหมาะสมไว้ในทุกคำที่ได้ลิ้มลอง

โวลติ ทัสคาน กริลล์ แอนด์ บาร์ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งพร้อมด้วย บรูโน เฟอร์รารี หัวหน้าพ่อครัว อิตาเลียนคนใหม่ เชฟบรูโนได้รับเลือกให้เป็น “เชฟและเจ้าของห้องอาหารรุ่นใหม่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศอิตาลี” โดยมิชลินไกด์ ประเทศอิตาลี และเขายังได้รับดาวมิชลินดวงแรกในปี พ.ศ. 2551 จากห้องอาหารเวียนตูริน (Wien Turin) ในเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

“โวลติให้ความสำคัญกับการเป็นตัวจริง เราภูมิใจที่ได้มอบสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นเมนูของโวลติจึงประกอบไปด้วยเนื้อเกรดพรีเมียมไปจนถึงส่วนผสมที่คัดสรรมาอย่างดีจากทั้งในและต่างประเทศ ส่วนประกอบแต่ละอย่างของแต่ละเมนูล้วนทำขึ้นเอง ตั้งแต่เส้นพาสต้า ไปจนถึง ลิมอนเชลโลที่ผสมขึ้นเอง เพื่อใช้เป็นเครื่องดื่มที่เสิร์ฟเมื่อจบมื้ออาหารที่แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ในทุกองค์ประกอบที่ทีมเชฟของเราทุ่มเทให้กับอาหารทุกจานที่เสิร์ฟให้กับแขกของเรา” เชฟบรูโนกล่าว

เร่ิมจากอาหารเรียกน้ำย่อยที่หลายๆ คนที่ติดใจรสชาติหนวดหมึกทะเลต้องชอบกับการปรุงที่ไม่ซับซ้อนแต่ทว่าความอร่อยอยู่ที่การคัดเนื้อหมึกที่สดมากๆ มาย่างไฟแบบพอสะดุ้งแล้วปรุงรสด้วยสมุนไพรต่างๆ ชูรสเด่นด้วยความเปรี้ยวของมะนาวเลมอน ความเค็มจากเนื้อหมึกรวมทั้งผิวหมึกที่กรอบจากการย่างไฟช่างเป็นรสสัมผัสที่สดชื่นนึกถึงบรรยากาศริมทะเล ส่วนพาสต้าที่มาในรูปแบบแผ่นแป้งสอดไส้พอคำที่เพิ่มรสด้วยซอสสูตรพิเศษ แต่สายเนื้อที่ยังไม่ถึงจานหลักอย่างสเต็กลองสั่งการ์ปัชโช ที่ทำจากเนื้อสไลด์บางๆ เหยาะน้ำมันมะกอกและน้ำส้ม โรยหน้าด้วยเนยแข็งและผักอารูกูลา(ผักโขมอิตาเลียน)รสชาติดีมาก เมื่อจานหลักมาถึง เนื้อสเต็กไม่ทำให้ผิดหวังเลย ด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยมของเนื้อและความเข้าใจในคุณภาพของเนื้อของเชฟที่ปรุงสุกมาแบบถนอมรสชาติแท้ๆ ของเนื้อแต่ละชนิดได้เป็นอย่างดี อยากจะสัมผัสความจุ้ยซี่ ความนุ่มละมุน ความละลายในปากของเนื้อชนิดใดเชฟสามารถทำให้ได้โดยไม่เสียคุรภาพของเนื้อชนิดนั้นๆ

ปิดท้ายด้วยของหวานที่เชฟทำออกมาได้โดดเด่นไม่แพ้อาหารจานหลักไม่ว่าจะเป็น Panna Cotta รสละเมียดหอมกลิ่นนม , Piedmont Hazelnut Gianduja แป้งทอดมากับซอสฮาเซลนัท และ Tartufo Nero ที่เป็นไอศกรีมรสทรัฟเฟิลบรรจุอยู่ภายในลูกบอลช็อกโกแลต ของหวานจานนี้คือพลาดไม่ได้จริงๆ

ทุกท่านสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศภายในห้องอาหารที่มีการตกแต่งในสไตล์อิตาเลียนร่วมสมัย สุดชิคในขณะชมทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยาและสระว่ายน้ำอันแสนร่มรื่นของโรงแรมฯ พร้อมจิบหลากหลายเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ในบรรยากาศสบายๆ ของเลานจ์ และบาร์ที่ชั้น 1 และชั้น 3 ของห้องอาหาร

ตื่นตาไปกับทักษะการปรุงอาหารของทีมพ่อครัวมืออาชีพที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลในรสชาติของอาหารทุกจานที่ทุกท่านสามารถรับชมได้จากครัวเปิดขนาดใหญ่ที่ชั้น 2 ของห้องอาหาร ในขณะที่กำลัง อิ่มอร่อยไปกับอาหารจานโปรด

นอกจากนี้ โวลติ ยังนำเสนอรายการไวน์นานาชนิดให้ทุกท่านได้เลือกลิ้มลองโดยได้รวบรวมไวน์ที่ดีที่สุดของประเทศอิตาลี คราฟต์เบียร์ที่ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถัน และสำหรับท่านที่ยังไม่จุใจกับรสชาติอาหารรมควัน ต้องไม่พลาดที่จะชิมหลากหลายเมนูค็อกเทลรมควันรสเลิศของโวลติ

โวลติ ทัสคาน กริลล์ แอนด์ บาร์ เปิดให้บริการอาหารมื้อค่ำในทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ทีมเชฟของเรายังสามารถรังสรรค์เมนูพิเศษสำหรับรับรองแขกจำนวน 10 ถึง 100 ท่าน ทำให้โวลติเป็นห้องอาหารที่เหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์ทางธุรกิจ งานเลี้ยงฉลองต่างๆ แบบส่วนตัว อาหารค่ำมื้อพิเศษภายในครอบครัว รวมถึงงานหมั้น และงานแต่งงานอีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ แผนกสำรองที่นั่งห้องอาหาร โทร. 0 2236 7777 หรือ อีเมล restaurants.slbk@shangri-la.com www.Shangri-La.com

LAUV กลับมาอีกแล้วกับ ‘lauv the between albums tour bangkok’!!!

มาเมืองไทยบ่อยจนควรจะตั้งรกรากที่นี่ได้แล้ว กับหนุ่ม LAUV ที่ในคราวนี้กลับมากับคอนเสิร์ต ‘lauv the between albums tour’ ที่จะจัดขึ้นที่ฮอลล์ 1-4 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ 

และในครั้งนี้ LAUV ยังเพิ่มความพิเศษโดยควงศิลปินรับเชิญพิเศษอย่าง Alexander 23 สมาชิกไลฟ์เนชั่นเทโรพรีเซลส์ในวันที่ 5 พฤษภาคม (10.00 – 22.00 น.) และเปิดจำหน่ายรอบทั่วไปในวันที่ 6 พฤษภาคม ตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไปที่ livenation.co.th 

Road to Sonic Bang 2023 กลับมาแล้วววววว!!!

หลังจากห่างหายไปนานมากกกกก (กอไก่หลายตัวจริงๆ) จนแทบจะลืมไปแล้ว แต่ในวันนี้ Road to Sonic Bang 2023 กลับมาเยือนประเทศกรุงเทพฯ อีกครั้งแล้ว!!! 

โดยครั้งนี้ จัดงานต้อนรับวันแม่ 12 สิงหาคม ณ อิมแพ็คเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-6 เมืองทองธานี พร้อมไลน์อัพสุดปังนำทีมโดย LANY และ Valley เป็นตัวแทนฝั่งตะวันตก ตามด้วย ADOY จากประเทศเกาหลีใต้ Nulbarich และ Burnout Syndromes จากประเทศญี่ปุ่น พ่วงด้วย HYBS จากประเทศไทย ในฐานะตัวแทนฝั่งตะวันออก 

และนี่ยังประกาศไลน์อัพไม่หมดนะ!!! รอลุ้นไลน์อัพที่สองกันได้เลย 

แต่ถ้าใครพร้อมเสียเงินแล้ว บัตรรอบ early bird จำหน่ายตั้งแต่ 10.00 น. วันที่ 6 พฤษภาคม ถึงเวลา 22.00 น. วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ livenation.co.th และไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา

MASIWEI บุกเดี่ยวกับ ‘2023 World Tour Part 3 in Bangkok’ ณ ประเทศกรุงเทพฯ แล้ว!!!

MASIWEI ลีดเดอร์ของวงฮิปฮอปอย่าง Higher Brothers ที่ได้รับการอวยยกมงให้ว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ทำให้วงการฮิปฮอปของจีนผงาดสู่สายตาชาวโลก และทำให้เพลงฮิปฮอปกลับมาเป็นที่นิยมในประเทศจีน และเป็นตัวจี๊ดของค่ายดังอย่าง 88rising ไม่ได้ทำแค่เพลงของวงเท่านั้น แต่เขายังมีผลงานโซโล่ของตัวเอง และร้องเพลงประกอบภาพยนตร์แอ็คชั่นของค่ายมาร์เวลอย่าง Shang-Chi อีกด้วย

และในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ เขาจะมาจัดทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวของเขา MASIWEI 2023 WORLD TOUR: PART 3 IN BANGKOK ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ 

สมาชิกไลฟ์เนชั่นเทโร ซื้อบัตรได้ตั้งแต่วันพุธที่ 3 พฤษภาคม (10.00 – 22.00 น.) ที่ bit.ly/MASIWEIPS

บัตรปกติขายตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมเป็นต้นไป ที่ bit.ly/MASIWEIBKK23

Maho Rasop Festival คัมแบ็คอย่างยิ่งใหญ่!!!

หลังจากอัดอั้นห่างหายจากการจัดเทศกาลดนตรีไปอย่างยาวนานในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในปีนี้ เทศกาลดนตรีและคอนเสิร์ตต่างตบเท้ากลับมาจัดกันอย่างครื้นเครง ในส่วนของ Maho Rasop Festival ที่จัดงานเฟสติวัลได้ติดอกติดใจแฟนๆ มาแล้วหลายครั้ง ก็ประกาศเฮดไลน์เนอร์คนแรกของงานแบบปังสุด

วงโพสต์-ฟังก์จากกรุงนิวยอร์กอย่าง Interpol ตอบรับขึ้นเป็นเฮดไลน์เนอร์คนแรกของงาน Maho Rasop Festival และรับประกันได้เลยว่า จะมีศิลปินอีกมากมายตบเท้าเข้ามาร่วมงานอย่างแน่นอน

โดยงาน Maho Rasop Festival 2023 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2023 ณ ESC Park รังสิต 

บัตรเปิดขายแล้วที่แอพพลิเคชั่น The Concert หรือที่ https://www.theconcert.com/concerts/maho-rasop-festival-2023

เกิดอะไรขึ้นกับ ‘Lewis Capaldi’ กับอาการของนักร้องเสียงพราวเสน่ห์ ที่เป็นไวรัลใน Tiktok

เชื่อเหลือเกินว่าหากพูดชื่อเพลง ‘Wish You The Best’ ขึ้นมาแล้ว คงมีหลายๆ คนที่ยกมือและบอกว่าเพลงนี้เป็นหนึ่งในใจของใครหลายๆ คนไปแล้ว เพราะหลังจากที่ปล่อยออกมาได้ไม่นาน เพลงนี้ก็ได้มียอดวิวพุ่งทยานไปแตะ 11 ล้านวิวแล้วครับ บทเพลงสุดซึ้งที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นบทเพลงของ Lewis Capaldi นักร้อง, นักแต่งเพลงหนุ่มชาวสกอตแลนด์นั่นเอง และหากใครที่เล่น Tiktok บอกได้เลยว่าเพลงนี้ ต้องถูกเข้ามาอยู่ในฟีดของใครหลายๆ คนแน่นอน

และหนึ่งในคลิปที่เป็นไวรัลอยู่ใน TikTok ขณะนี้ กับเหล่าแฟนคลับที่ช่วยกันร้องเพลง Someone You Loved จนจบเพลง ในขณะที่ Lewis Capaldi มีอาการผิดปกติ หลายคนที่มาพบเจอคลิปนี้โดยบังเอิญอาจจะสงสัย ว่าเพราะเหตุใดกันหนุ่ม Lewis Capaldi ถึงมีอาการไม่ปกติบนเวทีคอนเสิร์ต เราขอมาไขข้อข้องใจของหลายๆ คนให้ทราบกันอีกครั้ง หนุ่มเสียงพราวเสน่ห์คนนี้มีอาการป่วย ผิดปกติทางร่างกายกับโรคที่มีชื่อว่า Tourette Syndrome (ทูเร็ตต์ ซินโดรม) โดยโรคนี้จะมีความผิดปกติทางระบบประสาท ทำให้มีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ หรือเปล่งเสียงซ้ำๆ จึงทำให้ช่วงที่ร้องเพลง Someone You Loved เกิดเป็นโมเมนต์สุดประทับใจ ทุกคนต่างเปร่งเสียงช่วยร้อง และทำให้หลายๆ คนได้น้ำตาซึมได้เป็นแถว

@leyla.uzz Magical🥺. #lewiscapaldi #foryou #foryoupage #viralvideo #trending #antwerpen #belgium #lewiscapalditour ♬ origineel geluid – leyla
@mimsconcerts His Tourette wouldn’t let him finish this song but we will always support you @Lewis Capaldi 🫶🏽 #someoneyouloved ♬ original sound – mims

อย่างไรก็ตามในเดือนพฤษภาคมนี้ เขาก็จะเตรียมปล่อยอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อว่า ‘Broken By Desire To Be Heavenly Sent’ ออกมาให้เราได้ฟังกันแล้ว เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ส่งไปให้หนุ่มคนนี้ได้มีสุขภาพที่หายเป็นปกติในเร็ววัน และอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะออกมา เราเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่มีแฟนคลับรักและหลงไหลในเสียงอันพราวเสน่ห์นี้อย่างแน่นอนครับ

“Jackson Wang” ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ “Cheetah” พร้อมความ

กับการแสดงสุดปังบนเวทีโคเชลลา “แจ็คสัน หวัง” ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ “Cheetah” เพลงดนตรีเข้มข้น พร้อมมิวสิควิดีโอจินตนาการสุดบรรเจิด ให้ได้ฟังได้ชมกันแล้ว

หลังขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรีโคเชลลา 2023 สองสัปดาห์ซ้อน ที่สร้างความประทับใจให้ทั้งผู้ชมและสื่อหลากหลายสำนัก แจ็คสัน หวัง (Jackson Wang) ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่มาให้แฟน ๆ ได้ปลื้มกันแบบไม่ขาดตอน ด้วยเพลง “Cheetah” เพลงที่ตัวดนตรีมีเสน่ห์ชวนหูเหลือเกิน

เมื่อ แจ็คสัน หวัง และสองโปรดิวเซอร์ Jacob Ray (เจค็อบ เรย์) ที่อยู่เบื้องหลังเพลงดัง ๆ ขอNiki, Rich Brian และ Alison Wonderland กับ Max ที่ทำงานกับ Katy Perry, Taylor Swift และ The Weeknd นำจังหวะและสำเนียงของดนตรีแจซใส่เข้ามาใน “Cheetah” ได้อย่างลงตัว ทำให้เพลงนี้ฟังแปลกหู มีความน่าสนใจตั้งแต่เสียงแรกของดนตรี และยังแสดงให้เห็นถึงคุณภาพในการทำงานเพลงของ “แจ็คสัน หวัง” ที่ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ รวมถึงสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนเพลงได้ทุกครั้ง เมื่อปล่อยผลงานออกมา

ไม่ต่างไปจากการแสดงสดในเทศกาลดนตรีโคเชลลา ที่ “แจ็คสัน หวัง” เซอร์ไพรส์แฟน ๆ ด้วยการดึงสาวเก่ง Ciara มาร่วมโชว์ในเพลง “Slow” ก่อนที่เขาจะไปเป็นแจมกับเธอบ้างในเพลง “1, 2, Step” บนเวทีของฝ่ายหญิง ซึ่งสื่อใหญ่อย่าง Rolling Stoneถึงกับบอกว่า “นี่คือคู่สุดเซอร์ไพรส์ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า อยากให้ทั้งคู่ร่วมงานกันขนาดไหน”

โดยการแสดงในเทศกาลดนตรีโคเชลลาในปีนี้ของ “แจ็คสัน หวัง” ยังทำให้เขากลายเป็นศิลปินเดี่ยวชาวจีนคนแรก ที่ได้ขึ้นแสดงโชว์ของตัวเองในงานนี้ถึง 2 ครั้ง หลังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นศิลปินเดี่ยวชาวจีนคนแรก ที่ได้เล่นบนเวทีหลักของโคเชลลา จากการแสดงครั้งแรกเมื่อปี 2022

นอกจากจะปล่อยเพลงใหม่ “Cheetah” ให้ฟังแล้ว “แจ็คสัน หวัง” ยังส่งมิวสิกวิดีโอ ที่ทำออกมาได้อย่างแปลกตา ให้ได้ชมกันอีกด้วย ด้วยการจัดจินตนาการสุดบรรเจิด โดดเด่นทั้งบรรยากาศ และสไตล์การนำเสนอ ที่กลมกลืนกับซาวนด์และจังหวะจะโคนของดนตรีแจซในเพลงได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้กำกับก็ไม่ใช่ใครอื่น ตัวเขาที่ทำหน้าที่นี้ร่วมกับ ฌอน ลีว (Sean Lew) นั่นเอง

ชมมิวสิควิดีโอ “Cheetah” และเพลงอื่น ๆ รวมถึงคลิปต่าง ๆ ของ “แจ็คสัน หวัง” กันได้จาก ยูทูบ: Jackson Wang

และฟัง “Cheetah” กับทุกเพลงจากอัลบั้มล่าสุดของหนุ่มเก่งรายนี้ ‘Magic Man’ ได้แล้วจากทุกบริการสตรีมมิง  : https://wmth.lnk.to/Cheetah โดยวอร์นเนอร์ มิวสิค

บทสัมภาษณ์และการเติบโตขึ้นทุกวันกับ ‘Three Man Down’

Photographer: Napat Gunkham

Stylist: Teeratat Somudomsup

หลังจากที่ปล่อยเพลง ‘ปล่อยให้เวลา’ ‘น้อง’ และ ‘ไหนว่าเลิกแล้ว’ ออกมาให้แฟนๆ เห็นทิศทางการเติบโตของวงไปเรียบร้อยแล้ว ลอฟฟีเซียล ออมส์ ก็ชวนกิต – กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์, ตูน – พีรพล เอี่ยมจำรัส, เส็ง – วิศรุต ปฐมสิริไพศาล และเต – เตธนันท์ วงศ์ปรีชาโชค มาคุยกันถึงเรื่องการเติบโต เปลี่ยนแปลง และบางสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางการเป็น Three Man Down 

ทิศทางเดิม การตีความใหม่

“เป็นทิศทางเดิมนะครับ” กิตรับบทตัวเปิดเมื่อเราตั้งข้อสังเกตว่า เพลง ‘ปล่อยให้เวลา’ นั้น วงดูเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเนื้อหาเอ็มวี และดนตรี “แต่เป็นอีกมุมมองหนึ่งมากกว่า จริงๆ แล้วพวกเราก็เคยทำเพลงแบบนี้อยู่แล้วนะ แต่ช่วงก่อนๆ พวกเรายังสนุกกับสิ่งอื่นอยู่ พอมาตอนนี้ เราอยากทำสิ่งนี้ มันก็ยังเป็นตัวพวกเราเหมือนเดิมน่ะครับ” 

เตรีบเสริมว่าพาร์ทดนตรีที่เราเห็นว่าเปลี่ยนไปนั้น มันคือ DNA เดิมๆ ของวง “มันอยู่ในสายเลือดครับ” เสียงเขาหนักแน่น “เพราะเราใช้สกิลล์เก่าๆ ของเรามาประยุกต์ใช้ให้เพลงมันฟังดูโมเดิร์นเฉยๆ อัลบั้มแรกอาจจะฟังไม่ใช่แบบนี้ เพราะเราอาจจะทำทุกอย่างไปตามความเชื่อของเราในยุคนั้น แต่กับความเชื่อในยุคนี้ มันเหมือนย้อนกลับไปเอาวัยเด็กของเราคืนมา ผมเลยรู้สึกเหมือนเราย้อนกลับไปเล่นดนตรีเหมือนวัยรุ่นอีกครั้งน่ะครับ” ซึ่งเส็งก็รีบต่อทันทีว่า “พวกเราชอบเพลงร็อคอยู่แล้วครับ” ตูนสำทับว่า “ตอนนี้ก็ทำเพลง ทำดนตรีตามใจตัวเอง เอาวัยเด็กของพวกเรากลับมาอีกครั้ง” 

Three Man Down เรียกได้ว่าเป็นวงร็อคที่ยืนระยะมาได้สักพักแล้ว พวกเขาคิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้วงยังเป็นวงอยู่ในทุกวันนี้กันนะ “ผมว่าพวกเรามีคาแรกเตอร์ที่คล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน ทุกคนมีความฝันใกล้ๆ กัน แต่มีความชอบ และความถนัดไม่เหมือนกัน มันเลยทำให้วงเราเป็นส่วนผสมที่มีหลายรสชาติ คนหนึ่งก็ชดเชยอีกรสชาติที่อีกคนหนึ่งหายไป ทั้งเรื่องดนตรีที่ทำให้เราสามารถช่วยแทนกันได้ในแต่ละท่อน ถือเป็นข้อดีนะครับ เพราะถ้าเราเหมือนกันหมด คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจเราก็ได้นะครับ” เตตั้งข้อสังเกต “และ DNA ของวงมันค่อนข้างมีความเป็นเพื่อนสูงอยู่แล้วนะครับ มันเลยรู้สึกว่าคุยกันได้ ชดเชยกันได้ ช่วยเหลือกันได้ทั้งในเรื่องการทำงาน และการอยู่ร่วมกันนะครับ” นี่คือคำตอบจากเต 

“จริงๆ แล้ว Three Man Down เป็นวงที่วางแผนล่วงหน้าไม่ไกลมากนะครับ ปีต่อปีเท่านั้นเอง” ตูนตอบคำถามที่ว่าด้วยความพึงพอใจของสมาชิกที่มีต่อภาพลักษณ์ของวงในปัจจุบัน “พวกเราค่อยๆ ขยับไปทีละอัลบั้ม อัลบั้มแรกก็มองว่าจะทำเพลงป็อปร็อค ซาวด์เฉียบๆ ก็ทำตามแผนนั้นที่วางไว้ ส่วนตอนนี้ เราเปลี่ยนแผนใหม่ ลองใส่ส่วนผสมใหม่ๆ เข้าไป ฉะนั้น ถ้าจะถามว่าวงเราเป็นวงประเภทไหน ผมไม่อยากจะไปจำกัดความหรอกครับ เพราะแนวดนตรีมันเปลี่ยนไปได้ตลอด วงดนตรีวงหนึ่งสามารถขยับไปในทิศทางใหม่ๆ ได้ ไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบรับที่ดี หรือแย่ มันก็ควรจะขยับนะครับ” 

“ส่วนตัวผมรู้สึกว่าพวกเราพอใจกับการเดินทางของ Three Man Down มาเรื่อยๆ อยู่แล้วนะครับ” เส็งเสริม “เพราะมันเกิดจากตัวเราจริงๆ ทุกแผนที่เราคิด เราได้เช็คพ้อยท์กันมาเรื่อยๆ เราไม่เคยไม่รู้สึกไม่โอเคกับวง เพราะสิ่งที่เราเคยคุยกัน มันยังคงเป็นแนวทางนี้อยู่ครับ” ซึ่งเตก็รีบสำทับว่า “ถ้าวันหนึ่งเราไปไม่ถึงจุดเช็คพ้อยท์ที่เราคุยกันไว้ เราอาจจะหาวิธีการที่มันสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อไปถึงจุดเช็คพ้อยท์ให้ได้น่ะครับ” และเส็งก็ไม่ยอมน้อยหน้า “หรือหาทางเดินแยกออกไป เพื่อให้มันต่อไปให้ได้ และถ้าเราไปถึงจุดใหม่ พวกเราก็จะพอใจอยู่ดีครับ เพราะมันคือการตัดสินใจของวงน่ะครับ” 

“ผมมองว่าสุดท้ายแล้ว DNA ของ Three Man Down คือทุกคนอยากเล่นดนตรีน่ะครับ” กิตสรุปจบ “ทุกคนอยากทำงานเกี่ยวกับดนตรี เวลาคนเรามันอยากจะไปในทิศทางไหน มันก็จะหาลู่ทางไปให้ได้ล่ะครับ มันคือความตะเกียกตะกายอย่างหนึ่ง ผมคิดว่าการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำๆ ผลลัพธ์มันก็จะดร็อปลงเป็นเรื่องปกติ แต่การเลือกทำอะไรที่หลากหลาย ผลลัพธ์อาจจะดีขึ้นบ้าง แย่ลงบ้าง แต่มันก็จะเปิดหนทางอื่นๆ ให้เราก้าวต่อไปได้น่ะครับ” 

ตัวตนเดิม กับความเสี่ยงที่มากับการเปลี่ยนแปล

งอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เราเห็นจากการทำเพลงของวงที่ยืนระยะมานาน คือการที่วง ‘ต้องเลือก’ ระหว่างการทำเพลงในแบบที่เป็นตัวเอง 100% แบบที่แฟนคลับชอบและเดาทางได้อยู่แล้ว หรือลองแหวกแนวใหม่ๆ ไปเลย วงคิดว่าวงจะเลือกอะไร 

“จริงๆ ตอนนี้ที่ทำอยู่ก็เป็นตัวเอง 100% เลยนะ” ตูนตอบทันที “ตั้งแต่อัลบั้มแรกเลยแหละ” กิตสำทับ ซึ่งตูนก็ต่อทันที “จริงๆ พวกเราเลิกคิดทำเพลงเพื่อคนอื่นตั้งแต่เพลง ‘ฝนตกไหม’ แล้วนะ เพลงนั้นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงเลยนะ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยคิดว่า เพลงต้องแต่งขึ้นมาเพื่อคนอื่น พวกเราเคยคิดว่าจะแต่งเพลงที่เหมาะกับทุกคน แต่เพลงพวกนั้นไม่เคยประสบความสำเร็จเลย พอเพลง ‘ฝนตกไหม’ มันประสบความสำเร็จ พวกเราเลยใช้ความรู้สึกนี้ในการทำเพลงมาตลอด คือทำเพลงที่มีด้านที่คนฟังชอบ และมีอีกด้านที่เป็นตัวเรา เป็นสิ่งที่เราชอบไปด้วย พวกเราเลยคิดว่าตอนนี้พวกเราทำตามใจตัวเองตั้งแต่แรกน่ะครับ” 

“ผมอยากให้คนมองในมุมนี้มากกว่านะ” เส็งขัดขึ้นมา “คนเรามักจะคิดว่า ถ้าทำอะไรแปลกไปจากเดิมๆ มันจะไม่ใช่ตัวเราใช่ไหมครับแต่ผมกลับมองว่าความเป็นตัวเราคือสิ่งที่ออกมาจากตัวเรา ท้ายสุดแล้วสิ่งที่เราทำ มันก็คือความเป็นตัวเราในมุมใดมุมหนึ่งอยู่นั่นล่ะครับ” ซึ่งตูนก็รีบเสริมทันที “อย่างที่บอกไปล่ะครับ เราอยากให้คนได้ลองสัมผัสอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ไม่อยากทำซ้ำแบบเดิม เพราะรู้สึกว่าการทำอะไรซ้ำๆ เหมือนเดิมมันคือการทำอะไรแย่ๆ แต่การก้าวไปข้างหน้า มันมีผลสองอย่างไม่ดีขึ้นก็แย่ลง แต่ทำเหมือนเดิม มันก็ผลลัพธ์เดิมจริงๆ น่ะครับ” 

“การทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์มักจะไม่ได้ดีขึ้น” กิตยอมรับ ซึ่งตูนก็สนับสนุนเขา “ผมว่ามันไม่ท้าทายด้วยล่ะครับ กับการทำอะไรซ้ำๆ” กิตเพิ่มเติม “จริงๆ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอในทุกๆ วัน แต่เราอาจจะอยู่ในสังคมที่ไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่นะ เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงคือความเสี่ยง” 

เสน่ห์ของการแสดงสด และเสน่ห์ของ Three Man Down

“ผมคิดว่าคอนเสิร์ตมันคือ magical moment นะครับ” เตยิ้มเมื่อเราตั้งข้อสังเกตว่าทุกการขึ้นคอนเสิร์ตของ Three Man Down นั้นให้ความรู้สึกแตกต่างกันเสมอ “อย่าว่าแต่คอนเสิร์ตเลย” กิตเสริม “หนังเรื่องเดิม คุณดูอีกครั้ง คุณก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม ถูกปะล่ะ มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอกครับ 

“พวกเราอาจจะเล่นเหมือนเดิมก็ได้นะ แต่วันหนึ่งคุณมาดูเต อีกวันคุณมาดูเส็ง คุณก็รู้สึกไม่เหมือนเดิมละ” กิตพูดต่อเนิบๆ “มุมที่คุณยืน เสียงที่คุณได้ยิน สิ่งนั้นแหละคืองานศิลปะ งานศิลปะมันอยู่ที่การตีความผ่านความรู้สึก ณ โมเมนต์นั้นๆ เพราะฉะนั้น องค์ประกอบทุกอย่างส่งผลต่อความรู้สึกของคุณ

หมดล่ะครับ” 

แล้วเสน่ห์ของวงคืออะไรล่ะ ในความเห็นของสมาชิกวง “เพราะเราไม่เหมือนกัน” เตตอบทันที “มันเป็นส่วนผสม เป็นฟันเฟืองที่มีคาแรกเตอร์ให้มองได้หลายมุม ทุกคนแตกต่างกัน แต่พอมองภาพรวมเป็นคำว่า Three Man Down มันคือสิ่งเดียวกัน” 

“ถ้าเปรียบพวกเราเป็นฟันเฟืองอย่างที่เตว่านะ” กิตเสริม “มันก็คือหลักการเดียวกับเครื่องจักร เรื่องการทดแรง คือถ้าเฟืองทุกตัวใหญ่หมด เครื่องจักรอาจจะหมุนไม่ไหว วงเราอาจจะเหนื่อย เพราะทุกคนใหญ่ไปหมด ความคิดมันล้น ก็เหนื่อยกันไปเอง” ซึ่งเตก็แย้งทันที “ผมมองว่ามันขึ้นอยู่กับ material ของฟันเฟืองนะ กิตอาจจะเป็นฟันเฟืองเงิน ผมเป็นฟันเฟืองไม้ เส็งเป็นฟันเฟืองทอง ส่วนตูนเป็นฟันเฟืองอะคริลิก แต่ทั้งหมดมันหมุนให้นาฬิกาเรือนนี้ไปในทิศทางเดียวกัน สุดท้ายแล้ว นาฬิกาจะเดินได้หรือไม่ได้ มันคือพวกเราว่าเราแสดงประสิทธิภาพของฟันเฟืองแต่ละตัวที่แตกต่างกันไปตาม material ได้มากแค่ไหนมากกว่านะ” 

ในท้ายที่สุดแล้ว เสน่ห์ของวงก็ขึ้นอยู่กับคนที่มองมาอยู่ดีนั่นแหละ “จริงๆ แล้วผมพูดเองไม่ได้หรอกนะ” เตว่า “เรื่องเสน่ห์ต้องให้คนอื่นพูด เพราะแต่ละคนก็มอง Three Man Down ไม่เหมือนกัน ให้คนอื่นเป็นคนตอบแล้วกันครับ” 

อนาคตที่ไม่มีใครมองเห็น

“การได้เล่นดนตรีไปเรื่อยๆ ในแบบที่เราอยากจะเล่น การได้ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำไปเรื่อยๆ กับบรรยากาศรอบตัวที่รู้สึกว่าวงเรายังเป็นที่ต้องการอยู่ครับ” นั่นคือภาพอนาคตของวงที่กิตเห็น “ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็อยากทำแบบนี้ในบั้นปลายชีวิตล่ะครับ ได้ทำงานที่รักกับคนที่รัก เพื่อให้เราและคนที่เรารักมีความสุขล่ะครับ” 

“ในอนาคตมันอาจจะมีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นในวงการดนตรีไทยก็ได้นะ” เตเสริม “เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ถ้าวันนั้นมันมีโอกาส และมีพวกเราอยู่ตรงนั้น ผมเชื่อว่าThree Man Down จะพร้อมประโจนเข้าไปสู่ความท้าทายใหม่ๆ เหล่านั้นแน่นอน พวกเราอาจจะพังก็ได้ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปนะครับ” 

โอเค… อนาคตอาจจะมองไม่ชัดนัก แต่แฟนคลับตรงหน้าล่ะ “ก็เหมือนเดิมเลยครับกับแฟนคลับ” น้ำเสียงของกิตอบอุ่น “เราให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้ ส่วนหนึ่งของวงนี้เหมือนเดิมครับ อยากจะขอบคุณเสมอมาที่เข้าใจพวกเรา บางคนอาจจะหมุนเวียนมาชั่วคราว บางคนอาจจะอยู่มานานตั้งแต่เพลงแรก บางคนอาจจะเพิ่งเข้ามา แต่ผมขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าพวกเราจะแยกกันวันไหน วงจะแยกกันไปก่อน หรือแฟนคลับแยกจากเราไปก่อน ไม่ว่าใครจะแยกไปก่อน ผมอยากให้ความรู้สึกตอนนี้เป็นพลังบวกเวลาย้อนกลับมานึกถึงเสมอ ในวันที่คุณอายุ 60 ปีแล้ว ลูกหลานมาเปิดเพลงนี้ให้คุณฟัง คุณจะได้พูดเต็มปากว่าปู่เคยไปดูคอนเสิร์ตของวงนี้ช่วงวัยรุ่นมานะ อยากให้ความรู้สึกด้านบวกแบบนี้ยังอยู่เสมอไปเมื่อนึกถึงโมเมนต์ที่ได้มาคอนเสิร์ตเราครับ” 

“ย้อนกลับไปคำตอบเดิมของผมครับ” เตสรุปจบ “Three Man Down คือฟันเฟืองครับ ผมรู้สึกว่าแฟนคลับคือฟันเฟืองจำนวนมหาศาลที่หมุนไปตามวงล้อหลัก คือพวกเราสมาชิกวง บางคนอาจจะออกไปพัก หรือออกไปเลย แต่ก็จะมีฟันเฟืองที่ทำให้วงล้อนี้สามารถหมุนไปเรื่อยๆ ด้วยแรงที่คงที่ หรือเร็วขึ้นได้เสมอ ผมขอบคุณทุกคนที่เสียแรง เสียเวลา และเสียสละอะไรส่วนตัวบางอย่างมาเพื่อสนับสนุนวง ผมขอบคุณเสมอครับ”

– Author: Pacharee Klinchoo –

สตรีมเพลง ‘ปล่อยให้เวลา’ ‘น้อง’ และ ‘ไหนว่าเลิกแล้ว’ ของ Three Man Down ได้แล้วทุกช่องทางออนไลน์

Make Up: Thotsapol Wongbanchang

Hair: Jatupong Chumjam