ส่องภาพเบื้องหลังของหนังเรื่อง ‘Barbie’

พาไปส่องภาพ Barbieland เบื้องหลังของหนังเรื่อง ‘Barbie’ ผู้เก็บภาพบรรยากาศสนุกสนานในกองถ่ายโดยคุณ @r0bharris 

พบกับ ‘ดิว-จิรวรรตน์’ และ ‘ตู-ต้นตะวัน’ ใน ‘I DO: A LOVE STORY IN BANGKOK’

พบกับ ดิว-จิรวรรตน์ และ ตู-ต้นตะวัน ร่วมถ่ายทอดใน MV เพลงในเพลงรักสุดขมขื่นอย่าง ‘I DO: A LOVE STORY IN BANGKOK’ ผลงานเพลงของกลุ่มเกิร์ลกรุ๊ปสาว (G)I-DLE ที่ได้ร่วมมือกันกับ 88rising

New Country กับการพลิกโฉมวงการลูกทุ่งในยุคสตรีมมิ่ง และการตอกย้ำว่าเพลงแนวนี้จะไม่มีวันจางหายไป

Photographer: Pathomporn Phueakphud

Stylist: Napat Roongruang

Interview Conducted by: Pacharee Klinchoo

Interview Rearranged by: Peerachai Pasutan

แม้จะมีแนวเพลงมากมายจากทั้งไทยและต่างประเทศ แต่ศิลปินที่ได้รับยอดรับชมมหาศาลบน YouTube บ้านเราเมื่อปีที่ผ่านมาคือศิลปินเพลงลูกทุ่ง สิ่งนี้ตอกย้ำได้ดีว่าเพลงลูกทุ่งยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ขณะเดียวกัน คนลูกทุ่งก็ปรับตัวและวิธีการทำเพลงให้ทันสมัยในยุคแห่ง T-pop ด้วยเช่นกัน และโปรเจกต์ New Country ที่ริเริ่มโดยก๊อท – จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ว่า

New Country แบ่งออกเป็นสองยูนิตย่อย คือกลุ่มบอยแบนด์สี่คนและดูโอหญิงหนึ่งคู่ ตลอดเวลากว่าสามปี แม้จะมีโควิดเข้ามาเป็นอุปสรรค แต่ทั้งหกคนก็ได้ผ่านการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น กิ๊ก – ไอรดา บุญมี เล่าถึงประสบการณ์นี้ไว้ว่า “[การเตรียมตัวและการทำงาน] ยากทุกขั้นตอนค่ะ แต่ที่กิ๊กรู้สึกว่ายากเป็นพิเศษคือการเข้าห้องอัดค่ะ เพราะว่าตอนที่เราได้ร้องติวกับอาก๊อทข้างนอก [ห้องอัด] เราก็เข้าใจค่ะ คิดว่าทำได้แล้ว แต่พอเข้าห้องอัด ด้วยความเป็นครั้งแรกที่อัดเพลงตัวเอง ตอนแรกเข้าไปก็ลนลานนิดนึง [อีกความท้าทายหนึ่งคือ] เรื่องของสัดส่วน [และจังหวะ] เพลง อาก๊อทเขาตั้งใจจัดสัดส่วนเพลงมาก ตอนเข้าไปในห้องอัด ถ้าเกิดพวกเราร้องผิดเพี้ยนไป อาเขาก็ไม่ปล่อยเลย คือพยายามตัดต่อให้น้อยที่สุด แล้วใช้เสียงพวกเรา 80 เปอร์เซ็นต์ ก็เลยค่อนข้างยาก เพราะอาก๊อทเขาเป๊ะทุกรายละเอียดค่ะ”

นอกจากรูปแบบการร้องที่ถูกดีไซน์ใหม่ – ทั้งการเอื้อน การเลือกใช้คำ และจังหวะเพลง – การเต้นก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา เพื่อให้ลูกทุ่งของ New Country มีความแปลกใหม่สมชื่อ ติณติณ – จรัสรวี เทียมรัตน์ พูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ด้วยความที่ลูกทุ่ง [แบบดั้งเดิม] ไม่มีการเต้นเยอะมากนัก พอได้เจออาก๊อท เขาก็อธิบายอะไรหลายๆ อย่าง [เกี่ยวกับโปรเจกต์] พอได้เห็นงานตรงนี้รู้สึกว่า ‘เฮ้ย ลูกทุ่งมีความเป็นไปได้ที่หลากหลายมาก’ และก็เซอร์ไพรส์ครับ” ส่วนนุ – พุฒธิวัฒน์ สะท้านธรนิล คิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้เพิ่มพูนประสบการณ์และศักยภาพพร้อมกับเพื่อนสมาชิกไปในตัว “ก่อนหน้านี้นุได้ประกวดในรายการ [ทีวีรายการหนึ่ง] และได้เรียนเต้นด้วย แล้วก็ชอบ เลยอยากจะพัฒนาเรื่องการเต้นอยู่แล้ว พอเข้าร่วมโปรเจกต์ New Country ก็ดีใจมากๆ ครับ ที่จะได้ฝึก [ซ้อมการเต้น] พร้อมทุกคน”

จากนั้น ติณติณก็เล่าให้ฟังต่อว่า พวกเขาตื่นเต้นและเซอร์ไพรส์กับความสนใจที่ผู้คนมีให้ New Country ก่อนที่ค่ายจะเปิดตัวเอ็มวี ‘Stand by หล่อ’ และ ‘ติ่งค่ะ’ สองซิงเกิลเปิดตัวของโปรเจกต์เสียอีก “เราทำคลิปลง TikTok ใช่ไหมฮะ แล้วก็เป็นไวรัลก่อนที่เพลงจะปล่อยอีก เราก็เลยแบบว่า ‘เฮ้ย ทุกคนให้การตอบรับดีมาก’ [แล้ว] ก่อนหน้าที่จะปล่อยเอ็มวี พวกเราก็ไม่เคยเห็นกันมาก่อน คือเรามานั่งนับถอยหลังและได้ดูพร้อมกับทุกคนเลยครับ” เราเลยถามถึงความรู้สึกที่ทั้งหกคนได้ชมผลงานของตัวเองเป็นครั้งแรก “ตื่นเต้นครับ เพราะว่ามันเป็นระยะเวลาสามปีที่เราตั้งใจกันมากๆ กับความฝันนี้ แล้วพอได้ดูงาน ก็ตื้นตันใจและดีใจมากๆ ครับ” เอ็มโบ – พันธกานต์ พุ่มพฤกษ์ เป็นตัวแทนตอบ และจนถึงตอนที่เขียนบทความ เอ็มวีทั้งสองก็มียอดรับชมบน YouTube แล้วเกินสิบล้านครั้ง

เหล่า New Country ต่างมีความตั้งใจเดียวกันคือการทำให้เพลงลูกทุ่งยังคงอยู่คู่สังคมไทยต่อไปได้ในกระแสโลกาภิวัตน์ และพวกเขาก็ตั้งเป้าหมายว่าอยากจะเป็นที่รู้จักในระดับสากลเช่นกัน “อยากให้พวกเราหกคนเติบโตไปด้วยกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และอยากให้คนทั้งโลกรู้จัก New Country ในฐานะเด็กไทยที่ร้องเพลงลูกทุ่งได้ทันสมัยมากๆ ค่ะ” มัทรี – ธิติกานต์ เหลืองรุ่งทรัพย์ พูดถึงความฝันนี้จากมุมมองของเธอ และทั้งหกคนก็ขอฝากขอบคุณผู้ฟังทุกกลุ่มที่เปิดใจให้การต้อนรับพวกเขาอย่างดีในช่วงเดบิวต์นี้ “คนที่อยากขอบคุณอีกคนหนึ่งคืออาก๊อทเลยครับ ที่พวกเรามีวันนี้เพราะเดินตามก้นอาต้อยๆ มาครับ (หัวเราะกันทั้งวง) อาสอนเราในทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตในแต่ละวัน การวอร์มเสียง หรือเรื่องเสน่ห์… ต้องบอกว่า พวกผมโคตรดีใจที่อาก๊อทชวน [พวกเราทั้งหกคนให้มา] ทำโปรเจกต์นี้ครับ” กีต้าร์ – ณัฐเอก ทอนสูงเนิน พูดปิดท้ายการสัมภาษณ์ครั้งนี้

Assistant Stylist: Teeratat Somudomsup

‘THI-O & TUTOR’ คัมแบ็ค! เตรียมปล่อย ‘RELATIONSHIT’

“THI-O & TUTOR” คัมแบ็ค! เตรียมปล่อย “RELATIONSHIT” ซิงเกิ้ลที่สอง “เติร์ด Tilly Birds” รับหน้าที่ร่วมโปรดิว!

“THI-O & TUTOR” is back!! สองหนุ่ม “ไทโอ ทัมม” และ “ติวเตอร์ วีรฤทธิ์” ดูโอ้จาก 2 FLOW Entertainment คัมแบ็คซิงเกิ้ลที่ 2 เพลง “RELATIONSHIT” ซึ่งทั้งคู่ยังคงนั่งเก้าอี้โปรดิวเซอร์ รวมถึงเขียนเนื้อเพลงด้วยตัวเองเช่นเคย แต่เพิ่มความพิเศษยิ่งขึ้นเมื่อได้ “เติร์ด Tilly Birds” มารับหน้าที่ Executive Producer ทำให้เพลงนี้มีมิติมากขึ้น และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น             

“RELATIONSHIT” ซิงเกิ้ลที่สองของไทโอติวเตอร์ที่ “เติร์ด Tilly Birds” ได้ผสมกลิ่นอายความคลุมเครือในความสัมพันธ์ผ่านดนตรีและเนื้อเพลง แต่ยังคงความเป็นตัวตนทางด้านดนตรีของสองหนุ่ม “THI-O & TUTOR” ไว้เป็นอย่างดี รอฟังเต็มๆ เร็วๆ นี้

ส่วนด้านงานภาพแฟนๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสองหนุ่มโตขึ้น  มีความ Masculine มากขึ้น Photo Concept นำเสนอด้วยโทนสีแดงดำ ผ่าน Symbolic ที่ชวนสงสัยไม่ว่าจะเป็น การปิดตา, ประตู, แม่กุญแจ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้แฟนๆ ช่วยกันหาคำตอบได้ในมิวสิควิดีโอเพลง RELATIONSHIT ที่จะปล่อยให้ได้ชมพร้อมกันในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ ที่ YouTube : 2 FLOW Entertainment 

DVI (ดี-วาย) อีกหนึ่งบอยแบนด์ที่จะมาสร้างกระแส T-pop ให้ร้อนแรงกว่าเดิม

Photographer: Perakorn Voratananchai

Direction by: Napat Roongruang

Interview Conducted by: Pacharee Klinchoo

Interview Rearranged by: Peerachai Pasutan

“เราได้มารวมตัวกันด้วยหลังจากถูกเรียกตัวมาออดิชั่นในโปรเจกต์หนึ่ง แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ [มีชื่อเป็น] เป็น DVI นะครับ คือเห็นสมาชิกทั้งหมดหกคนก่อน [จากนั้น] ก็มีการทดสอบหลายครั้งเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการร้อง การเต้น และที่สำคัญที่สุดคือทีมเวิร์ค ที่พวกเราทั้งหกคนจะต้องเทสต์ร่วมกันว่ามีเคมีตรงกันไหม จนสุดท้าย ทุกคนเหมาะที่จะได้เป็นทีมเดียวกัน และได้เข้ากระบวนการทำโปรเจกต์ DVI ครับ” แฟรงค์ – พลช ชิณวังโส พี่ใหญ่ของวงเกริ่นถึงที่มาที่ไปของแบนด์ก่อน และเขาเองก็ประทับใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ DVI ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว “พอได้รู้คอนเซปต์และรายละเอียดต่างๆ [ที่วางแผนให้วง] ตอนนั้นรู้สึกว่า โห! ทำไมทีมงานเก่งจังเลยที่กลั่นกรองตัวตนของพวกเราออกมาเป็นอาร์ตไดเรกชั่น คีย์แมสเสจ ฯลฯ ได้ค่อนข้างครบและสมบูรณ์ สามารถต่อยอดระยะยาวได้ อีกทั้งผมรู้สึกว่า ชีวิตใหม่ของพวกเรากำลังเริ่มขึ้นอีกก้าวหนึ่งแล้ว [หลังจาก] ก่อนหน้านี้เราเป็นเพียงศิลปินฝึกหัดครับ”

แม้ DVI จะเพิ่งปล่อยเอ็มวีเพลง ‘Sugar’ ไปเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่วงก็ได้พรีเดบิวท์ในคอนเสิร์ต Octopop 2022 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เรียกเสียงกรี๊ดและความสนใจจากผู้ชมไม่น้อยเลยทีเดียว ป๋อ – ศุภการ จิรโชติกุล เล่าถึงประสบการณ์ครั้งนั้นไว้สั้นๆ ทว่าได้ใจความว่า “ผมว่า ราชมังคลา [กีฬาสถาน] เป็นเวทีที่ศิลปินไทยทุกคนอยากขึ้น [มากที่สุด] ก็ดีใจมากครับที่สเตจแรกของพวกเราก็ได้แสดงที่นั่นเลย [ถือเป็นประสบการณ์] สักครั้งหนึ่งในชีวิตที่พวกเราตื่นเต้นมากครับ” จากนั้น เราจึงให้ DVI ประเมินความพอใจของวงเองจากการแสดงครั้งนั้น “มันเป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่มากๆ และเป็นเซอร์ไพรส์จาก 4NOLOGUE ด้วย ถ้าถามผมว่าพอใจไหม… ค่อนข้างพอใจนะ ตอนแรกผมก็กลัวว่า ขึ้นไปแล้วจะมีเสียงเชียร์หรือเปล่านะ จะมีคนดูเรารึเปล่า แต่คนก็ให้กำลังใจเราเยอะมาก เลยรู้สึกดีใจครับ” ตั๋ง – ชินดิศ เวียงวิเศษ เป็นตัวแทนตอบ

นอกจากนี้ DVI ก็ได้ไปร่วมงานกับบอยแบนด์ญี่ปุ่นอย่าง Psychic Fever from Exile Tribe ในซิงเกิล ‘To the Top’ ซึ่งปล่อยเอ็มวีในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับเพลง Sugar เราจึงถามทั้งหกต่อว่า การทำงานกับวงอื่นเหมือนหรือต่างจากการทำผลงานของตัวเองอย่างไร “มันท้าทายเลยครับ” ชีต้า – ปิติภัทร ธนสารไพบูลย์ พูดเปิดอย่างไม่ลังเล “เพราะมีกำแพงด้านภาษาและวัฒนธรรมที่เราต้องปรับหลายอย่าง แต่พอถึงเวลาการทำงานและได้เจอพวกเขาจริงๆ รู้สึกเป็นการแลกแพสชันกับการเติมไฟซึ่งกันและกัน ถึงทุกคนจะต่างที่มา แต่มีความฝันเหมือนกัน คือ [การทำ] To the Top [ซึ่งเป็นเพลงที่] เหมาะกับพวกเราจริงๆ ก็ดีใจที่ได้รับโอกาสนี้ครับ”

จากที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ T-pop ในฐานะคนดู วันนี้ DVI ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้ในฐานะศิลปิน เราจึงให้พวกเขาถ่ายทอดมุมมองที่มีต่อวงการนี้เสียหน่อย “ตอนนี้หลายๆ อย่างกำลังพัฒนาครับ คนเบื้องหลังเองก็พยายามที่จะพัฒนาให้วงการนี้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ผมว่าวงการจะไปไกลขึ้นได้ต่อเมื่อมีการแข่งขัน คือไม่ได้เรียกว่าแข่งกันให้ใครเป็นที่หนึ่งที่สองนะครับ แต่เพื่อให้คุณภาพงาน [โดยรวม] ดีขึ้น ผมเชื่อว่ามันจะสนุกขึ้นมากๆ เพราะพวกเราทุกคนตั้งใจทำงาน [ของตัวเอง] ให้ดีที่สุดเพื่อวงการครับ” สมุย – สมุทร แก้ววัน มองเรื่องนี้อย่างมีความหวัง จากนั้น อู่อู๋ – ธนภูมิ เศรษฐสิทธิกุล ขอฝากคำพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “ขอบคุณ [แฟนคลับ] ที่ติดตามพวกเรามาตั้งแต่ต้นนะครับ ถ้าไม่มีพวกเขา เราก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงตรงนี้ไหม เพราะพวกเขาเป็นกำลังใจที่ดีของเราไม่ว่าเราจะไปขึ้นสเตจไหนก็ตาม และขอให้ติดตาม DVI ต่อไปด้วย จะทำให้เต็มที่ที่สุดครับ”

ติดตามผลงานและความเคลื่อนไหวของ DVI ได้ทาง Instagram และ TikTok: @official.dvi

บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์กลับมาพร้อมอัลบั้มใหม่ ‘Starlight Express’ สมกับการรอคอย

Photographer: Napat Gunkham

Interview Conducted by: Pacharee Klinchoo

Interview Rearranged by: Peerachai Pasutan

“ไม่น่าไม่รีบเลย” บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ หยอกตัวเองจนพวกเราขำกัน เมื่อเขาเกริ่นถึงอัลบั้มชุดล่าสุด ‘Starlight Express’ ที่ใช้เวลาทำโดยรวมถึงเกือบหนึ่งทศวรรษ เนื่องจากต้องดูแลกิจการครอบครัวและสุขภาพของตัวเองด้วยในขณะนั้น “พอทุกอย่างมันเริ่มเข้าที่ จนมีคอนเสิร์ต Disco in Tuxedo เมื่อปี 2019 ตอนนั้นคุยกันไว้แล้วแหละว่าจะออกอัลบั้ม ปรากฏว่าโควิดมา ทุกอย่างชะงัก อัลบั้มนี้เลยอยู่ในการทำงานถึงเก้าปีเต็มๆ ถึงจะทำเสร็จไว้หมดแล้ว แต่ถ้าปล่อยทุกอย่างไปตอนล็อกดาวน์ มันก็เท่านั้น…” หลังจากสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นปกติ เขาก็ปล่อย ‘สิ้นสุดการรอคอย’ เพลงสุดท้ายในอัลบั้ม เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันเกิดเจ้าตัวพอดี

บุรินทร์เล่าถึงสารตั้งต้นในการทำเพลงต่อว่า “ในอัลบั้ม Starlight Express ผมอยากจะทำยุคเออร์ลี่ ’80s แล้วก็ศึกษาว่า ในยุคนี้มีอัลบั้มไหนที่ดีบ้าง ก็จะมีอัลบั้มหนึ่งที่ชอบที่สุดคือ ‘Thriller’ ของไมเคิล แจ็กสัน เราก็ยึดซาวด์ของยุคนี้ [มาใส่ในเพลง] พวกผมเลยชอบทำดนตรีก่อน พอตรงนั้นเสร็จก็เริ่มเรียบเรียง [หาว่า] ใครควรจะเขียนเพลง เรื่องราวจะเป็นยังไง เราจะทำงานกันอย่างนี้ตลอด” นอกจากนี้ เขายังอยากให้ทุกคนฟังเพลงทั้งหมดต่อกัน เพราะคอนเซปท์ทางดนตรีและเนื้อหาร้อยเรียงเป็นหนึ่งเดียวทั้งอัลบั้ม “ฟังเพลงผม ถ้าฟังแค่ซิงเกิลอย่างเดียว ผมว่าเรื่องมันไม่จบ อย่างเพลง ‘ในฝัน’ ผมอ่านคอมเมนต์ของหลายๆ คน แล้วเขาเขียนว่า ‘พี่ครับ นี่พี่ตั้งใจอั้นใช่มั้ยครับ ทำไมเพลงมันไม่ระเบิดสุดครับ’ ผมก็ไม่ได้ตอบนะแต่อ่านแล้ว เขาเข้าใจเรา… [สมมติว่า] คุณเคยเจ็บใจมาก แต่ไม่สามารถปลดปล่อยออกไปได้ คุณเล่าให้ใครฟังไม่ได้…. มันเป็นความรู้สึกแบบนั้น ผมถึงต้องอั้นเอาไว้ แต่ในอัลบั้ม ถ้าคุณฟังจนจบ ผมให้คุณปลดปล่อยได้ทุกๆ อย่างเลย” อย่างไรก็ดี เราก็สงสัยว่า เพลงบางเพลงจะล้าสมัยไปไหมในวันนี้ หลังจากที่เก็บไว้มานาน “มันไม่ได้เชย แต่ก็ไม่ได้ใหม่ขนาดนั้น ไม่ใหม่เท่าที่เราตั้งใจจะออกตอนหลายปีที่แล้ว คือมีคนที่ทำเพลงแบบนี้ออกมาบ้างแล้ว แต่ไม่ใช่ในเมืองไทยนะครับ อย่างเพลงแนว gospel ที่ร้องในโบสถ์กัน หรือแนวนิวโซล ก็ยังไม่มีใครทำชัดเจนขนาดเราในบ้านเราครับ”

เพราะพฤติกรรมการบริโภคสื่อได้เปลี่ยนไปมาก บุรินทร์ – ในฐานะที่อยู่ในวงการมาตั้งแต่สมัยเทป/ซีดี/วิทยุ จนถึงยุคสตรีมมิ่ง – จึงคิดว่าการทำเพลงให้ได้รับความนิยมยาวๆ นั้นยากขึ้นกว่าในอดีต “[เพลงเพลงนั้น] ต้องถูกใจคนฟังจริงๆ โดนจริงๆ ในขณะนั้น เมื่อก่อนจะตื่นเต้นเวลาที่เดินไปไหนแล้วมีคลื่นวิทยุเปิดเพลงเรา มันตื่นเต้นกว่า ปัจจุบันทุกคนใช้เฮดโฟน เราเลยไม่ได้ยินเลยว่าเขาฟังอะไรอยู่ (หัวเราะ) พูดจากใจศิลปินเลยนะ เราจะเช็คยากว่าเพลงมันโดนหรือไม่โดน” แต่สำหรับตัวบุรินทร์เองนั้น เขาไม่เคยกดดันตัวเอง หรือคาดหวังการตอบรับจากสาธารณชน “เพราะเราปล่อยทุกอย่างให้เป็นออร์แกนิก ไม่คาดหวัง… ผมว่าเพลงเพลงหนึ่งอาจจะไม่ได้อยู่กับคุณในวาระนี้ แต่พอคุณโตขึ้นหรือผ่านสถานการณ์ต่างๆ มา แล้วกลับมาฟัง มันอาจจะเป็นเพลงที่ดีที่สุดของคุณก็ได้ครับ แต่ยังตื่นเต้นเหมือนเดิมนะ [ทุกครั้งที่ออกผลงานใหม่]” อย่างไรก็ดี บุรินทร์ก็ดีใจมากที่แฟนๆ ให้ความสนใจและชื่นชอบอัลบั้มชุดใหม่นี้ “มันจะมีเพลง ‘ขอโทษ’ ที่อยู่ในอัลบั้ม Starlight Express ครับ ตอนแรกก็ไม่ค่อยกล้าเล่น เพราะไม่รู้ว่าเพลงไปถึงคนฟังแล้วหรือยัง เช็คยอดวิว YouTube สิบกว่าล้านก็จริง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนกลุ่มไหนฟัง [วันหนึ่ง] เผอิญไปเล่นที่เชียงใหม่ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีแต่คน [ตะโกนขอเพลง] ‘ขอโทษๆ’ พอผมเริ่มร้องขึ้นมา เลเวล[คนร้องตาม] เท่ากับเพลง ‘หยุด’ เลย แล้วมือไม้ทุกคนแบบทะเลดาวผมเลย [คิดในใจว่า] ‘มันได้ว่ะ’”

พอพูดถึงเรื่องนี้ เราจึงชวนบุรินทร์คุยถึงการออกทัวร์คอนเสิร์ต หลังจากมาตรการป้องกันโควิดคลี่คลายลงไปเสียหน่อย “รับงานเหมือนร้อนเงินเลยครับ (หัวเราะ) คือเราอยากเล่นอะ จังหวัดที่ไม่เคยไปเล่น ผมรับหมด อย่างแม่สายก็ไม่เคยไป ตอนแรกก็สงสัยว่าจะมีแฟนเพลงที่นั่นไหม ปรากฏว่ามีคนมาดู 700-800 คนเลยครับ” และงานแสดงเหล่านี้ก็เพิ่มพลังให้ตัวบุรินทร์เองและแฟนคลับของเขา “ผมว่าบนเวทีเราต้องดูสนุกก่อน คนดูถึงได้รับอรรถรสนั้น ยิ่งคนดูมันเท่าไหร่ ผมยิ่งมันกว่าคนดูอีก เพราะเป็นเอนเนอร์จี้ที่ส่งต่อกันไปมา พอลงมาเรายังสนุกอยู่เลย นอนไม่หลับ อะดรีนาลินมันหลั่ง” และความสนุกอีกอย่างจากการออกไปร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ คือการทำการบ้านก่อนขึ้นแสดง “คือผมจะเลือกเพลย์ลิสต์ที่ถูกต้องกับสถานการณ์นั้นๆ ผมจะดูว่าคนดูเป็นคนรุ่นไหน [หาก] เล่นเพลงที่ใหม่เกินไปให้คนรุ่นเก่าฟัง [เช่น] พอเอา ‘ขอโทษ’ ไปเล่นให้คนอายุ 30 อัพฟัง [บรรยากาศ] ก็ดร็อปและอาจไม่โดนกับความทรงจำของเขา เพราะฉะนั้น ผมว่าต้องฉลาดในการเลือกเพลงหน้างานให้ดีครับ”

ด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์ วันนี้ บุรินทร์ก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นใหม่ๆ เหมือนที่นักดนตรีรุ่นพี่จาก Bakery Music คอยเป็นเมนเทอร์ให้เขาในช่วงเริ่มเข้าวงการ “มีมาเรื่อยๆ ครับ น้องๆ ศิลปินหลายคนบอกว่า ‘ผมฟังเพลงพี่ตั้งแต่เด็ก พี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมาทำเพลงแบบนี้’ รู้สึกดีครับที่คนมาชื่นชมผลงานและตัวตนของเรา แต่ผมก็บอกกลับไปว่า ‘อย่าเอาผมเป็นแบบอย่างเลย ไม่ดีหรอก’ (หัวเราะ) อย่างไปเจอบิวกิ้นมา เขาก็บอกว่าเป็นแฟนเพลงผม ถ้ามีโอกาสก็อยากจะร่วมงานกัน ผมก็แฮปปี้นะที่เข้าถึงเด็กรุ่นนี้ด้วยนะ” ยิ่งบุรินทร์แง้มว่ากำลังมีโปรเจกต์ใหม่ที่เชิญศิลปินทั้งไทยและต่างชาติมาร่วมงาน เราก็เชื่อว่าชื่อของเขาจะได้รับการจำจด และอยู่ในใจของผู้ฟังทุกกลุ่มทุกวัยเช่นนี้ไปตลอด

ฟังเพลงในอัลบั้ม Starlight Express ได้แล้วในทุกช่องทางสตรีมมิ่ง และชมเอ็มวีซิงเกิล สิ้นสุดการรอคอย ทาง YouTube channel: Move Records

เข้าปีที่ 18 กับการเดบิวต์ในอาชีพที่รักของเป๊ก – ผลิตโชค อายนบุตร ที่เรื่องราวระหว่างทางประกอบสร้างตัวตนของเขาให้เป็นที่รักจนถึงทุกวันนี้

Photographer: Thanut Treamchanchuchai

Stylist: Teeratut Somudomsup

Author: Pacharee Klinchoo

อาการหลังปล่อยซิงเกิ้ล Touch My Body

“หัวใจมันกลับมาเต้นแรงอีกครั้งหนึ่งครับ เพราะสองสามปีแล้วที่ผมไม่ได้มีผลงานให้แฟนๆ ได้ชมได้ฟังกัน เลยรู้สึกว่า พอปล่อยเพลงนี้ไป หลายคนก็โอเคกับเพลงของผม ผมได้ไปอ่านคอมเมนต์นะครับ ดีใจที่ได้กลับมาเจอทุกคน และจะได้กลับมาร้องเพลงให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้งหนึ่งนะครับ

“ถ้าผมได้ออกอัลบั้มเต็มจริงๆ หัวใจคงเต้นแรงกว่าเดิมอีกแน่นอน จริงๆ พี่ๆ ทีมงานก็ถามผมนะว่าผมเหนื่อยไหม อยากจะออกแค่ซิงเกิ้ลเฉยๆ ไหม แต่ผมตอบอย่างไม่คิดเลยครับว่า ผมอยากออกอัลบั้มเต็มอยู่แล้ว เพราะอัลบั้มคือการรวมหลายๆ เพลงของผมเป็นหนึ่งอัลบั้ม ผมจะได้มีอีกอัลบั้มหนึ่งสะสมเอาไว้ดูตอนแก่ว่าผมได้ออกอัลบั้มนี้ด้วยนะ จริงๆ ทำแค่ทีละซิงเกิ้ลก็ได้นะ นานๆ ที ค่อยๆ ทยอยออก แต่ผมอยากออกอัลบั้มจริงๆ นะครับ”

ความยากของ Touch My Body

“เพลงนี้เมโลดี้มันขึ้นๆ ลงๆ เยอะ เดี๋ยวท่อนนี้ต่ำ ท่อนนี้สูง ท่อนนี้ใช้ head tone ท่อนนี้ใช้เสียงนาสิก ท่อนนี้ใช้เสียงต่ำ สลับไปสลับมา ค่อนข้างยากครับ ต้องซ้อมหนักเหมือนกันกว่าจะร้องได้เข้าปาก ก็นานพอสมควรครับกว่าจะอัดมาสเตอร์สำเร็จ

“เคยเล่นสดไปแล้วครับ ก็ยากจริงครับ เพราะมันจะมีความขึ้นๆ ลงๆ ของเมโลดี้ตามที่ผมบอกไปน่ะครับ ถ้าสุขภาพผมไม่แข็งแรง หรือผมกำลังเป็นหวัด เจ็บคออยู่ ก็น่าจะโหดน่าดูเหมือนกันนะครับ”

สิ่งที่ทำให้ยืนระยะมาได้ถึง 18 ปีในวงการบันเทิง

“โอ้… นั่นสิครับ ผมทันยุคออกเทปนะครับ ไม่ทราบว่าเคยเล่าให้ฟังแล้วหรือยังว่า ตอนที่ผมออกเทปอัลบั้มแรก เขาเก็บเทปพวกนั้นไว้ในโกดัง เพราะขายไม่ค่อยได้ พอผ่านไปสักหน่อย เขาก็จะเอาไปทำลาย เพราะไม่มีที่จะเก็บเลย ก็เอาไปทำลายโดยรถบด อะไรอย่างนี้ครับ เพราะตอนนั้นขายไม่ดีมาก จนมาถึงปัจจุบัน แฟนๆ ผมก็เรียกร้องให้เอากลับมา remaster ใหม่ ทำเทปขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่ผมดีใจและภูมิใจมากๆ ครับ ต้องขอบคุณแกรมมี่ที่ทำให้ผมขนาดนี้นะครับ เรื่องนี้เลยเป็นแรงผลักดันให้ผมรู้เลยว่า แฟนๆ ของผมที่ยัง support ผม และยังคิดถึงผมอยู่ ทำให้ผมอยู่ได้มานานขนาดนี้ และทุกคนทำให้ผมอยากร้องเพลงต่อไปเรื่อยๆ จริงๆ นะครับ”

สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนใจไม่ยอมแพ้ไปในระหว่างเส้นทางการเป็นศิลปิน

“จริงๆ แล้วคนเรานะครับ พอเดินทางมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เราจะเจอทางแยก ไปซ้าย ไปขวา หรือว่าเจอทางตัน มีช่วงหนึ่งครับ ที่ผมอยู่บนเส้นทางที่ต้องเลือกระหว่างซ้ายกับขวา เพราะค่อนข้างเห็นว่าข้างหน้าอีกไม่ไกลน่าจะเป็นทางตันแล้ว ผมก็เลยต้องจัดการกับตัวเองว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไป เพราะนี่คือทางที่ผมรัก ผมทำไประยะหนึ่งแล้ว และผมก็พอใจกับตัวเองแล้วว่าผมได้เป็นศิลปิน ได้ออกอัลบั้มไปแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว ก็ต้องมาคิดว่าจะเดินต่อไปทางไหน เพราะมันมีหลายทางให้เดิน เคยลองคิดครับว่าจะเปลี่ยนไปเดินทางสายอื่นไปเลย แต่ก็ยังคงรักการร้องเพลงอยู่เหมือนเดิมนะครับ แต่ก็ได้แค่คิดล่ะครับ เพราะหลังจากนั้นก็มีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย จนผมเองก็งงไปหมดเลยล่ะครับ”

ก้าวพ้น social bullying ที่เผชิญได้จริงๆ อย่างไร

“ถ้าเป็นเรื่องจริง… แบบจริงๆ เลยนะครับ… คือไม่ได้ ผมได้แต่พร่ำบอกคนอื่น หรือฟังคนอื่นบอกผมว่า ‘ก็ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องไปอ่านสิ’ อะไรอย่างนี้… ‘มีคนชอบก็ต้องมีคนเกลียด’ อะไรอย่างนี้… ‘อ่านแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรที่สำคัญในชีวิตสักหน่อย อย่าไปแคร์เขาเลย’ อะไรอย่างนี้… แต่ถ้ามันมีอะไรมากระทบจิตใจน่ะครับ มันก็จะเกิดรอยสะกิด รอยแผลเป็น ที่บางทีกว่าจะหาย มันก็ใช้เวลาใช่ไหมครับ คนเรามันไม่ใช่คอมพิวเตอร์นะครับ ที่เวลาเจอเรื่องแรงๆ กระทบใจแล้วมันจะสามารถกดปุ่มลบได้ทันที ผมเป็นมนุษย์ ต้องใช้เวลาในการลืม พอกำลังจะลืมได้ ก็มีเรื่องใหม่เข้ามาอีกแล้ว เรื่องใหม่มันมาเรื่อยๆ จริงๆ ครับ ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยไป เพราะมันคือเรื่อง ‘ธรรมดา’ ของคนที่อยู่ตำแหน่งนี้ ก็เห็นๆ กันว่าคนอื่นก็โดน ใครๆ เขาก็โดนกัน ก็คงต้องทำใจไปครับ แต่ถ้าถามว่ารับได้จริงๆ ไหม ก็ยากเหมือนกันนะครับ ทั้งๆ ที่ก็ผ่านมาเยอะแล้วจริงๆ”

กำลังใจให้คนอื่นบนโลก social

“ผมจะไม่เก็บมาคิดตลอดเวลาว่า ‘คนด่าผม’ ทำยังไงดี ผมอาจจะมีนอยด์ๆ บ้าง แต่ไม่ใช่ว่านอยด์ตลอดทั้งวัน ทั้งเดือน ทั้งปี ก็จะพยายามลืมมันไปบ้าง แต่ก็จำได้ตลอดว่ามันมีแบบนี้นะ ผมจะมีพลังแบบว่าอยากจะมอบความสุขให้ทุกคนอยู่น่ะครับ ทุกคนที่ชอบผม คอยติดตามผม หรือชอบทัศนคติของผม ผมเลยชอบมอบพลัง หรือมอบเสียงหัวเราะให้คนอื่น ถ้าผมทำอะไรแล้วคนที่ชอบผมโอเค หรือผมสามารถทำให้เขามีความสุขได้ ผมก็จะทำครับ

“ถึงตัวผมเองจะลืมจริงๆ ไม่ได้ก็ตาม เพราะจริงๆ มันก็มีรอยแผลเป็น รอยจางๆ รอยอะไรต่างๆ ฝังลึกๆ อยู่ในใจผม แต่ผมก็ต้องทำเป็นลืมๆ มัน แอบไว้เบื้องหลัง แล้วก็มายิ้ม มาหัวเราะต่อหน้าคนอื่น บางทีผมได้ยินอะไรมา ก็มาคิดว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ มันทำให้ผมไม่มั่นใจในตัวเองเลย แต่ผมก็ต้องประคองมันให้ดีที่สุด เวลามีงานที่ต้องเจอผู้คน ต้องเจอแฟนๆ ผมก็ต้องทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้องเป็นคนเข้มแข็งให้ทุกคนเห็นว่าผมก็ทำได้นะ ผมสามารถทำให้มันเลือนรางไปก่อนได้น่ะครับ”

การจัดการกับความรู้สึกอ่อนไหวของตัวเอง

“ไม่ยากหรอกครับ ก็แค่ทำใจ เพราะผมโดนเป็นประจำอยู่แล้ว พอเริ่มเข้าวงการผมก็โดนเลยครับ นี่ก็ 18 ปีแล้ว โดนทั้งบุลลี่ เรื่องนี่ๆ นั่นๆ ทุกคนก็รู้อยู่แล้วใช่ไหมครับ

“พอโดนมาตลอด ก็เลยเป็นความรู้สึกแบบว่า ‘อีกแล้วเหรอ’ เพื่อนๆ ผมเลยชอบบอกว่า ถ้ามีคอมเมนต์อะไรแบบนี้ ขอไม่ส่งให้ดูนะ เพราะส่วนตัวผมไม่ค่อยไปดูอะไรอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรแบบนี้ เพื่อนขอไม่บอกก็แล้วกัน แต่บางครั้งเพื่อนก็อดไม่ได้ แวะมาบอกว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพื่อนอยากให้รู้ แต่เพื่อนก็ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงไม่ให้ผมนอยด์ เพื่อนก็ถามก่อนแล้วนะว่าผมจะนอยด์มั้ยถ้าได้อ่าน ผมก็บอกว่า เอามาดูก่อน… พออ่านปุ๊บ ก็นอยด์ปั๊บเลยจริงๆ เพื่อนก็จะบอกว่า ‘เฮ้อ… ไม่น่าให้อ่านเลย’ อะไรแบบนี้ครับ”

สิ่งที่จะแก้ไข ถ้าสามารถย้อนอดีตกลับไปได้ 10 ปี

“จริงๆ ก็ไม่มีอะไรอยากแก้ไขนะครับ เพราะตั้งแต่เด็กๆ ผมก็เดินตามความฝันมาอย่างหนัก ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่อยากจะเป็นศิลปิน อยากจะร้องเพลง อยากจะมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง เพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันรู้หมดครับว่าผมเหนื่อยมาก เพราะเรียนเสร็จผมต้องนั่งรถมาที่แกรมมี่ มาเรียนต่อ มาซ้อม มาฝึกฝนสิ่งที่จะทำให้ผมเป็นศิลปิน เพื่อนๆ ทุกคนก็ให้กำลังใจโดยบอกว่า ถ้าออกอัลบั้มได้จริงๆ เดี๋ยวทุกคนซื้อเลย คนละสิบชุด เพื่อนๆ ให้กำลังใจตลอดครับ

“สมัยนั้นเลิกเรียนก็ไม่ได้ไปเดินห้างกับเพื่อน ปกติเวลาเลิกเรียนจะเป็นเวลาพักผ่อนของนักเรียน เขาไปเที่ยวกัน ผมก็ไม่ค่อยได้ไป มาแกรมมี่ทุกวัน รถก็ติดมาก มาเรียนร้องเพลง เรียนการใช้ไมค์ เรียนเต้น เรียนทัศนคติ เรียนแบบโอ้โห… เรียนอะไรกันเยอะแยะ หลายปีเลยครับกว่าจะได้เดบิวต์ ไม่อยากแก้ไขอะไรเลยจริงๆ ครับ”

จุดหมายที่ตั้งไว้ในฐานะศิลปิน

“จริงๆ มันมีแค่ว่าได้เป็นศิลปิน และได้ออกอัลบั้มของตัวเอง แค่นั้นเลยครับ จุดหมายของผมมีแค่นั้นเลยจริงๆ อะไรที่ตามมาหลังจากนั้นเรียกว่าเป็นของแถม หรืออะไรที่ไม่คาดคิด จริงๆ ผมอยากจะขอบคุณอะไรทุกอย่างที่ผลักดันให้ผมมาถึงจุดนี้ได้ในวันนี้นะครับ ผมไม่เคยหวังว่าจะได้มาไกลขนาดนี้ ผมรู้สึกว่าอยู่ตรงนี้มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะครับ มันมีอะไรที่คนคาดหวังเยอะมาก

“ผมมาไกลเกินที่ผมเคยฝันไว้มากเลยครับ การได้มาอยู่ตรงนี้ถือเป็นพื้นที่ที่พิเศษมาก ได้มีประสบการณ์เยอะแยะมากมายที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ อย่างวันนี้ผมได้มาถ่ายแฟชั่นเซ็ตกับลอฟฟีเซียล ออมส์ ครั้งที่สามแล้ว ถือว่าเป็นเกียรติมากสำหรับผมนะครับ ผมอยากขอบคุณพี่ๆ ที่ให้เกียรติผมนะครับ ผมจำได้ว่า สมัยก่อน ตอนที่ออกอัลบั้ม ออกซิงเกิ้ลแบบไม่มีใครรู้ ผมเป็นศิลปิน ผมก็อยากจะโปรโมทตัวเองบ้าง เลยไปบอกพี่ๆ เขาว่าขอเอาเพลงไปลงแม็กกาซีนอะไรหน่อยสิ พี่ๆ ทุกคนก็บอกว่า ‘ขอหน้าเดียวยังไม่ได้เลยนะ’ ดังนั้นอย่าหวังว่าจะได้ขึ้นปก มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว แฟชั่นนี่ยิ่งไม่มีทางไปกันใหญ่ ตอนนั้นน่ะครับ แค่ได้โปรโมทไม่กี่บรรทัดเท่านั้นล่ะ ผมจำได้ว่าผมถามพี่ๆ เขาว่า ‘เขาให้แค่นี้จริงๆ เหรอ’ จนวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือผมได้ถ่ายแฟชั่นกับแม็กกาซีนแล้วนะครับ ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลกนะครับ ผมเคยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่วันนี้พี่อยากให้ผมลงแม็กกาซีนของพี่ ผมดีใจมาก รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังเลย”

ความในใจถึงเหล่านุชชี่และนุชเชสของคุณหลวงผลิต

“ผมมาถึงจุดนี้แบบไม่คาดคิดใช่ไหมครับ มันเหมือนการเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง ตอนแรกผมกำลังจะเฟดตัวไปแบบไม่ให้มีใครรู้ อย่างที่บอกไปว่าอยู่ตรงทางแยก แต่จู่ๆ ผมก็กลับมาเดินใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง โดยไม่มีการเตรียมตัวเลย เป็นสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง และอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น มันก็เกิดจากพลังของแฟนๆ ที่สนับสนุนผม ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจผม หรือการชอบผมในแบบที่เป็นผม ผมอยากจะขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่อยู่ด้วยกันมา ตั้งแต่ตอนที่ไม่มีใครรู้จัก มาจนถึงวันนี้ ขอบคุณทุกคนจริงๆ ครับที่สนับสนุนผม รักผมในแบบที่ผมเป็น และสนับสนุนผลงานของผมมาตลอดจริงๆ ขอบคุณมากครับ”

สตรีมเพลง Touch My Body ได้แล้วทุกช่องทางออนไลน์

Make Up: Pornpichit Khumnguen 

Hair: Thanupol Phoothepamornkul

Model: Peck – Palitchoke Ayanaputra

Assistant Photographer: Suratham Thapphasut

Assistant Stylist: Pattaradanai Niyavemanont

คุยกับ ‘คิมซอนโฮ’ อุ่นเครื่องก่อนไปมันส์กับ ‘The Childe เทพบุตร ล่านรก’ สิ้นเดือนกรกฎาคมนี้!!!

ลงนั่งพูดคุยกับ ‘คิมซอนโฮ’ ผู้รับบทนำภาพยนตร์เรื่อง ‘The Childe เทพบุตร ล่านรก’ กับบทบาทที่ท้าทายความเป็นนักแสดงแถวหน้าของเขาอย่างที่สุด

คุณรู้สึกยังไงบ้างเมื่อรู้ว่าจะได้ร่วมแสดงใน The Childe

โห หัวใจผมเต้นตึกตักเลย ตอนที่ผมรู้ว่าจะได้เล่นภาพยนตร์ ผมได้พบกับผู้กำกับก่อน ผมเป็นแฟนหนังเรื่อง The Witch ผลงานของพัคฮุนจอง ครั้งแรกที่ผมเจอเขา ผมบอกเขาว่า  “คุณผู้กำกับ A New World  นี่โคตรเจ๋งเลยนะ แต่ฉากกำแพงถล่มใน The Witch มันสุดจะคลั่ง” เขาตอบผมว่า “ผมเน้นซีนนั้นเป็นพิเศษเลยนะ”

เราอยากรู้ว่าทำไมผู้กำกับถึงเลือกคุณ

เพื่อนเขาหลายคนแนะนำผม จริงๆ มีคนแนะนำนักแสดงที่ชื่อ คิมซอนโฮ ให้เขาตั้งหลายเรื่องแล้ว แต่เขาไม่ชอบรูปที่ผมตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ (หัวเราะ) ‘หน้าแบบนี้เล่นหนังดาร์กๆ ไม่ได้หรอก’  แต่พอคราวนี้มีคนพูดชื่อผมอีก เขาเลยกลั้นใจให้โอกาสผมดูซักครั้งตอนที่เกิดเรื่องผู้กำกับไม่ยอมหาคนมาแทนผมเขาแค่ถามผมว่าเล่นได้หรือไม่ผมไม่อยากถ่วงทั้งกองไว้แต่พอผมได้ยินว่าเขาสู้เพื่อให้ผมได้บทนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก

คุณคิดว่าประสบการณ์จากการเล่นละครเวทีช่วยคุณปรับตัวได้มากแค่ไหนเมื่อต้องมาเล่นภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง The Childe 

แน่นอนครับ ถ้าเปรียบเทียบการแสดงกับการออกกำลังกาย การแสดงละครเวทีก็เหมือนกับการสควอท มันคือพื้นฐาน เสริมช่วงล่างให้แข็งแกร่ง ผมคิดว่าการแสดงละครเวทีคือพื้นฐานการแสดงที่ใช้ต่อยอดได้ในทุกสื่อ เพราะนักแสดงต้องออกเสียงชัดเจน และใช้น้ำเสียงได้หลากหลาย การแสดงในจอกับบทเวทีมันมีรายละเอียดหลายอย่างต่างกัน เวลาคุณเล่นหนังคุณพึมพัมกับตัวเองได้เพราะมีไมค์คอยเก็บเสียง แต่ถ้าคุณทำแบบนั้นในละครเวที ผู้ชมจะไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไร ถ้าคุณแสดงความเศร้าผ่านสายตา มีแค่ผู้ชมสามแถวหน้าเท่านั้นที่จะเก็ท คุณต้องร้องไห้แหกปากหรือทรุดลงไปเลย

จากทุกบทบาทที่คุณเคยรับมา บทไหนเหมือนตัวจริงของคิมซอนโฮที่สุด

ทุกตัวละครมีความเป็นคิมซอนโฮหมด ไม่ว่าจะดีหรือเลว ทุกบทที่ผมเล่นผมใส่ความเป็นตัวลงไป ผมเองก็เปลี่ยนตัวเองไปตามบทที่รับเหมือนกัน ยังดีที่การรับบทเป็นนักฆ่าไม่ได้ทำให้ผมกลายเป็นคนบ้าเลือดแต่อย่างใด (หัวเราะ) มันมีบางครั้งที่ผมรู้สึกพูดจาห้วนขึ้น ผมคิดกับตัวเองว่า “เดี๋ยวนี้ฉันใช้คำแบบนี้แล้วเหรอ” แต่ถ้าต้องเลือก ผมว่าบทที่คล้ายผมที่สุดคือ คิมแรวอน จาก You Drive Me Crazy! เขาเหมือนผมตอนก่อนที่จะทำอาชีพนักแสดง

จากตัวอย่างคิมซอนโฮใน The Childe ช่างแตกต่างจากคิมซอนโฮที่ทุกคนรู้จัก เหมือนคุณทำการบ้านอย่างหนักเพื่อลบภาพจำเดิม

ผมอยากให้ผู้ชมมองว่าผมเป็นนักแสดงที่รับบทได้หลากหลาย การสร้างความแตกต่างคือสิ่งที่ผมทำการบ้านหนักที่สุด มันเหมือนมีภาพจำของนักแสดงที่ชื่อคิมซอนโฮในใจแฟนๆ ซึ่งแปลว่าผมอาจไม่สามารถมอบอะไรที่แตกต่างได้ เพราะมันอาจจะทำให้พวกเขาตกใจจนช็อกไปเลย ผมเคยกลัวจนเครียดไปเลยนะ จนผมกลั้นใจตัดสินใจว่าจะเล่นบทนี้ให้แตกต่างจากตัวตนของผมมากที่สุดเท่าที่ทำ 

คุณอยากรับบทแบบไหนอีกในอนาคต

เมื่อผมลองเล่นบทดาร์กๆ ใน The Childe  ตัวละครของผมโหดและเถื่อนแต่เขามีมุมตลกอยู่บ้างนี่เป็นจุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้ต่างกับหนังแอ็กชันนัวร์ทั่วไปแต่ผมอยากกลับไปเล่นเป็นคนปกติบ้างเอาจริงๆนะผมอยากเล่นบทสมทบบ้างผมไม่อยากเล่นเป็นตัวละครที่แบกทั้งเรื่องไปอีกซักพักผมอยากเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องร่วมกับคนอื่นๆ

คุณคงได้ยินคำชมจนชิน มีคำชมไหนที่คุณไม่มีเบื่อบ้างไหม

“นายเป็นนักแสดงที่เก่ง” ผมชอบคำนี้ที่สุด มันไม่มีคำจำกัดความของคำว่าการแสดงที่ดี ตอนที่ผมถ่าย The Childe ผู้กำกับพัคฮุนจอง บอกผมว่า “ซอนโฮ นายมันสุดยอด เล่นดีโคตรๆ” ผมดีใจจนตัวลอยไปสามวัน มันไม่มีอะไรแทนความรู้สึกนี้ได้ แน่นอนมันมีบางครั้งที่ผมเล่นไม่ดีเท่าที่ควร ผมก็จิตตกไปบ้างเหมือนกัน มันเป็นวงจรอย่างนี้แหละ เดี๋ยวดีใจเดี๋ยวจิตตก แต่นั่นแหละคือความสุขที่ผมได้จากการเป็นนักแสดง

สำหรับคุณแล้ว นักแสดงที่ดีเป็นยังไง

มันเหมือนเดิมมาตลอด ตั้งแต่ผมเริ่มเรียนการแสดง นักแสดงที่ดีสำหรับผม คือ “นักแสดงที่คุณอยากจ้างมาเล่นในโปรเจ็กต์ต่อไป” คติในการทำงาน ทักษะในการแสดง หรือช่วยให้นักแสดงคนอื่นได้เจิดจรัส ถ้าใครมีคุณสมบัติตามนี้ แน่นอนย่อมมีคนอยากร่วมงานกับเขาอีก นี่แหละคือนักแสดงที่ดี

คุณว่าการแสดงบทหัวเราะหรือร้องไห้ยากกว่ากัน

นักแสดงทุกคนจะตอบเหมือนกันว่าหัวเราะนี่ยากสุดแล้ว ไม่มีอะไรยากไปกว่าการต้องแสดงไปหัวเราะไปนักแสดงหลายคนเริ่มเรียนการแสดงด้วยการตะโกนหรือร้องไห้  สำหรับการฝืนร้องไห้ หรือบีบน้ำตา มันไม่ได้ยากอะไรมากมาย แต่การหัวเราะให้ออกมาเป็นธรรมชาตินี่ต้องอาศัยปัจจัยที่พอเหมาะเท่านั้น ผมเคยได้ยินเพื่อนนักแสดงบางคนบ่นว่าพวกเขาต้องถ่ายฉากหัวเราะตั้ง 40 เทค

ภาพยนตร์เรื่อง ‘The Childe เทพบุตร ล่านรก’ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

4

The Return of The (Vocal) Queen: TAEYEON!! 

สิ้นสุดการรอคอยกันแล้วสำหรับแฟนๆ ของแทยอน ราชินีแห่งเสียงร้องทรงพลังประจำค่าย SM ที่กลับมากับคอนเสิร์ต TAEYEON CONCERT – The ODD Of LOVE in BANGKOK ในวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 (เวลา 18.00 น.) และวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2566 (เวลา 16.00 น.) ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งในการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ ทำให้แทยอนได้กลายเป็น “ศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยว ณ อิมแพ็ค อารีน่า และสามารถจัดได้ถึง 2 รอบการแสดง” ไปอย่างสมบูรณ์แบบ

แทยอนเป็นสมาชิกวง Girls’ Generation ที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกในการทำกิจกรรมกลุ่ม และในตอนนี้ เธอก็ได้ฉายแสงในการทำกิจกรรมเดี่ยวอันหลากหลายทั้งรายการวาไรตี้ พิธีกร พรีเซ็นเตอร์ ขึ้นปกนิตยสาร และการเป็นศิลปินเดี่ยว เรียกได้ว่าออกมาทีไรถ้าไม่ล้างชาร์จ ก็เกือบๆ ทุกครั้งไป 

เพื่อเป็นการฉลอง INVU อัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ของเธอในฐานะศิลปินเดี่ยว เธอได้ออกเดินสายจัดคอนเสิร์ตประจำอัลบั้ม และกลับมาหาแฟนๆ ชาวไทยในฐานะศิลปินเดี่ยวที่ทำลายสถิติเดิมของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ไล่มาตั้งแต่การเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบในประเทศไทย ด้วยคอนเสิร์ต ‘TAEYEON solo concert “PERSONA” in BANGKOK’ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ต่อด้วยคอนเสิร์ต TAEYEON CONCERT in BANGKOK เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ที่ทำให้เธอเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบในประเทศไทยได้ถึง 2 รอบการแสดง จนมาถึงคอนเสิร์ต TAEYEON CONCERT – The ODD Of LOVE in BANGKOK ในครั้งนี้ที่จะทำให้เธอกลายเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบ 2 รอบการแสดง ณ อิมแพ็ค อารีน่า

บัตรคอนเสิร์ตเริ่มเปิดจำหน่ายสำหรับสมาชิก SM True MEMBERSHIP ในวันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม 2566 เวลา 11.00 น. – 12.00 น. เท่านั้น 

สำหรับบุคคลทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2566 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสใน 7- Eleven หรือร้านค้าที่มีสัญลักษณ์เคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขาทั่วประเทศ และทางเว็บไซต์ allticket.com 

‘Road to Sonic Bang 2023’ Final Lineup Confirmed!!!

หลังจากห่างหายจากประเทศไทยกันไปนาน Road to Sonic Bang 2023 เทศกาลดนตรีแอร์เย็นฉ่ำพร้อมกลับมาให้บริการแฟนๆ แล้วในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ณ Impact Exhibition Hall 5 โดยประกาศไลน์อัพชุดสุดท้ายด้วย ‘UMI’ และ ‘lullaboy’ สองดาวรุ่งชื่อดังเอาใจสายอินดี้ป็อปกันแบบไม่กั๊ก 

โดยศิลปินที่คอนเฟิร์มกันไปก่อนหน้านี้แล้วได้แก่ LANY และ Valley จากฝั่งตะวันตก ส่วนฝั่งเอเชียก็มี ADOY จากเกาหลีใต้ เสริมด้วย Nulbarich และ BURNOUT SYNDROMES จากประเทศญี่ปุ่น และ HYBS จากประเทศไทย

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่ www.livenationtero.co.th