เคล็ดลับความหอมในช่วงฤดูร้อน

เมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นและดวงอาทิตย์ส่องแสงในช่วงฤดูร้อน สิ่งสำคัญคือต้องเปลี่ยนกิจวัตรความหอมของคุณให้เหมาะกับฤดูกาลแห่งความร้อนที่เปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการหาน้ำหอมที่เหมาะกับสภาพอากาศที่อบอุ่น

สิ่งสำคัญคือต้องเลือกน้ำหอมที่บางเบาและสดชื่น กลิ่นที่หนักไปของมัสกี้อาจจะอบอวลได้ ดังนั้นควรเลือกกลิ่นที่มีเบสดอกไม้หรือซิตรัส กลิ่นยอดนิยมของฤดูร้อน ได้แก่ มะกรูด มะนาว เกรปฟรุต และมะลิ กลิ่นเหล่านี้เหมาะสำหรับวันในฤดูร้อนและจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่น สำคัญอีกประการหนึ่งคือความเข้มข้นของน้ำหอม ในช่วงฤดูร้อน ควรเลือกน้ำหอมที่มีความเข้มข้นน้อยและเบาบาง เช่น eau de toilette หรือ Cologne ความเข้มข้นเหล่านี้จะมีความเข้มข้นน้อยกว่า eau de parfum ซึ่งอาจหนักเกินไปสำหรับการเติมกลิ่นในฤดูร้อน

การเลือกน้ำหอมที่เหมาะสมและการใช้อย่างเหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการใช้ประโยชน์จากน้ำหอมในช่วงฤดูร้อน การเริ่มเติมกลิ่นควรทำหลังจากอาบน้ำและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแล้ว วิธีนี้จะช่วยให้น้ำหอมติดทนนานและยังป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นหากคุณใช้น้ำหอมกับผิวที่แห้ง สิ่งสำคัญสำหรับในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดน้ำหอมในบริเวณที่โดนแดด เช่น คอหรือหน้าอก ซึ่งอาจทำให้น้ำหอมแตกตัวและทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ ให้เน้นฉีดน้ำหอมในบริเวณที่จะถูกปกปิดด้วยเสื้อผ้าแทน เช่น ข้อมือและหลังใบหู

บำรุงก่อนสายไป! กับ 5 กันแดด ที่ซัมเมอร์นี้หากไม่อยากหน้าพัง หนุ่มๆ ควรพกติดกระเป๋า

ช่วงนี้พูดได้เลยว่าอากาศหน้าร้อนในประเทศไทย ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับใครหลายๆ คนไปแล้ว ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายเหงื่อตก เจ้าวายร้ายแสงแดดนี้ยังจะมาทำให้ผิวของเราเสียและก่อปัญหามากวนใจเราอีกด้วย มีหนุ่มๆ หลายคนได้ละเลยขั้นตอนสำคัญนี้ไป การใช้ ‘ครีมกันแดด’ ไม่เพียงแต่จะปกป้องผิวหน้าของเรา แต่ยังทำหน้าที่ยืดอายุผิวให้อยู่กับเราไปได้นานอีกด้วยครับ

วันนี้เราได้นำ 5 ครีมกันแดดตัวดัง มาฝากเพื่อนๆ กันแล้วครับ ซึ่ง 5 ตัวนี้สามารถใช้ได้ทุกวัน หาซื้อได้ทั่วไปและยังมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวหน้าให้ไกลจากแสงแดดอีกด้วย จะมีแบรนด์ไหนกันบ้าง เราไปชมกันเลยครับ

1. SUPERGOOP!

เริ่มต้นกันด้วยกันแดดตัวดังจาก SUPERGOOP! ที่มีชื่อว่า Unseen Sunscreen Broad Spectrum Sunscreen SPF 40 PA+++ เจลกันแดดตัวฮอตฮิต ในหมู่อินฟูลต่างประเทศใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื้อสัมผัสของกันแดดรุ่นนี้จะเป็นเจลเนื้อใส ที่สามารถซึมซาบเข้าผิวได้ง่าย สามารถใช้ได้ทุกวัน หากหนุ่มๆ คนไหนที่กำลังมองหากันแดดดีๆ สักตัว Supergoop คือหนึ่งในช้อยส์ที่เราอยากแนะนำเลยครับ

2. SHISEIDO

ต่อกันด้วยอีกหนึ่งครีมกันแดด ที่สายลุยยกให้เป็นกันแดดในใจกับ Ultimate Sun Protector Lotion SPF 50+ จาก SHISEIDO ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสียูวีในแสงแดดด้วย SynchroShield™ เทคโนโลยีสูตรเฉพาะที่ปรับเปลี่ยนอีกขั้นที่เหนือกว่าสูตรเดิม เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์จะเป็นเนื้อครีม สามารถกันแดดและกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ บอกได้เลยว่าหากใครเป็นสายลุย ต้องตัวนี้เลยครับ

3. KIEHL‘S

ตามติดมาด้วยอีกหนึ่งกันแดด ที่เรายกให้เป็นของสามัญประจำกระเป๋าเลยก็ว่าได้ครับกับ Ultra Light Daily UV Defense Aqua Gel SPF 50 PA++++ จาก KIEHL‘S ในครั้งนี้เราได้นำผลิตภัณฑ์ ที่เป็นเนื้อเจลมาแนะนำกัน เพราะหนุ่มๆ ที่มีผิวหน้าที่มัน คงจะไม่อยากให้ใบหน้าของเรายิ่งมันขึ้นไปกว่าเดิม และต้องการการซึบซาบที่รวดเร็วพร้อมออกแดดในทันที นอกจากจะมีเทคโนโลยีป้องกันมลภาวะแล้ว ยังสามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระและป้องกันมลพิษทางสิ่งแวดล้อมถูกดูดซึมเข้าสู่ผิว และลดการปรากฏของรูขุมขนอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วยครับ

4. La Roche-Posay

และอีกหนึ่งกันแดด ที่หนุ่มๆ หลายคนใช้แล้วติดใจอย่าง Anthelios Uvmune 400 Invisible Fluid Spf 50+ จาก La Roche-Posay สามารถปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายของรังสี UV รวมถึง Ultra-Long UVA* ที่ทำร้ายผิวได้ลึกที่สุด อินฟราเรด ฝุ่นและมลภาวะ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาผิว เนื้อสัมผัสของกันแดดตัวนี้ มีเนื้อที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ แถมยังเกลี่ยง่ายซึมไวและไม่เป็นคราบ นับเป็นอีกหนึ่งกันแดดดรักสโตร์ ที่เป็นกันแดดในใจของใครหลายๆ คน

5. Eucerin

ปิดท้ายด้วยกันแดด Sun Dry Touch Oil Control SPF50+ จาก Eucerin หนึ่งในไอเท็มสกินแคร์คู่กายของใครหลายๆ คน เพราะเนื่องจากจะสามารถ ควบคุมความมันได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงแล้ว ยังสามารถปกป้องทุกรังสีทั้ง UVA/B และยังสามารถลดสาเหตุของสิว ปัญหากวนใจของหนุ่มๆ ได้อีกด้วย

VINN PATARARIN จัดเวิร์คช็อปพิเศษเกี่ยวกับประสาทสัมผัส ที่สะท้อนตัวตน ผ่านธรรมชาติและงานดีไซน์

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมเวิร์คช็อปสุดพิเศษ ร่วมกับแบรนด์สัญชาติไทยอย่าง VINN PATARARINSOHO HOUSE โดยในครั้งนี้มีชื่อโปรเจ็กต์ที่มีชื่อว่า ‘SENSE WORKSHOP’ จัดขึ้นเพื่อต่อยอดองค์ความรู้และกระบวนการวิจัยจากคอลเล็กชั่นที่ผ่านมา สู่เวิร์คช็อปเกี่ยวกับประสาทสัมผัสต่างๆ ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกคนได้หยุดพัก ค้นหา และสะท้อนตัวตนของตนเอง ผ่านกิจกรรมและงานดีไซน์ ควบคู่ไปกับการนำเอาธรรมชาติ โดย Multidisciplinary design studio และ Exclusive Club

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วทางแบรนด์ VINN PATARARIN ได้ร่วมมือกับ ดร. ญาณิศา เนียรนาทตระกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบสภาพแวดล้อม สำหรับผู้ที่มีภาวะทางสมอง ในการค้นคว้าวิจัย และพัฒนาพื้นผิวสัมผัสของวัสดุต่างๆ รวมไปถึงกระบวนการของงานมือในการฟื้นฟูทักษะ และพัฒนาการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นในอนาคตทางแบรนด์ ยังมีแผนการที่จะขยับขยาย SENSE PROJECT ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มหนึ่ง ที่จะเชื่อมโยงนักออกแบบและนักวิจัย ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น ด้วยงานออกแบบอันหลากหลายนั่นเอง เราได้นำภาพเวิร์คช็อปในครั้งนี้ มาฝากกันแล้วครับ ไปชมกันเลยครับ

‘น้ำหอมนิช’ (niche perfume) เรายังสามารถใช้คำว่า ‘นิช’ (niche) กับมันได้อยู่หรือไม่

เมื่อใครๆ ก็ต้องหันมาให้ความสนใจกับ ‘น้ำหอมนิช’ (niche perfume) จนเรายังอดสงสัยไม่ได้ว่าเรายังสามารถใช้คำว่า ‘นิช’ (niche) กับมันได้อยู่หรือไม่

Naxos จาก Xerjoff, Eyes Closed จาก Byredo, 724 จาก Maison Francis Kurkdjian, Viking Cologne จาก Creed, English Oak & Hazelnut จาก Jo Malone London

Author: Chayanon Chongprasert
Photographer: Ponpisut Pejaroen

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา น้ำหอมและชายหนุ่มนั้นกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันอย่างเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น จากที่เมื่อก่อนหลายๆ คนจะมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือทำให้พวกเขาดู ‘สำอาง’ ไปเลยเหลือเกิน กลิ่นหอมที่บ่งบอกถึงตัวตนและอารมณ์ของพวกเขาต่างก็ถูกประพรมไปทั่วร่างกาย แต่เห็นจะมีน้ำหอมจำพวกหนึ่งที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นนั่นก็คือ ‘น้ำหอมนิช’ (niche perfume) กลิ่นหอมที่มีคาแรคเตอร์และเรื่องราวที่น่าตื่นตา ที่ตอนนี้ใครๆ ก็ต้องมีไว้ซักขวดถึงแม้คำว่าน้ำหอมนิชจะกลายเป็นที่คุ้นหูในไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ตั้งแต่ในยุคโบราณน้ำหอมเองนั้นไม่ว่าจะเป็นกลิ่นในโทนใดก็ตาม ก็ต่างถูกจัดให้เป็น ‘สินค้าเฉพาะกลุ่ม’ (niche product) ทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่ปัจจัยของกลิ่นหอมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยของราคา ความรู้และความเข้าใจ รวมไปถึงรสนิยม จึงสร้างความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับน้ำหอมไปโดยปริยาย เพราะคนบางกลุ่มเท่านั้นที่จะเลือกใช้ ดื่มด่ำ และเข้าถึงน้ำหอมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความพิถีพิถันเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นราชนิกุล ชนชั้นสูง หรือคนร่ำรวย น้ำหอมถือเป็นงานศิลป์ชนิดหนึ่งที่ต้องการมากกว่าแค่สัมผัสการดมกลิ่นเพื่อเข้าถึงมันในยุคนั้นเลยก็ว่าได้แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลก

โดยเฉพาะการปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่ทำให้การผลิตสินค้าต่างๆ นั้นเป็นไปด้วยความรวดเร็วเพื่อจำนวนที่มากยิ่งขึ้น สินค้าหรูหราไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าจากแบรนด์แฟชั่นหรือแม้แต่น้ำหอมเองก็ต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของฐานผู้บริโภคที่กว้างขึ้นด้วยการมาถึงของห้างสรรพสินค้า นั่นก็นำไปสู่การเข้าถึงที่ง่ายดายมากยิ่งขึ้นของสินค้าเหล่านี้ไปโดยปริยายอย่างไรก็ตามเราก็ยังสามารถเห็นได้ถึงความเอ็กซ์คลูซีฟของน้ำหอมที่ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง เพราะมันถูกหยิบไปเชื่อมโยงกับโลกของแฟชั่นอย่างชัดเจนทุกอเตลิเย่ร์แฟชั่นทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Chanel, Dior, Givenchy หรือ Lanvin ก็ต่างเปิดตัวน้ำหอมกลิ่นซิกเนเจอร์ที่ผูกโยงกับเรื่องราวของแบรนด์ทั้ง, Miss Dior, L’Interdit และ My Sin ซึ่งก็ยังถูกเพิ่มคุณค่าในด้านต่างๆ เข้าไปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบอกว่ากลิ่นเหล่านี้นั้นเปรียบดังผู้หญิงของแบรนด์นั้นๆ ทำให้ผู้ใช้ยิ่งมีจินตนาการเมื่อฉีดพรม หรือถูกเปรียบให้เหมือนหนึ่งในอาภรณ์ชิ้นเด่นของแบรนด์ อย่างคำพูดของมงซิเออร์ดิออร์ที่ว่า “A drop of perfume and you are dressed in Dior!”

อย่างไรก็ตาม ความเอ็กซ์คลูซีฟที่ถ่ายทอดผ่านลงมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณนั้นก็ถูกแสดงออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ ด้วยน้ำหอมที่ถูกโปรโมทโดยแบรนด์แฟชั่นชั้นนำมาในราคาที่ค่อนข้างจับต้องได้มากยิ่งขึ้น และจำนวนของน้ำหอมจากแบรนด์แฟชั่นเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นอย่างมากโขนั้นก็ทำให้มันไม่ได้เป็น ‘สินค้าเฉพาะกลุ่ม’ (niche product) อีกต่อไป ถึงแม้จะมีไลน์น้ำหอมชั้นสูงอยู่ในแบรนด์ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เป็นที่พูดถึงมากนัก จนทำให้ผู้คนมากมายต่างก็สามารถดื่มด่ำไปกับจินตนาการอันหอมหวนเหล่านี้ได้ ทำให้เกิดหลายมุมมองที่ถกเถียงกันขึ้นมาภายในอุตสาหกรรมน้ำหอมว่าผลิตภัณฑ์นี้นั้นยังคงเต็มไปด้วยความพิถีพิถันมากน้อยแค่ไหน และผู้คนที่ใช้หรือเป็นเจ้าของน้ำหอมนั้นได้ดื่มด่ำกับจิตวิญญาณของงานศิลป์แห่งกลิ่นนี้อย่างลึกซึ้งแค่ไหน จนกลายมามีคำกล่าวของนักปรุงน้ำหอมนิชสัญชาติอังกฤษอย่าง Roja Dove ออกมาว่า “People don’t really smell perfume anymore, they smell marketing.” ถึงอย่างนั้น เราก็ต่างรู้ดีว่ากระแสแฟชั่นนั้นก็เปลี่ยนไปตามความต้องการหาตัวตนของแต่ละบุคคล โลกของน้ำหอมนั้นก็เช่นกัน กลิ่นหอมที่คุ้นหน้าคุ้นตาหรือจะเรียกว่าเป็นกลิ่นแนวแมสนั้นก็ได้ถูกใช้และดื่มด่ำจนทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว จึงไม่แปลกที่ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มเสาะหากลิ่นหอมใหม่ๆ ที่สามารถระบุความเป็นตัวของเขาเหล่านั้นได้อย่างโดดเด่นกว่าใคร ชื่อของเมซงน้ำหอมที่มีอายุยาวนานและยังคงผลิตน้ำหอมด้วยความประณีตจึงกลายมาเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้ง Xerjoff, Maison Francis Kurkdjian, Diptyque หรือ Jo Malone London ในอีกด้านแฟชั่นแบรนด์หรือแม้แต่บิวตี้แบรนด์ชื่อดังก็ต่างหันมาโปรโมทหรือเปิดตัวไลน์น้ำหอมชั้นสูงของตัวเองอีกครั้งทั้ง Le Exclusifs de Chanel, La Collection Prive ของ Dior หรือ L’Art et la Matire ของ Guerlain และเมื่อโลกของน้ำหอมนิชถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ผู้ที่ได้เข้าสู่โลกนี้นั้นก็สามารถสัมผัสได้ถึงความโดดเด่นที่ยากจะหาได้ตามน้ำหอมทั่วไป ทั้งกลิ่นหอมที่มีมิติ พัฒนาเปลี่ยนผ่านตามกาลเวลาและเคมีบนผิว กลายเป็นกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์หาตัวจับได้ยาก ถึงแม้ว่าบางกลิ่นนั้นจะมีส่วนผสมน้อยเสียยิ่งกว่าน้ำหอมในท้องตลาดโดยทั่วไป พร้อมกับเรื่องราวและแรงบันดาลใจที่ช่างน่าค้นหา แถมบางกลิ่นยังเปิดกว้างไร้ซึ่งขอบเขตเรื่องเพศนอกจากจะเป็นกลิ่นหอมที่น่าหลงใหลประจำตัวแล้วนั้น

Naxos จาก Xerjoff, Eyes Closed จาก Byredo, 724 จาก Maison Francis Kurkdjian, Viking Cologne จาก Creed, English Oak & Hazelnut จาก Jo Malone London

ในปัจจุบันน้ำหอมนิชก็กลายเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเรื่องของรสนิยมที่แตกต่าง และความดื่มด่ำในศิลปะแห่งกลิ่น เพราะกลิ่นของน้ำหอมนิชหลายกลิ่นนั้น ถึงแม้จะมาพร้อมความน่าสนใจ แต่ก็มักจะมาพร้อมกับกลิ่นที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ คุณไม่สามารถตัดสินอะไรได้เลยจากกลิ่นที่ผ่านพ้นหัวสเปรย์มาเพียงไม่กี่นาที มันจึงกลายเป็นสิ่งที่ ‘ไม่ได้เกิดมาสำหรับทุกคน’ ก็ว่าได้ แต่ในทางกลับกัน น้ำหอมนิชบางกลิ่นอย่างเช่น ‘Baccarat Rouge 540’ กลิ่นขายดีติดอันดับของแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian ก็เหมือนจะกลายเป็นที่นิยมจนอาจจะเสียภาพของน้ำหอมนิชไปเสียแล้ว เป็นปรากฏการณ์ที่เราถึงกับต้องถามตัวเองว่า “เรายังเรียกมันว่าน้ำหอมนิชได้อยู่หรือเปล่า” เรียกได้ว่า ณ ขณะนี้เป็นช่วงยุครุ่งเรืองอีกครั้งของน้ำหอมนิชก็ว่าได้ ถึงกาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ความเป็นเอกลักษณ์ใหม่ๆ ก็ถูกค้นหาโดยคนเราอยู่เสมอไป ทำให้โลกของน้ำหอมนั้นดูมีสีสันและความหลากหลายขึ้นไปโดยปริยาย แต่ในฐานะหนึ่งในผู้ชื่นชอบงานศิลป์แห่งกลิ่นหอมนี้ เราก็ยังคอยจับตามองอุตสาหกรรมน้ำหอมนิชอยู่ทุกย่างก้าว และได้แต่ตั้งคำถามว่าอนาคตของมันจะต่อยอดไปถึงตรงไหน ความหรูหรา อู้ฟู่ น่าหลงใหลของมันจะยังคงเป็นที่ดึงดูดอยู่หรือไม่ในสภาวะของโลกที่เร่งรีบและความใส่ใจในความยั่งยืนต่อธรรมชาติในปัจจุบัน น้ำหอมนิชในวันนี้จะยังคงความ ‘นิช’ ของมันไปได้นานเพียงใด และน้ำหอมแบบไหน

Model: Jung-min @WM Management
Grooming: Sirima Khongtong 

เตรียมพบกับความเปลี่ยนแปลง ท่ีจะนำคุณไปสู่ประสบการณ์ใหม่จาก Aesop Thailand

เมื่อเจ็ดปีท่ีแล้ว Aesop เปิดตัวเคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในกรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์สูตรข้ึนจากส่วนผสมท่ีมีประสิทธิภาพ ดีไซน์ร้านค้าที่ถูกออกแบบด้วยการคำนึงถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมไปถึงการบริการให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย

เพื่อการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและน่าจำข้ึนไปอีกระดับ Aesop ได้ปิดบริการเคาน์เตอร์ทั้ง 6 สาขาทั่วประเทศ เพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน Aesop Signature Store แห่งแรกของประเทศไทยในปี 2567 โดยหน้าร้านแบบสแตนด์อะโลน พร้อมมอบบรรยากาศอัน รื่นรมย์อย่างมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมและทดลองสินค้า

ในระหว่างน้ี Aesop ได้เปิดบริการช่องทางการจำหน่ายออนไลน์อย่างเป็นทางการท่ี Lazada เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย โดยสามารถเข้าชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ Aesop ไดอ้ย่างสะดวกสบาย ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซท่ีน่าเชื่อถือมากไปกว่านั้น Aesop พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ลมิเต็ดเอดิชั่นและข้อเสนอพิเศษอื่นๆ ตลอดปีทั้งปีผ่าน Lazada

เจาะลึกที่มา Celine ‘Bois Dormant’ น้ำหอมจากคอลเล็กชั่น HAUTE PARFUMERIE

Author: Chanond Mingmit
Photography: Courtesy of Celine

Bois Dormant โดย Celine เป็นน้ำหอมในคอลเลกชั่น HAUTE PARFUMERIE กลิ่นล่าสุดที่ได้แรงบันดาลใจจากกลิ่นหอมในความทรงจำของ HEDI SLIMANE

โดยสำหรับกลิ่นใหม่นี้เขาได้พาย้อนกลับไปยังความทรงจำในวัย 19 ปีขณะกำลังมองหาชุดสูทมือสองที่ตัดเย็บอย่างประณีตและ มีโครงสร้างอันเป็นเอกลักษณ์จากร้านตัดสูทในย่าน SAVILE ROW กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประสบการณ์นี้เองคือจุดเริ่มต้นของการก้าวไปสู่อาชีพกูตูริเยร์และช่างตัดเย็บสูทในอนาคต ทั้งยังเป็นประสบการณ์ที่จุดประกายความฝันจากความหลงใหลในชุดสูทและทำให้เขามุ่งมั่นเสาะแสวงหาความสง่างามเหนือกาลเวลาและเส้นสายการตัดเย็บที่สมบูรณ์แบบนับแต่นั้นเป็นต้นมา และนั้นจึงทำให้เขาออกแบบกลิ่นที่สื่อถึงความเบาสบายและจิตวิญญาณของแจ๊กเก็ตตกแต่งกระดุมสองแถว ตัดเย็บจากเนื้อผ้าที่เขาชื่นชอบนั่นคือ ENGLISH FLANNEL เกิดเป็นกลิ่นไม้หอมแบบพาวเดอร์รี่ที่ผสมผสานความบางเบาของโคโลญจน์ ก่อให้เกิดความรู้สึกของความพลิ้วไหวและความเบาสบายอย่างอบอุ่นนุ่มนวล โดยยังสร้างความซ้อนทับของกลิ่นหอมที่ได้แรงบันดาลใจจากเสียงเพลงเพื่อถ่ายทอดเสน่ห์เย้ายวน ด้วยการผสมผสานกลิ่นหอมที่นุ่มนวลดั่งกำมะหยี่และบางเบา ราวกับเสียงเพลงที่เปล่งออกมายามจรดปลายเข็มลงบนแผ่นไวนิล

เฉกเช่นเดียวกับในโลกของอาภรณ์ชั้นสูงที่จำเป็นต้องอาศัยฝีมืออันเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในเชิงเทคนิคของการตัดเย็บซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสตูดิโอช่างฝีมือ วิธีการเช่นนี้จึงก่อให้เกิดการผสานกลิ่นหอมในแนว ‘โอลด์แฟชั่น’ ซึ่งเน้นไปที่ความติดทนนานมากกว่ากลิ่นที่เข้มข้นหนักแน่นจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันยังมีพื้นที่ให้แต่ละองค์ประกอบได้แสดงความโดดเด่น สำหรับกลิ่นของ BOIS DORMANT ประกอบไปด้วยกลิ่นที่ผสมผสานกันจากกลิ่นแนวพาวเดอรี่และไอริสบัตเตอร์ ที่ถ่ายทอดความหรูหรานุ่มสบายของผ้า ENGLISH FLANNEL ในขณะที่กระจายความหอมของวู้ดดี้จากซีดาร์และเวติแวร์ เติมความสมบูรณ์ด้วยเบอร์กาม็อตและจูนิเปอร์ ที่ให้สัมผัสอันนุ่มนวลล้ำลึก บรรจุอยู่ในขวดรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากโดยใช้เทคนิคการหลอมขวดแก้วที่มีเนื้อหนาหนักตามแบบฉบับดั้งเดิมของฝรั่งเศส สร้างความหรูหราให้กับขวดน้ำหอมเช่นเดียวกับฝาขวดที่เคลือบสีดำขัดเงาขวดน้ำหอมสำหรับคอลเลกชั่น CELINE HAUTE PARFUMERIE ตกแต่งลวดลายด้านหน้าและหลังด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและฝาขวดตัดเหลี่ยมมุมเคลือบสีดำขัดเงา ความงดงามทางสุนทรียะของขวดน้ำหอมได้แรงบันดาลใจจากสไตล์คลาสสิกของปลายยุคศตวรรษที่ 17 ที่ถูกนำมาตีความออกมาเป็นสไตล์มินิมอลที่เรียบสง่าแฝงด้วยความทันสมัยในแบบอาร์ตเดโค ด้วยความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือจึงทำให้ขวดแก้วโปร่งแสงที่มีเส้นสายคมกริบเผยให้เห็นสีทองอำพันของน้ำหอมที่มีความแตกต่างกันในแต่ละกลิ่น นอกจากนี้ตัวขวดยังตกแต่งด้วยกระดาษที่มีเนื้อสัมผัสแบบผ้า “GRAIN DE POUDRE” และสลักลวดลายที่ก่อให้เกิดเอฟเฟ็กต์การพิมพ์แบบ “GRAND SICLE” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากฝาผนังไม้ภายใน CELINE ATELIERS ซึ่งตั้งอยู่ที่ HTEL COLBERT DE TORCY เลขที่ 16 ถนน VIVIENNE ปารีส ด้านบนของฝาขวดสลักลายสัญลักษณ์ของแบรนด์ “TRIOMPHE” ที่ออกแบบโดยผู้ก่อตั้ง CLINE VIPIANA ในปี 1971

ตัวช่วยกอบกู้ใบหน้าในวันที่ไม่เป็นใจกับ 3 คอนซีลเลอร์ ‘ถูก-กลาง-แพง’ ที่หนุ่มๆ พลาดไม่ได้

เรื่องการแต่งหน้าของผู้ชายในทุกวันนี้ นับว่าเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้วก็ว่าได้ครับ เพราะหนุ่มๆ ในยุคนี้หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น ตั้งแต่การดูแลตัวเองตั้งแต่ภายในจนมาถึงภายนอก แต่การดูแลตัวเองในบางครั้งเราอาจจะมีช่วงจังหวะชีวิตที่ต้องเผชิญหน้ากับความเครียดกันอยู่บ้าง และความเครียดที่ว่าก็ส่งผผลออกมาในรูปแบบต่างๆ รวมถึงใบหน้าของเราด้วย ในวันที่ต้องใช้ใบหน้า ฟ้ากลับไม่เป็นใจ ดังนั้นเราจึงต้องหาตัวช่วย เผื่อมาปกปิดความบกพร่องบนใบหน้าของเรากันครับ วันนี้เรามีตัวช่วยที่เรียกว่า คอนซีลเลอร์ ในหมวด ‘ถูก-กลาง-แพง’ มาฝากเพื่อนๆ กันแล้วครับ จะมีตัวไหนที่หลายๆ คนใช้ และเห็นด้วยกันอยู่บ้าง เราไปชมกันเลยครับ!

Clear Nose

เริ่มต้นกันด้วย คอนซีลเลอร์ในหมวด ‘ถูก’ กันก่อนเลยครับ กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า ‘Clear Nose Acne Care Solution Concealer’ ตัวช่วยการปกปิด ที่จะมาช่วยกอบกู้ใบหน้า ในช่วงที่หนุ่มๆ เป็นสิว คอนซีลเลอร์ตัวนี้จะมาช่วยปกปิดสิวและสิวเสี้ยน รวมไปถึงทั้งรอยแดง รอยดำได้อย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อครีมมีความนุ่มเกลี่ยง่าย ไม่ทำให้ผิวอุดตัน พร้อมช่วยลดปัญหาสิวให้ยุบตัวลงอีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งตัวที่เป็นขวัญใจของคนเป็นสิวเลยก็ว่าได้ครับ!

NARS

ต่อกันด้วยคอนซีลเลอร์ในหมวดราคา ‘กลาง’ กันบ้าง นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่เป็นขวัญใจของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ครับกับ Radiant Creamy Concealer จาก NARS หลากหลายรีวิวจากทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ยกให้คอนซีลเลอร์ตัวนี้เป็นที่หนึ่งในใจ เพราะการปกปิดที่เหนือชั้น อยู่ทน และมีกว่า 26 เฉดสีผิว พร้อมมอบความชุ่มชื่นแก่ผิว และมีเทคโนโลยีกระจายแสง ช่วยให้ผิวดูนุ่มนวล เรียบเนียนมากขึ้นอีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่ทางเราแนะนำเลยครับ

TOM FORD

ตัวนี้พูดได้เลยครับว่าจัดอยู่ในหมวด ‘แพง’ แต่ความแพงที่ว่านี้ ไม่ได้มีเฉพาะแค่ราคา แต่ความแพงที่ว่ามาพร้อมกับ แพ็กเกจและผลลัพธ์อันน่าตกใจอย่าง Shade And Illuminate Concealer จาก TOM FORD Beauty แม้เนื้อผลิตภัณฑ์จะมีความบางเบา แต่หากพูดถึงความติดทนก็ต้องยกให้ตัวนี้เช่นกันครับ ซึ่งนับว่าคอนซีลเลอร์ตัวนี้ออกมาตอบโจทย์ผู้ชายหลายๆ คน ในเรื่องของการแต่งหน้าที่ดูบางเบา ปกปิดแต่ยังเป็นธรรมชาติอยู่นั่นเองครับ เป็นอีกหนึ่งตัวที่หากหนุ่มๆ คนไหนกำลังเล บอกเลยว่าไม่ควรพลาดครับ

Scents and Sensibility

เมื่อเรื่องของ ‘กลิ่นหอม’ กลายมาเป็นเอกลักษณ์สำคัญในปัจจุบัน และมันไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้ด้วยเรื่องของเพศอีกต่อไป วันนี้เราเลยขอพาคุณมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกับโลกของน้ำหอม ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของโทนกลิ่น และวิธีการฉีดพรมที่น่าสนใจ

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Fashion Editor: Chanond Mingmit

Author: Chayanon Chongprasert

“การวางตัวที่ดี และโคโลญจน์กลิ่นดีๆ ซักขวดจะทำให้ชายหนุ่มธรรมดาๆ กลายเป็นสุภาพบุรุษ” คำกล่าวของ Tom Ford นี้อาจจะดูเกินจริงไปบ้างในครั้งแรกที่อ่าน ในหัวของใครหลายคนตอนนี้คงกำลังคิดว่า แน่ล่ะ ว่าการวางตัวที่ดีจะช่วยเรื่องภาพลักษณ์ของคนเราได้ แต่กลิ่นโคโลญจน์หรือน้ำหอมนี่หรือ จะทำให้เรา ‘กลาย’ เป็นสุภาพบุรุษอันน่าดึงดูดไปได้ พูดแล้วก็เหมือนราวกับเวทมนตร์ด้วยซ้ำไป แต่ถ้าหากลองคิดให้ดี กลิ่นหอมในขวดหลากรูปทรงนี้แหละ ที่ทำให้บุคลิกของคุณน่าสนใจมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนให้กับตัวคุณในเวลาเดียวกัน

หากจะกล่าวไป การใช้น้ำหอมของผู้ชายนั้นมีมาหลายต่อหลายปีแล้วในประวัติศาสตร์ ถ้าหากลองศึกษาดู คุณอาจจะพบกับคำว่า ‘โคโลญจน์’ ที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ก่อนที่จะพัฒนากลายมาเป็นคำจำกัดความในแบบเดียวกันกับน้ำหอมของผู้หญิงที่หลายคนคุ้นเคย คำจำกัดความเหล่านี้ ถูกแบ่งออกตามความเข้มข้นของหัวน้ำหอมภายในขวดนั้น ซึ่งก็จะส่งผลให้โทนกลิ่น การกระจายตัวของกลิ่น และความติดทนนั้นแตกต่างไปตามระดับกัน ‘parfum’ คือระดับเข้มข้นที่มากที่สุด หรือเรียกว่าหัวน้ำหอมเลยก็ได้ ส่วน ‘cologne’ หรือ ‘โคโลญจน์’ นั้นเป็นระดับที่มีหัวน้ำหอมเบาบางที่สุด มอบกลิ่นที่โปร่งสบายกว่ากันพอตัว

การที่โคโลญจน์ถูกเลือกใช้โดยผู้ชายส่วนใหญ่ในยุคสมัยก่อนนั้น ก็เพราะโทนกลิ่นที่โปร่งของมันนั่นแหละ น้อยคนนักที่จะเลือกน้ำหอมกลิ่นที่มีความเข้มข้นสูงมาใช้ ด้วยทั้งสภาพอากาศรวมไปถึงพัฒนาการของวงการน้ำหอมเอง แต่ในปัจจุบัน มุมมองหลายๆ อย่างก็ถูกปรับให้ร่วมสมัยและเข้ากับความต้องการและการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น เราจึงได้เห็นน้ำหอมผู้ชายในแบบ ‘parfum’,‘eau de parfum’ รวมไปถึง ‘eau de toilette’ ที่มอบความติดทนที่เหมาะกับหลากหลายโอกาส

มองง่ายๆ เมื่อระดับความเข้มข้นมากขึ้น ความติดทนก็จะมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากเป็นโอกาสพิเศษ ที่คุณต้องการกลิ่นที่โดดเด่นกว่าการใช้ชีวิตประจำวันนั้น ลองเลือกหยิบน้ำหอมในรูปแบบ parfum ที่เข้มข้นมาแต้มบนผิว ส่วนในชีวิตประจำวัน วันไหนต้องการความติดทนซักหน่อยพร้อมกับโทนกลิ่นที่เข้มข้น คุณสามารถเลือกใช้น้ำหอมในรูปแบบ eau de parfum ได้ หรือถ้าหากเป็นวันสบายๆ ลองเลือกหยิบ eau de toilette หรือ cologne มาฉีดพรมก็เป็นความคิดที่ดีและเหมาะกับบรรยากาศที่คุณต้องการได้อย่างดี

พูดกันถึงเรื่องความเข้มข้นไปแล้ว เราขอพาคุณมาทำความรู้จักกับเรื่องของโทนกลิ่นของน้ำหอมกันบ้างดีกว่า นานนับปี วัตถุดิบชั้นดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไม้หอม ดอกไม้ สมุนไพร เครื่องหอมนานาชนิด แร่ธาตุ หรือแม้แต่สารสกัดพิเศษจากทั้งสัตว์หรือสารเคมีที่ปลอดภัยต่อการสูดดม ถูกเก็บเกี่ยวและเสาะหามาถึงมือของสุคนธกร หรือนักปรุงน้ำหอมระดับแถวหน้ามาอย่างนับไม่ถ้วน วัตถุดิบเหล่านี้ถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ก่อให้เกิดทั้งกลิ่นที่น่าหลงใหล สดชื่น หรือน่าค้นหา เพื่อบ่งบอกตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างหลากหลาย

สำหรับครั้งนี้ เราขอเลือก 3 โทนกลิ่นที่กำลังเป็นที่นิยมมาแนะนำให้คุณรู้จัก หรือถ้าหากใครรู้จักอยู่แล้วนั้น ก็หวังว่าเราจะทำให้คุณได้รู้จักกับโทนกลิ่นที่คุณหลงรักมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยกลิ่นโทน ‘woody’ โดยจะมีกลิ่นหอมที่โดดเด่นอย่างกลิ่นจากไม้หอมเป็นหัวใจหลัก อย่างเช่นซีดาร์วู้ด แซนดัลวู้ด หรือโรสวู้ด ซึ่งก็จะถูกห้อมล้อมผสมผสานด้วยกลิ่นของเครื่องเทศบ้าง ผลไม้บ้าง หรือแม้แต่ดอกไม้ก็ตาม กลิ่นโทน woody จะมาพร้อมกับความอบอุ่น แต่ก็แฝงไว้ด้วยความลุ่มลึกและน่าค้นหาในตัวตน ตามแต่ส่วนผสมอื่นๆ ที่มาด้วยกัน กลิ่นหอมที่ดูจะเหมาะกับคาแรคเตอร์ของผู้ชายที่ลุ่มลึกและน่าค้นหา

โทนกลิ่นที่สองคือโทนกลิ่นแบบ ‘aromatic’ โทนกลิ่นหอมที่มีความเย้ายวนมากยิ่งขึ้น เป็นกลิ่นที่เหมาะ กับคาแรคเตอร์เท่ๆ ดูลึกลับ หรือเหมาะกับโอกาสพิเศษอย่างงานกลางคืนหรืองานสังสรรค์ โดยจะผสมผสานกลิ่นเครื่องเทศอย่างซินนาม่อน ลูกจันทน์ หรือทองก้าบีนส์ ไว้กับกลิ่นของแผ่นหนังหรือเครื่องหอมอย่างกำยาน ก่อนจะปิดท้ายความอบอวลด้วยมัสก์ที่สร้างมิติให้กับกลิ่น อาจจะมีกลิ่นของสมุนไพรหรือผลไม้เข้ามาสร้างสีสันบางครั้ง

และโทนกลิ่นสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำก็คือ ‘fresh’ หรือ ‘citrus’ ที่โดดเด่นมาด้วยความสดชื่น นำโดยผลไม้รสเปรี้ยวหลากชนิด เช่น เลม่อน หรือส้มแมนดาริน ผสมผสานกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้หอมต่างชนิด รวมไปถึงดอกไม้ที่ไม่ได้มีกลิ่นที่เด่นชัดมากนัก อย่างเช่นจำพวกดอกไม้สีขาว เป็นกลิ่นที่เหมาะกับวันสบายๆ ให้ความสปอร์ตและมีมาด เป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจพูดมาถึงตรงนี้แล้ว เราจะขอทิ้งท้ายไปด้วยวิธีการฉีดน้ำหอมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างที่รู้กันว่าการฉีดน้ำหอมนั้น ควรเริ่มจากบริเวณจุดชีพจร ไม่ว่าจะเป็นลำคอ ข้อมือ หรือข้อพับแขน เพราะจะเป็นจุดที่ร่างกายมีความร้อนและจะทำให้กลิ่นกระจายตัวได้ดีอย่างที่สุด สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณทำความเข้าใจอีกครั้งหรือหยุดทำกันไปเลย คือการฉีดน้ำหอมและถูข้อมือทั้งสองข้างไปด้วยกันทันที การกระทำนี้จะทำให้กลิ่นของน้ำหอมนั้นเพี้ยนได้ เพราะเปรียบเสมือนกับไปขัดการทำงานของน้ำหอมให้ผิดขั้นตอน และกลิ่นหอมที่คุณเคยได้จากขวดหรือบนกระดาษที่เคยลองนั้น ก็จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ทีนี้นอกจากจุดชีพจรที่เรากล่าวไปแล้วนั้น ก็ยังมีเทคนิคการฉีดน้ำหอมที่เราอยากจะแบ่งปันกันเพิ่มเติม อย่างเช่นวันไหนที่คุณใส่กางเกงขาสั้น ลองฉีดน้ำหอมบริเวณข้อพับขา เพื่อเป็นการช่วยให้กลิ่นน้ำหอมของคุณนั้นกระจายตัวได้มากขึ้น โดยความร้อนจากพื้นดินจะยิ่งทำให้กลิ่นน้ำหอมของคุณโดดเด่นขึ้นได้อีก หรือถ้าหากคุณต้องการที่จะยืดความติดทนของน้ำหอมของคุณโดยไม่อยากได้ความเข้มข้นที่มากขึ้นนั้น ลองผสมผสานกลิ่นหอมที่คุณชอบเข้าไปในกิจวัตรประจำวันของคุณให้มากขึ้น ด้วยการใช้สบู่และครีมทาผิวกายในกลิ่นเดียวกัน ก่อนจะฉีดพรมน้ำหอมลงเป็นขั้นสุดท้าย เป็นอีกวิธีที่ดีที่จะทำให้น้ำหอมของคุณติดทนมากยิ่งขึ้นและยังทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับกลิ่นที่คุณรักมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

GROOMING: Sirima Khongtong

Model: Zsombar @Tofu Models

มัดรวมไอเดียทรงผมผู้ชาย! จากช่างเกาหลี ที่นาทีนี้หากใครอยากเปลี่ยนลุคใหม่ ต้องห้ามพลาด

เรียกได้ว่า ผู้ชายอย่างเรา หากจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างในร่างกาย ‘การตัดผม’ คงเป็นตัวเลือกช้อยส์แรกๆ ที่หนุ่มๆ นึกถึง แล้วหากจะไปตัดผมในแต่ละครั้ง การที่จะก้าวออกจาก Safe Zone คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก หากไม่มีไอเดียมาทำให้เราอยากตัดทรงผมทรงนั้นอย่างแท้จริง หนุ่มๆ คงไม่ขอเสี่ยงอย่างแน่นอน ในเมื่อเทรนด์ทรงผมของอปป้า ฝั่งแดนกิมจิมาแรง การเปลี่ยนแปลงลุคในครั้งนี้ บอกได้เลยว่าเพื่อนๆ รอบข้างทักอย่างแน่นอน วันนี้เราได้นำไอเดียทรงผมหนุ่มๆ ที่ผ่านช่างฝีมือเกาหลีขั้นเทพมาฝากเพื่อนๆ กันแล้วครับ แต่ละทรงจะโดนใจเพื่อนๆ หรือไม่ เราไปชมกันเลยครับ!

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย #바버링디렉터 나원균 [맨즈헤어/남자머리/교육강사] (@na_w.k)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 홍대미용실 더데이즈헤어 미남원장 (@thedays_minam)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย #바버링디렉터 나원균 [맨즈헤어/남자머리/교육강사] (@na_w.k)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 충주미용실/ M.Jhairshop 원장.최민지 (@m.j_choi_)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 하브 잠실점 혜주 팀장 애즈펌 볼륨펌 시스루볼륨펌 (@haav_ju)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 청담 웨일 WHALE 건우 (@whale_gxnwxx)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 대구 미용실 동성로 미용실 남자머리 디자이너 채연 (@loe_yeunii)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 홍대미용실 더데이즈헤어 미남원장 (@thedays_minam)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 진주바버샵/진주미용실/드롭컷/아이비리그컷/다비드점장 (@david_latree)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 가로수길미용실 씬스페이스 윤신일 (@younshinil.xin)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 청담 웨일 WHALE 건우 (@whale_gxnwxx)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 르솝 이한 (@xx2han)

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

โพสต์ที่แชร์โดย 남자머리 차홍룸 홍대점 최시현 차홍맨즈 (@room.sh.man)

ส่องไอเท็ม (ไม่ลับ) ของสาวสวย ‘Jennie Blackpink’ จากไอจี ที่บอกได้เลยว่าใครก็ใช้สิ่งนี้ได้!

เป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่เมื่อเราได้เห็นนักร้อง, นักแสดงที่เป็นเมนรักของเรา โพสต์ภาพคู่กับสิ่งของลงในช่องทางโซเชี่ยลมีเดีย แฟนๆ ก็จะต้องออกมาไปตามล่าหาคำตอบมาจนได้ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งภาพ ที่เราได้เห็น Jennie โพสต์ภาพลงแอคเคาต์ส่วนตัว คู่กับสิ่งของหนึ่งชิ้น หลายคนอาจจะเข้าใจว่านั่นคือ ‘ลิปสติก’ แต่บอกได้เลยว่าการคาดเดาครั้งนี้ อาจจะผิดเป้าไปนิด เพราะเจ้าสิ่งของชิ้นจิ๋ว ที่เราได้เห็น Jennie ถือมันคือ PERFUME BALM นั่นเอง จากแบรนด์เกาหลีสุดยูนีคอย่าง TAMBURINS 

ซึ่งสาวน้อยคนนี้เป็นพรีเซนเตอร์นั่นเอง น้ำหอมชนิดแท่ง ที่สามารถใช้ได้ทุกเพศอย่างไม่จำกัด ออกมาด้วยกันทั้งหมด 4 กลิ่น ไม่ว่าจะเป็น CHAMO, BERGA SANDAL, LALE, SUEDE PEAR และกลิ่นต่างๆ ที่ถูกปล่อยออกมาจะมีเบสหลักไปในทาง Woody จึงทำให้ไม่ว่าจะเป็น ผู้ชายหรือผู้หญิง ก็สามารถหยิบใช้ได้แบบไม่ต้องลังเล ไม่เพียงเท่านั่นแพ็คเกจของโปรดักส์ ยังออกแบบมาให้ใช้ง่าย สะดวกต่อการพกพาอีกด้วย และในวันนี้หากใครยังเห็น น้ำหอมชนิดแท่งที่เจนนี่ถือยังไม่ชัด เราได้นำมาฝากแฟนๆ ลอฟฟิเซียล ออมส์กันแล้วครับ บอกได้เลยว่าหนุ่มๆ สามารถใช้ตามได้แน่นอน หากพร้อมแล้วเราไปชมกันเลย!