เทคนิคการเลือกกลิ่นหอม ที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวเดินป่า ปีนเขา

การเที่ยวเดินป่าและขึ้นภูเขาเป็นกิจกรรมที่นำเสนอประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจและท้าทาย อาจต้องมีความพยุงสูงและสำรวจสิ่งแวดล้อมในธรรมชาติ ในการที่จะสร้างประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวในการเดินป่าเขา การเลือกน้ำหอมที่เหมาะสมกับสถานที่เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึง เนื่องจากเงื่อนไขอากาศและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันจากสถานที่ ที่คุณอาจเคยใช้น้ำหอมไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นเราจะพาไปเจาะลึกวิธีการเลือกน้ำหอมที่เหมาะสมสำหรับทริปเที่ยวเดินป่าหรือขึ้นภูเขา เพื่อให้คุณสามารถใช้น้ำหอมในการเปิดประสบการณ์ในธรรมชาติอย่างเต็มที่

สำรวจสภาพแวดล้อมและอากาศ

หากคุณเดินป่าหรือขึ้นภูเขาในบริเตนหรือที่ที่มีสภาพอากาศเย็น คุณควรเลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นอุ่นและเป็นผลไม้ เช่น กลิ่นของส้ม มะละกอ หรือแอปเปิ้ล ที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับอากาศที่เย็นหนาว แต่หากคุณเดินป่าหรือขึ้นภูเขาในที่ที่มีสภาพอากาศร้อนและชื้น คุณควรเลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นสดชื่นและเป็นผลไม้ เช่น กลิ่นของเลมอน แตงโม หรือมะกรูด ที่ช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและสดชื่นตลอดทริป

เลือกกลิ่นที่เหมาะสมกับเงื่อนไขที่อาจพบ

ถ้าคุณเดินป่าหรือขึ้นภูเขาในเวลากลางคืน ควรเลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นเขียวของป่าไม้หรือทะเล เพื่อเพิ่มลึกซึ้งให้กับประสบการณ์ของคุณในในป่ายามค่ำคืน หรือถ้าคุณเดินป่าหรือขึ้นภูเขาในเวลากลางวัน ควรเลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นผลไม้หรือดอกไม้ เพื่อเพิ่มความสดชื่นและเสริมสร้างบรรยากาศที่ฟุ้งหอมให้กับประสบการณ์ของคุณในสภาพแวดล้อมแสนสวยของธรรมชาติ

ระมัดระวังในการใช้น้ำหอม

แต่สิ่งที่ต้องควรคำนึงถึงใช้น้ำหอม คือ ปริมาณที่เหมาะสมกับความเข้มข้นของน้ำหอม หลีกเลี่ยงการใช้มากเกินไปที่อาจทำให้กลิ่นหอมรบกวนหรือรุนแรง ถ้าคุณร่วมเดินทางกับกลุ่มคนกลุ่มอื่น หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นหอมรุนแรงและรบกวนผู้อื่น อาจทำให้คนอื่นไม่สบายหรือไม่พอใจ หรือไปรบกวนเวลาดื่มด่ำธรรมชาติของผู้อื่นได้

ทดลองและเลือกน้ำหอมที่เหมาะกับบุคคลิกภาพของคุณ

เริ่มจากการทดลองใช้น้ำหอมก่อนการเดินทางหรือเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อตรวจสอบว่ากลิ่นหอมถูกต้องและเหมาะสมกับบุคคลิกภาพของคุณ และคำนึงถึงความชุ่มชื่น หรือความคงทนของกลิ่นหอม เลือกน้ำหอมที่มีความคงทนเพื่อให้คุณรักษากลิ่นหอมของคุณตลอดทริป

การเลือกน้ำหอมสำหรับการเดินป่าและขึ้นภูเขาเป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึง เนื่องจากเงื่อนไขอากาศและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันจากสถานที่ที่คุณอาจเคยใช้น้ำหอมไปก่อนหน้านี้ โดยการเลือกน้ำหอมที่เหมาะสมสำหรับการเที่ยวเดินป่าและขึ้นภูเขา คุณจะมีกลิ่นหอมที่โดดเด่นและน่าประทับใจในทริปของคุณ

แนะนำครีมที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยของหนุ่มๆ

ควรเริ่มทา night cream (หรือแม้แต่ day cream) ในช่วงอายุเท่าไหร่อาจจะเป็นคำถามที่หนุ่มๆ ตั้งข้อสงสัยกันมาตลอด ในบทความนี้ ลอฟฟีเซียล ออมส์ มีคำตอบให้ครับ

Photographer: Ponpisut Pejaroen 

Fashion Editor: Chanond Mingmit

Author: Chanitpreeya Kulahathai

ช่วงอายุ 20 – 29 ปี

หนุ่มๆ ในวัยนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน ปัญหาที่มักจะพบเจอได้บ่อยที่สุดคือผิวแห้ง เพราะการนั่งทำงานในห้องแอร์ที่ออฟฟิศจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำได้ง่าย

Night cream ที่เหมาะกับช่วงวัยนี้ ควรเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้น สร้างความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิว เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวในการป้องกันริ้วรอย และเพื่อให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสขึ้น ให้มองหาส่วนผสมของ AHA หรือกรดผลไม้ที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกได้เร็วขึ้น

ช่วงอายุ 31 – 39 ปี

เรียกว่าเป็นช่วงอายุแห่งวัยทำงานอย่างแท้จริง ผิวหน้าของหนุ่มๆ วัยนี้จะรับบทหนักตลอดทั้งวัน ด้วยภาวะมลพิษที่ต้องเผชิญอยู่ทุกวันบวกกับความเครียดในการทำงาน ประกอบกับเมื่อย่างเข้าเลข 3 ระยะการผลัดเซลล์ผิวจะช้าลง ทำให้ผิวไม่กระจ่างใส คอลลาเจน อีลาสตินในผิวก็น้อยลง เกิดปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยแห่งวัย

Night cream ที่เหมาะกับช่วงวัยนี้ ต้องมีส่วนผสมที่คอยช่วยเสริมการทำงาน หรือมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิม และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือต้องเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว รวมถึงส่วนผสมของ AHA, BHA, เรตินอล หรือวิตามินซีบริสุทธิ์ เพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย

ช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป

เป็นวัยที่ผิวแสดงปัญหาสะสมจากช่วงอายุที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจน ทั้งการใช้ชีวิตด้วยความเคยชิน มลภาวะต่างๆ และระดับฮอร์โมนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยทองจะยิ่งทำให้ผิวแห้งกร้านมากกว่าเดิม อีกทั้งริ้วรอย ร่องลึก ความหมองคล้ำก็จะพุ่งตัวปรากฏให้เห็น

Night cream ที่เหมาะกับช่วงวัยนี้ ควรจะเป็นครีมต่อต้านริ้วรอยควบคู่กับมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นที่หายไปจากฮอร์โมน และช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน อีลาสติน ให้ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้น ต้องมีคุณสมบัติการดูแลครบเครื่องตามนี้ถึงจะคู่ควรกับหนุ่มวัย 40 อัพที่สุด

ครีมบำรุง The Moisturizing Soft Cream จาก La Mer

การเลือก night cream ให้เหมาะกับสภาพผิว

การเริ่มต้นทา night cream นั้นไม่ได้มีเพียงปัจจัยในเรื่องอายุเท่านั้น หากยังต้องคำนึงถึงสภาพผิวและปัญหาผิวควบคู่ไปเช่นกัน

ผิวแห้ง: สำหรับหนุ่มๆ ที่มีพื้นฐานเป็นคนผิวแห้งนั้น ต้องยอมรับว่าผิวค่อนข้างเซนซิทีฟง่ายและไวต่อการแพ้ สิ่งสำคัญคือการเติมความชุ่มชื้นเพื่อให้ผิวแข็งแรงและคืนความสมดุล ดังนั้น เนื้อครีมบำรุงจึงค่อนข้างเข้มข้นและมีสรรพคุณในการเติมน้ำให้ผิว หรือมีส่วนผสมของ Q10 ที่ช่วยป้องกันคอลลาเจนให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ในการผลิตไฮยาลูรอนิคเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

ผิวมัน: คนผิวมันมักจะมีน้ำมันใต้ผิวออกมาหล่อเลี้ยงผิวมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นให้เลือก night cream สูตรปราศจากน้ำมัน หรือน้ำมันน้อย จะได้ไม่เพิ่มความมันบนใบหน้าจนเกิดการอุดตัน ทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา และต้องมีส่วนผสมของสารเพิ่มความชุ่มชื้นที่เพียงพอกับผิวด้วย

ผิวมีปัญหา: สำหรับหนุ่มๆ ที่มีปัญหาผิวหน้าอยู่ด้วยแล้ว การเลือก night cream อาจจะต้องคัดสรรเป็นพิเศษเสียหน่อย ให้ลองมองหาครีมที่ให้ความชุ่มชื้นและช่วยเสริมประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาผิวควบคู่กันไป

Model: Egor @Bass Models Management

Make Up: Sirima Khongthong

Hair: Kanok-orn Thangchaiyapoom

Assistant Fashion Editor: Pattaradanai Niyavemanont

Assistant Photographers: Supasit Sookawat / Manosit Boonnon

ส่องไอเท็มลับ! ของหนุ่ม ‘Troye Sivan’ กับไอเท็มที่พกติดตัวไปในทุกที่ และขาดไม่ได้ในเวลานี้!

‘การพกสิ่งของ’ ของคนในยุคปัจจุบัน หลายๆ คนคงจะไม่หอบทุกสิ่งนำพาไปทุกๆ ได้ดั่งเหมือนก่อนแล้ว เพราะไซส์กระเป๋าของทั้งผู้หญิงและผู้ชายในนี้นั้น ต่างก็เล็กลง จิ๋วลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ว่ากระเป๋าจะทำออกมาเล็กจิ๋วเพียงใด เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนต้องมีไอเท็มลับเฉพาะที่พกติดตัวไปด้วยในทุกหนทุกแห่ง หนุ่มเสียงดีคนนี้ก็เช่นกันครับ ‘Troye Sivan’ ที่แม้จะไม่พกกระเป๋าติดตัว แต่ไอเท็มนี้เป็นไอเท็มลับที่ขาดไม่ได้แม้จะออกไปไหนก็ตาม แล้วไอเท็มที่กล่าวมานั้นคือสิ่งใด เรานำมาให้แฟนๆ ได้เห็นกันชัดๆ แล้วครับ!

Aquaphor Healing Ointment®

และสิ่งนั้นก็คือ Aquaphor Healing Ointment® นั่นเอง เจ้าสิ่งนี้คืออะไร? หากจะพูดให้เห็นภาพแบบกระจ่าง เจ้าตัวนี้ก็ทำหน้าที่คล้ายคลึงกับ Vaseline Jelly ที่สามารถทาได้ทุกส่วนของร่างกาย ทำให้บริเวณที่แห้งได้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง โดยสามารถทาได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า โดยหนุ่มทรอยยังได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้ทาทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่ ปาก, รักแร้ ไปจนถึงเท้าของเขานั่นเอง

รู้แบบนี้แล้วหากใครที่ยังมีบริเวณผิวที่แห้ง ต้องมีพกติดตัวแบบหนุ่มทรอยแล้วครับ!

ทำความรู้จักกับประเภทของครีมที่เหมาะสมกับทุกช่วงเวลาปรนเปรอผิว

Photographer: Ponpisut Pejaroen 

Fashion Editor: Chanond Mingmit

Author: Chanitpreeya Kulahathai

ได้เวลากรูมมิ่งผิวอย่างเข้มข้นด้วย night cream สารพัดสูตรความงามที่ออกแบบมาสำหรับหนุ่มๆ ทุกสภาพผิว และทุกช่วงวัย เพื่อผิวหน้าอ่อนเยาว์ไปอีกนานแสนนาน

การดูแลผิวหน้าอาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผู้ชายหลายคน เพราะหลายคนคงคิดแค่ว่าการทำความสะอาดด้วยโฟมล้างหน้าก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูแลรักษาหน้า แต่จริงๆ แล้วการบำรุงผิวหน้าด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะเอาใจใส่และดูแลกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะหากปล่อยไว้โดยที่ไม่ได้บำรุงหรือป้องกันอะไรเลยจะทำให้ผิวหน้าของหนุ่มๆ ดูแก่กว่าวัย

แน่นอนว่าคีย์เวิร์ดของผิวหน้าสุขภาพดีต้องมีพื้นฐานจากการดูแลผิวพรรณ มอยส์เจอไรเซอร์จึงนับเป็นไอเท็มสำคัญไม่ว่าสำหรับผู้หญิงและผู้ชายที่จะขาดเสียไม่ได้ มาถึงตอนนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ที่ได้ยินกันบ่อยๆ ว่า day cream และ night cream นั้นมีข้อแตกต่างกันอย่างไร สามารถใช้ตัวใดตัวหนึ่งแทนกันได้หรือไม่เราขอทบทวนวิชา Skincare 101 ฉบับย่อ ว่าด้วยเรื่อง night cream แบบเร่งรัด ให้หนุ่มๆ ได้เลือกผลิตภัณฑ์ตามความต้องการผิวได้แบบตรงจุด

Day cream

เป็นครีมที่ใช้ทาเพื่อบำรุงผิวหน้าในตอนกลางวัน เนื้อสัมผัสของ day cream ส่วนใหญ่ออกแบบมาให้มีเนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย จึงสามารถซึมสู่ผิวได้ง่าย เหมาะสำหรับทาบำรุงผิวหน้าในตอนกลางวัน อย่างไรก็ตาม แม้ day cream บางตัวอาจผสานสารกันแดดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการกันรังสี UV ได้เทียบเท่าครีมกันแดด ดังนั้น เมื่อทา day cream แล้วจึงต้องปิดท้ายด้วยครีมกันแดดทุกครั้ง

Night cream

เป็นครีมที่ออกแบบมาเพื่อใช้ทาบำรุงผิวหน้าในตอนกลางคืน เน้นคุณสมบัติของการซ่อมแซมและปรับสมดุลผิวในตอนกลางคืนเป็นพิเศษ night cream จึงมักมีส่วนผสมของวิตามินต่างๆ ที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว และสารที่ให้ความชุ่มชื้น รวมถึงสารต่อต้านการเกิดริ้วรอยและลดความแห้งกร้าน พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับใน day cream โดยเนื้อสัมผัสของ night cream นั้นจะมีลักษณะเข้มข้นมากกว่า day cream เพราะมีการเติมสารที่เป็นน้ำมันหรือไขมันในปริมาณมาก จึงต้องใช้เวลาในการซึมซาบลงสู่ผิวนานกว่า day cream แต่สามารถมอบความชุ่มชื้นได้ยาวนานตลอดค่ำคืน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน แบรนด์ความงามต่างๆ ได้ปรับสูตรให้เนื้อผลิตภัณฑ์บางเบาขึ้น หนุ่มๆ ที่เป็นกังวลเรื่องผิวหน้ามันเยิ้มจึงสามารถใช้ night cream ได้แบบเบาสบายผิวและสนุกกับขั้นตอนการปรนนิบัติผิวยามค่ำคืนได้อย่างสบายใจ

ใช้ day cream และ night cream แทนกันได้หรือไม่

ด้วยส่วนผสมและประสิทธิภาพที่แตกต่างกันของ day cream และ night cream อาจใช้ทดแทนกันได้ในแง่ของการเติมความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาจากส่วนผสมที่อยู่ในเนื้อครีมก่อน เพราะครีมบางสูตรก็ออกแบบมาเพื่อใช้เฉพาะช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การนำครีมมาใช้สลับกันอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงและเกิดปัญหาผิวตามมา

TRY THIS!

FENTY SKIN Instant Reset Overnight Recovery Gel-Cream มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเจลครีมสูตรเข้มข้นทว่าบางเบา ผสานกรดไฮยาลูรอนิค และน้ำมันเมลอนจากคาลาฮารี ช่วยล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟูมากขึ้น

LA MER The Moisturizing Soft Cream มอบความชุ่มชื้นและต่อต้านริ้วรอย ด้วยสารสกัด Miracle Broth สูตรลับเฉพาะของลาแมร์ ให้ผิวแลดูเปล่งประกาย ยืดหยุ่น นุ่มนวล และเด้งกระชับ

SHISEIDO Vital Perfection Uplifting and Firming Cream ช่วยลดเลือนริ้วรอย แก้ไขผิวหย่อนคล้อยอันเนื่องมาจากวัย มอบความยืดหยุ่น กระชับ พร้อมลดเลือนจุดด่างดำ มอบผิวเนียนกระจ่างใสดูอ่อนวัย

L:A BRUKET Protective Fluid ฟลูอิดเนื้อบางเบา โดดเด่นด้วยนวัตกรรม Algica ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันมลภาวะ พร้อมดูดซับความมันส่วนเกิน และให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวมัน

AUGUSTINUS BADER The Light Cream เทคโนโลยี TFC8 ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ ช่วยให้ผิวยังคงความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ซึมสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วเพื่อผิวที่สมดุล สดชื่น และกระจ่างใส

Model: Egor @Bass Models Management

Make Up: Sirima Khongthong

Hair: Kanok-orn Thangchaiyapoom

Assistant Fashion Editor: Pattaradanai Niyavemanont

Assistant Photographers: Supasit Sookawat / Manosit Boonnon

สดใสตลอดฤดูร้อนอันแสนเจิดจ้าด้วยละอองความหอมแนวกลิ่นซิตรัสที่มีให้เลือกหลากหลายประเภท

อากาศร้อนแบบซ้อมตกนรกแบบนี้ การเลือกน้ำหอมกลิ่นสดชื่น ลดอาการเหนอะหนะ และเพิ่มความรู้สึกเบาสบาย ถือเป็นสิ่งจำเป็น มาทำความรู้จักประเภทของน้ำหอมกลิ่นซีตรัสเพิ่มความสดชื่นไปด้วยกัน

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Fashion Editor: Chanond Mingmit

Author: Chanitpreeya Kulahathai

Citrus Floral กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่พบมากที่สุดในน้ำหอมผู้หญิง การผสมผสานระหว่างกลิ่นซิตรัสและกลิ่นดอกไม้ทำให้เกิดกลิ่นหอมสดชื่นและหอมหวาน

Citrus Aquatic กลิ่นอะควาติกเป็นกลิ่นของมหาสมุทร ทะเลสาบ น้ำจืด และพืช กลิ่นหอมอะควาติกจะเป็นกลิ่นที่สะอาดขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของท็อปโน้ตในน้ำหอมหลายแบรนด์ การผสมผสานของกลิ่นอะควาติกและกลิ่นซิตรัสจะทำให้ได้น้ำหอมกลิ่นที่สะอาดและสดชื่นมีสไตล์

Citrus Oriental เป็นการผสมผสานระหว่างกลิ่นซิตรัสฉ่ำชื่นและกลิ่นเผ็ดร้อนของเครื่องเทศที่อบอุ่นและแปลกใหม่ เพิ่มความลึกลับเย้ายวนชวนให้ค้นหา ไม่ว่าจะเป็นซิตรัสและวานิลลาที่เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ลงตัว นอกจากนี้กลิ่นของมะกรูด กานพลู และขิง ยังเป็นส่วนผสมที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย

Citrus Gourmand น้ำหอมกลิ่นซิตรัสไม่ได้มีกลิ่นสดชื่นเสมอไป เพราะยังมีกลิ่นซิตรัสหวานๆ ด้วย แนวกลิ่นนี้เป็นการผสมผสานกลิ่นซิตรัสร่วมกับวานิลลา คาราเมล ที่ชวนให้นึกถึงกลิ่นหอมของขนม มอบผลลัพธ์กลิ่นหอมอ่อนหวานที่ดึงดูดใจ

Citrus Woody กลิ่นวู้ดดี้เป็นกลิ่นที่มาจากไม้ ตะไคร่น้ำ และรากพืช กลิ่นไม้ มีลักษณะเฉพาะคือมีความเข้มข้นกว่าน้ำหอมทั่วไป ปกติแล้วกลิ่นวู้ดดี้คือกลุ่มของกลิ่นน้ำหอมที่อยู่ในโน้ตกลางและเบสโน้ต การผสมผสานของซิตรัสวู้ดดี้ให้กลิ่นหอมสดชื่นเมื่อพร่างพรมครั้งแรก และจะค่อยๆ มอบกลิ่นหอมที่เข้มข้นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป น้ำหอมกลิ่นซิตรัสวู้ดดี้จะแสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ สง่างาม และหรูหรา

Model: Edvard @Tofu Model Management

Make Up: Sirima Khongtong

Hair: Patipan Langkapayom

Digital Content Creator: Teeratat Somudomsup

Assistant Photographers: Supasit Sookawat / Manosit Boonnon

ทำความรู้จักส่วนผสมในน้ำหอมแนวสดชื่นแบบซิตรัส

สดใสตลอดฤดูร้อนอันแสนเจิดจ้าด้วยละอองความหอมแนวกลิ่นซิตรัสที่มีให้เลือกหลากหลายประเภท มอบความมีชีวิตชีวาทุกครั้งที่พร่างพรม

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Fashion Editor: Chanond Mingmit

Author: Chanitpreeya Kulahathai


น้ำหอม Tom Ford ‘Neroli Portofino’ Eau de Parfum

เนโรลี และดอกส้ม (Neroli & Orange Blossom): กลิ่นหอมซึ่งสกัดจากดอกไม้สีขาวอีกหนึ่งสายพันธุ์อย่างดอกส้ม จากต้น Bitter Orange เป็นดอกไม้ตระกูลส้มที่นิยมใช้มากที่สุดในอุตสาหกรรมน้ำหอม

มะกรูดฝรั่ง (Bergamot): มะกรูดเป็นพืชกลุ่มซิตรัสที่มักใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม ปกติแล้วมะกรูดมีกลิ่นหอมสดชื่น มีความเปรี้ยวแฝงด้วยกลิ่นดอกไม้จางๆ

ส้มแมนดาริน (Mandarin Orange): ส้มแมนดารินมีกลิ่นหอมที่ให้ความสดชื่นและแฝงด้วยกลิ่นขมเล็กน้อย กลิ่นของส้มแมนดารินมักถูกขนานนามว่าเป็นกลิ่นที่ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาแห่งความสดใสเปี่ยมไปด้วยความสุข

คลีเมนไทน์ (Clementine): คลีเมนไทน์มีกลิ่นคล้ายส้มแมนดาริน แต่อย่างไรก็ตามคลีเมนไทน์มีกลิ่นหอมที่ฉ่ำมากกว่าเลมอน (Lemon) เลมอนเป็นกลิ่นหอมที่ให้รสเปรี้ยว มอบพลังความสดใสมีชีวิตชีวา ส่วนมะนาว (Lime) มีกลิ่นคล้ายเลมอน แต่อ่อนกว่า และมีกลิ่นหวานกว่าส้มยูสุ (Yuzu) ส้มยูสุเป็นส้มขนาดเล็กจากประเทศญี่ปุ่นที่มีกลิ่นหอมซับซ้อน กลิ่นหอมที่มีการผสมผสานของกลิ่นมะนาว เลมอน และตะไคร้

เกรปฟรุต (Grapefruit): เป็นผลไม้เขตร้อนในตระกูลส้มที่เกิดจากการผสมระหว่างส้มโอและส้มเช้ง ทำให้ลักษณะดูคล้ายกัน มีกลิ่นหอมหวานและขม ซึ่งน้ำหอมกลิ่นเกรปฟรุตจะเป็นกลิ่นหอมที่สื่อถึงจิตวิญญาณที่อ่อนเยาว์

เวอร์บีน่า (Verbena): แม้จะไม่ได้เป็นพืชในกลุ่มซิตรัส แต่ใบเวอร์บีน่าจะให้กลิ่นที่ใกล้เคียงกับมะนาวที่แสนสดชื่นประเภทของน้ำหอมแนวกลิ่นซิตรัสCitrus Floral กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่พบมากที่สุดในน้ำหอมผู้หญิง การผสมผสานระหว่างกลิ่นซิตรัสและกลิ่นดอกไม้ทำให้เกิดกลิ่นหอมสดชื่นและหอมหวาน


น้ำหอม Kirinatu ‘Été’ Parfum

Model: Edvard @Tofu Model Management

Make Up: Sirima Khongtong

Hair: Patipan Langkapayom

Digital Content Creator: Teeratat Somudomsup

Assistant Photographers: Supasit Sookawat / Manosit Boonnon

ผิวเป้ะ! แนะนำ 5 คอนซีลเลอร์ตัวช่วยปกปิด ที่จะมาเสริมความหล่อเป้ะในทุกองศา

การทำให้ผิวหน้าเป้ะตลอดเวลา สำหรับหนุ่มๆ แล้ว ไม่เพียงแต่การบำรุงผิวหน้าล้ำลึกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่การนำตัวช่วยอย่าง ‘คอนซีลเลอร์’ มาแต่งแต้มเพื่อเสริมสร้างให้ใบหน้าของเราเป้ะยิ่งขึ้น แต่การใช้สำหรับหนุ่มๆ อย่างเรานั้น อาจจะเลือกใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป หากใครยังไม่เคยเปิดใจลองใช้ ต้องบอกได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกู้ใบหน้าที่หลายๆ คนควรลองใช้ครับ วันนี้เรามี 5 คอลซีลเลอร์มาแนะนำหนุ่มๆ กันแล้ว จะมีชิ้นไหนน่าสนใจกันบ้าง เราไปชมกันเลยครับ

Tarte – Shape Tape Contour Concealer

เริ่มต้นกันด้วยหนึ่งในคอลซีลเลอร์ในตำนานจาก Tarte กับรุ่นที่มีชื่อว่า Shape Tape Contour Concealer เป็นอีกหนึ่งที่สาวๆ ที่รักการแต่งหน้ายกชิ้นนี้ให้เป็นคอลซีลเลอร์ในดวงใจ เพราะในเรื่องของการปกปิด ต้องพูดได้เลยว่าสามารถปิดจุดบกพร่องอย่างดีเยี่ยม หากหนุ่มๆ คนไหนที่กังวลในเรื่องการปก บอกเลยว่าตัวนี้หายห่วงครับ

NARS – Radiant Creamy Concealer

ต่อกันด้วยอีกหนึ่งคอลซีลเลอร์ในตำนาน ที่หลายๆ คนยกให้เป็น Must Have iTem สำหรับคนที่รักการแต่งหน้าเลยก็ว่าได้ครับ และชิ้นนี้ผู้ชายหลายๆ คนก็มอบให้เป็นคอลซีลเลอร์ชิ้นโปรดประจำกระเป๋า เพราะเนื้อสัมผัสของตัวนี้สามารถสร้างผิวเพอร์เฟกต์ยาวนาน 16 ชั่วโมงและชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง การปกปิดปานกลางที่สามารถบิ้วไปถึงสูงได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ฟินิชกระจ่างใสดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย

FENTY BEAUTY – Pro Filt’r Instant Retouch Concealer

ต่อกันด้วยแบรนด์ของแม่ค้านักขายอย่าง Rihanna กับแบรนด์ FENTY BEAUTY โดยเราหยิบผลิตภัณฑ์คอลซีลเลอร์รุ่น Pro Filt’r Instant Retouch Concealer มาฝากเพื่อนๆ กัน จุดเด่นของแบรนด์นี้ต้องยกให้ในเรื่องของเฉดสีของผลิตภัณฑ์ที่มีมากถึง 48 เฉด พร้อมยังติดทนนานและป้องกันการหลุดร่อนตลอดวัน อีกทั้งเนื้อสัมผัสยังบางเบา ให้การปกปิดได้ทั้งแบบธรรมชาติ ไปจนถึงปกปิดอย่างเรียบเนียนไร้ที่ติ

BK – Acne Retouch Concealer Pen

และหากหนุ่มๆ คนไหนที่เป็นสิว เราของแนะนำตัวนี้เลยครับ BK – Acne Retouch Concealer Pen คอนซีลเลอร์ที่ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผิวทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย จึงมีทั้งคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม ละมุน ให้การปกปิดได้เรียบเนียน

Glossier – Stretch Concealer

ปิดท้ายด้วยคอลซีลเลอร์ ที่อยากจะให้ทุกคนได้ลอง แม้จะไม่มีหน้าร้านในไทยก็ตาม กับคอลซีลเลอร์จาก Glossier กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Stretch Concealer ตัวนี้ไม่เหมือนกับตัวที่เราแนะนำที่ผ่านมา เพราะเป็นเนื้อครีมอยู่ในรูปแบบของกระปุก เนื้อสัมผัสสามารถปกปิดไปจนถึงปานกลาง ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ชายมากๆ ครับ

รวม 4 ขั้นตอนบำรุงผิวตั้งแต่ต้นจนจบ ที่หนุ่มๆ ใช้ได้ทุกวันและผิวดีอย่างเห็นได้ชัด!

ผู้ชายอย่างเราในยุคนี้ เรียกได้ว่าหันมาใส่ใจการบำรุงผิวกันมากขึ้น เพราะการที่มีผิวหน้าที่ดีก็ถือเป็นกำไรของหลายๆ คนไปแล้ว แต่ก็อาจจะมีหนุ่มๆ บางคนที่ไม่เลิฟการบำรุงผิวที่หลากหลายขั้นตอน หรือบางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าควรจะเริ่มต้นด้วยตัวไหน และจบที่ตัวใด วันนี้เราได้คัดผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงผิวหน้าในทุกๆ มาฝากหนุ่มๆ กันแล้วครับ มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน 5 ผลิตภัณฑ์ด้วยกัน บอกได้เลยว่าไม่ยุ่งยาก และหากใช้ทุกวันบอกได้เลยว่าหนุ่มๆ จะมีผิวหน้าที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ จะมีผลิตภัณฑ์ตัวใดบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันได้เลย!

 

1. Kiehl’s – Calendula Deep Cleansing Foaming Face Wash

เริ่มต้นกันด้วยขั้นตอนแรกกับการ ‘ล้างหน้า’ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าที่ตื่นนอน หรือก่อนจะเข้านอน สิ่งแรกที่เราต้องทำเลยก็คือการทำความสะอาดใบหน้า เป็นสเต็ปที่สำคัญในขั้นตอนแรก เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์จาก Kiehl’s เลยครับ กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Calendula Deep Cleansing Foaming Face Wash ไม่เพียงแต่จะมาทำความสะอาดผิวหน้า แต่ยังมาช่วยฟื้นฟูและปลอบประโลมผิว จากสารสกัดดอกคาเลนดูล่าอีกด้วย อีกทั้งยังขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และน้ำมันส่วนเกินอย่างอ่อนโยน นับเป็นอีกหนึ่งตัวที่เราแนะนำเลยครับ

2. Clarins – Double Serum

ต่อกันด้วยเซรั่ม ที่เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่หนุ่มๆ ห้ามลืมเด็ดขาดครับ และผลิตภัณฑ์ที่เราแนะนำนั่นก็คือ Double Serum จาก Clarins ครับ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งชิ้นที่เป็นขวัญใจของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ครับ แล้วเพราะอะไร ทำไมเซรั่มตัวนี้ถึงเป็นช้อยส์ในใจหลายๆ คน ก็เพราะมาช่วยเสริมสร้าง อีกทั้งยังมาเสริมทัพการบำรุงและเติมออกซิเจน อีกทั้งยังมาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและการปกป้อง อีกทั้งยังช่วยลดเลือนปัญหาผิวจากสัญญาณแห่งวัยให้ลดลงอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งชิ้นที่หากใครยังไม่ได้ลอง บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดครับ!

3. LA MER – Moisturizing Soft Cream

หลังจากลงเซรั่มไปแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญเลยคือการลงครีมเติมความชุ่นชื่น เราขอแนะนำ Moisturizing Soft Cream จาก LA MER ครับ เชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนอาจจะเคยลองใช้ หรือเห็นผ่านตากันมาแล้วบ้าง หนึ่งในผลิตภัณฑ์ตัวดัง ที่ปรับสูตรใหม่ ให้สามารถใช้ได้ทุกวัน เนื้อครีมมีความบางเบา สามารถใช้ได้ในตอนกลางวันและตอนกลางคืน หากหนุ่มๆ ลองใช้เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งชิ้นที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอนครับ

or ELEMIS – Pro-Collagen Marine Cream SPF 30

และหากใครถามหาตัวเลือกในในหมวดหมู่ของครีม งั้นเราขอหยิบผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มาให้หนุ่มๆ เลยครับกับ ELEMIS – Pro-Collagen Marine Cream SPF 30 ครีมบำรุงที่มีเนื้อกึ่งเจลกึ่งครีม ทำให้ลงไปแล้วสบายผิว ไม่ทำให้เหนียวเนอะหนะ พร้อมทั้งยังมาช่วยให้ผิวเรากระชับ เนียนนุ่ม และอิ่มน้ำ อีกทั้งยังเพิ่มเกราะป้องกันแสงแดด SPF 30 อีกด้วย นับเป็นผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งชิ้นที่เราอยากแนะนำให้ลองครับ

 

4. SUPERGOOP! – Unseen Sunscreen Broad Spectrum Sunscreen SPF 40 PA+++

และขั้นตอนสุดท้าย ที่หลายๆ คนมักละเลยกับขั้นตอนการลงกันแดด เราขอแนะนำ SUPERGOOP! กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Unseen Sunscreen Broad Spectrum Sunscreen SPF 40 PA+++ กันแดดเนื้อเจลที่เมื่อลงผิวไปแล้วจะทำให้ผิวเราแมตท์ และซึบซาบไว ไม่ก่อปัญหาเหนียวเนอะและยังเหมาะสำหรับผู้ชายที่มีผิวหน้ามันอีกด้วย

แนะนำน้ำหอมและเคสขนาดพกพาใหม่จาก “Celine The Haute Parfumerie”

Photography: Courtesy of Celine

Celine แนะนำคอลเลกชั่นใหม่จาก The Haute Parfumerie ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ในรูปแบบเพื่อการพกพา สำหรับนักเดินทาง ผู้เปี่ยมไปด้วยสไตล์อย่างคุณ สเปรย์ขนาดพิเศษจำหน่ายพร้อมน้ำหอมสำหรับเดินทาง 2 ขวด โดยสามารถเลือกกลิ่นหอมจากคอลเลกชั่นที่เป็นตัวคุณเองที่สุดและเพื่อเป็นการเติมเต็มไลฟ์สไตล์สำหรับคุณอันเป็นเอกลักษณ์ คอลเลกชั่นนี้มาพร้อมเคสแบบพกพา มีให้เลือกสองแบบคือแบบหนังวัวประทับตราสัญลักษณ์ Triomphe และแบบหนังวัวเรียบหากคุณไม่มั่นใจในกลิ่นหอม ว่ากลิ่นไหนเป็นตัวคุณเองที่สุด สามารถทำความรู้จักกับ The Maison’s Perfumed Creations ได้ที่ Celine Boutique ทุกสาขา

สกินแคร์ และการดูแลผิวหน้าของผู้ชาย

เพราะผิวหน้าที่ดีนั้นเสริมความดูดีของคุณไปมากกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้นการรักผิวให้มากขึ้นจึงเป็นเรื่องที่เราอยากให้คุณได้ลองทำ

“เราไม่จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ในจำนวนมากเท่าแต่ก่อนอีกต่อไป แต่ขอให้เน้นไปที่ส่วนประกอบหลักที่ผิวต้องการมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องของความชุ่มชื่น”

Photographer: Ponpisut Pejaroen
Fashion Editor: Chanond Mingmit
Author: Chayanon Chongprasert

ถ้าพูดไปแล้ว การดูแลตัวเองของผู้ชายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยากมากสักเท่าไหร่นักหากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผู้หญิงต้องทำ โดยเฉพาะกับเรื่องของผิวหน้าที่ใครหลายๆ คนนั้นได้ละเลยการดูแลมันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นทั้งความขี้เกียจ ความรู้ที่มีไม่มากพอ หรือความรู้สึกว่าการดูแลตัวเองนั้นเป็นของผู้หญิงเพียงเพศเดียว ซึ่งมันก็จะส่งผลให้เมื่อเริ่มมีอายุที่มากขึ้นตามกาลเวลาผิวหน้าของคุณนั้นก็จะเสื่อมลงอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัวเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม เราเข้าใจดีถึงพฤติกรรมการดูแลผิวหน้าของผู้ชายส่วนใหญ่ที่จะตระหนักถึงมันได้ในเวลาที่สายหรือเกือบจะสายเกินไป เพราะตามกลไกทางธรรมชาติแล้วผิวหน้าของผู้หญิงนั้นบอบบางและไวต่อแรงกระตุ้นจากภายนอกมากกว่าและเร็วกว่าผิวของผู้ชาย สังเกตได้จากเวลาที่ใช้ชีวิตกลางแจ้งเป็นประจำ ถึงแม้ผิวของทั้งคู่นั้นจะเสื่อมในลักษณะที่คล้ายกัน แต่ผิวของผู้ชายกลับรักษาตัวเองได้เร็วกว่าผิวของผู้หญิงอย่างน่าประหลาดใจ รวมถึงอัตราการขึ้นฝ้าบนผิวนั้นยังต่างกันเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วจึงไม่น่าเเปลกใจอะไรที่เมื่อคุณผู้ชายได้เห็นการซ่อมแซมทางธรรมชาตินี้แล้วจะชะล่าใจในการดูแลผิว แต่! การที่เราอธิบายถึงการทำงานของผิวผู้ชายให้คุณได้ฟังนี้ ไม่ใช่การชี้โพรงให้กระรอกแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ประสิทธิภาพในการซ่อมแซมตัวเองนี้จะหายไปตามกาลเวลาที่ล่วงเลย โดยเฉพาะเมื่อคุณปล่อยปละละเลยการดูแล มันก็จะยิ่งหมดเร็วกว่าเวลาอันสมควร และมันไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกหรือ? ที่เราจะช่วยเสริมเสบียงให้กับผิว และรักผิวของเราให้มากขึ้นไปอีก

ตอนนี้หลายๆ คนอาจจะกำลังเถียงเราอยู่ในใจว่า ถึงแม้ผิวนั้นจะเกิดข้อบกพร่องมากมายแค่ไหน เราก็สามารถซ่อมแซมและลบเลือนมันได้ด้วยเครื่องสำอางทั้งหลายในปัจจุบัน แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เช่นเดียวกับที่เราย้ำเสมอกับผู้หญิง การมีผิวที่แข็งแรงนั้นก็เปรียบเสมือนกับผ้าใบที่มีมาตรฐานให้กับการแต่งหน้าในขั้นตอนต่อๆ ไป เพราะผิวที่ไม่แข็งแรงนั้นจะส่งผลให้เครื่องสำอางไม่ติดทนและลบเลือนได้ง่าย คุณคงไม่อยากจะให้คอนซีลเลอร์เป็นคราบระหว่างวันหรอก จริงไหม? เพราะฉะนั้นเรามาเริ่มรักผิวให้มากขึ้นดีกว่า

อย่าพึ่งไปคิดถึงจำนวนของสกินแคร์ที่คุณเคยเห็นผ่านตามาในอดีต เพราะในปัจจุบันกิจวัตรการใช้สกินแคร์นั้นเปลี่ยนไปมาก มีการหยิบนั่นผสมนี่ให้ได้เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละคนมากขึ้น

เราไม่จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ในจำนวนมากเท่าแต่ก่อนอีกต่อไป แต่ขอให้เน้นไปที่ส่วนประกอบหลักที่ผิวต้องการมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องของความชุ่มชื่น เพราะด้วยไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างนั้นทำให้คุณอาจจะไม่ได้บริโภคน้ำในสัดส่วนที่พอเหมาะ ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีประสิทธิภาพในการเติมน้ำให้กับผิว โดยคุณอาจจะเลือกใช้สกินแคร์ที่เป็นเนื้อเจล จากผิวสัมผัสใช้ได้ง่าย สบาย และซึมซาบได้รวดเร็วกว่าเนื้อครีม อย่างไรก็ตาม หากคุณชื่นชอบหรือมีสภาพผิวที่เหมาะกับเนื้อครีมมากกว่า ก็สามารถเลือกตามสภาพผิวได้เช่นกัน และยิ่งไปกว่านั้นสกินแคร์ในกลุ่มนี้บางตัวก็ยังทำหน้าที่ได้มากกว่าแค่การเติมน้ำให้กับผิว

สิ่งต่อไปก็คือการดูแลผิวเฉพาะจุดที่คุณกังวล ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องของรูขุมขนและความกร้านของผิวที่ทำให้ลุคโดยรวมของคุณนั้นดูไม่น่าพึงพอใจเท่าไหร่นัก โดยคุณสามารถเลือกใช้เพิ่มเข้าไปอีกสัก 2-3 ตัว อย่างเช่นเซรั่มที่มีประสิทธิภาพในการบำรุงอย่างล้ำลึก เซรั่มในการลดเลือนจุดด่างดำ รวมไปถึงสกินแคร์สำหรับผิวรอบดวงตา ที่เป็นผิวที่บอบบางที่สุดบนใบหน้า เพื่อความสดใสของใบหน้าองค์รวม

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับสกินแคร์ที่คุณควรรู้นั้นก็คือเรื่องของส่วนผสม ถึงแม้ผิวของผู้ชายจะมีความหนา แต่ก็ยังต้องพบกับหลายปัจจัยกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคือง อาทิ การโกนหนวด เป็นต้น แต่ยังถือว่าเป็นเรื่องโชคดีที่นวัตกรรมพัฒนาไปตามกาลเวลา การกักเก็บประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมของวัตถุดิบธรรมชาติก็มีมากพอกับความบริสุทธิ์ของสารสกัดเหล่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่ และด้วยสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สกินแคร์ส่วนใหญ่ก็จะใส่สารสกัดที่มีประสิทธิภาพในการปลอบประโลมผิวเข้าไปมากขึ้น ยิ่งทำให้เรื่องอาการแพ้หรือระคายเคืองนั้นจึงกลายเป็นเรื่องที่น่ากังวลน้อยลงไปได้โดยปริยาย

การมีผิวที่ดีนั้นก็เปรียบได้กับลุคของคุณดูดีขึ้นไปมากกว่าครึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นเราหวังว่าหลังจากนี้คุณจะดูแลและให้ความสำคัญกับผิวมากยิ่งขึ้น อย่างที่เราเคยพูดไป อย่าพึ่งไปคิดว่าการดูแลตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่วุ่นวายเกินกว่าที่คุณจะทำได้ เราอยากขอให้คุณลองเปิดใจและทำมัน แล้วคุณจะพบว่าการลงทุนและเวลาที่ให้ไปครั้งนี้นั้นจะไม่เป็นเรื่องที่เสียเปล่าสำหรับความดูดีที่ยั่งยืนของคุณ

Models: Jung-min @WM Management / Tom @Tufu Models
Grooming: Sirima Khongtong