ผิวเป้ะ! แนะนำ 5 คอนซีลเลอร์ตัวช่วยปกปิด ที่จะมาเสริมความหล่อเป้ะในทุกองศา

การทำให้ผิวหน้าเป้ะตลอดเวลา สำหรับหนุ่มๆ แล้ว ไม่เพียงแต่การบำรุงผิวหน้าล้ำลึกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่การนำตัวช่วยอย่าง ‘คอนซีลเลอร์’ มาแต่งแต้มเพื่อเสริมสร้างให้ใบหน้าของเราเป้ะยิ่งขึ้น แต่การใช้สำหรับหนุ่มๆ อย่างเรานั้น อาจจะเลือกใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป หากใครยังไม่เคยเปิดใจลองใช้ ต้องบอกได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกู้ใบหน้าที่หลายๆ คนควรลองใช้ครับ วันนี้เรามี 5 คอลซีลเลอร์มาแนะนำหนุ่มๆ กันแล้ว จะมีชิ้นไหนน่าสนใจกันบ้าง เราไปชมกันเลยครับ

Tarte – Shape Tape Contour Concealer

เริ่มต้นกันด้วยหนึ่งในคอลซีลเลอร์ในตำนานจาก Tarte กับรุ่นที่มีชื่อว่า Shape Tape Contour Concealer เป็นอีกหนึ่งที่สาวๆ ที่รักการแต่งหน้ายกชิ้นนี้ให้เป็นคอลซีลเลอร์ในดวงใจ เพราะในเรื่องของการปกปิด ต้องพูดได้เลยว่าสามารถปิดจุดบกพร่องอย่างดีเยี่ยม หากหนุ่มๆ คนไหนที่กังวลในเรื่องการปก บอกเลยว่าตัวนี้หายห่วงครับ

NARS – Radiant Creamy Concealer

ต่อกันด้วยอีกหนึ่งคอลซีลเลอร์ในตำนาน ที่หลายๆ คนยกให้เป็น Must Have iTem สำหรับคนที่รักการแต่งหน้าเลยก็ว่าได้ครับ และชิ้นนี้ผู้ชายหลายๆ คนก็มอบให้เป็นคอลซีลเลอร์ชิ้นโปรดประจำกระเป๋า เพราะเนื้อสัมผัสของตัวนี้สามารถสร้างผิวเพอร์เฟกต์ยาวนาน 16 ชั่วโมงและชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง การปกปิดปานกลางที่สามารถบิ้วไปถึงสูงได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ฟินิชกระจ่างใสดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย

FENTY BEAUTY – Pro Filt’r Instant Retouch Concealer

ต่อกันด้วยแบรนด์ของแม่ค้านักขายอย่าง Rihanna กับแบรนด์ FENTY BEAUTY โดยเราหยิบผลิตภัณฑ์คอลซีลเลอร์รุ่น Pro Filt’r Instant Retouch Concealer มาฝากเพื่อนๆ กัน จุดเด่นของแบรนด์นี้ต้องยกให้ในเรื่องของเฉดสีของผลิตภัณฑ์ที่มีมากถึง 48 เฉด พร้อมยังติดทนนานและป้องกันการหลุดร่อนตลอดวัน อีกทั้งเนื้อสัมผัสยังบางเบา ให้การปกปิดได้ทั้งแบบธรรมชาติ ไปจนถึงปกปิดอย่างเรียบเนียนไร้ที่ติ

BK – Acne Retouch Concealer Pen

และหากหนุ่มๆ คนไหนที่เป็นสิว เราของแนะนำตัวนี้เลยครับ BK – Acne Retouch Concealer Pen คอนซีลเลอร์ที่ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผิวทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย จึงมีทั้งคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม ละมุน ให้การปกปิดได้เรียบเนียน

Glossier – Stretch Concealer

ปิดท้ายด้วยคอลซีลเลอร์ ที่อยากจะให้ทุกคนได้ลอง แม้จะไม่มีหน้าร้านในไทยก็ตาม กับคอลซีลเลอร์จาก Glossier กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Stretch Concealer ตัวนี้ไม่เหมือนกับตัวที่เราแนะนำที่ผ่านมา เพราะเป็นเนื้อครีมอยู่ในรูปแบบของกระปุก เนื้อสัมผัสสามารถปกปิดไปจนถึงปานกลาง ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ชายมากๆ ครับ

รวม 4 ขั้นตอนบำรุงผิวตั้งแต่ต้นจนจบ ที่หนุ่มๆ ใช้ได้ทุกวันและผิวดีอย่างเห็นได้ชัด!

ผู้ชายอย่างเราในยุคนี้ เรียกได้ว่าหันมาใส่ใจการบำรุงผิวกันมากขึ้น เพราะการที่มีผิวหน้าที่ดีก็ถือเป็นกำไรของหลายๆ คนไปแล้ว แต่ก็อาจจะมีหนุ่มๆ บางคนที่ไม่เลิฟการบำรุงผิวที่หลากหลายขั้นตอน หรือบางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าควรจะเริ่มต้นด้วยตัวไหน และจบที่ตัวใด วันนี้เราได้คัดผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงผิวหน้าในทุกๆ มาฝากหนุ่มๆ กันแล้วครับ มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน 5 ผลิตภัณฑ์ด้วยกัน บอกได้เลยว่าไม่ยุ่งยาก และหากใช้ทุกวันบอกได้เลยว่าหนุ่มๆ จะมีผิวหน้าที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ จะมีผลิตภัณฑ์ตัวใดบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันได้เลย!

 

1. Kiehl’s – Calendula Deep Cleansing Foaming Face Wash

เริ่มต้นกันด้วยขั้นตอนแรกกับการ ‘ล้างหน้า’ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าที่ตื่นนอน หรือก่อนจะเข้านอน สิ่งแรกที่เราต้องทำเลยก็คือการทำความสะอาดใบหน้า เป็นสเต็ปที่สำคัญในขั้นตอนแรก เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์จาก Kiehl’s เลยครับ กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Calendula Deep Cleansing Foaming Face Wash ไม่เพียงแต่จะมาทำความสะอาดผิวหน้า แต่ยังมาช่วยฟื้นฟูและปลอบประโลมผิว จากสารสกัดดอกคาเลนดูล่าอีกด้วย อีกทั้งยังขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และน้ำมันส่วนเกินอย่างอ่อนโยน นับเป็นอีกหนึ่งตัวที่เราแนะนำเลยครับ

2. Clarins – Double Serum

ต่อกันด้วยเซรั่ม ที่เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่หนุ่มๆ ห้ามลืมเด็ดขาดครับ และผลิตภัณฑ์ที่เราแนะนำนั่นก็คือ Double Serum จาก Clarins ครับ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งชิ้นที่เป็นขวัญใจของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ครับ แล้วเพราะอะไร ทำไมเซรั่มตัวนี้ถึงเป็นช้อยส์ในใจหลายๆ คน ก็เพราะมาช่วยเสริมสร้าง อีกทั้งยังมาเสริมทัพการบำรุงและเติมออกซิเจน อีกทั้งยังมาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและการปกป้อง อีกทั้งยังช่วยลดเลือนปัญหาผิวจากสัญญาณแห่งวัยให้ลดลงอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งชิ้นที่หากใครยังไม่ได้ลอง บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดครับ!

3. LA MER – Moisturizing Soft Cream

หลังจากลงเซรั่มไปแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญเลยคือการลงครีมเติมความชุ่นชื่น เราขอแนะนำ Moisturizing Soft Cream จาก LA MER ครับ เชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนอาจจะเคยลองใช้ หรือเห็นผ่านตากันมาแล้วบ้าง หนึ่งในผลิตภัณฑ์ตัวดัง ที่ปรับสูตรใหม่ ให้สามารถใช้ได้ทุกวัน เนื้อครีมมีความบางเบา สามารถใช้ได้ในตอนกลางวันและตอนกลางคืน หากหนุ่มๆ ลองใช้เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งชิ้นที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอนครับ

or ELEMIS – Pro-Collagen Marine Cream SPF 30

และหากใครถามหาตัวเลือกในในหมวดหมู่ของครีม งั้นเราขอหยิบผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มาให้หนุ่มๆ เลยครับกับ ELEMIS – Pro-Collagen Marine Cream SPF 30 ครีมบำรุงที่มีเนื้อกึ่งเจลกึ่งครีม ทำให้ลงไปแล้วสบายผิว ไม่ทำให้เหนียวเนอะหนะ พร้อมทั้งยังมาช่วยให้ผิวเรากระชับ เนียนนุ่ม และอิ่มน้ำ อีกทั้งยังเพิ่มเกราะป้องกันแสงแดด SPF 30 อีกด้วย นับเป็นผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งชิ้นที่เราอยากแนะนำให้ลองครับ

 

4. SUPERGOOP! – Unseen Sunscreen Broad Spectrum Sunscreen SPF 40 PA+++

และขั้นตอนสุดท้าย ที่หลายๆ คนมักละเลยกับขั้นตอนการลงกันแดด เราขอแนะนำ SUPERGOOP! กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Unseen Sunscreen Broad Spectrum Sunscreen SPF 40 PA+++ กันแดดเนื้อเจลที่เมื่อลงผิวไปแล้วจะทำให้ผิวเราแมตท์ และซึบซาบไว ไม่ก่อปัญหาเหนียวเนอะและยังเหมาะสำหรับผู้ชายที่มีผิวหน้ามันอีกด้วย

แนะนำน้ำหอมและเคสขนาดพกพาใหม่จาก “Celine The Haute Parfumerie”

Photography: Courtesy of Celine

Celine แนะนำคอลเลกชั่นใหม่จาก The Haute Parfumerie ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ในรูปแบบเพื่อการพกพา สำหรับนักเดินทาง ผู้เปี่ยมไปด้วยสไตล์อย่างคุณ สเปรย์ขนาดพิเศษจำหน่ายพร้อมน้ำหอมสำหรับเดินทาง 2 ขวด โดยสามารถเลือกกลิ่นหอมจากคอลเลกชั่นที่เป็นตัวคุณเองที่สุดและเพื่อเป็นการเติมเต็มไลฟ์สไตล์สำหรับคุณอันเป็นเอกลักษณ์ คอลเลกชั่นนี้มาพร้อมเคสแบบพกพา มีให้เลือกสองแบบคือแบบหนังวัวประทับตราสัญลักษณ์ Triomphe และแบบหนังวัวเรียบหากคุณไม่มั่นใจในกลิ่นหอม ว่ากลิ่นไหนเป็นตัวคุณเองที่สุด สามารถทำความรู้จักกับ The Maison’s Perfumed Creations ได้ที่ Celine Boutique ทุกสาขา

สกินแคร์ และการดูแลผิวหน้าของผู้ชาย

เพราะผิวหน้าที่ดีนั้นเสริมความดูดีของคุณไปมากกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้นการรักผิวให้มากขึ้นจึงเป็นเรื่องที่เราอยากให้คุณได้ลองทำ

“เราไม่จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ในจำนวนมากเท่าแต่ก่อนอีกต่อไป แต่ขอให้เน้นไปที่ส่วนประกอบหลักที่ผิวต้องการมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องของความชุ่มชื่น”

Photographer: Ponpisut Pejaroen
Fashion Editor: Chanond Mingmit
Author: Chayanon Chongprasert

ถ้าพูดไปแล้ว การดูแลตัวเองของผู้ชายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยากมากสักเท่าไหร่นักหากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผู้หญิงต้องทำ โดยเฉพาะกับเรื่องของผิวหน้าที่ใครหลายๆ คนนั้นได้ละเลยการดูแลมันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นทั้งความขี้เกียจ ความรู้ที่มีไม่มากพอ หรือความรู้สึกว่าการดูแลตัวเองนั้นเป็นของผู้หญิงเพียงเพศเดียว ซึ่งมันก็จะส่งผลให้เมื่อเริ่มมีอายุที่มากขึ้นตามกาลเวลาผิวหน้าของคุณนั้นก็จะเสื่อมลงอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัวเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม เราเข้าใจดีถึงพฤติกรรมการดูแลผิวหน้าของผู้ชายส่วนใหญ่ที่จะตระหนักถึงมันได้ในเวลาที่สายหรือเกือบจะสายเกินไป เพราะตามกลไกทางธรรมชาติแล้วผิวหน้าของผู้หญิงนั้นบอบบางและไวต่อแรงกระตุ้นจากภายนอกมากกว่าและเร็วกว่าผิวของผู้ชาย สังเกตได้จากเวลาที่ใช้ชีวิตกลางแจ้งเป็นประจำ ถึงแม้ผิวของทั้งคู่นั้นจะเสื่อมในลักษณะที่คล้ายกัน แต่ผิวของผู้ชายกลับรักษาตัวเองได้เร็วกว่าผิวของผู้หญิงอย่างน่าประหลาดใจ รวมถึงอัตราการขึ้นฝ้าบนผิวนั้นยังต่างกันเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วจึงไม่น่าเเปลกใจอะไรที่เมื่อคุณผู้ชายได้เห็นการซ่อมแซมทางธรรมชาตินี้แล้วจะชะล่าใจในการดูแลผิว แต่! การที่เราอธิบายถึงการทำงานของผิวผู้ชายให้คุณได้ฟังนี้ ไม่ใช่การชี้โพรงให้กระรอกแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ประสิทธิภาพในการซ่อมแซมตัวเองนี้จะหายไปตามกาลเวลาที่ล่วงเลย โดยเฉพาะเมื่อคุณปล่อยปละละเลยการดูแล มันก็จะยิ่งหมดเร็วกว่าเวลาอันสมควร และมันไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกหรือ? ที่เราจะช่วยเสริมเสบียงให้กับผิว และรักผิวของเราให้มากขึ้นไปอีก

ตอนนี้หลายๆ คนอาจจะกำลังเถียงเราอยู่ในใจว่า ถึงแม้ผิวนั้นจะเกิดข้อบกพร่องมากมายแค่ไหน เราก็สามารถซ่อมแซมและลบเลือนมันได้ด้วยเครื่องสำอางทั้งหลายในปัจจุบัน แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เช่นเดียวกับที่เราย้ำเสมอกับผู้หญิง การมีผิวที่แข็งแรงนั้นก็เปรียบเสมือนกับผ้าใบที่มีมาตรฐานให้กับการแต่งหน้าในขั้นตอนต่อๆ ไป เพราะผิวที่ไม่แข็งแรงนั้นจะส่งผลให้เครื่องสำอางไม่ติดทนและลบเลือนได้ง่าย คุณคงไม่อยากจะให้คอนซีลเลอร์เป็นคราบระหว่างวันหรอก จริงไหม? เพราะฉะนั้นเรามาเริ่มรักผิวให้มากขึ้นดีกว่า

อย่าพึ่งไปคิดถึงจำนวนของสกินแคร์ที่คุณเคยเห็นผ่านตามาในอดีต เพราะในปัจจุบันกิจวัตรการใช้สกินแคร์นั้นเปลี่ยนไปมาก มีการหยิบนั่นผสมนี่ให้ได้เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละคนมากขึ้น

เราไม่จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ในจำนวนมากเท่าแต่ก่อนอีกต่อไป แต่ขอให้เน้นไปที่ส่วนประกอบหลักที่ผิวต้องการมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องของความชุ่มชื่น เพราะด้วยไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างนั้นทำให้คุณอาจจะไม่ได้บริโภคน้ำในสัดส่วนที่พอเหมาะ ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีประสิทธิภาพในการเติมน้ำให้กับผิว โดยคุณอาจจะเลือกใช้สกินแคร์ที่เป็นเนื้อเจล จากผิวสัมผัสใช้ได้ง่าย สบาย และซึมซาบได้รวดเร็วกว่าเนื้อครีม อย่างไรก็ตาม หากคุณชื่นชอบหรือมีสภาพผิวที่เหมาะกับเนื้อครีมมากกว่า ก็สามารถเลือกตามสภาพผิวได้เช่นกัน และยิ่งไปกว่านั้นสกินแคร์ในกลุ่มนี้บางตัวก็ยังทำหน้าที่ได้มากกว่าแค่การเติมน้ำให้กับผิว

สิ่งต่อไปก็คือการดูแลผิวเฉพาะจุดที่คุณกังวล ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องของรูขุมขนและความกร้านของผิวที่ทำให้ลุคโดยรวมของคุณนั้นดูไม่น่าพึงพอใจเท่าไหร่นัก โดยคุณสามารถเลือกใช้เพิ่มเข้าไปอีกสัก 2-3 ตัว อย่างเช่นเซรั่มที่มีประสิทธิภาพในการบำรุงอย่างล้ำลึก เซรั่มในการลดเลือนจุดด่างดำ รวมไปถึงสกินแคร์สำหรับผิวรอบดวงตา ที่เป็นผิวที่บอบบางที่สุดบนใบหน้า เพื่อความสดใสของใบหน้าองค์รวม

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับสกินแคร์ที่คุณควรรู้นั้นก็คือเรื่องของส่วนผสม ถึงแม้ผิวของผู้ชายจะมีความหนา แต่ก็ยังต้องพบกับหลายปัจจัยกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคือง อาทิ การโกนหนวด เป็นต้น แต่ยังถือว่าเป็นเรื่องโชคดีที่นวัตกรรมพัฒนาไปตามกาลเวลา การกักเก็บประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมของวัตถุดิบธรรมชาติก็มีมากพอกับความบริสุทธิ์ของสารสกัดเหล่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่ และด้วยสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สกินแคร์ส่วนใหญ่ก็จะใส่สารสกัดที่มีประสิทธิภาพในการปลอบประโลมผิวเข้าไปมากขึ้น ยิ่งทำให้เรื่องอาการแพ้หรือระคายเคืองนั้นจึงกลายเป็นเรื่องที่น่ากังวลน้อยลงไปได้โดยปริยาย

การมีผิวที่ดีนั้นก็เปรียบได้กับลุคของคุณดูดีขึ้นไปมากกว่าครึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นเราหวังว่าหลังจากนี้คุณจะดูแลและให้ความสำคัญกับผิวมากยิ่งขึ้น อย่างที่เราเคยพูดไป อย่าพึ่งไปคิดว่าการดูแลตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่วุ่นวายเกินกว่าที่คุณจะทำได้ เราอยากขอให้คุณลองเปิดใจและทำมัน แล้วคุณจะพบว่าการลงทุนและเวลาที่ให้ไปครั้งนี้นั้นจะไม่เป็นเรื่องที่เสียเปล่าสำหรับความดูดีที่ยั่งยืนของคุณ

Models: Jung-min @WM Management / Tom @Tufu Models
Grooming: Sirima Khongtong

เคล็ดลับความหอมในช่วงฤดูร้อน

เมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นและดวงอาทิตย์ส่องแสงในช่วงฤดูร้อน สิ่งสำคัญคือต้องเปลี่ยนกิจวัตรความหอมของคุณให้เหมาะกับฤดูกาลแห่งความร้อนที่เปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการหาน้ำหอมที่เหมาะกับสภาพอากาศที่อบอุ่น

สิ่งสำคัญคือต้องเลือกน้ำหอมที่บางเบาและสดชื่น กลิ่นที่หนักไปของมัสกี้อาจจะอบอวลได้ ดังนั้นควรเลือกกลิ่นที่มีเบสดอกไม้หรือซิตรัส กลิ่นยอดนิยมของฤดูร้อน ได้แก่ มะกรูด มะนาว เกรปฟรุต และมะลิ กลิ่นเหล่านี้เหมาะสำหรับวันในฤดูร้อนและจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่น สำคัญอีกประการหนึ่งคือความเข้มข้นของน้ำหอม ในช่วงฤดูร้อน ควรเลือกน้ำหอมที่มีความเข้มข้นน้อยและเบาบาง เช่น eau de toilette หรือ Cologne ความเข้มข้นเหล่านี้จะมีความเข้มข้นน้อยกว่า eau de parfum ซึ่งอาจหนักเกินไปสำหรับการเติมกลิ่นในฤดูร้อน

การเลือกน้ำหอมที่เหมาะสมและการใช้อย่างเหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการใช้ประโยชน์จากน้ำหอมในช่วงฤดูร้อน การเริ่มเติมกลิ่นควรทำหลังจากอาบน้ำและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแล้ว วิธีนี้จะช่วยให้น้ำหอมติดทนนานและยังป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นหากคุณใช้น้ำหอมกับผิวที่แห้ง สิ่งสำคัญสำหรับในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดน้ำหอมในบริเวณที่โดนแดด เช่น คอหรือหน้าอก ซึ่งอาจทำให้น้ำหอมแตกตัวและทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ ให้เน้นฉีดน้ำหอมในบริเวณที่จะถูกปกปิดด้วยเสื้อผ้าแทน เช่น ข้อมือและหลังใบหู

บำรุงก่อนสายไป! กับ 5 กันแดด ที่ซัมเมอร์นี้หากไม่อยากหน้าพัง หนุ่มๆ ควรพกติดกระเป๋า

ช่วงนี้พูดได้เลยว่าอากาศหน้าร้อนในประเทศไทย ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับใครหลายๆ คนไปแล้ว ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายเหงื่อตก เจ้าวายร้ายแสงแดดนี้ยังจะมาทำให้ผิวของเราเสียและก่อปัญหามากวนใจเราอีกด้วย มีหนุ่มๆ หลายคนได้ละเลยขั้นตอนสำคัญนี้ไป การใช้ ‘ครีมกันแดด’ ไม่เพียงแต่จะปกป้องผิวหน้าของเรา แต่ยังทำหน้าที่ยืดอายุผิวให้อยู่กับเราไปได้นานอีกด้วยครับ

วันนี้เราได้นำ 5 ครีมกันแดดตัวดัง มาฝากเพื่อนๆ กันแล้วครับ ซึ่ง 5 ตัวนี้สามารถใช้ได้ทุกวัน หาซื้อได้ทั่วไปและยังมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวหน้าให้ไกลจากแสงแดดอีกด้วย จะมีแบรนด์ไหนกันบ้าง เราไปชมกันเลยครับ

1. SUPERGOOP!

เริ่มต้นกันด้วยกันแดดตัวดังจาก SUPERGOOP! ที่มีชื่อว่า Unseen Sunscreen Broad Spectrum Sunscreen SPF 40 PA+++ เจลกันแดดตัวฮอตฮิต ในหมู่อินฟูลต่างประเทศใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื้อสัมผัสของกันแดดรุ่นนี้จะเป็นเจลเนื้อใส ที่สามารถซึมซาบเข้าผิวได้ง่าย สามารถใช้ได้ทุกวัน หากหนุ่มๆ คนไหนที่กำลังมองหากันแดดดีๆ สักตัว Supergoop คือหนึ่งในช้อยส์ที่เราอยากแนะนำเลยครับ

2. SHISEIDO

ต่อกันด้วยอีกหนึ่งครีมกันแดด ที่สายลุยยกให้เป็นกันแดดในใจกับ Ultimate Sun Protector Lotion SPF 50+ จาก SHISEIDO ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสียูวีในแสงแดดด้วย SynchroShield™ เทคโนโลยีสูตรเฉพาะที่ปรับเปลี่ยนอีกขั้นที่เหนือกว่าสูตรเดิม เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์จะเป็นเนื้อครีม สามารถกันแดดและกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ บอกได้เลยว่าหากใครเป็นสายลุย ต้องตัวนี้เลยครับ

3. KIEHL‘S

ตามติดมาด้วยอีกหนึ่งกันแดด ที่เรายกให้เป็นของสามัญประจำกระเป๋าเลยก็ว่าได้ครับกับ Ultra Light Daily UV Defense Aqua Gel SPF 50 PA++++ จาก KIEHL‘S ในครั้งนี้เราได้นำผลิตภัณฑ์ ที่เป็นเนื้อเจลมาแนะนำกัน เพราะหนุ่มๆ ที่มีผิวหน้าที่มัน คงจะไม่อยากให้ใบหน้าของเรายิ่งมันขึ้นไปกว่าเดิม และต้องการการซึบซาบที่รวดเร็วพร้อมออกแดดในทันที นอกจากจะมีเทคโนโลยีป้องกันมลภาวะแล้ว ยังสามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระและป้องกันมลพิษทางสิ่งแวดล้อมถูกดูดซึมเข้าสู่ผิว และลดการปรากฏของรูขุมขนอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วยครับ

4. La Roche-Posay

และอีกหนึ่งกันแดด ที่หนุ่มๆ หลายคนใช้แล้วติดใจอย่าง Anthelios Uvmune 400 Invisible Fluid Spf 50+ จาก La Roche-Posay สามารถปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายของรังสี UV รวมถึง Ultra-Long UVA* ที่ทำร้ายผิวได้ลึกที่สุด อินฟราเรด ฝุ่นและมลภาวะ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาผิว เนื้อสัมผัสของกันแดดตัวนี้ มีเนื้อที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ แถมยังเกลี่ยง่ายซึมไวและไม่เป็นคราบ นับเป็นอีกหนึ่งกันแดดดรักสโตร์ ที่เป็นกันแดดในใจของใครหลายๆ คน

5. Eucerin

ปิดท้ายด้วยกันแดด Sun Dry Touch Oil Control SPF50+ จาก Eucerin หนึ่งในไอเท็มสกินแคร์คู่กายของใครหลายๆ คน เพราะเนื่องจากจะสามารถ ควบคุมความมันได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงแล้ว ยังสามารถปกป้องทุกรังสีทั้ง UVA/B และยังสามารถลดสาเหตุของสิว ปัญหากวนใจของหนุ่มๆ ได้อีกด้วย

‘น้ำหอมนิช’ (niche perfume) เรายังสามารถใช้คำว่า ‘นิช’ (niche) กับมันได้อยู่หรือไม่

เมื่อใครๆ ก็ต้องหันมาให้ความสนใจกับ ‘น้ำหอมนิช’ (niche perfume) จนเรายังอดสงสัยไม่ได้ว่าเรายังสามารถใช้คำว่า ‘นิช’ (niche) กับมันได้อยู่หรือไม่

Naxos จาก Xerjoff, Eyes Closed จาก Byredo, 724 จาก Maison Francis Kurkdjian, Viking Cologne จาก Creed, English Oak & Hazelnut จาก Jo Malone London

Author: Chayanon Chongprasert
Photographer: Ponpisut Pejaroen

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา น้ำหอมและชายหนุ่มนั้นกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันอย่างเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น จากที่เมื่อก่อนหลายๆ คนจะมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือทำให้พวกเขาดู ‘สำอาง’ ไปเลยเหลือเกิน กลิ่นหอมที่บ่งบอกถึงตัวตนและอารมณ์ของพวกเขาต่างก็ถูกประพรมไปทั่วร่างกาย แต่เห็นจะมีน้ำหอมจำพวกหนึ่งที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นนั่นก็คือ ‘น้ำหอมนิช’ (niche perfume) กลิ่นหอมที่มีคาแรคเตอร์และเรื่องราวที่น่าตื่นตา ที่ตอนนี้ใครๆ ก็ต้องมีไว้ซักขวดถึงแม้คำว่าน้ำหอมนิชจะกลายเป็นที่คุ้นหูในไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ตั้งแต่ในยุคโบราณน้ำหอมเองนั้นไม่ว่าจะเป็นกลิ่นในโทนใดก็ตาม ก็ต่างถูกจัดให้เป็น ‘สินค้าเฉพาะกลุ่ม’ (niche product) ทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่ปัจจัยของกลิ่นหอมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยของราคา ความรู้และความเข้าใจ รวมไปถึงรสนิยม จึงสร้างความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับน้ำหอมไปโดยปริยาย เพราะคนบางกลุ่มเท่านั้นที่จะเลือกใช้ ดื่มด่ำ และเข้าถึงน้ำหอมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความพิถีพิถันเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นราชนิกุล ชนชั้นสูง หรือคนร่ำรวย น้ำหอมถือเป็นงานศิลป์ชนิดหนึ่งที่ต้องการมากกว่าแค่สัมผัสการดมกลิ่นเพื่อเข้าถึงมันในยุคนั้นเลยก็ว่าได้แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลก

โดยเฉพาะการปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่ทำให้การผลิตสินค้าต่างๆ นั้นเป็นไปด้วยความรวดเร็วเพื่อจำนวนที่มากยิ่งขึ้น สินค้าหรูหราไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าจากแบรนด์แฟชั่นหรือแม้แต่น้ำหอมเองก็ต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของฐานผู้บริโภคที่กว้างขึ้นด้วยการมาถึงของห้างสรรพสินค้า นั่นก็นำไปสู่การเข้าถึงที่ง่ายดายมากยิ่งขึ้นของสินค้าเหล่านี้ไปโดยปริยายอย่างไรก็ตามเราก็ยังสามารถเห็นได้ถึงความเอ็กซ์คลูซีฟของน้ำหอมที่ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง เพราะมันถูกหยิบไปเชื่อมโยงกับโลกของแฟชั่นอย่างชัดเจนทุกอเตลิเย่ร์แฟชั่นทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Chanel, Dior, Givenchy หรือ Lanvin ก็ต่างเปิดตัวน้ำหอมกลิ่นซิกเนเจอร์ที่ผูกโยงกับเรื่องราวของแบรนด์ทั้ง, Miss Dior, L’Interdit และ My Sin ซึ่งก็ยังถูกเพิ่มคุณค่าในด้านต่างๆ เข้าไปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบอกว่ากลิ่นเหล่านี้นั้นเปรียบดังผู้หญิงของแบรนด์นั้นๆ ทำให้ผู้ใช้ยิ่งมีจินตนาการเมื่อฉีดพรม หรือถูกเปรียบให้เหมือนหนึ่งในอาภรณ์ชิ้นเด่นของแบรนด์ อย่างคำพูดของมงซิเออร์ดิออร์ที่ว่า “A drop of perfume and you are dressed in Dior!”

อย่างไรก็ตาม ความเอ็กซ์คลูซีฟที่ถ่ายทอดผ่านลงมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณนั้นก็ถูกแสดงออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ ด้วยน้ำหอมที่ถูกโปรโมทโดยแบรนด์แฟชั่นชั้นนำมาในราคาที่ค่อนข้างจับต้องได้มากยิ่งขึ้น และจำนวนของน้ำหอมจากแบรนด์แฟชั่นเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นอย่างมากโขนั้นก็ทำให้มันไม่ได้เป็น ‘สินค้าเฉพาะกลุ่ม’ (niche product) อีกต่อไป ถึงแม้จะมีไลน์น้ำหอมชั้นสูงอยู่ในแบรนด์ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เป็นที่พูดถึงมากนัก จนทำให้ผู้คนมากมายต่างก็สามารถดื่มด่ำไปกับจินตนาการอันหอมหวนเหล่านี้ได้ ทำให้เกิดหลายมุมมองที่ถกเถียงกันขึ้นมาภายในอุตสาหกรรมน้ำหอมว่าผลิตภัณฑ์นี้นั้นยังคงเต็มไปด้วยความพิถีพิถันมากน้อยแค่ไหน และผู้คนที่ใช้หรือเป็นเจ้าของน้ำหอมนั้นได้ดื่มด่ำกับจิตวิญญาณของงานศิลป์แห่งกลิ่นนี้อย่างลึกซึ้งแค่ไหน จนกลายมามีคำกล่าวของนักปรุงน้ำหอมนิชสัญชาติอังกฤษอย่าง Roja Dove ออกมาว่า “People don’t really smell perfume anymore, they smell marketing.” ถึงอย่างนั้น เราก็ต่างรู้ดีว่ากระแสแฟชั่นนั้นก็เปลี่ยนไปตามความต้องการหาตัวตนของแต่ละบุคคล โลกของน้ำหอมนั้นก็เช่นกัน กลิ่นหอมที่คุ้นหน้าคุ้นตาหรือจะเรียกว่าเป็นกลิ่นแนวแมสนั้นก็ได้ถูกใช้และดื่มด่ำจนทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว จึงไม่แปลกที่ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มเสาะหากลิ่นหอมใหม่ๆ ที่สามารถระบุความเป็นตัวของเขาเหล่านั้นได้อย่างโดดเด่นกว่าใคร ชื่อของเมซงน้ำหอมที่มีอายุยาวนานและยังคงผลิตน้ำหอมด้วยความประณีตจึงกลายมาเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้ง Xerjoff, Maison Francis Kurkdjian, Diptyque หรือ Jo Malone London ในอีกด้านแฟชั่นแบรนด์หรือแม้แต่บิวตี้แบรนด์ชื่อดังก็ต่างหันมาโปรโมทหรือเปิดตัวไลน์น้ำหอมชั้นสูงของตัวเองอีกครั้งทั้ง Le Exclusifs de Chanel, La Collection Prive ของ Dior หรือ L’Art et la Matire ของ Guerlain และเมื่อโลกของน้ำหอมนิชถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ผู้ที่ได้เข้าสู่โลกนี้นั้นก็สามารถสัมผัสได้ถึงความโดดเด่นที่ยากจะหาได้ตามน้ำหอมทั่วไป ทั้งกลิ่นหอมที่มีมิติ พัฒนาเปลี่ยนผ่านตามกาลเวลาและเคมีบนผิว กลายเป็นกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์หาตัวจับได้ยาก ถึงแม้ว่าบางกลิ่นนั้นจะมีส่วนผสมน้อยเสียยิ่งกว่าน้ำหอมในท้องตลาดโดยทั่วไป พร้อมกับเรื่องราวและแรงบันดาลใจที่ช่างน่าค้นหา แถมบางกลิ่นยังเปิดกว้างไร้ซึ่งขอบเขตเรื่องเพศนอกจากจะเป็นกลิ่นหอมที่น่าหลงใหลประจำตัวแล้วนั้น

Naxos จาก Xerjoff, Eyes Closed จาก Byredo, 724 จาก Maison Francis Kurkdjian, Viking Cologne จาก Creed, English Oak & Hazelnut จาก Jo Malone London

ในปัจจุบันน้ำหอมนิชก็กลายเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเรื่องของรสนิยมที่แตกต่าง และความดื่มด่ำในศิลปะแห่งกลิ่น เพราะกลิ่นของน้ำหอมนิชหลายกลิ่นนั้น ถึงแม้จะมาพร้อมความน่าสนใจ แต่ก็มักจะมาพร้อมกับกลิ่นที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ คุณไม่สามารถตัดสินอะไรได้เลยจากกลิ่นที่ผ่านพ้นหัวสเปรย์มาเพียงไม่กี่นาที มันจึงกลายเป็นสิ่งที่ ‘ไม่ได้เกิดมาสำหรับทุกคน’ ก็ว่าได้ แต่ในทางกลับกัน น้ำหอมนิชบางกลิ่นอย่างเช่น ‘Baccarat Rouge 540’ กลิ่นขายดีติดอันดับของแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian ก็เหมือนจะกลายเป็นที่นิยมจนอาจจะเสียภาพของน้ำหอมนิชไปเสียแล้ว เป็นปรากฏการณ์ที่เราถึงกับต้องถามตัวเองว่า “เรายังเรียกมันว่าน้ำหอมนิชได้อยู่หรือเปล่า” เรียกได้ว่า ณ ขณะนี้เป็นช่วงยุครุ่งเรืองอีกครั้งของน้ำหอมนิชก็ว่าได้ ถึงกาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ความเป็นเอกลักษณ์ใหม่ๆ ก็ถูกค้นหาโดยคนเราอยู่เสมอไป ทำให้โลกของน้ำหอมนั้นดูมีสีสันและความหลากหลายขึ้นไปโดยปริยาย แต่ในฐานะหนึ่งในผู้ชื่นชอบงานศิลป์แห่งกลิ่นหอมนี้ เราก็ยังคอยจับตามองอุตสาหกรรมน้ำหอมนิชอยู่ทุกย่างก้าว และได้แต่ตั้งคำถามว่าอนาคตของมันจะต่อยอดไปถึงตรงไหน ความหรูหรา อู้ฟู่ น่าหลงใหลของมันจะยังคงเป็นที่ดึงดูดอยู่หรือไม่ในสภาวะของโลกที่เร่งรีบและความใส่ใจในความยั่งยืนต่อธรรมชาติในปัจจุบัน น้ำหอมนิชในวันนี้จะยังคงความ ‘นิช’ ของมันไปได้นานเพียงใด และน้ำหอมแบบไหน

Model: Jung-min @WM Management
Grooming: Sirima Khongtong 

เตรียมพบกับความเปลี่ยนแปลง ท่ีจะนำคุณไปสู่ประสบการณ์ใหม่จาก Aesop Thailand

เมื่อเจ็ดปีท่ีแล้ว Aesop เปิดตัวเคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในกรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์สูตรข้ึนจากส่วนผสมท่ีมีประสิทธิภาพ ดีไซน์ร้านค้าที่ถูกออกแบบด้วยการคำนึงถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมไปถึงการบริการให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย

เพื่อการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและน่าจำข้ึนไปอีกระดับ Aesop ได้ปิดบริการเคาน์เตอร์ทั้ง 6 สาขาทั่วประเทศ เพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน Aesop Signature Store แห่งแรกของประเทศไทยในปี 2567 โดยหน้าร้านแบบสแตนด์อะโลน พร้อมมอบบรรยากาศอัน รื่นรมย์อย่างมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมและทดลองสินค้า

ในระหว่างน้ี Aesop ได้เปิดบริการช่องทางการจำหน่ายออนไลน์อย่างเป็นทางการท่ี Lazada เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย โดยสามารถเข้าชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ Aesop ไดอ้ย่างสะดวกสบาย ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซท่ีน่าเชื่อถือมากไปกว่านั้น Aesop พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ลมิเต็ดเอดิชั่นและข้อเสนอพิเศษอื่นๆ ตลอดปีทั้งปีผ่าน Lazada

เจาะลึกที่มา Celine ‘Bois Dormant’ น้ำหอมจากคอลเล็กชั่น HAUTE PARFUMERIE

Author: Chanond Mingmit
Photography: Courtesy of Celine

Bois Dormant โดย Celine เป็นน้ำหอมในคอลเลกชั่น HAUTE PARFUMERIE กลิ่นล่าสุดที่ได้แรงบันดาลใจจากกลิ่นหอมในความทรงจำของ HEDI SLIMANE

โดยสำหรับกลิ่นใหม่นี้เขาได้พาย้อนกลับไปยังความทรงจำในวัย 19 ปีขณะกำลังมองหาชุดสูทมือสองที่ตัดเย็บอย่างประณีตและ มีโครงสร้างอันเป็นเอกลักษณ์จากร้านตัดสูทในย่าน SAVILE ROW กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประสบการณ์นี้เองคือจุดเริ่มต้นของการก้าวไปสู่อาชีพกูตูริเยร์และช่างตัดเย็บสูทในอนาคต ทั้งยังเป็นประสบการณ์ที่จุดประกายความฝันจากความหลงใหลในชุดสูทและทำให้เขามุ่งมั่นเสาะแสวงหาความสง่างามเหนือกาลเวลาและเส้นสายการตัดเย็บที่สมบูรณ์แบบนับแต่นั้นเป็นต้นมา และนั้นจึงทำให้เขาออกแบบกลิ่นที่สื่อถึงความเบาสบายและจิตวิญญาณของแจ๊กเก็ตตกแต่งกระดุมสองแถว ตัดเย็บจากเนื้อผ้าที่เขาชื่นชอบนั่นคือ ENGLISH FLANNEL เกิดเป็นกลิ่นไม้หอมแบบพาวเดอร์รี่ที่ผสมผสานความบางเบาของโคโลญจน์ ก่อให้เกิดความรู้สึกของความพลิ้วไหวและความเบาสบายอย่างอบอุ่นนุ่มนวล โดยยังสร้างความซ้อนทับของกลิ่นหอมที่ได้แรงบันดาลใจจากเสียงเพลงเพื่อถ่ายทอดเสน่ห์เย้ายวน ด้วยการผสมผสานกลิ่นหอมที่นุ่มนวลดั่งกำมะหยี่และบางเบา ราวกับเสียงเพลงที่เปล่งออกมายามจรดปลายเข็มลงบนแผ่นไวนิล

เฉกเช่นเดียวกับในโลกของอาภรณ์ชั้นสูงที่จำเป็นต้องอาศัยฝีมืออันเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในเชิงเทคนิคของการตัดเย็บซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสตูดิโอช่างฝีมือ วิธีการเช่นนี้จึงก่อให้เกิดการผสานกลิ่นหอมในแนว ‘โอลด์แฟชั่น’ ซึ่งเน้นไปที่ความติดทนนานมากกว่ากลิ่นที่เข้มข้นหนักแน่นจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันยังมีพื้นที่ให้แต่ละองค์ประกอบได้แสดงความโดดเด่น สำหรับกลิ่นของ BOIS DORMANT ประกอบไปด้วยกลิ่นที่ผสมผสานกันจากกลิ่นแนวพาวเดอรี่และไอริสบัตเตอร์ ที่ถ่ายทอดความหรูหรานุ่มสบายของผ้า ENGLISH FLANNEL ในขณะที่กระจายความหอมของวู้ดดี้จากซีดาร์และเวติแวร์ เติมความสมบูรณ์ด้วยเบอร์กาม็อตและจูนิเปอร์ ที่ให้สัมผัสอันนุ่มนวลล้ำลึก บรรจุอยู่ในขวดรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากโดยใช้เทคนิคการหลอมขวดแก้วที่มีเนื้อหนาหนักตามแบบฉบับดั้งเดิมของฝรั่งเศส สร้างความหรูหราให้กับขวดน้ำหอมเช่นเดียวกับฝาขวดที่เคลือบสีดำขัดเงาขวดน้ำหอมสำหรับคอลเลกชั่น CELINE HAUTE PARFUMERIE ตกแต่งลวดลายด้านหน้าและหลังด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและฝาขวดตัดเหลี่ยมมุมเคลือบสีดำขัดเงา ความงดงามทางสุนทรียะของขวดน้ำหอมได้แรงบันดาลใจจากสไตล์คลาสสิกของปลายยุคศตวรรษที่ 17 ที่ถูกนำมาตีความออกมาเป็นสไตล์มินิมอลที่เรียบสง่าแฝงด้วยความทันสมัยในแบบอาร์ตเดโค ด้วยความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือจึงทำให้ขวดแก้วโปร่งแสงที่มีเส้นสายคมกริบเผยให้เห็นสีทองอำพันของน้ำหอมที่มีความแตกต่างกันในแต่ละกลิ่น นอกจากนี้ตัวขวดยังตกแต่งด้วยกระดาษที่มีเนื้อสัมผัสแบบผ้า “GRAIN DE POUDRE” และสลักลวดลายที่ก่อให้เกิดเอฟเฟ็กต์การพิมพ์แบบ “GRAND SICLE” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากฝาผนังไม้ภายใน CELINE ATELIERS ซึ่งตั้งอยู่ที่ HTEL COLBERT DE TORCY เลขที่ 16 ถนน VIVIENNE ปารีส ด้านบนของฝาขวดสลักลายสัญลักษณ์ของแบรนด์ “TRIOMPHE” ที่ออกแบบโดยผู้ก่อตั้ง CLINE VIPIANA ในปี 1971

ตัวช่วยกอบกู้ใบหน้าในวันที่ไม่เป็นใจกับ 3 คอนซีลเลอร์ ‘ถูก-กลาง-แพง’ ที่หนุ่มๆ พลาดไม่ได้

เรื่องการแต่งหน้าของผู้ชายในทุกวันนี้ นับว่าเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้วก็ว่าได้ครับ เพราะหนุ่มๆ ในยุคนี้หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น ตั้งแต่การดูแลตัวเองตั้งแต่ภายในจนมาถึงภายนอก แต่การดูแลตัวเองในบางครั้งเราอาจจะมีช่วงจังหวะชีวิตที่ต้องเผชิญหน้ากับความเครียดกันอยู่บ้าง และความเครียดที่ว่าก็ส่งผผลออกมาในรูปแบบต่างๆ รวมถึงใบหน้าของเราด้วย ในวันที่ต้องใช้ใบหน้า ฟ้ากลับไม่เป็นใจ ดังนั้นเราจึงต้องหาตัวช่วย เผื่อมาปกปิดความบกพร่องบนใบหน้าของเรากันครับ วันนี้เรามีตัวช่วยที่เรียกว่า คอนซีลเลอร์ ในหมวด ‘ถูก-กลาง-แพง’ มาฝากเพื่อนๆ กันแล้วครับ จะมีตัวไหนที่หลายๆ คนใช้ และเห็นด้วยกันอยู่บ้าง เราไปชมกันเลยครับ!

Clear Nose

เริ่มต้นกันด้วย คอนซีลเลอร์ในหมวด ‘ถูก’ กันก่อนเลยครับ กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า ‘Clear Nose Acne Care Solution Concealer’ ตัวช่วยการปกปิด ที่จะมาช่วยกอบกู้ใบหน้า ในช่วงที่หนุ่มๆ เป็นสิว คอนซีลเลอร์ตัวนี้จะมาช่วยปกปิดสิวและสิวเสี้ยน รวมไปถึงทั้งรอยแดง รอยดำได้อย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อครีมมีความนุ่มเกลี่ยง่าย ไม่ทำให้ผิวอุดตัน พร้อมช่วยลดปัญหาสิวให้ยุบตัวลงอีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งตัวที่เป็นขวัญใจของคนเป็นสิวเลยก็ว่าได้ครับ!

NARS

ต่อกันด้วยคอนซีลเลอร์ในหมวดราคา ‘กลาง’ กันบ้าง นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่เป็นขวัญใจของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ครับกับ Radiant Creamy Concealer จาก NARS หลากหลายรีวิวจากทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ยกให้คอนซีลเลอร์ตัวนี้เป็นที่หนึ่งในใจ เพราะการปกปิดที่เหนือชั้น อยู่ทน และมีกว่า 26 เฉดสีผิว พร้อมมอบความชุ่มชื่นแก่ผิว และมีเทคโนโลยีกระจายแสง ช่วยให้ผิวดูนุ่มนวล เรียบเนียนมากขึ้นอีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่ทางเราแนะนำเลยครับ

TOM FORD

ตัวนี้พูดได้เลยครับว่าจัดอยู่ในหมวด ‘แพง’ แต่ความแพงที่ว่านี้ ไม่ได้มีเฉพาะแค่ราคา แต่ความแพงที่ว่ามาพร้อมกับ แพ็กเกจและผลลัพธ์อันน่าตกใจอย่าง Shade And Illuminate Concealer จาก TOM FORD Beauty แม้เนื้อผลิตภัณฑ์จะมีความบางเบา แต่หากพูดถึงความติดทนก็ต้องยกให้ตัวนี้เช่นกันครับ ซึ่งนับว่าคอนซีลเลอร์ตัวนี้ออกมาตอบโจทย์ผู้ชายหลายๆ คน ในเรื่องของการแต่งหน้าที่ดูบางเบา ปกปิดแต่ยังเป็นธรรมชาติอยู่นั่นเองครับ เป็นอีกหนึ่งตัวที่หากหนุ่มๆ คนไหนกำลังเล บอกเลยว่าไม่ควรพลาดครับ