มิว ศุภศิษฏ์ นักร้อง นักแสดงกับบทบาทล่าสุดอย่าง CEO! ขยายธุรกิจเปิด “MSS CONNECTION” ต่อยอดความสำเร็จจาก Mew Suppasit Studio

นับเป็นอีกหนึ่งนักร้อง นักแสดง ที่นั่งควบเก้าอี้ผู้บริหารด้วย อย่าง มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ กับตำแหน่ง CEO ของ “บริษัท มิว ศุภศิษฏ์ สตูดิโอ จำกัด” เรียกได้ว่าคุณบอสมิวได้สร้างผลงานอันโดดเด่นอย่างมากมายในปีนี้ และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และจะยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เพราะ มิว ศุภศิษฏ์ ได้เตรียมวางกลยุทธ์ปรับขยายธุรกิจ โดยใช้ชื่อ “MSS CONNECTION”(เอ็มเอสเอส คอนเน็คชั่น)  หลังเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาทุ่มเทและประสบความสำเร็จด้านงานเพลง ได้ทำงานกับนักร้องนักแต่งเพลงระดับโลกหลายคน

ล่าสุดเตรียมปรับตัวบริษัทครั้งใหญ่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมความบันเทิงให้ครอบคลุมและต่อยอดไปอย่างไร้ขีดจำกัด ทั้งในด้านงานเพลง ภาพยนตร์ ซีรีส์ทั้งในไทยและระดับอินเตอร์เนชั่นแนล การเปิดรับศิลปินและนักแสดงในสังกัด มีเอเจนซี่ โปรโมเตอร์ รวมถึงงานโปรดักชั่นต่าง ๆ ทั้งนี้ก็มีโปรเจกต์ใหญ่ต่าง ๆ ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ และเตรียมจะร่วมงานกับศิลปินและทีมงานทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลังที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เพื่อผลิตผลงานคุณภาพ ปูทางสู่การยกระดับอุตสาหกรรมบันเทิงไทย

ถือได้ว่าเป็นปีทองจริงๆ สำหรับ มิว ศุภศิษฏ์ ที่รุ่งทั้งงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และดูเหมือนว่าจะขยันทำงานแบบเต็มที่แบบนันสตอปดูได้จากแพลนปีหน้าแล้ว น่าจะมีผลงานออกมาให้แฟนๆ ทั่วโลก ได้ติดตามกันตลอดปีแบบไม่มีเว้นว่างอย่างแน่นอน ส่วนใครที่อยากจะเข้ามาเป็นเด็กในสังกัด “MSS CONNECTION” ก็คงต้องเฝ้าติดตามข่าวคราวๆ ให้ดี ว่าจะมีการเปิดออดิชั่นเมื่อไหร่  คงต้องตามลุ้นผลงานปีหน้าของ “Mss connection” ว่าจะปังขนาดไหน แต่ได้ชื่อว่าเป็นฝีมือของ มิว ศุภศิษฏ์ ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวังอย่างแน่นอน 

เรียบเรียง rhunrun

โอกาสในการจับจองผลงานชิ้นไอคอนิก! ‘Pumpkin’ โดย Yayoi Kusama เตรียมเข้าสู่เข้าสู่ตลาดประมูลอาทิตย์หน้า!

โอกาสในการจับจองผลงานชิ้นไอคอนิก! ‘Pumpkin’ 2017 งาน sculpture ชิ้นเด่นของ Yayoi Kusama ศิลปินรุ่นตำนานชาวญี่ปุ่นกำลังจะเข้าสู่ตลาดประมูล 20th/21st Century Art Evening Saleโดย Christie’s Asia ที่ฮ่องกงในวันที่ 1 ธันวาคมครับ


โดยผลงานชิ้นนี้ที่สะท้อนความสุขเล็กๆที่เธอมีในช่วงเวลาวัยเด็กอันแสนยากลำบากของ Yayoi ในเมือง Matsumoto ก็มีการคาดการณ์ว่าจะจบที่ราคา 3.7-4.9 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 120 ล้านบาท ใครสนใจก็สามารถเข้าร่วมประมูลได้เลยครับ

เรื่อง-เรียงเรียง rhunrun

พูดคุยกับ Max Jang ผู้ก่อตั้งและ Raymond Cho ซีโอโอแห่ง MAXPERIENCE (MPE) ผู้อยู่เบื้องหลังแฟชั่นเซ็ตและบทสัมภาษณ์ไอดอลเกาหลีในนิตยสารของเรา

อธิบายหน่อยว่าบริษัทคุณทำอะไรบ้าง

Max: MAXPERIENCE (MPE) คือเอเจนซี่เซเลบริตี้ชั้นนำในทวีปเอเชียที่ก่อตั้งเมื่อปี 2015 ครับ จุดหมายหลักของเราคือ เราทุ่มเททุกอย่างเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเซเลบริตี้ พาร์ทเนอร์ และแบรนด์ที่เราถืออยู่ครับ ในตอนนี้ เราจึงร่วมมือกับเซเลบริตี้ชั้นนำของวงการบันเทิงเกาหลีในหลายๆ โปรเจ็กต์ ไม่ว่าจะเป็นอีเวนต์หรือไลฟ์ออนไลน์ การร่วมงานกับแบรนด์ และการโปรโมทผลงานทั่วโลกโดยเฉพาะในทวีปเอเชียและประเทศสหรัฐอเมริกาครับ

คุณร่วมงานกับนิตยสารหลายหัวและคนดังจากหลากหลายประเทศบอกหน่อยว่าคุณจัดการกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความยุ่งยากต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างไร

Raymond: ในการที่จะรับมือกับวัฒนธรรมที่แตกต่างจากหลากหลายประเทศให้ได้ ทีมของเราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้ได้เหมือนกิ้งก่าน่ะครับ การทำตัวเป็นกิ้งก่าทางวัฒนธรรมถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะเราต้องทำความเข้าใจและเข้าถึงวัฒนธรรมโลคอลของพาร์ทเนอร์เราไม่ว่าจะในแง่ของตัววัฒนธรรมเอง อาหาร ภาษา และเรื่องอื่นๆ เพื่อที่จะสื่อสารและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้

นอกจากนั้น เรายังสำรวจความต้องการ และอุปทานของคู่ค้าทางธุรกิจของเราผ่านการศึกษาการตลาดโลคอลเพื่อสร้างอีโคซิสเต็มที่ทุกคนจะสามารถมีผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันในระยะยาวอีกด้วยครับ

อะไรคือทักษะ หรือคุณสมบัติที่จำเป็นในการร่วมงานกับคนหลากหลายสายงานเพื่อให้โปรเจ็กต์ใดๆ ลุล่วงไปด้วยดี

Raymond: บทบาทและความรับผิดชอบหลักของเราคือการเชื่อมต่อ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยการทำให้เครือข่ายของเราแข็งแรงครับ 

เพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ผมคิดว่าการปรับตัวไว มีจิตวิญญาณแห่งการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เพื่อที่จะสร้างและรักษาเครือข่ายธุรกิจของเรานั้นเป็นทักษะและคุณสมบัติสำคัญของ MPE ครับ

คุณสามารถแชร์ประสบการณ์การทำอะไรผิดพลาดและพลิกกลับมากับเราได้ไหม ถ้าไม่ได้ ก็อยากให้เล่าประสบการณ์อะไรก็ได้ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของเราในการทำธุรกิจต่างๆ 

Max: ถ้าคุณกำลังคิดจะเปิดหรือขยายธุรกิจของคุณให้ไปสู่ระดับโลก คุณต้องเช็คตัวเองก่อนว่าคุณเป็นประชาชนของโลกใบนี้แล้วหรือยัง

การเป็นประชาชนของโลกใบนี้ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำธุรกิจระดับโลก และสิ่งนี้เริ่มต้นจากการคลุกคลีตัวเองเข้ากับประเทศที่คุณจะทำธุรกิจด้วยโดยการท้าทายตัวเองให้ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมใหม่ๆ ให้ได้

อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในการทำอาชีพนี้ และอะไรคือเรื่องที่ต้องต่อสู้ฟันฝ่ามากที่สุด

Max: มีโมเมนต์ และโอกาสดีๆ เกิดขึ้นมากมายในการทำเอเจนซี่แบบนี้ เรื่องที่ดีที่สุดคงจะเป็นความยืดหยุ่นของเวลาและโอกาสต่างๆ ในการสร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่างจากอากาศ มีโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นทุกวัน

ส่วนโมเมนต์ที่ต้องต่อสู้ฝ่าฟันก็คือการสื่อสารและต่อรองระหว่างคนสองกลุ่มในช่วงเวลาที่พวกเขาต่างมีความต้องการและความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่เราก็ทำได้ดีโดยการให้คำแนะนำอย่างมีเหตุผลบนพื้นฐานที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ด้านบวกให้กับทั้งสองฝ่ายอย่างที่สุด

วางแผนการระยะยาวของบริษัทในอีก 10 ปีข้างหน้าไว้อย่างไร

Max: เราตั้งมั่นที่จะเป็นเอเจนซี่ที่ใหญ่ที่สุดเพียงหนึ่งเดียวในทวีปเอเชีย เพราะเราได้แรงบันดาลใจมาจาก WME และ CAA ในประเทศสหรัฐอเมริกา

เราจะจัดหาเซเลบริตี้จากทุกที่ ไม่ใช่แค่ประเทศเกาหลีใต้ แต่จากประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปเพื่อมาร่วมงานโปรเจ็กต์ต่างๆ ในทวีปเอเชียครับ

ติดตามผลงานอื่นๆ ได้ที่ MAXPERIENCE (MPE)

Gucci ก้าวขึ้นเป็นแบรนด์หรูที่มีการซื้อและขายต่อมากที่สุดในปี 2021 ตามสถิติจากรายงานของ The RealReal

สำหรับเวปไซต์ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าแฟชั่นชื่อดังอย่าง The RealReal ที่เป็นผู้นำเกี่ยวกับ Consignment ธุรกิจเกี่ยวกับการฝากขายสินค้า Luxury ต่างๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักกันดี เพราะเป็นบริษัทที่มีแอพให้ใช้ไว้สำหรับการฝากขาย ที่คนฝากขายไม่ต้องเสียแรงเสียเวลาในการลงขายกันเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถรับประกันว่าสินค้าที่สั่งจากที่แห่งนี้นั้นเป็นของแท้อย่างแน่นอนผ่านการเช็คสินค้าก่อนส่งของบริษัท

ซึ่งทาง RealReal ได้รายงานเกี่ยวกับข้อมูลเกี่ยวกับการขายในปี 2021 ในช่วงสถานการณ์โควิดว่าผู้คนส่วนใหญ่เลือกซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นผ่านทางออนไลน์กันอย่างเป็นจำนวนมาก กว่า 45% ทั้งหมดของผู้ที่เข้ามาซื้อขายผ่านทางแบรนด์เป็นผู้ใช้ใหม่ทั้งหมด

ไฮไลต์ของการรายงานอยู่ที่ Gucci และ Louis Vuitton นั้นก็ได้ครองตำแหน่งแบรนด์หรูอันดับ 1 และ 2 ของทางเว็บไซต์ที่มีผู้ซื้อขายกันเป็นจำนวนมากที่สุดโดย Gucci นั้นเกิดการซื้อขายเพิ่มขึ้นถึง 61% จากปีที่แล้ว และรองลงมาก็จะเป็น Chanel, Prada และ Dior ที่ได้เข้ามาแทนที่ Hermes ในอันดับห้าเป็นครั้งแรก

ส่วนทางแบรนด์มาแรงจากนิวยอร์กอย่าง Telfar โดยนักออกแบบชื่อดังชาวเอมริกันเชื้อสายไลบีเรียคนดัง Telfar Clemens ก็มีเปอร์เซ็นต์ซื้อขายที่เพิ่มขึ้นถึง 590% ในหมู่นักช็อปปิ้งกันเลยล่ะครับ เมื่อเทียบปีต่อปีจากอันดับการขายของแบรนด์ในกลุ่มกระเป๋าถือ ซึ่งเดิมที Telfar นั้นตอนแรกอยู่ที่อันดับ 222 ก็ได้ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 54 ในปีนี้การันตีกระแสความแรงต่อเนื่องหลังจากออกแบบชุดกีฬาให้ทีมชาติไลบีเรียใช้ใน Olympics ได้อย่างมีพลังโดยมีสายตาจากทั่วโลกจับจ้องอยู่

สำหรับรายงานฉบับเต็มจาก The RealReal ชมได้ที่นี่ครับ

เรื่อง Eknaphat Noonwong

เรียบเรียง rhunrun

Ermenegildo Zegna แบรนด์สุดหรูจากอิตาลีเตรียมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เต็มตัวหลังจากเปิดแบรนด์มากว่า 111 ปี

Ermenegildo Zegna Group  ซึ่งเป็นตระกูลกลุ่มบริษัทสุดหรูในอิตาลี และ Investindustrial Acquisition Corp. (“IIAC”) บริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ สนับสนุนโดยบริษัทในเครือการลงทุนของ Investindustrial VII L.P. ประกาศในวันนี้ถึงข้อตกลงทางธุรกิจขั้นสุดท้ายที่คาดว่าจะทำให้ Zegna เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในปลายปีนี้

“Gildo” Zegna CEO Ermenegildo Zegna Group กล่าวว่า “กว่า 111 ปีที่แล้ว คุณปู่และผู้ที่มีชื่อไม่ต่างจากผมได้ก่อตั้ง Zegna ด้วยความเชื่อที่ว่าการดูแลทั้งสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและต่อผู้คนเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการสร้างสิ่งทอที่ดีที่สุดและแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่นั้นมา เราก็ได้เดินตามรอยเท้าของเขาอย่างภาคภูมิใจจนกลายเป็นบริษัทสุดหรูแห่งหนึ่งของอิตาลี การประกาศในวันนี้เน้นย้ำถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ของเราในการมุ่งเน้นที่แบรนด์ของกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ยังคงสร้างมรดกตกทอด หลักความยั่งยืนของเรา และงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งทำให้ชื่อของเรามีความหมายเหมือนกันกับคุณภาพและความหรูหราทั่วโลก ตระกูล Zegna จะยังคงเป็นผู้นำของบริษัทหลังจากการทำการซื้อขายเสร็จสิ้น และเราจะยังคงลงทุนในความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ความสามารถ และเทคโนโลยี เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำของ Zegna ในตลาดหรูหราระดับโลก

Gildo Zegna CEO Ermenegildo Zegna Group 

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2453 โดยชื่อของบริษัท Ermenegildo Zegna กลุ่มบริษัทได้พัฒนาจากผู้ผลิตสิ่งทอและเสื้อผ้าบุรุษให้เป็นผู้นำในการจัดหาสินค้าหรูหราให้กับลูกค้าทั่วโลก ในขณะที่แบรนด์ Zegna ยังคงเป็นแบรนด์เรือธงของกลุ่มและเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเลิศของอิตาลี ในปี 2018 Zegna เข้าถือหุ้นใหญ่ในแบรนด์แฟชั่นสุดหรูของอเมริกา Thom Browne ความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์ภายใต้ความเป็นเจ้าของของZegna เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความสามารถของกลุ่มที่จะเติบโตขึ้นผ่านการควบรวมกิจการโดยการสร้างโอกาสเพื่อการบูรณาการและมีประสิทธิภาพ ฝ่ายบริหารของ Zegna ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Thom Browne ได้แก่ ความสม่ำเสมอของแบรนด์และการเป็นแบรนด์ที่ผู้คนจดจำได้ และด้วยฐานลูกค้าที่อายุน้อยกว่า การเจาะระบบดิจิทัลที่สูง และคอลเลกชั่นที่โดดเด่น ส่งผลให้รายได้ของ Thom Browne เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตั้งแต่ปี 2561

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Zegna ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มห้องปฏิบัติการสิ่งทอสุดหรูที่ผลิตในอิตาลีผ่านการเข้าซื้อกิจการผู้ผลิตสิ่งทอของอิตาลี แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ ready-to-wear และ Made-to-Measure ของกลุ่ม รวมถึงเป็นผู้ให้บริการทางเลือกสำหรับแบรนด์หรูหราที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก ในขณะเดียวกันก็จัดหาวัสดุที่ดีที่สุดให้กับแบรนด์ของกลุ่มบริษัทเอง

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 กลุ่มบริษัทมีสาขาใน 80 ประเทศผ่านร้านค้าที่ดำเนินการโดยตรง 296 แห่ง และในปีนี้ กลุ่มบริษัทคาดว่ายอดขายประจำปีจะเข้าใกล้ยอดขายในปี 2562 สำหรับในปี 2534 Zegna เป็นแบรนด์เสื้อผ้าบุรุษสุดหรูแห่งแรกที่เปิดตัวในประเทศจีน และประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ โดยคิดเป็น 35% ของรายได้จากเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ และสิ่งทอของบริษัทในปี 2562

ที่สำคัญ Zegna ได้ขยายความเป็นผู้นำในกลุ่มเครื่องแต่งกายลำลองสุดหรูหรา (luxury leisurewear) โดยยอดขายในเสื้อผ้าหมวดหมู่นี้เพิ่มถึง 38% ในปี 2559 เป็นมากกว่า 50% ในปี 2564 YTD โดยทั้งหมดยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในกลุ่มเสื้อผ้าเป็นทางการอันเป็นมรดกล้ำค่า นอกจากนี้บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในการดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่ผ่านหุ้นส่วนและความร่วมมือที่ยกระดับแบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภคที่อายุน้อย

เมื่อปิดการซื้อขายซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติและเงื่อนไขตามธรรมเนียมและการลงคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นของ IIAC ตระกูล Zegna จะยังคงควบคุมบริษัทต่อไปด้วยสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 62% ตามมูลค่าการซื้อขาย โดยมูลค่าองค์กรที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้นอยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Andrea C. Bonomi ผู้ก่อตั้ง Investindustrial และประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอุตสาหกรรม กล่าวว่า “เป็นเวลากว่า 30 ปีที่Investindustrial ได้ลงทุนและสนับสนุนแบรนด์ชั้นนำของอิตาลีที่กำลังเติบโตและเป็นผู้นำ เราเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของ “Made in Italy” ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกในด้านคุณภาพ ฝีมือการผลิต และนวัตกรรม สำหรับ Zegna นั้นถือเป็นตระกูลที่มีความแข็งแรงด้านมรดกอันล้ำค่าและเป็นแบรนด์ผู้นำในด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักในกลยุทธ์การลงทุนของ Investindustrial เรากำลังสนับสนุน Zegna Group ด้วยความมุ่งมั่นในระยะยาวและการลงทุนที่สำคัญเพื่อสนับสนุนการขยายและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท โดยมีเป้าหมายในการเผยแพร่มรดกอันเหนือชั้นและงานฝีมืออันหรูหราของ Zegna ให้กับลูกค้าทั่วโลก”

Andrea C. Bonomi 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 IIAC (NYSE: IIAC) ได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อรวมกิจการกับ Zegna ด้วยการรวมหุ้นและการจัดหาเงินทุนด้วยเงินสด การซื้อขายครั้งนี้คาดว่าจะสร้างรายได้รวมประมาณ 880 ล้านดอลลาร์ ประกอบด้วยเงินสดจำนวน 403 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ IIAC และอีก 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก PIPE ซึ่งจากความต้องการของนักลงทุนที่มากขึ้น จึงได้เพิ่มขึ้น 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับจำนวนเป้าหมายเดิม และประมาณ 225 ล้านดอลลาร์ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับ Strategic Holding Group S.à.rl ซึ่งเป็นบริษัทในเครือด้านการลงทุนที่จัดการโดยอิสระของ Investindustrial VII LP (“ SSH”)โดย ภายใต้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า SSH จะลงทุนประมาณ 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อรวมกับผู้สนับสนุนที่เกี่ยวข้องจะเพิ่มการจัดหาหุ้นประมาณ 11% ของบริษัทให้กับพวกเขา การลงทุนของ SSH จะถูกล็อคไว้สูงสุด3 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่มีต่อบริษัทและสอดคล้องกับครอบครัว Zegna

คณะกรรมการของทั้ง IIAC และ Zegna ต่างมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการซื้อขายที่เสนอ ซึ่งคาดว่าจะปิดตัวลงภายในไตรมาสที่สี่ของปี 2564 ขึ้นอยู่กับการอนุมัติและเงื่อนไขตามธรรมเนียมและการลงคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นของ IIAC

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun

ยอดเติบโตสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ถึง 13% แม้ในช่วงโควิด Burberry การันตีว่า Riccardo Tisci จะอยู่กับแบรนด์ต่อไปอีกอย่างแน่นอน

Burberry ได้เปิดเผยรายงานการประกอบการประจำไตรมาสแรก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกลับมาสู่ระดับการเติบโตเท่ากับตอนก่อนเกิดการระบาดของ Covid แล้วและยังทำได้ดีกว่าที่กว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้กว่าถึง 13% นอกจากนั้นแบรนด์สัญชาติอังกฤษยังได้ออกมาพูดถึงเกี่ยวกับอนาคตของแบรนด์ภายใต้การนำของ Creative Director ชาวอิตาลีคนปัจจุบันอย่าง Riccardo Tisci ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้อีกด้วย

ตามรายงานของ Business of Fashion CFO ของ Burberry อย่าง Julie Brown เปิดเผยว่าทางแบรนด์มีความมั่นใจอย่างสูงว่า Tisci จะยังคงอยู่ในตำแหน่งแม้ว่า Marco Gobbetti ผู้เป็น CEO ของ Burberry มากว่า 5 ปีจะย้ายไป Ferragamo อย่างกะทันหัน. Tisci ยังคง “ตื่นเต้น” กับโปรเจกต์ของเขาที่ Burberry แต่ทั้งนี้ Brown ไม่ได้เปิดเผยเกี่ยวกับระยะเวลาที่เหลือของสัญญาที่ Tisci มีกับแบรนด์. และในปีที่แล้ว Tisci ก็มีข่าวลือว่าจะย้ายไปยัง Versace แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

ถ้าเปรียบเทียบอย่างละเอียดเป็ยอดขายของ Burberry เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2019 โดยทำเงินได้ 664 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ผ่านมา(สิ้นสุดเมื่อ 26 มิถุนายน). แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มเพียงเล็กน้อยแต่การที่ยอดขายเพิ่มทั้งๆที่ต้องเจอกับการแพร่กระจายของโควิดก็ถือว่าทำได้ดีมากๆแล้ว

Brown ยังเผยกับนักข่าวอีกว่า “เรามีกลยุทธ์ที่ชัดเจน เรามีทีมผู้บริหารระดับสูงที่มีความสามารถ เรามีความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า

เรื่อง Teeratat Somudomsup

เรียบเรียง  rhunrun 

พร้อมช็อปและบริการส่งถึงบ้าน HERMÈS เปิดตัวร้านดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทยเพือประสบการณ์ช็อปปิ้งออนไลน์แสนสะดวกสบายแก่ลูกค้า!

ตอกย้ำความเชื่อมั่นและเสริมเครือข่าย OMNI-CHANNEL เชื่อมโยงโลกออนไลนน์และร้านที่มีอยู่ทั้ง 4 แห่งเข้าด้วยกัน Hermes.com เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 เว็บไซต์ที่ผสมผสานประสบการณ์เฉกเช่นการ เยี่ยมชมร้าน Hermès ผ่านทางออนไลน์ เชื่อมโยงเรื่องราวสุดสร้างสรรค์ชวนให้เพลิดเพลินไปกับความคิดสร้างสรรค์ บรรยากาศที่สนุกสนาน การตกแต่งดิสเพลย์ ผลงานอันประณีต

บริการต่างๆ และเรื่องราวความเป็นมาของ Hermès พร้อมช่องทางการซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านทางออนไลน์และข้อมูลผลิตภัณฑ์ไว้ครบถ้วนในที่เดียวเว็บไซต์ใหม่แฝงไว้ด้วยความร่วมสมัยและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบัน เริ่มต้นและออกแบบเว็บไซต์โดยผู้เชี่ยวชาญของ Hermès เพื่อมอบประสบการณ์อันเพลิดเพลินเมื่อได้ท่องไปบนเว็บไซต์และมอบบริการแบบ Omni-Channel เชื่อมโยงไปยังหน้าร้านแบบไร้รอยต่อได้อย่างสมบูรณ์แบบที่ Hermes.com

ผู้เยี่ยมชมจะได้ตื่นตาไปกับผลงานที่ปรารถนา หรือสะดุดตากับชิ้นงานที่ไม่คาดคิดขณะคลิกจากหน้าหนึ่งไปสู่อีกหน้าหนึ่ง นอกจากนี้ผู้มาเยือนยัง
สามารถค้นหาผลงานสร้างสรรค์จากคอลเลคชั่นอีกมากมาย ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต ทั้ง 16 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ของ Hermès ไปช็อปกันได้เลยครับผม!

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun

เตรียมลุยตลาดกรูมมิ่งและบิวตี้! Harry Styles จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์และธุรกิจความงามที่ประเทศอังกฤษ

Harry Styles อีกหนึ่งศิลปินหนุ่มชาวอังกฤษที่มีสไตล์โดดเด่นและเป็นอีกคนที่พิสูจน์แล้วว่าแฟชั่นไม่จำเป็นต้องมีกำแพงทางเพศมาจำกัด  ซึ่งล่าสุดศิลปินวัย 27 ปีได้เข้าทำการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์และธุรกิจความงามภายใต้บริษัทชื่อ PLEASED AS HOLDINGS LIMITED 

โดยรูปแบบการประกอบธุรกิจนั้นถูกระบุว่า “ค้าส่งน้ำหอมและเครื่องสำอาง” (Whole of perfume and cosmetics) ที่มี partner เป็น Emma Spring ผู้จัดการและเพื่อนคนสนิทของ Harry มากว่าสิบปี (Harry นั้นก็เป็นพ่อบุญธรรมของ Arlo ลูกชายของ Emma อีกด้วย)

ทั้งนี้  PLEASED AS HOLDINGS LIMITED ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อแบรนด์ของพวกเขาแต่แฟนๆก็คาดการณ์ว่าอาจจะเป็นชื่อ  “S.H.E.” เพราะในใบจดทะเบียน Harry เลือกจดในชื่อ “Styles, Harry Edward”  และน่าจะโฟกัสไปที่ผลิตภัณฑ์ผู้ชายเป็นหลักครับ ซึ่งหนุ่มที่ชื่นชอบการทาเล็บอย่าง Harry อาจจะปล่อยยาทาเล็บออกมาเป็นสินค้าแรกๆก็เป็นได้ครับ แฟนๆรอติดตามได้เลย! 

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun

กู้วิกฤต J.Crew แบรนด์ชื่อดังจากอเมริกาดึง Brendon Babenzien อดีต design director ของ Supreme และผู้ก่อตั้งแบรนด์สตรีทแวร์ชื่อดัง NOAH เข้ารับตำแหน่ง chief designer

หลังจากที่ต้องถึงขั้นขึ้นศาลล้มละลายกับหนี้สินกว่า 400 ล้าน USD เมื่อพฤษภาคมปีที่แล้วสำหรับ J.Crew แบรนด์เสื้อผ้าในสไตล์ Preppy ที่มีประวัติศาสตร์กว่า 74 ปีและเคยครองความยิ่งใหญ่ในอเมริกาช่วงยุค 80s-90s โดยแบรนด์นั้นมีสาขากว่า 500 แห่งในอเมริกา แต่ด้วยเรื่องผลกระทบจากโควิดทำให้แบรนด์ได้รับผลกระทบอย่างหนักถึงขั้นล้มละลาย จนต้องมีการแต่งตั้ง CEO คนใหม่อย่าง Libby Wadle ที่ทำหน้าที่มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน

ล่าสุดแบรนด์ก็ได้เสริมทัพและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่เพื่อตามเทรนด์ปัจจุบันให้ทันด้วยการดึงเอา Brendon Babenzien อดีต design director ของ Supreme และผู้ก่อตั้งแบรนด์สตรีทแวร์ชื่อดัง NOAH และปลุกปั้นจนเป็นที่ยอมรับในวงการ streetwear (โดยใช้เวลาเพียงแค่ 6 ปีหลังจากก่อตั้งเมื่อปี 2015 ปีเดียวกับที่ดีไซน์เนอร์จาก New York ตัดสินใจออกจาก Supreme หลังทำงานกับแบรนด์มากว่า 15 ปี) เข้ารับตำแหน่ง chief designer

Brendon Babenzien

แน่นอนว่า Brendon ถือว่าเป็นคนที่เข้าใจทั้งกระแสเทรนด์รวมถึง character ของ J.Crew เป็นอย่างดีเจ้าตัวก็สวมใส่ J.Crew ในยุครุ่งเรืองมาแล้ว และยังมีประสบการณ์การ collaboration กับแบรนด์ชั้นนำต่างๆมากมาย สมัยทำงานให้ Supreme และยังมีความรู้เรื่องวัฒนธรรมทั้ง ดนตรี ภาพยนตร์ หนังสือ ในระดับสูงอีกด้วย

เรียกได้ว่าตอบโจทย์ J.Crew ที่ต้องการปรับตัวให้เข้ากับกระแสมากขึ้นแต่ก็ต้องไม่ mass จนทำให้ความเท่แบบหนุ่ม New York จางหายไป 

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun

รสนิยมของเจ้าตัวบวกกับคุณภาพและประสบการณ์การทำเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้หลากหลายโอกาสของ J.Crew น่าจะช่วยส่งเสริมกันและเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับแบรนด์สำคัญในวงการแฟชั่นอเมริกาที่มีพนักงานกว่า 9,000 ชีวิตอยู่ในบริษัทได้อย่างน่าสนใจเลยล่ะครับ (คอลเล็กชั่นแรกของ Brendon จะออกจำหน่ายช่วงกลางปีหน้า)

ไม่มีอะไรเลยนอกจากเงินเธอจะชอบไหมนะ! Conor McGregor คว้าตำแหน่งนักกีฬาที่ทำรายได้มากที่สุดในปี 2021

ไม่มีอะไรเลยนอกจากเงินเธอจะชอบไหมนะ! Conor McGregor นักสู้แห่งศึก UFC ครองอันดับนักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุดในปี 2021 โดยรับไปกว่า 180 ล้านเหรียญสหรัฐหรือกว่า 5,640 ล้านบาทครับ

โดยในนั้น 22 ล้านเหรียญมาจากการหวนขึ้นสู่สังเวียน octagon ของ UFC ครั้งที่ 257 ปะทะกับ Dustin Poirier ซึ่งนักสู้มาดกวนชาวไอริชผู้นี้เป็นฝ่ายแพ้ไปแต่ก็ยังได้เงินตอบแทนระดับสูง ที่เหลือเป็นรายได้นอกสนาม ขอแสดงความยินดีกับ The Notorious ด้วยครับ 

เรื่อง-เรียบเรียง rhunrun