นั่งลงคุยกับ ‘แจ๊คกี้-เฌอปราง’ กับเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง พนอ

Share This Post

- Advertisement -

“ปิศาจเป็นผู้ที่ถูกสร้างขึ้น มิได้เกิดมาเป็น” มาค้นพบจุดกำเนิดความสยองขวัญแห่งจักรวาล ‘ลองของ’ ไปกับแจ็คกี้ – จักริน กังวานเกียรติชัย และเฌอปราง อารีย์กุล
สองนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง ‘พนอ’ ที่จะทำให้คุณเข้าใจครูพนอมากยิ่งขึ้น

คุยกับแจ็คกี้ – จักริน กังวานเกียรติชัย

รับบทเป็นใครในเรื่องพนอ และทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ 
เล่นเป็นเปี๊ยกครับ ที่ตัดสินใจรับเล่นก็เพราะว่า… เอาจริงๆ ก็คือแคสต์ผ่านครับ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้มาลองแคสต์ แล้วผ่าน เป็นโปรดักชั่นของไฟว์สตาร์ และเป็นหนังในจักรวาลลองของด้วย ทำไมจะไม่รับล่ะครับ ลองลุยดูกันสักตั้ง 

ได้เข้ามาเล่นในจักรวาลที่โด่งดังอยู่แล้ว กดดันมากน้อยแค่ไหน 
ไม่ได้กดดันขนาดนั้นครับ ก็ทำเต็มที่ที่สุด จริงๆ ที่ไม่ได้รู้สึกกดดัน เพราะว่าหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนภาค spin-off ที่เป็นปฐมบทของตัวละคร ‘พนอ’ แต่ ‘เปี๊ยก’ ไม่ใช่ตัวละครที่อยู่ในลองของมาก่อน ผมเลยไม่ได้กดดันขนาดนั้นครับ 

ความประทับใจที่ได้ร่วมงานกับเฌอปราง
เซอร์ไพรส์ตั้งแต่เห็นพี่เฌอถ่ายรูปหลังแคสต์เสร็จเลยครับ ตอนนั้นเป็นการ test shoot เป็นตัวละครในวันฟิตติ้งครับ ผมแอบไปเห็นพี่เฌอถ่ายภาพนิ่ง พอผู้กำกับสั่งให้พี่เขาเข้าคาแร็กเตอร์เพื่อถ่ายภาพนิ่ง จู่ๆ เหมือนมีอะไรสักอย่างมาเข้าสิงเขา และเขาก็กลายเป็นพนอไปเลย ผมทึ่งมากที่พี่เฌอสามารถเข้าคาแร็กเตอร์ได้ในทุกสถานการณ์ ทุกที่ และในกองถ่าย พี่เขามีความอดทนสูงมากๆ เพราะบทเขาเยอะที่สุดในเรื่อง ต้องจำหลายอย่าง และคาแร็กเตอร์นี้มันแตกต่างจากตัวเองมาก ผมเคารพพี่เขามากๆ ในเรื่องการแสดงครับ 

เล่นภาพยนตร์ยากหรือง่ายกว่าเล่นซีรีส์ 
เวลาที่ได้อยู่กับตัวละครมันน้อยกว่าซีรีส์ครับ เพราะหนังมันสั้นกว่าเยอะมากๆ เราต้องแสดงอารมณ์ให้คนดูเข้าใจทันทีภายในระยะเวลาสั้นๆ ว่าเราคือเปี๊ยก ก็ต้องทำการบ้านนานอยู่เหมือนกันครับ ไปหาหนังสยองขวัญดูเยอะๆ ก่อนเปิดกล้องครับ

ออกมาเป็นศิลปินอิสระได้สักพักแล้ว รู้สึกว่าชีวิตยากหรือง่ายขึ้นอย่างไรบ้าง 
มีทั้งยากและง่ายขึ้นครับ ส่วนที่ง่ายก็คือเป็นอิสระมากขึ้น อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องตีกรอบตัวเองให้เป็นศิลปินไอดอลที่ต้องเป็นแบบอย่างให้คนอื่น ผมไม่ได้มองตัวเองเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้รู้สึกว่าได้สนุกกับการทำงานจริงๆ ได้ท้าทายตัวเองจริงๆ สนุกที่ได้ทำทุกอย่างเหมือนของตัวเองจริงๆ ส่วนเรื่องที่ยากก็คือต้องวางแผนอนาคตเยอะๆ ให้มันอยู่ไปได้ในระยะยาว เวลาจะใช้เงินต้องวางแผนให้ชัดเจนว่าจะมีรายรับเท่าไหร่ รายจ่ายเท่าไหร่ อะไรแบบนี้ 

จุดหมายในฐานะศิลปินของแจ็คกี้คืออะไร 
ตอนนี้ผมอยากเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งก็คือมี full album และมีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเอง ซึ่งคอนเสิร์ตใหญ่ก็อยากได้สเกลอิมแพ็ค อารีน่า และอยากจะมี masterpiece สักเพลงหนึ่งที่ทำให้ทุกคนรู้จัก นี่คือเป้าหมายที่ผมกำลังลงมือทำอยู่ตอนนี้ แต่ถ้าเป็นอนาคตไกลๆ เลยก็อยากจะทำค่ายบันเทิงที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน และสนับสนุนให้ศิลปินยืนอยู่ได้ด้วยงานตัวเอง อะไรอย่างนี้ 

มีอะไรอยากบอกรุ่นน้องที่เพิ่งเข้าวงการมาบ้างไหม 
ผมว่าเด็กสมัยนี้เก่งขึ้นเยอะมากเลยนะครับ อายุ 17-18 ก็เต้นเก่ง ร้องเพลงดีมากกันหมดแล้ว ผมว่าเดี๋ยวนี้มันมีช่องทางให้เราได้แสดงความสามารถเยอะขึ้น โอกาสต่างๆ ในวงการนี้มันเยอะมากๆ ขึ้นอยู่กับว่าดวงเราจะดีหรือเปล่า โชคชะตาของเราจะไปตกอยู่ตรงไหน เราจะพัฒนาตัวเองได้ตลอดและไม่ท้อแท้หรือเปล่า สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติต่อตัวเองครับ เราต้องไม่ด้อยค่าตัวเอง อยากทำอะไร ลงมือทำเลยครับ เพราะช่องทางมันเยอะมากจริงๆ 

เชื่อเรื่องดวงขนาดไหน
เชื่อมากละกันครับ ผมเป็นคนให้ความสำคัญกับการกระทำตัวเองค่อนข้างเยอะ คิดแบบนี้ครับ ความพยายาม ความสามารถ โอกาส และการฝึกฝนมีส่วนสำคัญอยู่ที่ 80% ส่วนอีก 20% คือดวงล้วนๆ เลยครับ ผมเชื่อแบบนั้นนะ

ฝากอะไรถึงคนอ่านบทความนี้หน่อย 
ฝากแจ็คกี้ด้วยนะครับ ผมกำลังเติบโตอยู่ในเส้นทางการเป็นศิลปิน และเป็นผู้บริหาร ผมมีหลายโปรเจ็กต์มากในอนาคตที่อยากให้ทุกคนได้เห็น ทั้งอัลบั้มเต็ม มีภาพยนตร์เรื่องพนอ และกำลังจะมีซีรีส์ด้วยครับ และผมก็ยังทำ production house รับถ่ายเอ็มวีให้ศิลปินต่างประเทศ มีแบรนด์เสื้อผ้าด้วยครับ ฝากสนับสนุนทุกช่องทางด้วยครับ 

เอาเวลาที่ไหนนอนเนี่ย 
ผมมีเวลานอนจริงๆ นะฮะ จัดสรรเวลาได้

คุยกับเฌอปราง อารีย์กุล 

รับบทเป็นใครในเรื่องนี้ และทำไมถึงได้มารับบทนี้ 
เฌอเล่นเป็น ‘พนอ’ เลยค่ะ เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของครูพนอในจักรวาลลองของค่ะ เฌอเล่นเป็นครูพนอในวัยเด็กที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของเขามาก่อน มีแค่เล่าในภาพยนตร์ลองของนิดหน่อยว่าเขาโดนบุลลี่ตั้งแต่เด็ก ตอนแรกๆ เขาตัวดำหัวหยิกนะ ภาพยนตร์พนอก็จะเล่าเรื่องว่าเขาเทิร์นมาเป็นครูพนอในจักรวาลลองของได้อย่างไรค่ะ 

เหตุผลที่ได้มาแคสต์คือต้องยกเครดิตให้ผู้จัดการเลยค่ะ เขาเชียร์ให้เฌอเอาบทนี้มาให้ได้ เพราะมันเป็นบทไอคอนิก เฌอเองเคยได้ยินชื่อครูพนอมาก่อนแล้ว แต่ไม่เคยดู เพราะไม่ถนัดแนวหนังสยองขวัญจริงๆ แต่เป็นคนชอบอะไรท้าทายใหม่ๆ อยู่แล้ว เลยตัดสินใจมาแคสต์ ตอนแคสต์ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะผ่านหรอกค่ะ แค่เล่นเต็มที่ ถ้าไม่ได้ก็รอโอกาสอื่น แต่ก็ได้มารับบทเป็นพนอนี่ล่ะค่ะ ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ 

เฌอมองว่าพนอเป็นตัวละครที่เหมือนโจ๊กเกอร์ ซึ่งเฌออยากลองเล่นบทพวกนี้ดู เพราะมันไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่จะให้เฌอได้ลองเป็นตัวละครเหล่านี้นอกจากการแสดงภาพยนตร์ ตอนที่ได้เล่นบทครูพนอ รู้สึกเลยว่า สนุกแฮะ… เฌอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีด้านที่อยากทำร้ายคนอื่น หรืออยากปลดปล่อยอะไรแบบนี้มาก่อน ตอนแสดงมันเหนื่อยกว่าที่คิด แต่มันก็สนุก และเป็นความรู้สึกที่ฟินมากเลยค่ะ

แสดงบทหนักขนาดนี้ มีปัญหาเรื่องการเข้า-ออกตัวละครในแต่ละวันบ้างไหม 
เรียกว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหาเลย เพราะตัวละครมันเกินธรรมชาติมากพอสมควร และเฌอไม่ใช่เขาเลย เราอาจจะเชื่อมโยงกับเขาได้ในบางจุดหรือบางตรรกะเวลาเราด้นสดหน้างาน แต่ด้วยธรรมชาติความเป็นตัวตนมันแยกออกจากกันได้ง่ายมาก บวกกับวัยด้วยค่ะ เฌอผ่านวัยรุ่นมาแล้ว พอได้กลับไปเล่นเป็นตัวละครในวัยนั้นก็เข้าใจนะว่าทำไมตัวละครถึงตัดสินใจแบบนั้น แต่ตัวเฌอจริงๆ จะไม่ตัดสินใจแบบนั้นแล้วค่ะ เลยไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย 

การรับบทเป็นตัวละครไอคอนิกขนาดนี้กดดันมากขนาดไหน
เฌอไม่ได้มาสายแสดงตั้งแต่แรก ได้เข้ามาเส้นทางนี้เพราะเขาเลือกให้ทำตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรก ซึ่งเฌอก็ดีใจ อยากทำ และทำเต็มที่มาตลอด แต่เฌอไม่ได้มีความมั่นใจในเส้นทางนี้เลย ส่วนตัวเฌอคิดว่าเฌอทำดีที่สุด เปิดรับทุกโอกาส และเรียนรู้มาเรื่อยๆ จนมาถึงเรื่องนี้ เฌอรู้สึกว่าได้ใช้ทักษะการแสดงแบบ… ยังไงดี (นิ่งคิด) มันเหมือนว่าเฌอรู้เพดานของตัวเองอยู่ แต่เรื่องนี้มันทะลุเพดานนั้นไปแล้ว ถ้าถามว่ากดดันมั้ย มันกดดันอยู่แล้ว กลัวคนจะติดภาพเฌอในฐานะไอดอลและไม่เข้ามาดูภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะคิดว่าเฌอจะทำได้ไม่ดี เฌอไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะทีมงานทุกคนเต็มที่มากจริงๆ ทุกองค์ประกอบมันดีมาก ไม่อยากให้ความเป็นตัวเราไปกระทบกับตรงนั้น อยากให้ทุกคนมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้แบบสุดๆ เลยค่ะ 

แปลว่ามั่นใจในฝีมือการแสดงมากขึ้นหลังจากได้รับบทครูพนอใช่ไหม 
ไม่เคยมั่นใจเลยนะ เพราะทุกครั้งที่แสดง มันคือบทใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ทีมใหม่ และตัวเราที่เล่นก็ไม่ใช่เราในวันนี้ มันคือเราในตอนนั้น ซึ่งบางครั้งสภาพร่างกายหรือสภาพแวดล้อมก็ไม่เหมือนเดิม อาจจะพร้อมกว่าเดิม หรือแย่กว่าเดิมก็ได้ มันแล้วแต่มากจริงๆ แต่ส่วนตัวเฌอรู้สึกว่ามีเครื่องมือในการแสดงเพิ่มขึ้น มีทักษะตรงนี้มากขึ้น รู้สึกว่ามันพร้อมใช้งาน เฌอพร้อมกระโจนเข้าไปหาบทมากขึ้น รู้สึกว่าสามารถปรับใช้ทักษะตรงนี้ตอนอยู่หน้างานได้มากขึ้น เหมือนว่าเฌอมั่นใจในทักษะของตัวเองมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยมั่นใจว่าผลงานจะออกมาดีทุกครั้ง เฌอทำได้แค่ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในวันนั้น เรื่องอื่นอยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว 

เล่าเรื่องความประทับใจในการทำงานร่วมกับแจ็คกี้ให้ฟังหน่อย
กับแจ็คกี้เป็นความประทับใจที่ประหลาด แจ็คกี้เป็นเด็กขี้เล่นนะ แต่กว่าจะเล่น เดาสีหน้าไม่ถูกเลย เป็นเด็กหน้านิ่ง แต่ขี้แกล้ง และเอ็นจอยกับคนรอบข้างมาก เลยเป็นความประทับใจที่มารู้ช่วงหลังๆ ว่าแจ็คกี้ไม่ได้เครียด ไม่ได้คิดมาก แค่หน้านิ่งเฉยๆ ตอนที่เจอกันวันแรกในเวิร์คช็อป เฌอรู้เลยว่าเขาเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ และจริงจังในงานแสดงของเขามาก เฌอก็รู้สึกดีที่ได้เจอคนที่พร้อมลุย พร้อมกระโจนไปด้วยกัน แบบนี้ค่ะ 

เฌอมีเป้าหมายสูงสุดในฐานะนักแสดงไว้อย่างไร
อยากทำได้แบบนักแสดงอาวุโสหลายๆ ท่านที่สามารถมาออกกองได้ในวัยเจ็ดสิบค่ะ งานแสดงเป็นงานที่ใหม่ในทุกครั้งที่ได้ทำ บทอาจจะใกล้เคียงกับบทที่เคยเล่นมา แต่สภาพแวดล้อม นักแสดงที่เข้าฉากด้วยกัน ทีมงาน และทุกสิ่งรอบตัวมันแตกต่างกันออกไป เราจะทำให้ตัวละครแต่ละตัวที่เราได้รับแตกต่างกันไปได้อย่างไร เพราะทุกคนแตกต่างกัน แม้จะคล้ายกัน แต่ก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างกัน เฌอรู้สึกว่านี่เป็นพื้นที่ที่ทำให้เฌอสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ เป็นงานที่เฌอสนุกที่จะทำ เพราะส่วนตัวเฌอไม่ค่อยชอบเจอคน การได้มาทำงานในกองถ่ายคือพื้นที่ที่กำลังดี ให้เฌอได้ปลดปล่อยจินตนาการ และได้ทำอะไรใหม่ๆ ที่ออกมาจากพาร์ทที่ทำงานเบื้องหลัง BNK ได้ดีค่ะ การรับงานแสดงเลยเหมือนกับการได้ปลดปล่อยอารมณ์ ไปโฟกัสอยู่กับการทำงาน เหมือนเป็นการบำบัดตัวเอง ได้พักจากงานบริหารเบื้องหลังไปเลยค่ะ 

อยากบอกอะไรกับรุ่นน้องที่เพิ่งเข้าวงการบ้างไหม 
ขอให้สนุก และเต็มที่กับทุกโอกาสที่เข้ามา ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม คนเห็นหมดนะ และอยากให้เป็นตัวของตัวเองแบบพอดีๆ เป็นตัวเองมากไปก็ไม่ได้ เพราะเรามีจุดที่ต้องระวังเพิ่มเติมกว่าคนทั่วไปค่ะ และอยากบอกว่าให้เลือกใช้คำพูดที่จะสื่อสารหน่อย คำพูดของเราจะเป็น digital footprint ไปตลอดอย่างแน่นอนค่ะ 

และมีอะไรอยากบอกกับแฟนคลับหรือคนอ่านบทความนี้ไหม 
อยากขอบคุณแฟนคลับที่ติดตามการเติบโตของเฌอมาทั้งในฐานะนักแสดง ศิลปิน และคนในวงการบันเทิง ทุกคนเป็นแรงสนับสนุนทำให้เฌอได้มีโอกาสทำผลงานในวงการบันเทิงทุกชิ้น ถ้าไม่มีแรงสนับสนุนจากแฟนคลับ เฌอก็คงจะไม่ได้รับโอกาสมากมายขนาดนี้ อยากจะบอกว่าเฌอจะยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หายไปไหน อยู่ใน social media ให้ทุกคนได้เจอะเจอ แต่อาจจะไม่ได้ active เยอะเท่าเมื่อก่อน เพราะเฌอเบนเข็มมาเป็นนักแสดง และทำงานเบื้องหลังมากขึ้น ดังนั้นเฌอฝากทุกคนสนับสนุนผลงานของเฌอด้วยค่ะ ไปดูภาพยนตร์กันเยอะๆ ไปติดตามผลงานของเฌอ กดไลค์ กดแชร์ คอมเมนต์กันมาได้ตลอดเวลาค่ะ อยากให้ทุกคนสนับสนุนผลงานของเฌอ เพราะบางครั้งเฌอเกรงใจที่จะรับของโดยตรงค่ะ ถ้าเสพคอนเทนต์ของเฌอแล้วมีความสุข ก็ขอให้เสพเยอะๆ เลยนะคะ 

Photographer: Pannatat Aengchuan 
Stylist: Khemika Limkangwanmongkhon 
Author: Pacharee Klinchoo 

อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ

ทำความรู้จักกับ ‘นนกุล ชานน’ ผ่านบทสัมภาษณ์สุดพิเศษ

ความระทึกครั้งใหม่กับการต่อสู้ดิ้นรนของผู้คนในมหานครอันซับซ้อนใน ‘Bangkok Breaking: ฝ่านรกเมืองเทวดา’

ชวนคุณคุยกับ JUNNY ในบทสัมภาษณ์สุดพิเศษที่จะทำให้คุณรู้จักเขามากขึ้น!






- Advertisement -