“ฉันรู้สึกว่าพวกเราเพิ่งจะเริ่มต้นต่างหาก” บทสัมภาษณ์พิเศษจาก Hitsujibungaku วงเจร็อกที่น่าจับตาในรอบปี 

Share This Post

- Advertisement -

Author: Peerachai Pasutan 

ช่วงรอบปีที่ผ่านมา เราได้เห็นศิลปินญี่ปุ่นหลายคนมาแสดงดนตรี ‘ซ้ำสอง’ ที่กรุงเทพมหานคอนเสิร์ตของเราไม่ว่าจะเป็นโชว์เดี่ยวหรือมาจอยน์ในเทศกาลดนตรีต่างๆ Hitsujibungaku (ฮิทสึจิบุนกากุ) ก็เป็นหนึ่งในนั้น วงอัลเทอร์เนทีฟเจร็อกวงนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในระดับสากลจากเพลง ‘more than words’ ซึ่งนำไปใช้ในตอนจบเส้นเรื่องอุบัติการณ์ชิบูย่าของอะนิเมะ ‘มหาเวทย์ผนึกมาร (Jujutsu Kaisen)’ พวกเขาได้มาแสดงคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ไทยระหว่างตระเวนทัวร์ในเอเชียเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และกลับมาเล่นอีกครั้งในเฟสติวัลดนตรีอินดี้อินเตอร์ Maho Rasop 2024 ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน “พอมาเป็นครั้งที่สอง ทำให้การมาไทยของพวกเรารีแลกซ์มากขึ้นค่ะ แล้วบรรยากาศก็ดีมากๆ ด้วย” ยูริกะ คะไซ (Yurika Kasai) มือเบส บอกกับเรา ส่วนโมเอกะ ชิโอทสึกะ (Moeka Shiotsuka) นักร้องนำและมือกีตาร์นั้นเล่าว่า ตอนแรกเธอกังวลกับการขึ้นเวทีในโอกาสและงานแบบนี้ “Maho Rasop เป็นเฟสติวัลที่ค่อนข้างใหญ่ คนต่างชาติมาดูเยอะมาก แต่พอถึงช่วงเวลาของเรา ทุกคนก็ดูสนุกไปกับเพลง แถมยังร้องตามได้ค่อนข้างเยอะ ก็รู้สึกดีใจมากๆ ค่ะ” 

แม้จะโด่งดังจากเพลงประกอบอะนิเมะ แต่เราอยากรู้ว่า ถ้าให้พวกเขาเลือกสักเพลงที่สื่อถึงความเป็น Hitsujibungaku ได้ดีที่สุด จะเลือกเพลงอะไรกัน “เพลง ‘FOOL’ ค่ะ” ยูริกะตอบก่อน “เพราะว่ารู้สึกว่าทั้งเนื้อร้องและดนตรีเป็นตัวพวกเรามากๆ เลย [รวมทั้ง] ย้อนกลับไปช่วงที่ทำเพลง เรารู้สึกว่าตอนทำเพลงมันราบรื่นไม่มีปัญหา และเป็นไปตามที่พวกเราชื่นชอบและอยากให้เป็น เลยรู้สึกว่าเป็นเพลงที่สื่อถึงตัวพวกเราได้มากที่สุด” ส่วนโมเอกะเลือกเพลง ‘Addiction’ “เพลงนี้ก็ได้แสดงในคอนเสิร์ตเป็นเพลงสุดท้ายด้วย พอพวกเราได้เล่นแล้วก็สนุกมากๆ และแฟนคลับก็สนุกไปพร้อมๆ กัน อย่างหนึ่งคือเนื้อเพลงสื่อถึงความรู้สึกของพวกเราได้ค่อนข้างมาก” ทั้งสองเพลงนี้มาจากอัลบั้มเดียวกัน ‘12 hugs (like butterflies)’ ซึ่งมีแก่นสารถึงการโอบรับและรักตัวเอง อย่างที่หน้าปกอัลบั้มโมเอกะกอดตัวเองสื่อเป็นนัยๆ 

ระหว่างที่คิดคำถาม เราไปเจอบทสัมภาษณ์ชิ้นหนึ่งของวงกับ Billboard ประเทศญี่ปุ่นที่ปล่อยมาช่วงต้นปี ฮิโรอะ ฟุคุดะ (Hiroa Fukuda) มือกลองของวง – ที่ตอนนี้กำลังพักจากงานแสดงสด – ได้พูดไว้ว่า ตั้งแต่ทำวงกัน พวกเขาอยากจะหาสมดุลระหว่างความแมสและความใต้ดิน และการเป็นที่รู้จักในวงกว้างก็เป็นเป้าหมายใหญ่ เราเลยสงสัยว่า Hitsujibungaku หาจุดกึ่งกลางทางแนวดนตรีที่ว่านั้นอย่างไร “ฉันก็คิดเหมือนฟุคุดะว่าพวกเราอยากแสดงความเป็นตัวเองออกไปให้ได้มากที่สุด [ขณะเดียวกันก็] อยากให้คนฟังเพลงของเราและเห็นข้อดีในความเป็นวงของเราเยอะขึ้น เรื่องการทำเพลงเองก็เช่นเดียวกัน เราลองทำกันในหลายรูปแบบ รู้สึกเหมือนได้เรียนรู้ในทุกๆ วัน นอกจากนี้ตัวฉันเองก็ฟังเพลงหลากแนว แม้กระทั่งแนวเพลงใหม่ๆ ที่ไม่รู้จัก เพื่อเรียนรู้และเพิ่มสกิลการทำเพลงตัวเองให้ดีขึ้น” ยูริกะตอบ แต่สำหรับโมเอกะ การหาบาลานซ์ระหว่างสิ่งที่อยากทำจริงๆ และสิ่งที่ต้องการจากมหาชนนั้น เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและพูดยาก “เพราะว่าระบบเพลงในประเทศญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน บางทีผู้คนเขาดู TikTok แล้วเจอเพลงที่สนุก หรือเป็นเพลงที่โด่งดังจากละครหรืออะนิเมะ ทีนี้ [นักดนตรี] ทุกคนก็มองไปที่จุดนั้นและคิดว่า ‘ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ เพลงของฉันก็ไม่มีวันดัง’ ฉันก็เลยมองว่า แล้วจะต้องทำอย่างไรให้เพลงมีพลังและความเป็นตัวเอง แต่ฉันมองว่า ถ้าต้องทำเหมือนๆ กับคนอื่นเพื่อให้ตัวเองโด่งดัง บางทีการนั่งคิดเริ่มต้นจากศูนย์และทำให้เป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด [ยังจะดีเสียกว่า] นี่ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากค่ะ พยายามจะไม่ยอมแพ้” 

ปี 2024 ถือเป็นปีทองของ Hitsujibungaku ก็ว่าได้ จากความนิยมของเพลง ‘more than words’ ทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชีย รวมถึงโชว์ที่โฮโนลูลู ฮาวาย กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เราให้สองสาวพูดถึงความรู้สึกเกี่ยวกับความสำเร็จของวงในปีนี้ “ปีนี้เป็นครั้งแรกของสิ่งต่างๆ เยอะมากค่ะ รวมถึงเราได้ไปสถานที่ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน เหมือนกับการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ค่ะ ได้ค้นหาอะไรต่างๆ ไปเรื่อยๆ [และต้อง] ค่อยๆ จัดการกับความกดดันของตัวเองไปด้วย” ยูริกะพูด แล้วโมเอกะก็เสริมปนแย้งพวกเรานิดๆ ว่า “คำถามนี้มีคำว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ แต่สำหรับตัวฉันเอง ฉันรู้สึกว่าพวกเราเพิ่งจะเริ่มต้นต่างหาก คือเรายังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จมีหน้าตาแบบไหน [อย่างไรก็ตาม] สิ่งที่เราคิดตอนนี้คืออยากจะทำให้ได้หลายๆ อย่างที่อยากจะทำ ส่วนเรื่องการแต่งเพลง ฉันก็สนุกและชอบในการทำเพลงเช่นกัน แต่พอทำเพลงเยอะๆ การควบคุมคุณภาพให้ออกมาดีก็สำคัญมากๆ พวกเราก็พยายามกันค่ะ” กระนั้นก็ดี โมเอกะก็เห็นประโยชน์ของการมีชื่อเสียงอยู่บ้าง “พอต้องไปที่โน่นที่นี่ เราไม่ต้องจัดเตรียมทุกอย่างเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มีคนคอยช่วยเหลือและจัดการให้ ตรงนี้ฉันมองว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ เพราะพวกเราจะได้โฟกัสกับการทำเพลงและการแสดงสดมากขึ้น” 

Hitsujibungaku ก็เดินทางสู่ปีที่ 13 ในวงการดนตรีแล้ว และถือเป็นอีกหน้าตาหนึ่งของวงการเจร็อกยุคนี้ “ตอนนั้นยังเป็นเด็กมัธยมปลายที่ทำเพลงกันเองอยู่เลยค่ะ” โมเอกะเกริ่น “ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้น ความแตกต่างมากๆ ข้อหนึ่งคือดนตรีกลายเป็นงานของพวกเราแล้วค่ะ จะทำทุกอย่างตามใจตัวเองทั้งหมดไม่ได้แล้ว ต้องเรียนรู้การทำงานในแบบที่ผู้ใหญ่เป็น เราจึงรู้สึกว่าตัวเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น” แม้โลกจะรู้จักเพลงญี่ปุ่นจากอะนิเมะและดนตรีแนวซิตี้ป็อปมากกว่าเจร็อก แต่พวกเขาก็คิดว่าทุกคนต่างมีความชอบของตัวเอง “ตัวฉันเองก็ฟังและทำเพลงในแบบที่ชอบเหมือนกัน แต่ถ้ามีคนเข้ามาฟังและชื่นชอบ ก็รู้สึกดีใจ [ที่ยังมีคนสนใจ] แนวดนตรีแบบนี้ค่ะ” โมเอกะพูดต่อ “แต่อย่างหนึ่งที่ฉันรู้สึกคือ เวลาไปงานเฟสติวัลต่างๆ ที่ญี่ปุ่น แทบจะไม่มีเด็กผู้หญิงรอบตัวพวกเราเลยค่ะ จะมีก็แค่คนสองคน ก็เหงาและอยากให้มีเด็กผู้หญิงในวงการมากขึ้น” เราเชื่อว่าผลงานเพลงของ Hitsujibungaku จะจุดประกายเด็กหญิง (และชาย) ให้ลองจับไมค์ ถือกีตาร์ และช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของญี่ปุ่นและเอเชียต่อไป 

ติดตาม Hitsujibungaku ได้ทาง YouTube และ TikTok: @hitsujibungaku_official 

- Advertisement -