Author: Pacharee Klinchoo
เราได้ทำความรู้จักกับโบ๊ต – อภิสิทธิ์ ศิดสันเทียะ ผ่านข่าวพีอาร์งานนิทรรศการของเขาที่ชื่อว่า ‘400-700’ ที่จัดแสดง ณ 333Gallery ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราสนใจเขาเป็นพิเศษก็คือข้อมูลในเนื้อข่าวที่บอกว่าเขามีภาวะตาบอดสี เพราะสำหรับเราแล้วคนที่มีภาวะตาบอดสีนั้นดูไม่น่าจะทำอาชีพที่ต้องอาศัยความสามารถในการผสมสีได้ เราจึงตัดสินใจที่จะทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นโดยขอสัมภาษณ์เขาถึงเรื่องนิทรรศการของเขาที่เล่าเรื่องราวของความขาดพร่องของเขาราวกับมันคือส่วนเติมเต็มที่ทำให้ชีวิตศิลปินเขาแตกต่างและเกือบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ

“ผมเริ่มทำงานโมโนโครมมาได้สักสองปีแล้วครับ” โบ๊ตเริ่มเล่า “ก่อนหน้านี้งานของผมจะมีสีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แต่พอผมเริ่มไปใช้ภาพถ่ายฟิล์มกระจกจากหอจดหมายเหตุฯ มาทำงาน งานของผมก็เปลี่ยนไปเป็นใช้สีน้อยลง และพอมีจุดเริ่มต้นตรงนั้น ผมก็รู้สึกว่าผมสบายใจกับการทำงานสีน้อยๆ มากขึ้น และในนิทรรศการหนึ่งของผม มีงานสามชิ้นที่เป็นสีขาวดำ และได้รับฟีดแบ็กดีมาก ผมก็เลยตั้งต้นทำงานแบบโมโนโครมต่อมา เลยมาฉุกคิดประเด็นหนึ่งขึ้นมาได้ว่า ผมเป็นคนตาบอดสี แต่บอดนิดเดียวนะครับ แบบแยกสีเขียวกับสีแดงไม่ค่อยออก ผมเลยชินกับมันจนไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาอะไร แต่เงื่อนไขนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นเวลาลงมือทำงานศิลปะ เพราะเซนส์บางอย่างในการผสมสีของผมจะไม่เหมือนคนอื่น ผมเลยไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันเป็นปัญหาหรือข้อบกพร่องอะไร
“แต่พอมาย้อนคิดจริงจัง และตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมผมถึงรู้สึกสบายใจเวลาทำงานสีโมโนโครม ผมก็ตอบตัวเองได้ว่า…” โบ๊ตเล่าต่อ “อาจจะเป็นเพราะผมเหนื่อยกับการเค้นตัวเองให้ผสมสีออกมาให้แม่นให้เป๊ะตามแบบมากเกินไปหรือเปล่าในงานชุดก่อนๆ พอได้มีโอกาสทำงานสีโมโนโครม เลยรู้สึกสบายใจกับมันมากขึ้น” ถ้าคุณไม่ได้เห็นว่าภาวะตาบอดสีนิดหน่อยของคุณเป็นข้อบกพร่อง ทำไมคุณถึงเหนื่อยและต้องเค้นตัวเองมากมายขนาดนั้นด้วย เราสงสัย “เพราะเวลาเรียนในคลาสผมต้องผสมสีให้เป๊ะ ผมทำได้นะ แต่บางครั้งผมผสมสีด้วยความรู้สึกมากกว่าที่ตาเห็น ใช้ความรู้สึกว่าสีนี้มันอยู่กับงานผมได้ ผมก็หยุดผสม พอมานึกได้ ผมเลยคิดว่าลองถอยห่างออกจากความเชื่อที่ว่าต้องผสมสีให้เป๊ะทุกครั้งดูมั้ย ลองเข้าไปสู่สภาวะความไม่มั่นใจในการผสมสีตรงนี้เพื่อผลิตผลงานออกมา เหมือนใช้ข้อจำกัดของเราในการสร้างสรรค์งานชุดนี้ออกมาน่ะครับ”



และในเมื่อประเด็นที่โบ๊ตต้องการจะเล่าคือประเด็นเรื่องสีที่ตาเห็น ชื่อนิทรรศการจึงสื่อไปในทางนั้น “นิทรรศการนี้มีชื่อว่า ‘400-700’ ซึ่งจริงๆ แล้วมีหน่วยเป็นนาโนเมตรครับ” โบ๊ตอธิบายต่อ “400-700 นี้เป็นช่วงของคลื่นแสงที่ตามนุษย์ทุกคนมีความสามารถในการแปลค่าออกมาเป็นสีได้ ถ้าต่ำหรือสูงกว่านั้นจะเป็นคลื่นที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อย่างคลื่นไมโครเวฟ หรือรังสีอัลตราไวโอเล็ต เพราะฉะนั้นมนุษย์ทุกคนมีข้อจำกัดในการเห็นสีอยู่แล้ว แม้กระทั่งคนตาปกติที่มองเห็นสีได้มากกว่าผมก็มีข้อจำกัดอยู่ คลื่นรังสีพวกนี้มันมีเยอะมาก เป็นจำนวนอนันต์ แต่ความถี่ที่เราเห็นได้มีนิดเดียว ผมเลยหยิบข้อจำกัดตรงนี้มาใช้ในการทำงาน และอยู่กับข้อจำกัดในการผสมสีของตัวเอง เพื่อทำให้ชิ้นงานทุกชิ้นของผมสมบูรณ์แบบในตัวมันเองครับ”
ครั้งแรกที่โบ๊ตรู้ตัวว่าเขาอาจจะมีปัญหาเรื่องการมองเห็นสีคือช่วงที่เขาเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่สาม “ช่วงนั้นผมเป็นตัวแทนประกวดวาดรูปของโรงเรียนครับ” เขาย้อนนึก “ตอนนั้นครูให้วาดรูปต้นไม้หนึ่งต้น พอวาดเสร็จ ครูก็ถามว่า ‘ทำไมต้นไม้เธอเป็นสีแดง’ ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า ตอนทำการบ้าน แสงอาจจะไม่พอ และผมอาจจะหยิบสีผิด แต่ครูก็ไม่ได้ว่านะครับว่ารูปนั้นผิด แค่ถามว่าทำไมต้นไม้ถึงเป็นสีแดง ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร อาจจะกำลังอึ้งอยู่ก็ได้ครับ แต่พอมานึกย้อนกลับไปดีๆ ตลอดระยะเวลาที่ผมเรียนศิลปะมา ประเด็นนี้ติดอยู่ในใจผมตลอดเวลา ผมเลยเอามาใช้ทำงานนี้ล่ะครับ”

ภาพที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องเล่าวัยเยาว์ของเขาคือภาพที่ชื่อว่า ‘Red Tree’ ซึ่งเป็นภาพหญิงสาวถือต้นไม้สีเขียวท่ามกลางแบ็คกราวด์ที่เป็นต้นไม้ย้อมสีแดง และจุดวงกลมที่ดูละม้ายคล้ายกับวงทดสอบตาบอดสีเวลาไปสอบใบขับขี่ “ภาพนี้จะเห็นว่ามีผู้หญิงนั่งประดิดประดอยต้นไม้ของตัวเองที่เป็นสีเขียวอยู่” เขาพาเราชมภาพนั้นอย่างใกล้ชิด “มันถูกคั่นด้วยตัวทดสอบตาบอดสีที่เป็นตัวเลขที่ผมมองไม่เห็น ผมเลยเอามาเปลี่ยนเป็นสีขาวดำ ส่วนแบ็คกราวด์เป็นพื้นที่ของต้นไม้ที่ถูกฉาบด้วยสีแดง ช่วงที่ผมทำงานนี้เป็นช่วงที่ผมกำลังจะแต่งงาน คร่อมไปถึงช่วงหลังแต่งงาน ช่วงนั้นผมคิดเรื่องสภาวะตัวตนของตัวเอง และเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคนที่มีความไม่สมบูรณ์แบบอยู่ในนั้น ซึ่งมันก็จะโยงไปที่ภาพอื่นๆ ของผมว่าผมจะไม่ชอบวาดคนที่สมบูรณ์แบบ แต่จะเป็นภาพที่มีบางส่วนขาดหาย หรือล้นเกินออกมา ซึ่งมันก็มาจากแนวคิดที่ว่าตัวตนของเรามันไม่เคยครบถ้วนสมบูรณ์แบบ แต่มีช่องว่างบางส่วนที่รอการเติมเต็มอยู่เสมอครับ”
ถ้าคุณเลิกคาใจกับความบกพร่องด้านสีของคุณแล้ว คุณคิดว่านิทรรศการหน้าของคุณจะเล่าเรื่องอะไร “ผมอยากจะใช้วิธีการคิดที่มันแยบคายขึ้นกว่าเดิมครับ” โบ๊ตตอบทันที “ผมอยากจะใช้จิตวิเคราะห์มาอธิบายอะไรบางอย่าง หรือใช้วิธีคิดของ Jacques Lacan มาจับใช้ในบางประเด็นที่ผมเองก็ยังไม่เคลียร์ อยากจะลงลึกในประเด็นเหล่านั้น และอยากจะให้งานชิ้นถัดไปดูสนุกขึ้น คนเสพได้ง่ายและมากขึ้น แต่ก็มีวิธีคิดที่มีชั้นเชิงมากขึ้นครับ อยากจะลงลึกไปเรื่อยๆ แบบนี้
“ในส่วนของการจัดนิทรรศการ เกี่ยวกับพื้นที่ ผมก็อยากจะให้มีความเชื่อมโยงระหว่างภาพวาดกับพื้นที่จัดแสดงประมาณนี้ต่อไปเรื่อยๆ ครับ” โบ๊ตชี้ไปที่เอเลเมนต์ยิบย่อยต่างๆ นอกเหนือจากภาพวาดที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่จัดแสดง “เอเลเมนต์เหล่านี้จะเพิ่มความสนุกให้กับนิทรรศการ อย่างชิ้นงานตรงกลางนี่ผมถอดเอเลเมนต์ออกมาจากภาพที่อธิบายการรับแสงของดวงตามนุษย์ครับ มีประสาทรูปกรวยกับรูปทรงกระบอกที่รับคลื่นแสง มีดวงตาลูกกลมๆ เป็นตัวรับแสงสะท้อนจากสภาวะแวดล้อม เป็นเรื่องอะไรแบบนี้ครับ”



นิทรรศการ ‘400-700’ ของอภิสิทธิ์ ศิดสันเทียะ จัดแสดงที่ 333Gallery ถนนเจริญกรุง ตั้งแต่วันที่ 4 – 26 มกราคม 2025