Author: Peerachai Pasutan
วลี ‘ดนตรีนั้นคือชีวิต’ อาจจะพอบรรยายการเดินทางของธู จารุศร ศิลปินอิสระในนาม Wicked Lights ได้ไม่มากก็น้อย ช่วงสองปีที่ผ่านมา ชื่อ Wicked Lights ได้รับความสนใจทั้งจากไทยและเทศจากซิงเกิลภาษาอังกฤษ ‘Valparaiso’, ‘Solid Ground’ และ ‘Kushty’ เป็นต้น ดนตรีโฟล์คร็อกปนกลิ่นอายบริติชและความกร้านโลกประมาณหนึ่งนั้น เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เพลงของเขาโดดเด่นขึ้นมาในแวดวงเพลงอินดี้และอัลเทอร์เนทีฟบ้านเรา อีกทั้งยังสะท้อนเส้นทางชีวิตของธูที่ได้ไปร่ำเรียนและใช้ชีวิตในต่างแดนมานับสิบกว่าปี “ผมเริ่มรักเพลงตั้งแต่อายุ 12-13 ตอนไป [เรียนต่อ] อยู่อังกฤษครับ ความที่อยู่ตามลำพังไม่มีคุณพ่อคุณแม่หรือครอบครัวอยู่รอบตัว ก็ทำให้ผมพึ่งพาเพื่อนและเพลงเยอะที่สุด ผมเลยฝันว่าอยากจะเป็นนักดนตรี พอจบมหา’ลัยปุ๊บ ผมก็มีงานทำอยู่ที่อังกฤษ ได้ไปเที่ยว แล้วก็คิดว่าชีวิตมันน่าเบื่อถ้าทำงานตลอดเลยออกจากงาน แล้วก็ตระหนักว่าตัวเองอยากเป็นนักร้องนักแต่งเพลงเหมือนบ็อบ ดีแลน ที่พกกีตาร์ไปท่องเที่ยวและเล่นดนตรี โชคดีครับที่ไปได้เกือบทั่วโลก ได้ประสบการณ์เยอะเหมือนกัน แล้วก็ใช้การผจญภัยในชีวิต – ไม่ว่าจะดีหรือร้าย – กลั่นเป็นบทเพลงออกมา” ธูเล่า “[ส่วนแรงบันดาลใจด้านดนตรี] ตอนที่ผมไปอยู่เป็นยุค ’90s ผมฟังดรัมแอนด์เบส พวกโลไฟ และอิเลกทรอนิกที่เติบโตกันมาในอังกฤษ และผมเป็นคนที่ฟังแจ๊สเยอะมากด้วยครับ แต่ไม่ได้ทำเพลงแนวนี้ [แต่สุดท้าย] เพลงต่างๆ ที่ผมเขียนไปนั้นก็มีอะไรที่เคยฟังมา [แฝงอยู่ด้วย] ครับ”
ในฐานะอดีตนักเรียนไทยในต่างแดนและพลเมืองอังกฤษ ธูรู้สึกว่าเขาเป็น ‘เอเลี่ยน’ ในสังคมที่เขาอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ “เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนไทยแท้ [โดยสัญชาติและภูมิหลัง] แต่ก็ไม่ได้เป็นคนอังกฤษหรือฝรั่งเต็มตัว” เขาบอก ทว่าความเป็น ‘คนนอก’ ของเขานั้นถือเป็นข้อดี เพราะทำให้ธูได้เห็นมุมมอง ความคิด และพฤติกรรมทางสังคมที่ท้องถิ่นเองอาจจะไม่เคยเห็น และนั่นก็ส่งอิทธิพลต่อการเขียนเพลงของเขาอีกด้วย “[ช่วงที่ผ่านมา] ผมเขียนเพลงไทย ก็คิดเรื่องภาษาไทย [เช่น] เวลาเราจะพูดอะไรก็ต้องใช้คำว่า ‘ใจ’ มาใส่ ว่าคนโน้นคนนี้นิสัยเป็นอย่างไร… ไม่มีใครอยากอยู่กับคน ‘ใจดำ’ หรือคำว่า ‘น้ำใจ’ ถ้าเรามีน้ำใจเยอะ เราก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ แต่ในภาษาอังกฤษ เราไม่เน้น ‘ใจ’ อะไรเลย และผมก็เห็นคนที่เขาไม่เคยคิดว่าเราต้องให้น้ำใจใคร พอผมได้เรียนรู้เรื่องแบบนี้มา เลยเป็นสิ่งดีครับที่ผมเป็นเอเลี่ยน”
เราให้ธูเลือกเพลงสักสองเพลงที่พอจะนิยามความเป็น ‘Wicked Lights’ “[เพลงแรกคือ] ‘Solid Ground’ จากอัลบั้ม ‘Brave Face’ ครับ เป็นเพลงที่น่าจะลึกซึ้งที่สุดกับความทรงจำที่ผมเคยมี หลายปีก่อน ผมประสบอุบัติเหตุ โดนรถชนครับ เพลงนี้มันไปกระตุ้นให้ตัวเองฟื้นฟูกลับมา เพราะว่าตอนแรกเดินไม่ได้ หมอเขาก็บอกว่า จะไปเที่ยว ไปวิ่ง หรือเล่นสโนว์บอร์ดไม่ได้อีกแล้ว แล้วผมเป็นคนที่รักภูเขาหิมะมากที่สุดคนหนึ่ง ตอนนั้นต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างยิ่งให้กลับมาเดินได้ ตอนนี้ผมใช้ชีวิตปกติได้ 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็ยังดีครับ… ส่วนอีกเพลงหนึ่งน่าจะเป็น ‘Have a Nice Dream’ จากปีก่อน เป็นบทเพลงเรียบง่ายที่อยากจะมอบความหวังดีให้ผู้ฟังว่า มีความฝันเก็บติดตัวเอาไว้” และล่าสุด Wicked Lights เพิ่งปล่อยซิงเกิลร็อกเข้มๆ ชิ้นล่าสุด ‘Grasping at Straws’ ที่พูดถึงหนทางอันไม่แน่นอนและแสนสับสนที่มนุษย์ต่างต้องเผชิญ ไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะเป็นไปตามที่หวังหรือไม่ก็ตาม ซิงเกิลนี้ก็ได้เจ – มณฑล จิรา เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของธูมาโปรดิวซ์ และได้แอรอน สเตอร์ลิง (Aaron Sterling) มือกลองที่เคยทำงานร่วมกับเทย์เลอร์ สวิฟต์, จอห์น เมเยอร์ และแฮร์รี่ สไตลส์ มาร่วมด้วย “แอรอนคนนี้เขาอยู่ระดับ top 3 ของโลกครับ เขาเป็นเพื่อนของพี่เจ ผมเขียนเพลงนี้ไว้ก่อนเกิดอุบัติเหตุ ผมไม่เคยได้ยินคนไทยเขียนจังหวะทำนองแบบนี้เลย หมายถึงว่าเรียบเรียงแบบมอทอริค (motorik beat) แพทเทิร์นดนตรีทุกอย่างจะเหมือนกันไปหมด แล้วกลองจังหวะนี้ก็เล่นยากด้วย เพราะต้องมีความกระชับจริงๆ ทุกอย่างต้องเป๊ะ ต้องมีมือกลองเก่งๆ ให้มา แต่พอเกิดอุบัติเหตุ ทุกอย่างหายไปหมด แล้วถึงจะกลับมาทำใหม่ ใช้เวลากว่าสิบปีกว่าจะลงตัวครับ” ธูเล่า
แม้จะผจญภัยและตามหาแรงบันดาลใจทางดนตรีมานับสิบกว่าปีแล้ว แต่ Wicked Lights ก็นับเป็นศิลปินค่อนข้างหน้าใหม่ในสนาม สำหรับธูนั้น ทั้งชีวิตและดนตรีต่างมีความหมายและเป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มา “ต้องบอกตามตรงว่า ตอนแรกผมก็อึดอัดครับ แต่ว่าความอึดอัดและความท้อก็เป็นภูมิต้านทานให้เราสู้ต่อไป เพราะถ้าไม่มีบทเรียนหรือประสบการณ์แย่ๆ หรือถ้าทุกอย่างมันง่ายจริงๆ ที่ผ่านมาก็ไม่มีความหมายหรือประโยชน์อะไร ศิลปะมันต้องสู้ครับ” ธูยังคิดอีกว่าสภาวะทางจิตและความมั่นคงทางจิตใจนั้นสำคัญมากในบทบาทการเป็นศิลปินของเขา “ถ้าไม่มีจิตวิทยา ผมว่าผมทำงานเรื่องเพลงหรือศิลปะได้ยาก เพราะว่าทุกอย่างในชีวิตมากดดันเรา ว่าเราจะไปต่อหรือทำเงินได้ไหม ที่ผ่านมาผมสู้กับหัวตัวเองและได้เรียนรู้ว่า ถ้าเราไม่ได้ฝึกสมองหรือความคิดของตัวเองให้ชัดเจนว่าเราจะไปทางไหน มันจะยากเย็นสำหรับทุกอย่าง”
ธูเล่าว่า Wicked Lights จะยังคงยืนพื้นในสายเพลงอัลเทอร์เนทีฟต่อไป แต่ก็จะมีเพลงภาษาไทยเพิ่มขึ้นมาซึ่งจะปล่อยออกมาให้ฟังในปีหน้าพร้อมกับเพลงและอัลบั้มอื่นๆ ในสต็อกที่เขาทำเสร็จไว้สักพักใหญ่แล้ว “ขอบคุณทุกคนครับที่ให้โอกาส ขอฝากเพลงและเอ็มวีด้วย ทุกเอ็มวีที่ผมทำ ผมรู้สึกว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ผมภูมิใจครับ และถ้าให้ดี [ก็อยากให้] เพลงไปเชื่อมโยงกับความรู้สึกให้คนหลายๆ คนได้ครับ” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะไปทำเพลงต่อกับเจในช่วงบ่ายของวันสัมภาษณ์
ติดตาม Wicked Lights ได้ทาง Instagram: @wicked_lights และ linktr.ee/wickedlights