“ตอนแรกวงมีชื่อว่า Tragedy of Beautiful ครับ” เจต – ธนเจต วินัยกุลพงค์ นักร้องนำที่เราเคยเจอแล้ว แต่ต้องอาศัยระยะเวลาราวๆ 3 วินาทีถึงจะนึกได้ว่าเขาคือนักร้องนำในมิวสิกวิดีโอเพลง ‘Paradise’ ที่เราเพิ่งจะชมจบไปหมาดๆ เริ่มต้นเล่า “ผมตั้งเองครับ เพราะชอบคำว่า ‘โศกนาฏกรรมที่เกี่ยวกับความงดงาม’ มันสวยดีครับ แต่พอใช้จริงไปได้สักพัก ก็มีเพื่อนมาทักว่ามันผิดไวยากรณ์ ต้องเปลี่ยนเป็น ‘Tragedy of Beauty’ ซึ่งพอเป็นคำว่าบิวตี้ ผมดันคิดไปถึงร้านเสริมสวย หรือร้านทำผมอะไรอย่างนี้ครับ (หัวเราะ) ผมก็เลยคิดว่าเปลี่ยนไปเป็นคำอื่นเลยดีกว่า และตอนนั้นผมชอบวง The Black Dahlia Murder มาก เลยเลือกเปลี่ยนจากบิวตี้เป็น murder ไปเลย วงเลยกลายเป็นชื่อโหดๆ ไปเลยครับ”
เจตและผองเพื่อนก่อตั้งวงครั้งแรกเมื่อพวกเขาเจอกันที่งานรับน้องใหม่ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเมื่อปี 2006 “ผมเลือกเข้าเรียนที่ราชภัฏบ้านสมเด็จฯ เอกศิลปกรรม เพราะอยากทำวงเมทัลอยู่แล้วครับ ยุคนั้นมีวงเมทัลเยอะมากที่เกิดจากราชภัฏบ้านสมเด็จฯ ผมเจาะจงเลือกมาเรียนที่นี่เลยครับ และวันรับน้องใหม่ ผมก็ได้รับคำชวนจากเพื่อนคนหนึ่งให้มาก่อตั้งวงร่วมกัน ก่อนจะมาเจอนันครับ”
“กิจกรรมสันทนาการรับน้องเข้าเอกตอนนั้น” นัน – ไชยนันธ์ แก้วเนตร มือกีตาร์ของวงเล่า “มีโจทย์จากรุ่นพี่ให้ทำป้ายชื่อเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่ห้ามวาดรูป เพราะทุกคนวาดเป็นอยู่แล้ว ผมเลยทำป้ายชื่อเป็นกีตาร์เจ็ดสายขนาดเท่าจริง ทำจากกระดาษ เคลือบเงา ใส่สาย ใส่ลูกบิดแบบเหมือนจริงมากๆ สะพายขึ้นรถเมล์ไปมหาวิทยาลัยทั้งอย่างนั้นเลยครับ ทุกคนในเอกเห็นกันหมด พี่เขาเลยมาถามว่าเล่นกีตาร์แนวอะไร พอตอบว่าอยากเล่นแนวเมทัล ก็เลยได้มาร่วมวงกันนี่ล่ะครับ”
ช่วงก่อตั้งวงใหม่ๆ เจตและนันรวมสมาชิกได้ทั้งหมด 5 คน และก็ได้ผ่านการเดินทาง การปรับเปลี่ยนสมาชิกมาเรื่อยๆ “เริ่มแรกวงได้เดินทางไปอยู่กับค่าย Banana Record ที่มีพี่เอส (วสกร เดชสุธรรม) วงกล้วยไทย เป็นคนดูแล และก็ปรับเปลี่ยนไลน์อัพสมาชิกไปเรื่อยๆ เนื่องจากเวลาเปลี่ยนแปลง ความพร้อมและความจำเป็นของแต่ละคนก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย จนมาถึงวันนี้ที่วงได้มาร่วมงานกับ VOM Records ที่มีพี่โอ๊ค (พงศ์พันธ์ พลสิทธิ์) [มือเบสวง] Big Ass และพี่สมพร (สมพร ยูโซ๊ะ) [อดีตมือกลองวง] ลาบานูน เป็นเจ้าของค่ายครับ”
เลือกได้ดี เราคิด… เพราะก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าค่ายนี้ถือเป็นค่ายเล็กที่ผลิตบุคลากรสาขาร็อค(และสาขาย่อยอื่นๆ) ออกมาให้กับวงการดนตรีไทยอย่างต่อเนื่อง งั้นเราขอให้วงออกความเห็นเรื่องสถานการณ์ชาวร็อคในประเทศไทยหน่อย “จริงๆ วงร็อค หรือเมทัลสายหนักๆ ในบ้านเรานี่มีเยอะมากนะครับ” เจตตอบทันที ซึ่งเราเห็นปริมาณของวงที่มาร่วมงาน Rock Alarm ในปีนี้แล้วก็ไม่แปลกใจกับคำตอบของเขา “แต่หลายๆ วงอาจจะอยู่ในวิถีความเป็นอันเดอร์กราวด์ ไม่รู้ช่องทางการพีอาร์ตัวเองให้คนภายนอกได้รู้จักเป็นวงกว้างเท่านั้นเอง และส่วนตัวผมมองว่า ถ้าอยากจะให้ร็อคมีกระแสมากๆ เหมือนเมื่อก่อน จะต้องมีการพร้อมใจกันผลักดันทั้งจากค่ายเพลงหลักและสื่อใหญ่ๆ ครับ มันถึงจะเกิดเป็นคลื่นสึนามิตีเข้าตลาดเพลงบ้านเราได้ครับ ถ้าไม่มีการตีฟองแบบนั้นจากพวกยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย อาจจะเกิดยากครับ
“แต่ผมก็มองอีกมุมหนึ่งว่า กระแสดนตรีในยุคปัจจุบันนี้มันเป็นลูกผสมนะครับ” เจตกล่าวต่อทันที “เพราะเด็กยุคปัจจุบันไม่ได้ยึดติดอยู่กับการฟังเพลงแนวใดแนวหนึ่งแบบรุ่นผมอีกแล้ว ตอนนั้นถ้าเราฟังเดธเมทัล เราก็จะไม่ค่อยฟังป็อปกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าไปเปิดเพลย์ลิสต์เด็กยุคปัจจุบัน พวกเขามีลิสต์เพลงหลากหลายแนวมาก ด้วยการเข้าถึงเพลงที่ง่ายขึ้นทำให้พวกเขาฟังเพลงได้หลากหลายแนวมากขึ้นครับ เพราะฉะนั้น การที่แนวเพลงใดแนวเพลงหนึ่งจะเปรี้ยงปร้างขึ้นมาแบบสมัยก่อนก็อาจจะยากขึ้นครับ มันจะเป็นเพลงที่เป็น viral แบบนั้นมากกว่านะครับ”
พฤติกรรมการบริโภคของคนเปลี่ยนไปนั่นแหละเนอะ เราเห็นด้วย และ TOM มีเป้าหมายในฐานะวงดนตรีไว้อย่างไรบ้าง “ผมอยากให้เป็นไปทีละขั้นครับ” เจตยิ้ม “ขั้นแรกคืออยากจะเป็นที่รู้จักในประเทศให้มากขึ้น แล้วค่อยออกไปตีตลาดประเทศอื่น อาจจะเริ่มจากประเทศญี่ปุ่นก่อนก็ได้ครับ เพราะภาพลักษณ์ของวงและแนวเพลงที่คงจะทำให้แฟนเพลงที่ประเทศนั้นเก็ตกับสิ่งที่วงต้องการจะสื่อสารได้เร็ว และวัฒนธรรมการเสพดนตรีของชาวญี่ปุ่นเป็นวัฒนธรรมที่แข็งแรงมากๆ นักดนตรีทั่วโลกคงใฝ่ฝันอยากจะไปปักธงไว้ตรงนั้น ให้ได้สักพื้นที่หนึ่งก่อนจะไปเติบโตที่อื่น วงก็เช่นกันครับ และอีกเป้าหมายที่อยากจะทำไปพร้อมๆ กันก็คือ อยากจะผลักดันเพลงเมทัลในแบบของวงให้แตะกระแสเพลงหลักให้ได้มากที่สุด โดยที่ยังคงความหนักของพวกเราไว้ แต่ก็เข้าถึงกลุ่มคนฟังในวงกว้างให้ได้น่ะครับ
“ซึ่งเพลง Paradise ที่เป็นเพลงใหม่ของเราก็น่าจะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีครับ” เจตได้ทีขายของต่อทันที เราแอบอมยิ้ม “เพลงนี้ได้ทั้งกลิ่นอายอะไรใหม่ๆ แต่ก็เป็นการหวนกลับคืนสู่รากเหง้าของวงในอีกรูปแบบหนึ่งไปพร้อมๆ กันครับ เพราะจุดเริ่มต้นของวงคือการทำเพลงเมทัลคอร์ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเดธคอร์ เพราะตอนนั้นกระแสมา เราชอบแนวนั้น และเสียงร้องของผมก็เหมาะกับเดธคอร์ด้วย แต่เพลง Paradise เรากลับมาปรับให้มีท่อนฮุคที่เป็นเสียงร้องธรรมดาที่ติดหู และร้องตามได้ง่าย ในส่วนของดนตรีก็ปรับให้ทันสมัยมากขึ้น มีท่อนโยกมากขึ้น เพื่อให้คนฟังอินและสนุกไปกับเพลงได้มากขึ้นครับ เพลงนี้น่าจะเป็นแนวทางที่วงจะยึดและเดินต่อไปหลังจากนี้ครับ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นสไตล์ที่เข้าถึงกลุ่มคนฟังได้มากขึ้น แต่ยังคงดีเอ็นเอของวงไว้ได้เหมือนเดิมครับ”
โปร – วรรธนชาติ เผือกสกนธ์ มือกีตาร์อีกคนของวงรีบเสริม “วง TOM ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของสายร็อคเนอะ” เขายิ้ม “สำหรับคนที่อยากจะฟังเพลงที่สามารถปลุกอะไรบางอย่างในตัวเองขึ้นมาได้ อยากจะขอให้ทุกคนเปิดใจฟังเพลงของวงเราดูนะครับ ผมว่าวงเราเอาส่วนผสมของเพลงประเภทเดธคอร์และเมทัลคอร์มาผสมกันจนเป็นเอกลักษณ์ของวงได้กลมกล่อมแล้ว เป็นจุดกึ่งกลางที่ดนตรีเป็นเมทัลคอร์ แต่เสียงร้องเป็นเดธคอร์ อยากให้ทุกคนได้ลองฟังกันดูจริงๆ นะครับ” ส่วนตั้ม – ณัฐสิทธิ์ ตันสกุล มือกลองก็รีบเสริม “เมทัลก็เหมือนวงหมอลำน่ะครับ” ยังไงนะ… เราเลิกคิ้ว “มันคือวิถีชีวิตเหมือนกันครับ” เขาอธิบาย “ถ้าเราอยากจะสนุกกับดนตรีหมอลำ เราต้องไปดูโชว์ ดนตรีร็อคและเมทัลก็เช่นกันครับ ผมอยากให้ทุกคนมาเรียนรู้วัฒนธรรมชาวร็อคในคอนเสิร์ตของพวกเราครับ และคุณจะได้เห็นว่าความรุนแรงที่ปรากฏบนผิวนั้น มันมีความสุภาพซ่อนอยู่ในนั้นแบบ 100% เลยครับ มาร่วมสัมผัสความสุภาพของชาวร็อคได้ที่คอนเสิร์ตวงร็อคเท่านั้นเลยครับ เป็นแบบนั้นจริงๆ นะครับ”
Photographer: Intrachai Watmakawan
Author: Pacharee Klinchoo
Stylist: Pheungpor Saenghiruna
Grooming: Supranee Siengyen