ค้นหาที่มาและทำความรู้จักกับพวกเราให้มากขึ้นกับวง ‘De Flamingo’

Share This Post

- Advertisement -

“ตอนที่พวกเราได้รับเลือกไปออกเวิลด์ทัวร์กับ Jackson Wang เหรอครับ” โบนัส – ปรินทร์ ดุงโคกกรวด นักร้องนำและมือกีตาร์ของวง De Flamingo อมยิ้ม เมื่อเราถามถึงประสบการณ์การเป็นวงเปิดให้กับแจ็คสัน หวัง อันเป็น portfolio สำคัญที่ทำให้เราและทีมงานหลายคนรู้จักกับพวกเขา จนเราอดไม่ได้ที่จะแซวว่าเขาเป็นแฟนบอยหรือเปล่า ทำไมถึงยิ้มขนาดนั้น

“พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมจะนึกถึงบรรยากาศในช่วงนั้นครับ” รอยยิ้มเขายิ่งกว้างกว่าเดิม “ตอนที่อยู่ในประเทศไทย วงของเราก็ไม่ค่อยจะมีงานจ้างสักเท่าไหร่ พวกเราก็ไม่ได้รวมตัวกันบ่อยขนาดนั้น ต่างคนก็ต่างไปดิ้นรนเพื่อที่จะทำวงนี้ให้อยู่รอดกันอยู่ แต่พอเราได้มีโอกาสไปเวิลด์ทัวร์ด้วยกัน ก็ได้มีโอกาสออกไปใช้ชีวิตด้วยกัน มันทำให้พวกเรารู้ว่าบรรยากาศแบบนี้เป็นสิ่งที่เราอยากจะใช้ชีวิตของเรามานานแล้ว พวกเราก็เลยคุยกันว่า เราอยากจะทำวงกันไปเรื่อยๆ อยากจะเล่นดนตรีด้วยกันไปเรื่อยๆ และถ้าเพลงของเราเดินทางไปให้คนหมู่มากได้ยินสำเร็จ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ ผมรู้สึกว่าการได้มาอยู่ค่าย genie records เป็นโอกาสใหญ่อีกครั้งในชีวิตของพวกเราครับ พวกเราโตมากับค่ายนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่ที่นี่ ซึ่งเรารู้สึกว่าทุกๆ วินาทีที่พวกเราช่วยกันทำเพลง พวกเราใส่สุดกันจริงๆ ถ้าวง De Flamingo สามารถเป็นอาชีพได้จริงๆ สามารถทำให้เราพูดได้เต็มปากว่า ‘พวกเราเป็นนักดนตรี’ นั่นคงเป็นเป้าหมายสูงสุดของวงในตอนนี้ครับ” 

De Flamingo ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2014 โดยเพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 5 คน “ตอนเรียนมีวิชาให้รวมวงครับ เราเลยมารวมกันเพื่อที่จะเรียนวิชานั้น แต่พอได้มารวมวงกัน ได้มาใช้ชีวิตด้วยกัน ก็รู้สึกว่าเคมีมันตรงกัน เลยตัดสินใจที่จะให้วงที่ฟอร์มเพื่อที่จะเอาเกรดกลายมาเป็นวงที่จะใช้ตามหาความฝันของพวกเราด้วยครับ ตอนแรกมีนักร้องนำเป็นผู้หญิง เพื่อนเราอีกคนครับ แต่แยกกันไป เหลือแค่พวกเรา 4 คน ก็คุยกันว่าจะยังไงกันต่อดี เพราะตอนนั้นอยู่ปีสี่แล้ว ใกล้จะออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เราคุยกันว่าเราอยากจะเล่นดนตรีกันต่อ อยากจะลองดูสักตั้งว่าจะไปถึงที่ที่เราฝันกันไว้ไหม เลยตัดสินใจว่าจะลุยกันต่อ ตอนนั้นผมเป็นแค่มือกีตาร์ครับ แต่พอจะไปต่อ ก็ต้องหาตัวแทนที่จะมาเป็นนักร้อง ก็ออกที่ผมนี่ล่ะครับ” โอน้อยออกกันเหรอ เราแซว ซึ่งปอม – กิจพัฒน์ เย็นฤดี มือกีตาร์อีกคน ก็รีบอธิบายทันที “วงเก่าโบนัสเคยร้องคอรัสครับ มีประสบการณ์ร้องมากกว่าคนอื่น ก็เลยเลือกโบนัสกันครับ” 

โบนัสอธิบายต่อถึงที่มาของชื่อวงว่า ทุกคนสนใจเสื้อผ้าแฟชั่นเป็นพิเศษ และในระหว่างการหาชื่อวง ก็ไปสะดุดตาสีสันของเสื้อผ้าคอลเลกชั่น Spring/Summer ว่าคล้ายคลึงกับสีนกฟลามิงโก้ เลยเกิดไอเดียขึ้นมา “ตอนนั้นเราไม่อยากใช้คำว่า ‘the’ น่ะครับ เลยไปดูคำว่า ‘de’ ซึ่งมันฟังดูฝรั่งเศส และแบรนด์แฟชั่นก็มาจากประเทศนั้น และส่วนตัวแล้ว ชื่อวง ‘De Flamingo’ มันพ้องเสียงกับคำว่า ‘The Four Men Go’ พอดีเลยครับ คือสี่คนนี้ที่จะลุยทำวงกันต่อ เลยรู้สึกว่าลองใช้ชื่อนี้ดีกว่า เพราะนกฟลามิงโก้ก็เป็นนกที่ไปไหนมาไหนกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่แล้ว พวกเราสี่คนก็พร้อมบินกันต่อ เลยตกลงกันที่ชื่อวงนี้ครับ” 

ในวันที่เราลงนั่งสัมภาษณ์พวกเขา เพลง ‘ถ้าเธอฟังเพลงนั้น’ ของพวกเขาเพิ่งจะถูกปล่อยออกมาไม่เกิน 24 ชั่วโมงเท่านั้น ต้องยอมรับว่าทั้งเนื้อหา ทำนอง และเอ็มวีนั้นฟังรื่นหู ดูสบาย และเหมือนจะร้องตามได้ไม่ยาก เราฟังเพลินๆ ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบในระหว่างที่พวกเขาถ่ายภาพอยู่ “อยากให้ทุกคนเข้าไปฟังกันในทุกแพลตฟอร์มเลยนะครับ” บีม – กริชภวุฒิ ลิ้มติ้ว มือกลอง กล่าว “เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ปล่อยกับบ้านหลังใหม่ของพวกเราด้วยนะครับ พวกเราตื่นเต้นกันมาก และตั้งใจทำเพลงนี้กันมานานพอสมควรเลยครับ ฝากด้วยนะครับ”

“ถ้าคุณอยากจะทำความรู้จักกับ De Flamingo ผมก็แนะนำให้คุณเริ่มต้นจากการฟังเพลง ‘ถ้าเธอฟังเพลงนั้น’ นี่ล่ะครับ” นินจา – สันติสุข วรนุชกุล มือเบส กล่าวต่อ “มันบ่งบอกตัวตนของวง De Flamingo ในยุคปัจจุบันได้ดีเลยครับ ยุคที่พวกเราเติบโตแล้ว ถ้าคุณเริ่มทำความรู้จักกับพวกเราจากเพลงนี้ก่อน และย้อนกลับไปฟังเพลงเก่าๆ ของพวกเรา จะเห็นภาพการเดินทางของวงชัดมากๆ เลยครับ” แอบกระซิบนิดว่าผู้ที่รับบทโปรดิวเซอร์เพลงนี้ก็คือฮาย – ธันวา เกตุสุวรรณ หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนมแห่งวง Paper Planes นี่เอง ไม่แปลกใจที่เพลงนี้จะติดหูเราอย่างง่ายดายขนาดนั้น 

ก่อนจะแยกกันไป เราขอให้วงออกความเห็นเรื่องสถานการณ์เพลงร็อคในประเทศไทยโดยรวมหน่อย “เวลาเราพูดถึงซีนร็อคในประเทศไทย” ปอมรับหน้าที่จบท้าย “ผมว่ามันยังมีอยู่เรื่อยๆ มีคนฟังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะผมว่าเดี๋ยวนี้คนฟังเพลงกว้างขึ้น หลากหลายมากขึ้น คนที่ฟังเพลงป็อปก็สามารถฟังเพลงร็อคได้ ส่วนชาวร็อคก็ชื่นชอบเพลงป็อปได้เช่นกัน ผมว่ามันไม่หายไปไหนหรอกครับ ก็อยากจะบอกว่า ถ้าคุณชอบเพลงร็อค หรือกำลังทำเพลงร็อคอยู่ ก็อยากให้คุณทำสิ่งที่คุณรักต่อไป ถ้าคุณยังทำต่อไป ซีนร็อคในประเทศไทยก็จะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนครับ อาจจะมีช่วงหนึ่งที่มีคนบ่นว่าไม่มีใครฟังเพลงร็อคแล้ว แต่ผมเชื่อว่ามันมีกลุ่มคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่รอฟังเพลงร็อคจากวงใหม่ๆ หรือรอฟังเพลงใหม่ๆ จากวงเดิมๆ ที่พวกเขาชื่นชอบอยู่ ถ้าคุณเป็นคนดนตรีร็อค ทำเพลงร็อคต่อไปเถอะครับ ซีนร็อคในบ้านเราจะได้ไม่หายไปไหน ขอให้คุณยืนหยัดในตัวตนของคุณ และทำต่อไป ไม่ต้องกลัวว่าคนจะชอบเยอะหรือชอบน้อย มันจะมีจุดกึ่งกลางอยู่อย่างแน่นอนครับ จุดที่ทำให้เราได้ทำเพลงที่เราชอบ และยังเข้าถึงคนหมู่มากได้ ซึ่งพวกเราก็พยายามหาจุดกึ่งกลางตรงนั้นให้เจออยู่ครับ เรามาพยายามไปด้วยกันเถอะครับ”

Photographer: Pannatat Aengchuan
Author: Pacharee Klinchoo

- Advertisement -