เพลงประกอบชีวิต
ตลอดเวลาเกือบ 40 นาทีที่ได้พูดคุยกับเล็ก – พงษธร กำบัง เราสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ความกร้านโลกประมาณหนึ่ง และการยอมรับตัวเองที่หล่อหลอมให้เล็กเป็นเล็กอย่างที่เราเห็น พอได้มาสังกัดค่าย Genie Records เขาดูมั่นใจมากกับแนวทางที่เขากำลังจะเดินต่อไปบนเส้นทางดนตรี หลังจากที่คลำทางหาแนวเพลงที่ใช่มานานเพื่อให้คนจดจำเขาได้ในฐานะศิลปินเดี่ยว “ผมร้องเพลงสตริง ป็อป ร็อก เพื่อชีวิต ได้ทั้งหมด แต่พอมาอยู่กับค่าย ค่ายก็จะจะทำให้ตัวตนของผมชัดเจนแบบว่า ‘ขึ้นมานี่ นี่คือเล็กนะ’ ผมโชคดีด้วยครับที่ได้ทีมที่มีความรัก ความเมตตาปรานี มันได้ทุกอย่างมากกว่าแค่ทำงานควบคู่ธุรกิจเพลง แล้วเขาให้อะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยได้ทำ อย่างการร้อง ‘ลองร้องแบบนี้สิ’ เฮ้ย มันดีว่ะ ทำไมเราคิดไม่ได้วะ” เล็กพูดถึงประสบการณ์การทำงานในช่วงหลังๆ และเขาก็เปิดตัวกับบ้านหลังใหม่ด้วย ‘เพลงประกอบชีวิต’ (Soundtrack of Life) ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และใช้เป็นเพลงเปิดอัลบั้มในชื่อเดียวกันที่จะปล่อยออกมาในเร็วๆ นี้อีกด้วย
ไม่เพียงแต่ ‘เพลงประกอบชีวิต’ จะเป็นเพลงโฟล์ค/ร็อกผสมกลิ่นอายเพลงเพื่อชีวิตที่เล็กถนัดเท่านั้น แต่ยังแฝงเรื่องราวความดิ้นรนของเจ้าตัวอีกด้วย “รู้สึกว่าต่างจากงานชิ้นอื่นที่ผมเคยทำ เอ็มวีก็สื่อสารแบบตรงๆ ไม่ได้มีความอาร์ต ความลึกอะไร นักแสดงก็สื่อสีหน้าอารมณ์โดยที่ไม่ต้องแต่งหน้าอะไรเยอะ คือเรียลๆ ครับ แล้วบวกกับตัวเพลงที่เขียนจากชีวิตเราด้วย… มันมีความแร้นแค้น ยากแค้น ปาดกัดตีนถีบ [อยู่ในเพลง] บ้านผมก็ไม่ได้รวย แต่ลูกชอบอะไรพ่อก็สนับสนุน ลูกชอบร้องเพลงก็ดันเต็มที่ แต่ไม่ได้มีทุนทรัพย์มากพอที่จะดันขึ้นไปได้อีก [ผมเลยมี] ความมุมานะ และความอดทนสูงในการสร้างสรรค์ผลงาน [สิ่งเหล่านี้] มันจะออกมาจากข้างในจริงๆ แล้วก็โยงกับเพลงนี้ด้วย” พอเล็กพูดถึงครอบครัว เราก็นึกขึ้นได้ว่าในเอ็มวีนั้นพ่อของเล็กก็มาแสดงเป็นชาวประมง – ซึ่งเป็นอาชีพในชีวิตจริง – เราเลยอยากทราบว่า พ่อและแม่ของเล็ก รวมถึงอาชีพชาวประมงของครอบครัวนั้น ส่งอิทธิพลต่อชีวิตเล็กอย่างไรบ้าง “พ่อผมเขาไม่ได้สอนแบบพูดนะ แต่ทำให้เห็นว่า ‘มึงต้องอดทนนะ วันนี้มึงออกไป จับปลาไม่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกไปใหม่ มึงก็จับปลาได้ หรืออีกวันอาจจะไม่ได้อะไรเลย’ มันทำให้เราเห็นอะไรหลายๆ อย่าง… แม่ผมอีกคน สมัยก่อนที่จะออกเรือ พ่อกับแม่ผมทำงานก่อสร้าง แบกอิฐแบกปูน ทำงานหนัก ครอบครัวยากจนเลยแหละ… เคยต้องทะเลาะกันเพราะไอศกรีมแท่งเดียว บ้านแทบพังครับ คิดสภาพดูว่าต้องแร้นแค้นขนาดไหน เขาเห็นคนข้างหลังและลูกสำคัญกว่า ต้องเก็บ [เงิน] ไว้ให้ลูก ไม่ว่ามันจะห้าบาทสิบบาทก็ไม่ได้”
เรื่องประกอบชีวิต
“ให้ผมเล่ารวบๆ เลยไหม หรือว่าเจาะ (หัวเราะ) เล็กถามเราก่อนที่จะเล่าที่มาที่ไปที่ทำให้เขาได้มาเป็นศิลปินในวันนี้ เล็กเริ่มเล่าว่าตัวเองเป็นคนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก แต่ชีวิตช่วงเรียนมหาวิทยาลัยนั้นคือจุดพลิกผันสำคัญของเขา “อันนี้ผมไม่เคยพูดที่ไหนเลยนะครับ” เล็กเกริ่น “ผมเคยถูกส่งไปเข้าค่าย 15 วัน แล้วได้มาเจอน้องๆ ของวงดังที่เพชรบุรี ชื่อวง ‘แดดเดียว’ ผมก็ไม่ได้รู้จักและไม่ได้ใส่ใจ มีแต่พวกเพื่อนๆ อยากเข้าหา แต่น้องๆ มาคุยกับเรา แล้วเกิดถูกคอ จนออกจากสถานที่บำบัดแล้วนัดเจอนัดดื่มกันข้างนอก จนมีพวกพี่ๆ [อีกกลุ่ม] เขามา กลับมาจากเล่นดนตรี เขาเห็นผมเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่ ก็ถามเลย ‘อยากเล่นดนตรีไหม ไปเล่นร้าน’ อยากสิพี่… แต่ว่าผมเล่นไม่เก่งนะ เปิดคอร์ดเปิดหนังสือเล่นตามนี่เล่นได้” และนี่คือจุดเริ่มต้นของเล็กในการไปเล่นดนตรีกลางคืนจนมีเงินส่งครอบครัว
ต่อมา เขาได้เข้าวง ‘ฉลามขาว’ ซึ่งมีรุ่นน้องนักดนตรีจากวงแดดเดียว แล้วก็แยกตัวออกมา เขาส่งคลิปออดิชั่นรายการเดอะวอยซ์ซีซั่นที่ห้าและหก แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก จนมาถึงซีซั่นที่เจ็ด เขาก็ลองอีกครั้ง “ผมอัดไปหลายร้อยรอบ ทั้งๆ ที่มันอาจจะได้ตั้งนานแล้ว แต่ความพึงพอใจเรา… ยังไม่ชอบน่ะ ก็ลบๆๆ อัดใหม่จนวันสุดท้าย แล้วก็รอผล จำได้เลย ตอนบ่ายสองกว่าๆ เขาประกาศผล แล้วให้ใส่รหัสผู้สมัครตรวจดูว่าเข้ารอบไหม ในห้องนอนบ้านหลังเก่าที่เช่าในเพชรบุรี หมู่บ้านเทพพานิช หลับตานี่เห็นภาพเลย… โทรศัพท์หนึ่งเครื่อง ที่นอนอยู่กับพื้น หมอนหนึ่งใบ นั่งเริ่มใส่รหัส ติ๊ด… พอขึ้นสีเขียว ‘คุณได้ผ่านเข้ารอบ’ แค่นั้น… ข้างบ้านผมก็งง ‘ไอ้นี่เป็นบ้าอะไรวะ’ ผมกรี๊ดลั่นบ้านเลย โคตรดีใจ”
อย่างที่ทุกคนทราบ เขากลายเป็นแชมป์ของเดอะวอยซ์ด้วยคะแนนโหวตสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการ “ได้จับเงินล้านครั้งแรกในชีวิตตอนเบญจเพสพอดีเลยครับ ก็ใช้หนี้ที่บ้านจนหมด” เล็กพูด ถึงจะเป็นที่รู้จักจากสาธารณชนและมีงานเพลงและงานแสดงดนตรีเรื่อยๆ แต่เมื่อโควิดเข้ามา ก็ทำให้ชีวิตและความคิดของเล็กเปลี่ยนไปอีกครั้ง “เคยปัง แต่มันไม่ได้ปังสุดอะ เราปังจากการประกวด แล้วก็คิดว่าตัวเองอยู่ข้างบน แต่พอทำเพลงตัวเองไม่ดัง มันก็ร่วงมาเรื่อยๆ จากเราเป็นคนเฮฮา ก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง แต่ตอนนั้นยังมีชื่ออยู่ ก็หันมาขายอาหารทะเล ปลาเค็ม ปลาหมึกแห้ง ขายได้มากสุดประมาณห้าแสน ช่วงพีคๆ หลังจากนั้นมันก็ดร็อป ก็ยังมีฐานคนที่ไม่ใช่แฟนคลับที่ชอบกินอาหารทะเลจริงๆ มาซื้อตลอด อยู่รอดเลยนะ”
แต่เล็กก็มีพ่อแม่เป็นตัวอย่างของการสู้ชีวิตตามสถานการณ์ที่เป็นไป ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม “ชีวิตเราเลือกไม่ได้หรอกว่า อยากเกิดเป็นลูกคนรวย อยากเกิดเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่อยากให้มองว่า พอเกิดมาแล้ว ใช้ให้มันคุ้ม ทำให้เต็มที่ อย่าเหยาะแหยะกับสิ่งต่างๆ ถ้าไม่มีใครเป็นต้นแบบหรือไม่มีพ่อแม่ทำให้เราเห็น เรามองคนอื่นก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกมีแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้าและพาเราไปในทิศทางที่ดีครับ” ถึงเขาจะไม่ได้มีวุฒิหรือเกียรติบัตรทางการศึกษาใดๆ แต่เล็กก็มีดนตรีเป็นประตูที่เปิดโลกความรู้ให้เขา ทำให้เขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ และสื่อสารกับผู้คนมากมาย “ความรู้เราหาได้ตลอดจนถึงวันที่เราตาย เพลงก็เหมือนกัน ไม่มีขอบเขตและข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น เราสามารถหาอะไรใหม่ๆ มาผสมกันให้เกินขอบเขต… ผมไม่มีขอบเขต และก็ไม่มีวันสิ้นสุดด้วยครับ
“ใครที่เป็นแบบผมก็อยากให้ฟังเพลงนี้กันครับ ฟังให้มีกำลังใจในการสู้งานต่อไปเพื่อให้ตัวเองและคนข้างหลังได้สบาย แค่นั้นแหละครับ ให้บทเพลงนำทางชีวิตแล้วกัน” เล็กปิดจบการสัมภาษณ์ไว้เท่านั้น เราเชื่อว่านับจากนี้ทุกบทเพลงของเล็กจะคอยเติมพลังใจให้ทุกคนฮึดสู้อุปสรรคและความท้าทายของชีวิตต่อไปอีกนาน
ฟังซิงเกิล ‘เพลงประกอบชีวิต’ ได้แล้วผ่านทุกช่องทางสตรีมมิ่ง และติดตามเล็กได้ที่ TikTok: @lek_pongsatorn
Interview conducted by: Pacharee Klinchoo Interview rearranged by: Peerachai Pasutan Photography: Courtesy of The Label