Getting to Know You
หากขึ้นชื่อว่า ‘เวลา’ เราเชื่อว่ามักเดินเร็วเสมอ เช่นเดียวกับการเติบโตของคน เพราะหนุ่มหล่อหน้าใสที่ได้เดินเข้ามาในสตูดิโอพร้อมกับการทักทายอย่างเป็นกันเองกับเรา เราคุ้นหน้าคุ้นตา แต่หากให้นึกชื่อในทันทีคงจะคิดไม่ออก จนเมื่อทีมงานมาสะกิดบอกว่า หนุ่มหล่อคนนี้เป็นลูกของคุณ ‘ดู๋ สัญญา คุณากร’ เราถึงกับร้องอ๋อ และอยากจะทำความรู้จักกับน้อง ‘เอม – สรรเพชญ์ คุณากร’ ให้มากขึ้นในทันที
ตอนนี้หลายๆ คนรู้จักเอมในนาม ‘ลูกคุณดู๋’ อยากให้แนะนาตัวเองให้แฟนๆ ลอฟฟีเซียล ออมส์ ไทยแลนด์ รู้จักกันอีกครั้งหน่อย สวัสดีครับ ผม ‘เอม – สรรเพชญ์ คุณากร’ นะครับ ตอนนี้อายุ 24 ปี เพิ่งเรียนจบจากอเมริกาไม่นานนี้ กลับมาปีที่แล้ว ประมาณเกือบปีหนึ่งแล้วครับ ตอนนี้สนใจเรื่องการแสดง จริงๆ ผมเป็นคนที่ขี้อายนะ แต่สนใจการแสดงเพราะว่ามันใช้จินตนาการ เป็นสิ่งที่ผมทำมาตั้งแต่เด็ก
ตัวตนที่แท้จริงของเอมเป็นอย่างไร
เวลาผมอยู่กับทุกคนก็จะเป็นอีกคาแร็กเตอร์หนึ่ง ผมเชื่อว่าหลายคนก็จะเป็นแบบนี้ แต่ว่าผมอาจจะเป็นหนัก หนักมาก (หัวเราะ) เพราะผมเป็นคนที่คิดมาก ลึกๆ แล้วผมเป็นคนที่อยากให้ทุกคนแฮปปี้ อยากให้ทุกคนสบายใจ ผมเลยปรับตัวเองเยอะอยู่ตามสถานการณ์ อย่างถ้าเป็นเรื่องงานก็จะซีเรียส ต้องจริงจัง แต่โดยรวมแล้วผมเป็นคนชิวๆ ครับ
คุณพ่อได้วางตารางชีวิตของเอมไว้ไหมว่าโตขึ้นต้องเข้าวงการ
ไม่ได้วางตารางอะไรเลยครับ อาจจะน้อยกว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ (หัวเราะ) ผมเชื่อว่าพ่อผมเขาสอนในฐานะตัวอย่างมากกว่า เพราะฉะนั้นผมก็เลยได้บุคลิกคล้ายๆ คุณพ่อ แล้วเขาก็เลยเชื่อมั่นในผมที่จะเลือกอะไรเอง ทำทุกอย่างเอง ตอนนี้เขาก็ถือว่าปล่อยไปเลย ทำอะไรก็ได้
หากไม่ได้ทำงานในวงการ เอมอยากทำอะไร
ผมก็จะเรียนต่อไปเป็นสัตวแพทย์ครับ
แล้วเอมจบคณะอะไรมา
Biology [ชีววิทยา] ครับ
มีคนบอกว่าเป็น ‘ลูกดารา’ จะต้องถูกกดดันจากคนอื่น เอมคิดเห็นอย่างไร
ผมว่ามันก็มีสองด้านนะ [การเป็นลูกดารา] มันก็กดดันเพราะว่าเราจะฝีมือเท่าพ่อแม่ไหม อีกด้านหนึ่งก็คือเราจะมีคนรู้จักอยู่แล้ว เรามีฐาน[แฟนคลับ] อยู่แล้ว มีคนที่เอ็นดูเราอยู่แล้ว ซึ่งผมมองว่ามันมีทั้งข้อดี-ข้อเสีย แต่ถามว่ากดดันก็ตามนั้นครับ เราเป็นคนละคนจากพ่อแม่เรา ถ้าเกิดมีผลงานอะไรออกมา ผมหวังว่าคนจะดูออกว่า นี่ไม่ใช่ดู๋ – สัญญา นะ นี่คืออีกคนแล้ว
ในทางกลับกัน คุณพ่อกดดันไหม
ไม่เลยครับ ตามที่ตอบไปก่อนหน้านี้ครับ คุณพ่อเขาจะเป็นตัวอย่างให้ผม ตอนนี้ก็ปล่อยไปเลย เขาเชื่อมั่นให้ผมตัดสินใจทุกอย่างเองเลย
คุณพ่อต้องสกรีนทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตเอมไหม หรือคุณพ่อสามารถปล่อยให้เอมตัดสินใจทุกอย่างได้เลย
ไม่เลยครับ ปล่อยเลย
เอมรู้ตัวไหมว่าตอนนี้กาลังถูกแฟนๆ จับตามองอยู่
พอรู้อยู่ครับ พ่อแม่ผมเองยังส่งคลิปมาให้ผมดูอยู่เลย (หัวเราะ) ผมไม่ได้เอาลงเองนะ แต่ว่าก็แฮปปี้ครับที่มีคนสนับสนุนหลังจากที่เราได้ประกาศว่าจะเข้าวงการเป็นนักแสดง แฮปปี้ในการสนับสนุนกับสิ่งที่เราอยากลองทำ
ตอนนี้เซ็นสัญญาที่ไหน
ผมเซ็นสัญญาไปกับช่อง One 31
แล้วตัดสินใจนานไหมกว่าจะเลือกเซ็นสัญญากับที่นี่
นานอยู่ครับพี่ เพราะมีข้อเสนอพอประมาณเลยครับ แล้วทุกข้อเสนอมันไม่ด้อยไปกว่ากันเลย เพียงแต่เป็นคนละแนว มีข้อดี-ข้อเสียที่ต่างกัน แต่ช่อง One ลงตัวกับผมและสิ่งที่ผมอยากได้ครับ
ปกติเอมสนใจแฟชั่นมากน้อยแค่ไหน
สนใจครับ แต่เมื่อก่อนผมจะไม่ตอบแบบนี้ เพราะว่าผมเป็นผู้ชายที่ใส่เสื้อสีดำ-กางเกงยีนส์ทุกวัน แต่พอมาวันนี้ผมเข้าใจแล้วว่าแฟชั่นเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ก็ได้ เพราะว่าทุกคนไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบเราก็ต้องใช้มัน แล้วมันเป็นเหมือนการแสดงตัวตนของเราอีกแง่หนึ่ง แม้ว่าเราจะแต่งตัวเฉยๆ ก็ตาม ผมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครับ
นิยามแฟชั่นในความหมายของเอมคืออะไร
เป็นการแสดงตัวตนของเรา เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เราแสดงความรู้สึกเกินกว่าคาพูดครับ
เวลาเลือกซื้อเสื้อผ้าเอมคำนึงถึงอะไรบ้าง
คิดเยอะอยู่ครับ ผมเลือกเสื้อผ้าตอนใส่วันต่อวัน ผมเลือกเสื้อผ้าตามอารมณ์ครับ
แล้วมีแบรนด์ในใจไหม
(หัวเราะ) ผมไม่ได้ติดเรื่องชื่อแบรนด์ครับ ผมติดเรื่องของฟอร์มมากกว่าครับ
เอมวางแผนชีวิตตัวเองในอีกสิบปีข้างหน้ายังไง
โอ้โห (ทำหน้าตกใจ) ผมไม่ได้นึกไกลขนาดนั้น ผมคิดเป็นแบบแกนหลักๆ ใหญ่ๆ ครับ เพราะผมเชื่อว่าถ้าเกิดคิดไปไกลขนาดนั้นเราจะกังวล แล้วเราจะไม่มี adaptability [ความสามารถในการปรับตัว] ถ้าเกิดเรามีโอกาสอะไรเข้ามา อาจจะไม่รับหรือรับไม่ได้ถ้าเรายังติดอยู่กับแกนของเราเลยไม่ได้คิดอะไรมากครับ ผมแค่หวังว่าจะได้ทำในสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข”
ได้มาร่วมงานกับ L’Officiel Hommes Thailand ในครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง
สนุกมากเลยครับ สนุกมากกว่าที่คิด
Photographer: Pannatat Aengchuan
Stylist: Natthapon Samakkepilom
Author: Kemmachart Tearsawat