FENDI เผยโฉมคอลเล็กชั่นน้ำหอมเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

Share This Post

- Advertisement -

เมื่อใกล้เข้าสู่การครบรอบ 100 ปีของเมซงโรมัน FENDI เผยโฉมความเป็นตัวตนผ่านรูปแบบใหม่ด้วยแง่มุมที่เข้าถึงง่ายและยังใกล้ชิดกับผิวยิ่งขึ้น ผ่านความเอ็กซ์คลูซีฟของน้ำหอมทั้ง 7 กลิ่นซึ่งรวบรวมจิตวิญญาณของเมซงที่จะพาย้อนรอยไปสู่ตำนานรวมไปถึงการสร้างคุณค่าในความเป็นตัวตนและดื่มด่ำไปกับวัฒธรรมของตระกูล FENDI อันเป็นเอกลักษณ์ เรื่องราวเกี่ยวกับกลิ่นหอมนี้เกิดขึ้นจากรากฐานในปี ค.ศ. 1925 เมื่อ Adele Casagrande Fendi และ Edoardo Fendi สามีของเธอเปิดตัวเวิร์คช็อปด้านขนเฟอร์และสินค้าเครื่องหนัง ณ กรุงโรม ซึ่งเป็นการส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จากผู้นำตระกูลสู่สตรีผู้แข็งแกร่งที่เป็นทั้งผู้สร้างและให้แรงบรรดาลใจผ่านครอบครัวซึ่งมีความผูกพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นความพิเศษ การเล่าเรื่อง ความมีชีวิตชีวา ตัวตน และความล้ำค่า รวมไปถึงความหลงใหล จนมาเป็นเรื่องเรื่องราวบทสรุปอนาคตของการผลิตน้ำหอม FENDI เสนอเรื่องราวของน้ำหอม 7 กลิ่น 7 บุคลิก รวมถึงความหลากหลายของสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ โดยน้ำหอมทั้ง 7 กลิ่นนี้สื่อถึงความกลมเกลียวในครอบครัวผ่านคอลเล็กชั่นอันเปรียบเสมือนคำเชิญสำหรับการร่วมเดินทางไปพบกับความสัมพันธ์และบุคคลสำคัญของ FENDI

ต้นกำเนิดของ FENDI เกิดจากวัสดุชั้นสูงซึ่งหาได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นขนเฟอร์และเครื่องหนังซึ่งพวกเขาต้องการงานฝีมือที่มีความละเอียดอ่อน ความเอาใจใส่และความเชี่ยวชาญในกาสร้างสรรค์ด้วยมือเป็นอย่างมากพวกเขามักจะคำนึงถึงความแม่นยำและยับยั้งซึ่งการประมาณค่าโดยต้องการงานฝีมือระดับสูงสุดตามประเพณีช่างฝีมืออันบริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งคือรากฐานที่ใช้สร้างเมซงโรมันและยังคงสานต่องานฝีมือต่าง ๆ มาเป็นเวลาเกือบศตวรรษในปัจจุบันคอลเล็กชั่นน้ำหอมเปรียบเสมือนภาพสะท้อนของศิลปะนี้พร้อมทั้งการแสดงออกถึงกลิ่นที่แสดงถึงแก่นแท้ของ FENDI อันเป็นเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์พร้อมความรักในการเลือกใช้วัสดุที่ดีเลิศด้วยความเชี่ยวชาญ

ดอกส้มสกัดเข้มข้นจากประเทศตูนิเซีย (Tunisia) หรือมะกรูดจากแคว้นคาลาเบรียในอิตาลีน้ำมันหอมระเหยไม้แอตลาสซีดาร์ (Atlas cedar) พัตชูลี (Patchouli) หรือ พิมเสนจากประเทศอินโดนีเซีย ดอกไอริสจากประเทศฝรั่งเศส วานิลลาจากมาดากัสการ์ส่วนผสมเหล่านี้ถูกคัดสรรมาอย่างดีและเข้มข้นที่สุด โดยมีความเข้มข้นสูงถึง 18% โดยเฉลี่ยอีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติและชีวภาพที่ประกอบขึ้นเป็นพาเลทของนักปรุงน้ำหอม 3 ท่านที่สร้างสรรค์น้ำหอมทั้ง 7 กลิ่นในคอลเล็กชั่นนี้ โดย Quentin Bisch Fanny Bal และ Anne Flipo ประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์น้ำหอมตามที่ผู้สร้างเมซงได้จินตนาการไว้ ได้แก่ Silvia Venturini Fendi ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แผนกเครื่องประดับและเสื้อผ้าบุรุษ Delfina Delettrez Fendi
ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แผนกจิวเวลรี่ รวมถึง Kim Jones ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แผนกกูตูร์และเสื้อผ้าสตรีล้วนเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการสร้างสรรค์ศิลปะทั้งหมด ความใส่ใจในรายละเอียดนี้ถูกรวบรวมเข้าด้วยกันในงานทั้งหมดของเมซงและเป็นรากฐานของศาสตร์น้ำหอมชั้นสูงผ่านเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ FENDI บรรจุภัณฑ์ที่สามารถเติมได้นั้นถูกสร้างขึ้นโดยช่างแก้วที่ดีที่สุด เรียบง่ายและชวนให้หลงใหล อ่อนโยนและเป็นแบบแผน ในขณะเดียวกันยังมีความละเอียดอ่อนและมีเอกลักษณ์ โดดเด่นและบริสุทธิ์ ทักษะที่แม่นยำของการแกะสลักด้วยเหล็กแหลมได้สร้างโค้งที่เป็นลักษณะทั่วไปของสถาปัตยกรรมโรมันการออกแบบขวดน้ำหอมที่มีรายละเอียดทองเหลืองและความละเอียดอ่อนบนฝาที่มีสัญลักษณ์ FF อันเป็นเอกลักษณ์นั้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งอย่างการควบคุมวัสดุและนำเสนอในรูปแบบที่บริสุทธิ์และสูงส่งที่สุด

การปรากฎอยู่ในร่างใหม่
กลิ่นหอมแห่งการบรรยายมหาตำนานของครอบครัว
โดยน้ำหอมแต่ละกลิ่นได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนึ่งในบุคลิกอันโดดเด่นด้วยการเลือกเองของครอบครัวที่มีความสนิสนมกลมเกลียวกันความทรงจำของพวกเขาได้หลอมรวมไปกับนักปรุงน้ำหอมเพื่อสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับกลิ่นที่แสดงออกในแต่ละสัดส่วน พร้อมด้วยความอ่อนโยน ความมีอารมณ์ขัน และความเรียบง่าย Adele Casagrande Prima inter pares หรือ ผู้นำตระกูล พร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Casa Grande โดยชื่อนี้สื่อถึงโชคชะตาและความสำเร็จของ FENDI ด้วยกลิ่น Casa Grande นี้นับเป็นสัญลักษณ์ของเมซงอันยิ่งใหญ่ Anna Fendi ลูกสาวของเธอและเป็นส่วนหนึ่งของพี่น้อง Fendi ในตำนาน พร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Dolce Bacio สะท้อนถึงความทรงจำของความรักจากแม่

Silvia Venturini Fendi ทายาทรุ่นที่สามของครอบครัว ผู้สร้างสรรค์กระเป๋าไอคอนิกอย่างกระเป๋า Baguette และกระเป๋า Peekaboo โดยมาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Perché No แสดงออกถึงที่เธอทำขึ้นด้วยตัวเอง เพราะสำหรับ FENDI แล้วไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ ลูกสาวสองคนของเธออย่าง Leonetta Luciano Fendi และ Delfina Delettrez Fendi ทายาทรุ่นที่สี่ของครอบครัวที่เข้าร่วมเมซงตามลำดับ โดยมาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Ciao amore ซึ่งสื่อถึงการทักทายที่เป็นเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติอย่างหนึ่ง และน้ำหอมกลิ่น Semper mio ที่บ่งบอกถึงรากฐานที่สืบสานมาจากมรดกฝาแฝดหนุ่มที่ตามมาอย่าง Tazio และ Dardo Vascellari Delettrez Fendi มาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น La Baguette นำเสนอถึงความเรียบง่ายอันประณีตที่มาบรรจบกับกระเป๋าอันเป็นเอกลักษณ์และท้ายที่สุด Kim Jones ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษมาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Prima terra สื่อถึงดินแดนแห่งวัยเด็ก

Prima Terra – Kim Jones /Perfumer: Quentin Bisch

ส่วนผสมของส้มเขียวหวานจากแคว้นกาลาเบรียและแคว้นซิซิเลียร่วมกับโรสแมรีจากประเทศตูนิเซียและโมร็อกโกเพื่อให้ความรู้สึกสดชื่นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความแข็งแกร่งอันไร้ที่สิ้นสุดของธรรมชาติ โอ๊คมอสส์ได้นำความอบอุ่นและความคงทน กลิ่นไม้ หนังที่ดูดซึมลงไปบนผืนดินมอบพลังหลังพายุกระหน่ำ ชวนให้รำลึกถึงธรรมชาติของทุ่งหญ้าสะวันนา

Perché No – Silvia Venturini Fendi /Perfumer: Quentin Bisch

กลิ่นหอมที่มีความเรียบง่าย ที่เหมือนกับงานหินของโรม ทั้งสดใสและเป็นจริง ราวกับผ้าขาวที่ตากแห้งในแสงแดดท่ามกลางสวนของ ท่ามกลางความสดชื่นนี้ มีกลิ่นเผ็ดร้อนเล็กน้อย นั่นคือ Pink pepper จากบราซิล รมควันด้วยธูปเล็กน้อย โปร่งใส เกิดจากความอบอุ่นของสิ่งมีชีวิต Sandalwood ที่มีกลิ่น Balsamic และละเอียดอ่อนช่วยตีกรอบความทรงจำ

Sempre Mio – Delfina Delettrez Fendi /Perfumer: Quentin Bisch

กลิ่นหอมที่แข็งแกร่งและชัดเจนเหมือนกับการตัดสินใจที่แน่วแน่ มอบความสดชื่นและระยิบระยับเหมือนกลิ่น Calabrian bergamot ที่มั่นคงและลึกลับเหมือนไม้ซีดาร์ ให้ความเข้มข้นและคมชัดเหมือนดอกส้มจากโมร็อกโก

Ciao Amore – Leonetta Luciano Fendi /Perfumer: Fanny Bal

กลิ่นหอมที่แสดงถึงความผูกพันอย่างแน่นแฟ้น ด้วยความกระตือรือร้นของวัยหนุ่มสาว กลิ่นหอมแห่งแสงแดดของช่วงเวลาที่ถูกใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และถูกจดจำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างชัดเจนผล Fig และดอกส้มจากตูนิเซียผสมผสานในด้วยแสงแดด ให้ความสบายและตัดกัน Tonka bean สื่อถึงความเป็นคู่นี้ ให้ความกลมกล่อมพร้อมกลิ่นไม้ เหมือนกลิ่นหอมของความหลงใหล

Dolce Bacio – Anna Fendi /Perfumer: Anne Flipo

จุมพิตนี้คือจุมพิตที่ผู้เป็นแม่จะประทับบนแก้มลูกสาว ซึ่งมันติดทนดั่งรอยลิปสติก หอมดั่งความรัก มีพลังของสายเลือดและความหวานของความรู้สึก มอบความพิเศษดั่งกุหลาบที่ตั้งชื่อตาม Anna Fendi ด้วยสีเหลืองอำพันดั่งท้องฟ้าของกรุงโรมในยามรุ่งอรุณ บานสะพรั่งในสวนกุหลาบ Roseto di Roma Dolce Bacio ที่ตั้งอยู่ในเมือง ทั้งเขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยดอกไม้ พรรณ ไม้และดิน น้ำหอมนี้มีประกายหวานจากแอปริคอตในแสงแดด และกลิ่นหอมควันเข้มของพิมเสนจากอินโดนีเซียด้วย middle note จากกุหลาบดามัสกัสจากตุรกี ทรงพลังและนุ่มนวล อุดมสมบูรณ์และใหญ่โตทั้งนี้คือน้ำหอมของความทรงจำที่อยู่กับเราตลอดไป รวมถึงเป็นแก่นแท้ของความสง่างาม

Casa Grande – Adele Casagrande Fendi /Perfumer: Quentin Bisch

กลิ่นหอมราวกับวัสดุ เข้มข้นราวกับหนัง และอบอุ่นราวกับขนสัตว์ ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ทั้งหมดของ FENDI ไว้ด้วยความกลมกลืนและซับซ้อน ตั้งแต่กลิ่นหอม Somali myrrh อันเผ็ดร้อน
ความกลมกล่อมและความเย้ายวนของอำพัน ความนุ่มนวลของเชอร์รี่อันหลงใหลและความเอื้ออาทรของหนังวานิลลาและถั่วตองก้าได้สร้างสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งและพลังของเมซงซึ่งเป็นหนึ่งในความใกล้ชิดสนิทสนม

La Baguette – the twins Tazio and Dardo Vascellari Delettrez Fendi /Perfumer: Anne Flipo

น้ำหอมที่มีสีดั่งข้าวสาลี ราวดวงอาทิตย์ในฤดูร้อนที่ขึ้นเหนือกรุงโรม กลิ่นดอกไม้ไอริสที่มีความเป็นแป้งจากฝรั่งเศสทำให้สง่างามเหมือนโต๊ะขนาดใหญ่ เบื้องหลังกลิ่นวานิลลามาดากัสการ์ คือความหวานที่ชวนให้ติดใจ และความสุขที่ได้แบ่งปัน ปิดท้ายด้วยกลิ่นหนังที่เย้ายวนและนุ่มนวล

- Advertisement -