Photographer: Toh Virunan
Stylist: Napat Roongruang
Interview conducted by: Pacharee Klinchoo
Interview rearranged by: Peerachai Pasutan
แม้ซีรีส์ ‘สาธุ (The Believers)’ จะปล่อยให้ชมทาง Netflix ได้สักระยะหนึ่งแล้ว เราเชื่อว่าหลายคนยังคงประทับใจกับภาพพุทธพาณิชย์ยุคดิจิตอลในสังคมไทยที่ถูกนำเสนออย่างตรงไปตรงมา และทีมนักแสดงที่เล่นเข้าขากันอย่างน่าจดจำ ถึงตอนแรก ภาพของปั๊บในบท ‘พระดล’ จะกลายเป็นมีมสารพัดบนโลกโซเชียล แต่เพียงฉากแรกที่ตัวละครนี้ปรากฏในซีรีส์ ปั๊บก็แสดงฉากธรรมเทศนาได้น่าเชื่อถือเสียจนเรายกมือไหว้โดยอัตโนมัติ เขาสลัดภาพนักร้องของเขาทิ้งหมดจด ไม่เหลือข้อสงสัยใดๆ เลยว่าทำไมแจ๊ค – วรรธนพงศ์ วงศ์วรรณ ผู้กำกับ จึงเล็งให้นักร้องหนุ่มมารับบทนี้ตั้งแต่แรก “ตอนนั้นผมเป็นโควิด นอนอยู่โรงพยาบาล แล้วภรรยาผมเขาบอกว่า ‘พี่ปั๊บ มีแคสติ้งติดต่อมาว่าอยากให้พี่ปั๊บลองไปเล่นเป็นพระ’ และพี่แจ๊คเขาอยากคุยและทาบทามให้ผมเป็นพระดู จริงๆ ผมแอบตกลงในใจไปแล้วครับว่าอยากทำ เพราะรู้สึกว่ามันก็เกือบครึ่งชีวิตของเราแล้วครับ แล้วก็เป็นโอกาสที่ดี [ที่จะได้ทำอะไรใหม่ๆ]” เจ้าตัวย้อนความไปเมื่อสองปีก่อน
นอกจากเรื่องผมบนศีรษะที่ต้องโกนออกไป ปั๊บก็ต้องลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายของเขานั้นดูซูบแห้งสมบทบาท “เพราะว่าพระที่อยู่ป่ามานาน ยิ่งเป็นพระปฏิบัติเนี่ยก็ยิ่งต้องไม่ดูผ่องใสมากขนาดนั้น ตากแดด ตัวคล้ำครับ” เจ้าตัวเล่า แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ปั๊บอยากให้ตัวละครของเขาแตกต่างจากตัวละครพระในภาพยนตร์และละครไทยเรื่องอื่นๆ “เวลาดูหนัง ดู [ตัวละคร] พระ เราจะรู้สึกถึงกำแพงบางอย่าง แต่เราอยากทลายตรงนั้นทิ้งไป ด้วยความที่ว่าผมอาจจะเป็นนักร้องด้วย ก็เลยต้องมาหาจุดสมดุลที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” เขาจึงทำการบ้านอย่างหนักก่อนถ่ายทำ เช่น การพูดคุยกับผู้กำกับและครูร่ม – ร่มฉัตร ธนาลาภพิพัฒน์ ผู้ฝึกสอนการแสดง การไปจังหวัดเชียงรายเพื่อศึกษาชีวิตพระป่ารูปหนึ่งที่จำพรรษาอยู่รูปเดียว อีกทั้งการเห็นชีวิตสงฆ์ครั้งเยือนทิเบต ความสนใจส่วนตัวในด้านปรัชญาและจิตวิญญาณ และความเข้าใจพื้นฐานในการทำสมาธิ ก็ช่วยให้ปั๊บทำความเข้าใจชีวิตของพระดลในทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
ถึงปั๊บจะเคยชินกับการร้องเพลง – ในฐานะวิธีการสื่ออารมณ์ – มาค่อนชีวิต แต่การถ่ายทอดความรู้สึกผ่าน ‘การแสดง’ นั้นดูเป็นศาสตร์ที่ต่างออกไป “ยากตรงที่ผมกลัวจะ [เล่น] ล้นเกินไป” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ด้วยความที่เราเป็นปุถุชน เราก็จะมีภาวะอารมณ์ที่พลุ่งพล่านและชัดเจนอยู่ แต่พระดล [ก็มีภาวะอารมณ์] ชัดเจนนะ แต่ถูกอะไรบางอย่างกดเอาไว้ ทีนี้ ความสนุกอยู่ตรงที่ว่า เราจะวางกรอบตัวละครของพระดลอย่างไร ถ้าเขาบวชมาตั้งแต่เด็ก แล้วไม่มีประสบการณ์ในโลกเลย การที่พระดลหลงรักใครสักคน เขาต้องไม่เข้าใจคำว่าหลงรักแน่ๆ” ดังนั้น การแสดงความไม่มั่นคงในจิตใจของตัวละครโดยไร้คำพูดใดๆ ก็เป็นความท้าทายต่อปั๊บไปโดยปริยาย “ฉากที่ยากก็มีครับ คือฉากเดินไปเดินกลับ เป็นช่วงที่พระดลเริ่มฝันและมีเรื่องโรแมนติกกับเรื่องเพศเข้ามา เริ่มสับสนในตัวเอง เวลาเขาไปเจอหน้าโยมเดียร์ (แอลลี่ – อชิรญา นิติพน) เหมือนทำตัวไม่ถูก อันนั้นผมเล่นหลายเทคมาก พี่แจ๊คก็บอก ‘เออ ทำไมวะ… ทำไมฉากที่ไม่พูดมันยากจังวะ!’” ปั๊บทำท่าทางจนพวกเราหัวเราะกันทั้งกอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น สกิลการร้องเพลงและใช้เสียงก็มีประโยชน์สำหรับปั๊บเช่นกัน โดยเฉพาะช่วงเทศน์เปิดตัวในตอนที่สามของซีรีส์ “อันนั้นทำการบ้านเยอะ พอดีครูร่มแชร์เทคนิคว่า ผมเป็นนักร้องที่น่าจะเหมาะกับการทำให้กล้ามเนื้อในการจำในเรื่องของเสียง ให้บทมันซึมเข้าไปก่อน ไม่ควรพูดด้วยความคิด [แต่ให้] พูดด้วยความเคยชิน เพราะฉะนั้น เวลาขับรถ ผมจะอัดเสียงตัวเอง บวกกับภรรยาช่วยท่องบทด้วย ผมชอบขับรถไปเล่นคอนเสิร์ต ขับไปแล้วก็ฟังเสียงตัวเองและก็ท่องไป ‘ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่น…’ อันนี้โอเค [หลังจากนั้น] เราก็มาถอดคำสอนต่อ คือเราเองก็อยากจะเข้าใจก่อนที่จะไปสอนคนอื่นในเรื่องว่า ‘จิตเราที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นเนี่ย ทำไมต้องไม่ยึด’ เราก็ค่อยๆ ถอดออกมาแล้วพูดด้วยบทนั้น ตรงนี้ก็ยากหน่อย เพราะต้องพูดยาวทีเดียวครับ แต่ก็สนุกเราด้วย เหมือนเล่นเกมแล้วผ่านด่าน เวลาผู้กำกับบอกว่า ‘ผ่าน!’ เราก็ ‘เฮ้ย! (ทำท่าดีใจ)’ เป็นความรู้สึกแบบนั้นครับ”
ถึงจะอยู่ในวงการดนตรีและทำวง Potato มา 23 ปี แต่ปั๊บก็ยังคงมีความกระตือรือร้นในการทำงานเต็มเปี่ยม “ยิ่งเดินทางมาถึงวันนี้ ผมรู้สึกว่า ‘เฮ้ย… แม่-ง… เราไม่รู้อะไรเลยนี่หว่า’ รู้สึกว่ายังมีอะไรใหม่ๆ กับงานที่เราจะต้องออกไปนำเสนออยู่เรื่อยๆ แต่มันก็สนุกมากที่เราได้เอาตัวเองออกไปอยู่อีกจักรวาลหนึ่ง [การแสดง] ซึ่งผมว่าดีมาก ผมมองว่าเราได้ใช้วิทยายุทธ (หัวเราะ) ได้ใช้ตัวเราเองเยอะขึ้น” ถึงจะเป็นศิลปะคนละแขนง แต่การร้องและการแสดงก็ทำให้ปั๊บตระหนักว่าเขารักการ ‘ถ่ายทอด’ ข้อความและอารมณ์ออกมาให้ผู้คนได้เห็นและฟัง “เหมือนเราชอบตีความ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเพลงหรือบท แต่มันแค่ถูกเอาออกไปต่างกัน อย่างหนึ่งมีดนตรีช่วยขับ อีกอย่างไม่มีอะไรมาช่วยบิวด์นอกจากความรู้สึกของเราล้วนๆ กับบทที่เราต้องจำให้ขึ้นใจ” อย่างไรก็ตาม ปั๊บยอมรับว่าเขาหลงใหลและสนใจในการแสดงมากขึ้น “ยังคงมีอะไรให้ทำอีกเยอะเลย ถ้ามีโอกาสที่ดีครับ” เราถามเขาต่อว่าพอใจกับผลงานของตัวเองใน ‘สาธุ’ ขนาดไหน “ส่วนตัวให้สัก 8.5 แล้วกันครับ ก็คือเต็มที่นั่นแหละ แต่บางทีเราเห็นตัวเองแล้วรู้สึกว่าอารมณ์มันไม่ได้ หรือบางครั้งสภาพแวดล้อมหรือเสียงก็ทำให้เมจิกโมเมนต์ [ของเรา] ผ่านเลยไปครับ”
แม้ขณะนี้ปั๊บกำลังทำอัลบั้มใหม่อยู่ และรอโอกาสที่จะได้รับงานแสดงอีกครั้งหากมีสิ่งที่ใช่เข้ามา แต่เขาก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนเขาในบทบาทต่างๆ “การที่เราทำงานตรงนี้มาเรื่อยๆ [ทำให้] เรามีความผูกพันกันทางความรู้สึกโดยที่อาจจะไม่รู้ตัวกันก็ได้ อย่างเช่นเรื่องซีรีส์ คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังสื่อสารกับใครอยู่ และทำให้ผมมีแรงในการทำงานและผลิตงานต่อไป บางทีการให้กำลังใจตัวเองมากๆ มันก็ดี แต่การได้กำลังใจจากคนอื่นมันก็ดีมากเหมือนกัน ขอขอบคุณจริงๆ ครับ ฝากติดตามด้วยครับถ้ามีต่อ”
ชมซีรีส์ ‘สาธุ’ ได้แล้วทาง Netflix เท่านั้น และติดตามปั๊บได้ที่ Instagram: @pup_potato และ @potatoband
Make Up: Sirima Khongtong
Hair: Domeycharm Smileclub
Assistant Photographers: Wattanachok Chumkua / Chadin Saraboon