Photography: Courtesy of Audemars Piguet
Audemars Piguet แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดตัวนาฬิกา 7 เรือน พิ้งค์โกลด์ 18 กะรัตใหม่ของรุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet ที่มีให้เลือกทั้งในขนาดหน้าปัด 38 และ 41 มิลลิเมตร นาฬิการุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อให้สวมใส่ได้พอดีกับข้อมือทุกขนาด เผยสุนทรียะที่งดงามแบบใหม่ที่เปิดตัวออกมาในปี 2023 ในรุ่นสเตนเลสสตีลเป็นรุ่นแรก รวมถึงดีไซน์หน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์ของคอลเลกชั่น โดย 5 ปีหลังการเปิดตัว คอลเลกชั่นนี้ยังคงมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งในขนาด วัสดุ สี และกลไกที่หลากหลายภายใต้ดีไซน์ที่มีความร่วมสมัยเป็นพิเศษ
7 รุ่น 1 สุนทรียะแห่งความงาม นาฬิการุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet ใหม่ มาพร้อมพัฒนาการด้านการออกแบบของคอลเลกชั่นซึ่งได้รับการเปิดตัวออกมาเป็นครั้งแรกในรุ่นสเตนเลสสตีลในปี 2023 รูปแบบหน้าปัดประทับลายนูน ‘เอกลักษณ์’ ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับคอลเลกชั่นนี้ เพื่อแทนที่หน้าปัดรุ่นก่อนซึ่งมีดีไซน์ที่ดูสุขุมกว่า ผลงานสร้างสรรค์ที่ทีมออกแบบของ Audemars Piguet ร่วมกับช่างฝีมือกิโยเช่ชาวสวิส ‘ยานน์ วอน แคเนล’ (Yann von Kaenel) นำมาซึ่งผลลัพธ์ของการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่ช่วยขับเน้นความชัดเจนในการบอกเวลาและรายละเอียดของการเล่นกับแสง แม่พิมพ์ฐานที่ใช้ตอกหน้าปัดซึ่งผ่านการสลักด้วยมืออย่างพิถีพิถันมาพร้อมแพทเทิร์นวงกลมที่มีศูนย์กลางร่วมกันเหมือนระลอกคลื่นบนผิวน้ำ วงกลมเหล่านี้ประดับด้วยช่องเล็กๆ หลายร้อยช่องที่เล่นกับแสง จากนั้นหน้าปัดจะได้รับการลงสีด้วยวิธีการเคลือบแบบพีวีดี (physical vapourdeposition) หรือเทคนิคกัลวานิกเพื่อรักษาและขับเน้นรูปทรงที่ปรากฏในระหว่างกระบวนการประทับรายละเอียดมากมายมารวมกันในหน้าปัดสุดมหัศจรรย์นี้อันเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถและงานฝีมือสุดพิถีพิถันในท้องถิ่น นาฬิกา 7 เรือนนี้ให้ความสำคัญต่อเรื่องความสะดวกสบายในการสวมใส่และการมองเห็นเวลาได้อย่างชัดเจน
มาพร้อมเครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงพิ้งค์โกลด์ 18 กะรัต รูปทรงเหลี่ยม ยาว แบน และผ่านการขัดเงา เสริมความโดดเด่นด้วยการเคลือบวัสดุเรืองแสงเพื่อให้สามารถอ่านเวลาได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในที่มืด นอกจากนี้การพิมพ์สเกลวินาทีรูปทรงของเม็ดมะยมและเข็มขัดล็อกที่เป็นเอกลักษณ์ยังถูกดัดแปลงเล็กน้อยเพื่อเน้นย้ำสไตล์แบบโมเดิร์นของนาฬิกาเรือนนี้ที่สอดคล้องไปกับดีไซน์ที่เปิดตัวออกมาในปี 2023
สองเรือนใหม่เพื่อผู้สวมใส่ข้อมือเพรียวบางในกลุ่มนาฬิกาเรือนใหม่ทั้งหมดนี้มีนาฬิกา Code 11.59 by Audemars Piguet Selfwinding ขนาดหน้าปัด 38 มิลลิเมตร 2 เรือนที่นับได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับนาฬิกา 2 เรือนที่เปิดตัวออกมาก่อนในเดือนตุลาคม 2023 โดยทั้งสองเรือนรังสรรค์ขึ้นจากพิ้งค์โกลด์ 18 กะรัต และมาในเฉดสีฟ้าที่ตัดกันอย่างโดดเด่น เกิดเป็นรายละเอียดแบบคอนทราสต์สุดโก้ของการเลือกใช้โลหะอันล้ำค่าบนตัวเรือน เรือนแรกโดดเด่นด้วยโทนสีฟ้าอ่อนสุกสกาวทั่วหน้าปัด ช่องวันที่ ขอบตัวเรือนด้านใน และสายนาฬิกา ทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีดีไซน์ที่กลมกลืน ส่วนเรือนที่สองมาพร้อมสีน้ำเงิน ‘Bleu Nuit, Nuage 50’ เอกลักษณ์ซึ่งได้รับการเปิดตัวออกมาในรุ่น Royal Oak เรือนแรก (โมเดล 5402) สีน้ำเงินเข้มนี้ส่องสว่างเด่นชัดบนหลากหลายรายละเอียดที่เป็นพิ้งค์โกลด์จึงช่วยดึงความลุ่มลึกน่าสนใจมามอบให้กับนาฬิกาทั้งเรือน ตัวเรือนรูปลักษณ์ร่วมสมัยได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถันและประณีตในแบบเดียวกันกับการตกแต่งคาลิเบอร์ของ Audemars Piguet ที่มาพร้อมรายละเอียดของเทคนิคการขัดแบบซาตินสลับกับการขัดเงาที่ช่วยขับเน้นความงดงามในโครงสร้างหลากมุมมองของตัวเรือน ทั้งสองเรือนยังมาพร้อมสายหนังจระเข้ลายกว้างที่แมตช์กันกับสีของหน้าปัด โดยผู้สวมใส่ยังสามารถเลือกใช้สายยางสีฟ้าอ่อนหรือสีน้ำเงินเข้มได้ด้วย หลากหลายรุ่นอัตโนมัติและรุ่นโครโนกราฟอัตโนมัติ Audemars Piguet เปิดตัว 5 เรือนใหม่ที่มาพร้อมตัวเรือนเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 มิลลิเมตร โดยแบ่งเป็นรุ่นกลไกอัตโนมัติ 2 เรือน และรุ่นโครโนกราฟอัตโนมัติ 3 เรือน
สีเขียวน่าหลงใหลถูกใช้บนหน้าปัดของ Code 11.59 by Audemars Piguet Selfwinding เรือนแรกในกลุ่มนี้คอนทราสต์ที่ตัดกับรายละเอียดของพิ้งค์โกลด์รวมถึงการเล่นแสงที่มาจากลวดลายบนหน้าปัดเผยให้เห็นความรุ่มรวยของสีเขียวเฉดนี้ซึ่งทอดยาวไปจนถึงขอบตัวเรือนด้านในและสายนาฬิกา กลไกอัตโนมัติที่ระบุชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ มาพร้อมกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติในสีเดียวกัน ส่วนหน้าปัดเล็กที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกาและ 3 นาฬิกายังใช้สีเขียวเฉดเดียวกันและมาพร้อมกับรายละเอียดของสีทองตรงส่วนของขอบรอบนอก ในขณะที่หน้าปัดเล็กที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาใช้สีเขียวทั้งหมด สีน้ำเงินเข้ม ‘Bleu Nuit, Nuage 50’ ถูกใช้บนหน้าปัดขนาด 41 มิลลิเมตรของนาฬิกา Code 11.59 by Audemars Piguet Selfwinding สองเรือนซึ่งโดดเด่นด้วยหน้าปัดในโทนสีเดียวกัน แมตช์กับสีของสายนาฬิกาและตัดกันกับขอบตัวเรือนด้านในสีเทา ส่วนรุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet Selfwinding Chronograph นำเสนอหน้าปัดที่มาพร้อมหน้าปัดเล็กในสีน้ำเงิน 2 เฉดล้อมขอบด้วยสีเทาที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกาและ 3 นาฬิกา และมีหน้าปัดเล็กสีเทาล้วนที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาล้อไปกับสีของขอบตัวเรือนด้านใน สำหรับสายนาฬิกาของทั้งสองเรือนซึ่งช่วยไฮไลต์สีเข้มขรึมของหน้าปัดให้โดดเด่นยิ่งขึ้นเป็นสายยางสีน้ำเงินเข้มที่มีเนื้อสัมผัสแบบผ้า เรือนที่ 5 เล่นกับรายละเอียดที่ตัดกันของการผสมผสานการใช้ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ 18 กะรัตกับตัวเรือนส่วนกลาง เซรามิกทรงแปดเหลี่ยมสีดำและเม็ดมะยม การทำงานระหว่างแสงและเงายังดำเนินต่อมาจนถึงหน้าปัดสีดำ ซึ่งล้อมรอบด้วยขอบตัวเรือนด้านในกับสีที่แมตช์กัน ส่วนเข็มนาฬิกา เครื่องหมายบอกหลักชั่วโมง หน้าปัดเล็ก และสัญลักษณ์ ‘Audemars Piguet’ ดูโดดเด่นในโทนสีทอง และเพื่อให้สอดคล้องกับเรือนอื่นๆ ที่เหลือ หน้าปัดเล็กแสดงวินาทีที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาจึงถูกออกแบบให้เป็นสีดำทั้งหมดเช่นเดียวกับสายนาฬิกา
“โมเดลใหม่เหล่านี้รังสรรค์ขึ้นตามพัฒนาการที่แตกต่างกันของคอลเลกชั่นที่เกิดขึ้นในปี 2023 นอกเหนือจากรายละเอียดของการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ใหม่ ซึ่งมาปรากฏอยู่บนรุ่นทองคำขนาดหน้าปัด 41 มิลลิเมตร บางรุ่นในรุ่นหน้าปัดขนาด 38 มิลลิเมตรยังได้รับการตกแต่งด้วยรายละเอียดใหม่ๆ และสีแบบดั้งเดิม ทำให้นาฬิการุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet เป็นนาฬิกาที่ไม่ว่าคุณจะมีข้อมือขนาดไหนก็สามารถสวมใส่ได้ แสดงให้เห็นถึงการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ตลอดจนจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมด้วยความร่วมสมัยของนาฬิกาเรือนนี้” โซเฟีย แคนเดยาส (Sofia Candeias) ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ Audemars Piguet กล่าว
นาฬิกา Code 11.59 by Audemars Piguet Selfwinding ใหม่ ที่มาพร้อมหน้าปัดขนาด 38 มิลลิเมตรสองเรือน มีให้เลือกทั้งสีฟ้าอ่อนและสีน้ำเงินเข้ม
กลไกเจเนอเรชั่นล่าสุด นาฬิกาเรือนใหม่เหล่านี้มาพร้อมกลไกรุ่นใหม่ล่าสุดที่ผสานความแม่นยำทางเทคนิค ความน่าเชื่อถือไว้วางใจได้หลักสรีรศาสตร์ และการตกแต่งสุดประณีต กลไกเหล่านี้ได้รับการออกแบบโดยทีมวิศวกรและช่างทำนาฬิกาของ Audemars Piguet เพื่อมอบไลฟ์สไตล์ที่มีความร่วมสมัยให้กับผู้สวมใส่
สองเรือนของรุ่นอัตโนมัติขนาดหน้าปัด 38 มิลลิเมตร มาพร้อมคาลิเบอร์ 5900 ซึ่งเคยเปิดตัวออกมาในรุ่น Royal Oak หน้าปัด 37 มิลลิเมตรบางเรือนในปี 2022 กลไกนี้มอบทั้งความเพรียวบาง (เพียง 3.9 มิลลิเมตร) ความถี่ของ balance wheel ที่ 4 Hz และความสามารถในการสำรองพลังงานได้ยาวนาน 60 ชั่วโมง
สำหรับรุ่นหน้าปัด 41 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกของคาลิเบอร์ 4302 ที่ระบุชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ คาลิเบอร์ 4401 ซึ่งเป็นกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติที่ผสานการทำงานกับ column wheel และฟังก์ชันฟลายแบ็ก ทั้งสองมีกลไกที่ได้รับการจดสิทธิบัตรซึ่งมอบทั้งความเสถียรและความแม่นยำ เมื่อตั้งค่านาฬิกาด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ 32 มิลลิเมตร ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความเที่ยงตรงที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้คาลิเบอร์ 4401 ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์แนวตั้งที่ป้องกันไม่ให้เข็มนาฬิกากระโดดเมื่อเปิดหรือหยุดระบบจับเวลา กลไกการรีเซ็ตที่ได้รับสิทธิบัตรนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเข็มจับเวลาแต่ละเข็มจะกลับสู่ตำแหน่งเดิมเสมอ
ฝาหลังประดับแซฟไฟร์เผยให้เห็น oscillating weight พิ้งค์โกลด์ 22 กะรัตที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับคอลเลกชั่นนี้ รวมถึงรายละเอียดของการตกแต่งในแบบฉบับของการสร้างสรรค์เรือนเวลาชั้นสูงบนกลไกทั้งสามกลไกนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขัดเงาตามมุมต่างๆ การขัดแบบซาตินในแนวตั้ง งานขัดลายวงกลมวน ‘côtes de Genève’ เทคนิค ‘เซอร์คิวลาร์ เกรนิง’ (circular graining) และการขัดเงาลบมุม
5 ปีแห่งพัฒนาการในงานดีไซน์และงานเทคนิค คอลเลกชั่น Code 11.59 by Audemars Piguet ซึ่งเปิดตัวในปี 2019 นำเสนอนาฬิการุ่นใหม่จำนวน 13 รุ่น พร้อม 3 คาลิเบอร์ใหม่ในเวลาเดียวกัน โดยมีตั้งแต่รุ่นอัตโนมัติ (Selfwinding) และรุ่นโครโนกราฟอัตโนมัติ (Selfwinding Chronograph) ไปจนถึงรุ่น Minute Repeater Supersonnerie รุ่นที่มีกลไก tourbillon และรุ่นที่มาพร้อมระบบปฏิทินถาวร (perpetual calendar) ความหลากหลายของโมเดลต่างๆ แสดงถึงความหลากหลายของคอลเลกชั่นตั้งแต่เริ่มต้น พร้อมทั้งวางรากฐานของรหัสการออกแบบให้เด่นชัดตั้งแต่แรก ทั้งตัวเรือนส่วนกลางทรงแปดเหลี่ยมที่เชื่อมต่อระหว่างฝาหลังและขอบตัวเรือนทรงกลมที่บางเฉียบ กระจกแซฟไฟร์ทรงโค้งสองชั้นมอบประสบการณ์ในการดูเวลาที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ขานาฬิกามีสไตล์ใช้ชิ้นส่วนด้านบนเชื่อมเข้าด้วยกันกับขอบตัวเรือน ในขณะที่ด้านล่างถูกจัดวางอย่างสมมาตรบนฝาหลัง หน้าปัดมีตั้งแต่รุ่นเคลือบแลคเกอร์ไปจนถึงรุ่นลงยา aventurine ที่ใช้เลขอารบิกและเข็มนาฬิกาสุดโก้ และสุดท้ายคือโลโก้นูนที่รังสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคกัลวานิก ตัวเรือนของรุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยใช้วัสดุอย่างไวท์โกลด์หรือพิ้งค์โกลด์ถือเป็นหนึ่งในตัวเรือนที่มีความซับซ้อนที่สุดที่ Audemars Piguet ได้เคยผลิตออกมา
นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกคอลเลกชั่นนี้ให้ความสำคัญกับกลไกอันซับซ้อนที่ผสมผสานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวกับตัวเรือนรูปทรงเรขาคณิต ในช่วงหลายปีที่
ผ่านมาได้มีการรังสรรค์กลไกอันหรูหราและซับซ้อนขึ้นใหม่หลายกลไก ไม่ว่าจะเป็น Grande Sonnerie Carillon Supersonnerie (ปี 2020) หรือ Flying Tourbillon Chronograph (ปี 2021) ในเดือนธันวาคม ปี 2022 Audemars Piguet ยังนำเสนอกลไก Starwheel ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกการแสดงเวลาบนหน้าปัดที่มีความโดดเด่นที่สุด การกลับมาของกลไก wandering hours ยังตามหลังมาด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet Ultra-Complication UniverselleRD#4 ซึ่งเป็นนาฬิกาที่มีกลไกที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่ Audemars Piguet เคยสร้างสรรค์มา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 คาลิเบอร์ 1000 ของนาฬิกาขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตรเรือนนี้มาพร้อม 40 ฟังก์ชันซึ่งมีกลไกอันซับซ้อนทั้งหมด 23 กลไกเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เรียกได้ว่าก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งในแง่ของหลักสรีรศาสตร์และความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ เปิดช่องทางใหม่ไม่เพียงสำหรับ Audemars Piguet เท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการสร้างสรรค์เรือนเวลาทั้งหมดอีกด้วย
ในปี 2020 ตัวเรือนของนาฬิการุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet ถูกนำเสนอในรูปแบบทูโทนเป็นครั้งแรก โดยเป็นตัวเรือนไวท์โกลด์และมีพิ้งค์โกลด์เป็นส่วนกลางของตัวเรือน เน้นย้ำรายละเอียดแบบคอนทราสต์ระหว่างโครงสร้างอันซับซ้อนของตัวเรือนและเสน่ห์แบบร่วมสมัยให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ต่อมานาฬิการุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet Selfwinding Chronograph กลายเป็นรุ่นที่ปูทางไปสู่การนำเสนอนาฬิกาเรือนแรกที่ใช้ส่วนกลางของตัวเรือนเป็นเซรามิก นั่นคือรุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet Flying Tourbillon Openworked ที่เปิดตัวในปี 2022 โดยผนวกเอาตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 กะรัตเข้ากับส่วนกลางของตัวเรือนเซรามิกสีน้ำเงินอิเล็คทริก พัฒนาการนี้ได้ผลักดันความซับซ้อนของนาฬิการุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet ให้ก้าวไปข้างหน้ายิ่งขึ้น เนื่องจากการตกแต่งรายละเอียดสุดท้ายบนเซรามิกและการจัดวางตำแหน่งของมุมและพื้นผิวทรงกลมต่างๆ ให้มีความสมบูรณ์แบบนั้นต้องอาศัยงานฝีมือที่พิถีพิถันที่สุด
ในปี 2023 คอลเลกชั่นนี้ยังได้เปิดตัวนาฬิการุ่นอัตโนมัติและรุ่นโครโนกราฟอัตโนมัติกับขนาดหน้าปัด 41 มิลลิเมตรรุ่นแรกที่รังสรรค์ขึ้นด้วยสเตนเลสสตีล การนำเสนอวัสดุใหม่ในลุคที่สปอร์ตยิ่งขึ้นนี้เผยให้เห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับการสร้างสรรค์นาฬิการุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet ได้ชัดเจน ไม่เพียงแต่ตัวเรือนที่ได้รับการอัปเกรดในเรื่องของวัสดุเท่านั้น แต่หน้าปัดยังได้รับการอัปเกรดด้วยเช่นกัน ในปี 2020 หน้าปัดของนาฬิการุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet ได้รับการนำเสนอออกมาในสีสันใหม่เปี่ยมชีวิตชีวา พร้อมกับลายแสงอาทิตย์และสีรมควันที่มอบความลุ่มลึกและความลึกลับน่าค้นหาให้กับนาฬิกาแต่ละเรือน ความคิดสร้างสรรค์ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดนิ่งในไตรภาคของนาฬิการุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet Grande Sonnerie Carillon Supersonnerie ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้รับการนำเสนอในรูปแบบของหน้าปัดลงยาที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับอนิตา พอร์เชต์ (Anita Porchet) ช่างลงยาคนสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2022 คอลเลกชั่นนี้ได้รับการเติมเต็มด้วยนาฬิกาอัตโนมัติที่ประดับด้วยเพชรทั้งบนหน้าปัด ส่วนกลางของตัวเรือน และขานาฬิกา หน้าปัดหินธรรมชาติยังมีให้เห็นในปีเดียวกันด้วย กับรุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet Flying Tourbillon ที่มาพร้อมหน้าปัดออนิกซ์สีดำสไตล์มินิมอล
และสุดท้ายในปี 2023 คอลเลกชั่นนี้ยังได้ต้อนรับนาฬิกาเรือนแรกที่มาพร้อมหน้าปัดลงยา aventurine สีเขียว รวมถึงเรือนแรกที่มีหน้าปัดประดับด้วยแซฟไฟร์ ซึ่งเผยให้เห็นเทคนิคการสร้างสรรค์กลไก Minute Repeater Supersonnerie ในปี 2023 คอลเลกชั่น Code 11.59 by Audemars Piguet ได้นำเสนอพัฒนาการใหม่ในเชิงสุนทรียะควบคู่ไปกับการเปิดตัวนาฬิการุ่นสเตนเลสสตีลเรือนแรกที่มาพร้อมหน้าปัดดีไซน์ใหม่และลายนูนแบบใหม่ เครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงซึ่งมาแทนที่เลขอารบิกในรุ่นก่อนหน้า และเม็ดมะยมที่ได้รับการออกแบบมาในรูปลักษณ์ใหม่ ในช่วงครึ่งหลังของปี นาฬิกาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 38 มิลลิเมตรเรือนใหม่ถูกเปิดตัวออกมาเพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้สวมใส่ที่มีข้อมือเรียวเล็ก พัฒนาการที่หลากหลายเหล่านี้มีส่วนทำให้ Code 11.59 by Audemars Piguet เป็นคอลเลกชั่นนาฬิกาที่ให้ความสนใจในเรื่องของหลักสรีรศาสตร์ และการปรับให้รับกับทุกขนาดข้อมือ ทั้งยังสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ในวันนี้กับการมาถึงของนาฬิกาพิ้งค์โกลด์รุ่นใหม่ในขนาดหน้าปัด 38 และ 41 มิลลิเมตร ทั้ง 7 เรือน คอลเลกชั่น Code 11.59 by Audemars Piguet ยังคงก้าวไปข้างหน้าและยืนยันถึงความหลากหลายทั้งในแง่ของการออกแบบและความเชี่ยวชาญเชิงช่างที่มีต่อการสร้างสรรค์เรือนเวลาอย่างต่อเนื่อง