TAG HEUER เปิดตัวนาฬิกาคอลเล็กชั่นรุ่นใหม่ล่าสุด ภายในงาน Watches & Wonders 2024 TAG HEUER

Share This Post

- Advertisement -

หลังปีแห่งการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่และการเผยโฉมผลงานมากมายอันเปี่ยมด้วยพลัง TAG Heuer แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสยังคงเดินหน้าสืบทอดซึ่งมรดกอันล้ำค่า พร้อมทั้งผลักสู่ขอบเขตใหม่ของงานออกแบบอันเป็นไอคอนิก

นาฬิการุ่น TAG Heuer Carrera Chronograph 

เรือนเวลาสุดพิเศษ ที่ได้รับการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์อันยาวนานและงานออกแบบอันล้ำสมัย ซึ่งเป็นนาฬิการุ่นแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจน เสมือนถอดแบบมาจากรุ่น 7753 SN ในช่วงปลายยุค 1960s อันเป็นหนึ่งในรากเหง้าของคอลเล็กชั่น Carrera และสืบต่อวิสัยทัศน์ของ Jack Heuer และเพื่อความสามารถในการอ่านค่าได้อย่างรวดเร็วนั้น TAG Heuer Carrera Chronograph รุ่นใหม่จึงได้นำเสนอรูปลักษณ์ใหม่และความทันสมัย มาพร้อมหน้าปัดแพนด้า หรือหน้าปัดย่อย azuré สีดำ ณ ตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา ซึ่งสร้างสรรค์รูปลักษณ์แบบไบคอมแพคแพนด้าอันเป็นเอกลักษณ์ ตัดกับหน้าปัดแบบซันเรย์บรัชสีเงิน การเพิ่มเข็มหน้าปัดย่อยเคลือบแล็กเกอร์สีแดงอันน่าดึงดูดใจช่วยเพิ่มความคมชัดยิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจได้ถึงความชัดเจนแม้มองเพียงพริบตาเดียว เข็มกลางชุบโรเดียมยังตกแต่งปลายด้วยการเคลือบแล็กเกอร์สีแดงที่สะกดทุกสายตาเมื่ออ่านเวลา เข็มวินาทีสีดำช่วยให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน หน้าแปลนโค้งตกแต่งด้วยสีดำตัดกันและหลักเวลาชุบโรเดียมแบบโค้ง มอบสุนทรียะความสวยงามที่สอดคล้องลงตัวของนาฬิกา ช่วยให้อ่านเวลาได้ง่ายจากช่วงมุมที่กว้างขึ้น และหลอมรวมกับตัวเรือนสตีลขนาด 39 มม.ภายในโครงสร้างแบบ Glassbox อันเป็นเอกลักษณ์ของ TAG Heuer ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้านหลังของนาฬิกา TAG Heuer Carrera Chronograph ยังเผยให้เห็นการทำงานของกลไกโครโนกราฟที่ผลิตขึ้นเอง อย่าง Heuer 02 (Ref. TH20-00) กลไกอันทรงพลังนี้มาพร้อมระบบไขลานสองทิศทาง รวมถึงโรเตอร์รูปทรงโล่แบบใหม่ และมอบประสิทธิภาพของการสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง

นาฬิการุ่น Monaco Split-Seconds Chronograph

ตอกย้ำชื่อเสียงอันโด่งดังจากความแม่นยำและงานออกแบบอันล้ำสมัย นาฬิการุ่นใหม่ TAG Heuer Monaco Split-Seconds Chronograph มาในรุ่นเฉดสีแดงและสีน้ำเงิน โดยเรือนเวลาอันโดดเด่นน่าทึ่งเหล่านี้ยังนับเป็นตัวแทนถึงความสำเร็จอันน่าจดจำ ในการผสมผสานระหว่างมรดกและนวัตกรรมภายในโลกแห่งความล้ำสมัยของเครื่องบอกเวลาชั้นสูง (Haute Horlogerie d’Avant-Garde) นับตั้งแต่เริ่มต้นเปิดตัวในปี 1969, TAG Heuer Monaco ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของงานออกแบบที่แตกต่าง ด้วยทั้งรูปทรงสี่เหลี่ยมอันโดดเด่น เม็ดมะยมทางด้านซ้ายกับตัวเรือนขัดด้านและขัดเงา รวมถึงหน้าปัดสีน้ำเงิน นั่นทำให้ Monaco ถือเป็นผลงานที่ทลายกรอบของวงการการประดิษฐ์นาฬิกา โดยเฉพาะจุดเด่นของการกลายเป็นนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟรูปทรงสี่เหลี่ยมกันน้ำได้รุ่นแรกที่เสริมความแข็งแกร่งในฐานะไอคอนของรุ่น และความก้าวล้ำสมัยเหนือยุคของตนด้วยสุนทรียะความสวยงาม นอกเหนือจากการร่วมเฉลิมฉลอง 55 ปีของคอลเล็กชั่น Monaco แล้ว นาฬิกา TAG Heuer Monaco Split-Seconds Chronograph นี้ยังได้ผ่านการสร้างนิยามใหม่ให้กับงานออกแบบนาฬิกา โดยการเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา อาทิ ไทเทเนียม เกรด 5 ทำให้เรือนเวลานี้มีน้ำหนักเพียง 85 กรัม ซึ่งหัวใจของนาฬิกา TAG Heuer Monaco Split-Seconds Chronograph คือ สมรรถนะแห่งกลไก Split-Seconds Chronograph Calibre TH81-00 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ โดยรังสรรค์ขึ้นจากไทเทเนียมทั้งหมด ทำให้กลายเป็นกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติที่เบาที่สุดเท่าที่เคยสร้างสรรค์มาโดย TAG Heuer ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคือผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานระหว่างงานฝีมือแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาสวิสเข้ากับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย โดยฟังก์ชั่น Split-Seconds หรือที่เรียกว่า ‘รัตตราปองต์’ (‘rattrapante’) ในภาษาฝรั่งเศสนี้ นับเป็นกลไกอันซับซ้อนและทันสมัยที่จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูงสุดของช่างนาฬิกา พร้อมความสามารถในการแยกจับวัดสองช่วงเวลาของสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ จึงมอบซึ่งระดับแห่งความสามารถด้านฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหนือยิ่งกว่ากลไกโครโนกราฟทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการจับเวลารอบต่างๆ บนสนามแข่งขันความเร็ว หรือติดตามการจับวัดเวลาของการแข่งขันกีฬาอีกมากมาย

นาฬิการุ่น Carrera Skipper chronograph

รุ่นใหม่ล่าสุด ที่รังสรรค์ตัวเรือนขนาด 39 มม. ด้วยโรสโกลด์ 18K 5N ซึ่งผสมผสานระหว่างการขัดเงาและเคลือบเงาอย่างประณีต ทั้งยังคงไว้ซึ่งประโยชน์ใช้สอยในฐานะนาฬิกาเดินเรือที่ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ นาฬิการุ่น Skipper สีโรสโกลด์โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่มาพร้อม ‘หน้าแปลนแบบโค้ง’ ภายใต้กระจกคริสตัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งเรือที่ใช้นาฬิกาเพื่อจับเวลาช่วงสำคัญ 15 นาทีก่อนที่จะยิงปืนสตาร์ท ซึ่งการเลือกใช้โทนสีโรสโกลด์ยังชวนให้นึกถึงนาฬิการุ่นในตำนานอย่าง Skipper Reference 7754 ของปี 1968 ผสานหน้าปัดหลักสีฟ้าน้ำทะเลเข้ากับหน้าปัดย่อยสองหน้าปัดที่ตัดกันอย่างโดดเด่นชัดเจน โดยหน้าปัดแสดงเวลา 12 ชั่วโมงในสีฟ้าอมเขียว ‘Intrepid Teal’ และ เคาน์เตอร์การแข่งเรือ 15 นาที แบ่งออกเป็นสามส่วนทุกๆ ห้านาทีตามสีต่างๆ ซึ่งสีเหล่านี้ได้ถอดแบบมาจากสีที่ใช้ในนาฬิกาโครโนกราฟ Skipper รุ่นดั้งเดิมของปี 1968 ซึ่งเปิดตัวภายใต้ความดูแลของ Jack Heuer และเพื่อเป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีกับทีม Intrepid หน้าปัดย่อยนับถอยหลัง 15 นาทีแบบสามสีของ Skipper จึงถูกแบ่งออกเป็น: สีเขียวลากูน ‘Lagoon Green’ (ได้รับแรงบันดาลใจจากสายระโยงเรือของ Intrepid); สีฟ้าอมเขียว ‘Intrepid Teal’ (สีของดาดฟ้าของเรือ) และสำหรับช่วง ‘เตรียมพร้อม’ ห้านาทีสุดท้าย สี Regatta Orange ซึ่งเป็นสีส้มที่แต่เดิมถูกนำมาใช้ในโลกแห่งการเดินเรือ เนื่องจากเป็นสีที่ตัดกับสีของท้องทะเลอย่างชัดเจน ภายใต้ฝาหลังของนาฬิกาเผยให้เห็นกลไกคาลิเบอร์ Skipper ซึ่งเป็นกลไก Heuer 02 (Ref. TH20-06) – กลไกโครโนกราฟแบบคอลัมน์วีลพร้อมคลัตช์แนวตั้ง และความสามารถในการสำรองพลังงานถึง 80 ชั่วโมง โดยนาฬิกา Skipper สีโรสโกลด์ 18K 5N มาพร้อมกับสายนาฬิกาแบบผ้าสีน้ำเงิน และยึดด้วยตัวล็อคแบบหมุดซึ่งทำจากโรสโกลด์ 18K 5N เข้ากับตัวเรือน นอกจากนี้ ดีไซน์หน้าปัดนาฬิกา TAG Heuer Carrera Chronograph Skipper ยังถูกปรับให้เป็น  Connected watch face เพิ่มสำหรับนาฬิการุ่นสมาร์ทวอช

นาฬิการุ่น TAG Heuer Carrera Date

นาฬิกา TAG Heuer Carrera Date อันเลอค่าทั้งสามเรือนมาในขนาด 36 มม. ทั้งยังควบรวมความมุ่งมั่นในการออกแบบและความสบายที่เหนือระดับไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากความสำเร็จของตัวเรือนขนาด 36 มม. ในปี 2023 การเปิดตัวผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดนี้ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นเพศหญิงที่สุขุมเรียบง่าย การเลือกใช้วัสดุอันล้ำค่า เช่น โรสโกลด์ 18K 5N เปลือกหอยมุก (Mother-of-Pearl) และเพชร ทำให้นาฬิกาเหล่านี้ได้รับการผสมผสานระหว่างความหรูหราและความประณีตอย่างพิถีพิถัน ทั้งยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นมากกว่านาฬิกาสำหรับสนามแข่ง โดยเปลี่ยนจากกิจกรรมความเร็วสูงไปสู่ค่ำคืนอันหรูหราและศิวิไลซ์ได้อย่างง่ายดาย ด้วยการวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงหลักสรีรศาสตร์ นาฬิการุ่นนี้จึงโดดเด่นด้วยขนาดที่สวมใส่ได้พอดีสำหรับข้อมือทุกแบบ โดยผสานรวมเข้ากับไลน์นาฬิกา Carrera ได้อย่างสวยงาม เชื่อมช่องว่างระหว่างดีไซน์ของชายและหญิง ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นนาฬิกาแบบ unisex ที่สมบูรณ์แบบ ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 7 อัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุด และสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 56 ชั่วโมง โดยกลไกเคลื่อนไหวนี้ยังมาพร้อมหน้าต่างวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งนาฬิกาทั้งสามรุ่น พร้อมวางจำหน่ายคู่กับสายนาฬิกา Carrera H อันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ ทั้งในแบบสตีล รวมถึงแบบสตีลและโรสโกลด์ 18k 5N  อีกด้วย

- Advertisement -