Step Out,Then Step Up! แจ๊คกี้ – จักริน กังวานเกียรติชัย กับก้าวต่อไปในชีวิตที่เจ้าตัวบอกว่าตื่นเต้นในทุกย่างก้าว

Share This Post

- Advertisement -

Photographer: Ponpisut Pejaoren

Author: Pacharee Klinchoo

วันที่เรานัดเจอแจ๊คกี้ – จักริน กังวานเกียรติชัย อาเจนด้าหลักคือการโปรโมทซีรีส์เรื่องใหม่ของเขา ‘Club Friday The Series: Hot Love Issue ตอน ความลับในแอปหาคู่’ ที่เขาร่วมแสดงกับปันปัน – สุทัตตา อุดมศิลป์ แต่พอเราลงนั่งคุยกับเขา เราก็พบว่าอีกหนึ่งอาเจนด้าในชีวิตของเขาที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นคือความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกับเด็กหนุ่มตรงหน้าที่จะกำหนดทิศทางชีวิตและหน้าที่การงานในอนาคตของเขาเลยทีเดียว

“สบายดีนะ” เราเปิดบทสนทนาทักทายกับเขา ซึ่งเขาก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มที่เราคุ้นชิน “สบายดีครับ” เด็กหนุ่มตรงหน้าเราเพิ่งจะอายุได้ 23 ปี ตั้งแต่ครั้งที่เราเคยลงนั่งสัมภาษณ์เขาสมัยที่เดบิวต์กับวง TRINITY เขาดูเติบโตขึ้นมากทั้งรูปร่าง สีหน้า และแววตา “มันก็เป็นอีกสเต็ปหนึ่งของชีวิตล่ะครับ” เขานิ่งหาคำตอบไปสักพักหลังจากที่เราถามถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลงในวันพรุ่งนี้ (นับจากวันที่เราได้ลงนั่งคุยกับเขา) “เพราะมันก็ถูกวางไว้แล้วแหละว่าสัญญามันต้องหมดลงเข้าสักวัน ก็เคยคิดไว้ประมาณหนึ่งแล้วแหละว่าถ้าหมดสัญญากับที่นี่แล้วจะทำอะไรต่อไปกับชีวิต แต่ตอนนั้นก็ยังคิดไม่ออกหรอกครับว่าจะออกมาแบบไหน” เขาหัวเราะ “แต่พอมันใกล้จะหมดเวลาแล้วจริงๆ มันก็… ยังไงดี” เขาหัวเราะอีกครั้ง “ไฟลนก้นน่ะ ก็ต้องหาโน่นหานี่ว่าจะทำอะไรต่อไปนั่นล่ะครับ”

ในวันนั้นแจ๊คกี้บอกกับเราว่าเขาวางแผนว่าจะเปิดตัวบริษัทของตัวเองที่ชื่อว่า OTH Entertainment (On The Horizon Entertainment) ในวันเกิดของเขา ซึ่งตรงกับวันที่ 29 มีนาคม ดูเหมือนจะวางอนาคตของตัวเองไว้พร้อมแล้วนะ เราตั้งข้อสังเกต มองอนาคตของตัวเองทั้งในส่วนของศิลปิน และของนักแสดงไว้อย่างไร เราถามต่อ “คำว่า ‘ศิลปิน’ ในความเข้าใจของผมคือรวมทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดง การร้อง หรือแฟชั่น ต้องทำให้ได้หมดครับ นี่คือความเป็นศิลปินของผม คือการได้ทำในสิ่งที่ผมชอบและผมอยากทำ”

โอเค… งั้นแจ๊คกี้ถนัดงานด้านไหนมากที่สุด “ส่วนตัวผมคิดว่าจะมุ่งไปเรื่องการทำเพลง และการแสดงคอนเสิร์ตครับ” เขาตอบทันที “เพราะผมเองก็เริ่มต้นจากตรงนี้เนอะ และผมก็ยังชอบฟีลลิ่งการแสดงบนเวทีอยู่” พูดถึงการแสดงบนเวที เห็นว่าปีที่แล้ว TRINITY ได้ขึ้นเวที BATTLE OF TOKYO ร่วมกับ Ballistik Boyz ทั้งที่ไซตามะ ซูเปอร์ อารีนา กรุงโตเกียว และ เคียวเซร่าโดม โอซาก้า ความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง “เป็นสเกลคอนเสิร์ต ที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้วครับ” น้ำเสียงของเขาตื่นเต้นแบบปิดไม่อยู่ “รู้สึกตื่นเต้น และก็รู้สึกปลดปล่อยมากๆ เลยครับ รู้สึกเหมือนได้ปลดล็อคตัวเองบางอย่าง ยังไงดีนะ” เขานิ่งคิดหาคำที่ถูกต้องมาอธิบายความรู้สึกท่วมท้นในตอนนั้น “คนดูที่นั่นไม่ใช่คนไทยใช่ไหมครับ คนญี่ปุ่นจะเสพความบันเทิงแบบจริงจังมาก เขาจะไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเลย ผมคิดว่าตรงนี้มันทำให้ผมสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ และคนดูก็สนุกไปกับเราจริงๆ เป็นการสื่อสารสองทางของจริงเลยครับ แบบเราส่งพลังงานอะไรออกไป ก็ได้รับกลับมาทั้งหมดเลยครับ รู้สึกดีมากจริงๆ”

ตอนนั้นได้ขึ้นสเตจสเกลนั้นในฐานะสมาชิกวง TRINITY ตอนนี้ก็เตรียมตัวลุยเดี่ยวแล้ว มีความฝันไหมว่าอยากจะแสดงที่สเตจไหนเป็นพิเศษ “ความฝันเหรอครับ” อีกครั้งที่เขานิ่งไป “อืม… ยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายเลยครับว่าต้องไปสเตจไหนเป็นพิเศษ ผมอยากจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อน แต่ถ้าให้คิดเป็นภาพรวม ก็คงอยากจะขึ้นเวทีอย่างอิมแพค อารีน่า หรือราชมังฯ อะไรแบบนี้ครับ” ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยขึ้นมาก่อนนะ เราว่า “ใช่ครับ แต่ผมอยากขึ้นในฐานะตัวผมที่เอาทั้งโชว์อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวครับ แบบนั้นผมยังไม่เคยทำ และอยากจะทำจริงๆ”เราจับจากน้ำเสียงเขาได้ว่าเขามุ่งมั่นกับเส้นทางการเป็นศิลปินเดี่ยวของเขาจริงๆ เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าการเปลี่ยนผ่านจากสมาชิกวงมาเป็นศิลปินเดี่ยว แนวเพลงหรือการทำเพลงจะต้องเป็นอย่างไร “แนวเพลงที่ผมสนใจช่วงนี้คือ cinematic pop ครับ” เขาเล่า มันคืออะไรนะ เราเลิกคิ้ว “มันคือแนวเพลงที่… อธิบายยังไงดี” เขานิ่ง… เรารอ เพราะรู้ว่าอีกสักพักเขาจะหาคำที่เหมาะสมมาอธิบายสิ่งที่อยู่ในใจเขาได้ “เป็นเพลงที่สามารถเอาไปใช้เป็นซาวด์แทร็คของภาพยนตร์ได้ มันจะเต็มไปด้วยอารมณ์ มีความคราฟต์บางประการในแนวเพลงครับ” เราขอให้เขายกตัวอย่างเพลงแนวนี้ เผื่อเราจะเอาไปศึกษาทำความเข้าใจก่อนจะไปสัมผัสเพลงเดี่ยวของเขาที่เราก็คาดว่าน่าจะปล่อยในอีกไม่นาน “เพลง Golden Hour ของ JVKE กับเพลง The King ของ Sarah Kinsley ครับ น่าจะประมาณนั้น

“คำว่า ‘ศิลปิน’ ในความเข้าใจของผมคือรวมทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดง การร้อง หรือแฟชั่น ต้องทำให้ได้หมดครับ นี่คือความเป็นศิลปินของผม คือการได้ทำในสิ่งที่ผมชอบและผมอยากทำ”

“ผมไม่มั่นใจนะว่าตอนนี้ผมจะพูดเรื่องเพลงได้ขนาดไหน” เขาลังเลเมื่อเราถามถึงเนื้อหาและเรื่องราวที่เขาอยากจะถ่ายทอดในฐานะศิลปินเดี่ยว “แต่ผมบอกได้ว่าผมจะลงมือทำเองในทุกกระบวนการ และทุกอย่างจะถูกกลั่นกรองออกมาจากตัวผมจริงๆ ครับ ผมบอกได้ประมาณนี้แล้วกัน” นอกเหนือไปจากการพาตัวเองไปเป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว แฟนๆ ของแจ๊คกี้ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะทิ้งเรื่องการแสดง เพราะเขาก็แง้มมาว่าในส่วนของการแสดงก็มีติดต่อมา ให้แฟนๆ รอติดตามผลงานของเขาได้เลย

แจ๊คกี้คิดว่าแฟนคลับชอบแจ๊คกี้เพราะอะไร “ผมว่าน่าจะชอบที่ตัวตนของผมนะ” เขาตอบทันที “ผมว่าผมเป็นคนเฟรนด์ลี่ คุยได้กับทุกคน และไม่ค่อยห่วงภาพลักษณ์ตัวเองเท่าไหร่ ก็คิดว่าทุกคนน่าจะรักผมเพราะผมเป็นตัวเองนี่ล่ะครับ” มีอะไรอยากจะบอกกับแฟนคลับไหม “ฝากติดตามตัวผมในอนาคตด้วยนะครับ หวังว่าทุกคนจะได้เห็นตัวผมจริงๆ ได้ฟังสิ่งที่ผมอยากจะเล่าจริงๆ และหวังว่าทุกคนจะยังอยู่กับผมไปตลอดนะครับ”

- Advertisement -