แบรนด์นาฬิกาชื่อดังระดับโลกในงาน “Rado Novelties 2024” สุดยิ่งใหญ่

Share This Post

- Advertisement -

อวดโฉมสุดยอดเรือนเวลาหรูจาก 6 รุ่นดังน่าสะสมประจำปี 2024

Mr. René Furler กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า“Rado Novelties 2024 เป็นการจัดแสดงเรือนเวลาหรูรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2024 ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันหลากหลายในตัวเรือนสุดพิเศษที่ผลิตจากวัสดุล้ำสมัยที่เราได้พัฒนาขึ้นมาอย่างไฮเทคเซรามิกซึ่งโดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วนรวมถึงมีน้ำหนักที่เบาสบายและสำหรับปี 2024 นี้เราได้เปิดตัวนาฬิกาถึง 6 รุ่นดังนำโดยเรือนไฮไลท์จากคอลเลกชั่นกัปตันคุกไฮเทคเซรามิกสเกเลตัน Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton ที่มีความเท่สปอร์ตรวมถึงมาในโทนสีใหม่ล่าสุดอย่างสีเขียวมะกอกที่สะท้อนถึงธรรมชาติและการผจญภัยพร้อมกันนี้ยังมีนาฬิกาอีกหลากหลายคอลเลกชั่นให้เหล่านักสะสมและคนรักเรือนเวลาหรูได้รับชมกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ”

รวมถึงเหล่านักแสดงชื่อดังที่มาร่วมถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่นผ่านเรือนเวลาสุดหรู อาทิ อาเล็ก-ธีรเดชเมธาวรายุทธ, ปอนด์-ณราวิชญ์เลิศรัตน์โกสุมภ์, บลู-พงศ์ทิวัตถ์ตั้งวันเจริญ, มารีน่า-ศดานันท์บาเล็นซิเอก้า และแยม-มทิราตันติประสุต

โดยภายในงาน “Rado Novelties 2024” จะจัดแสดงสุดยอดเรือนเวลาประจำปี 2024 ที่ประกอบไปด้วย 6 รุ่นดีไซน์ล่าสุด นำโดยเรือนไฮไลท์อย่าง “กัปตันคุก”  นี้ที่มาในเฉดสีเขียวมะกอกกับ 2 รุ่นแตกต่างกันที่สาย คือ “Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton” สายไฮเทค เซรามิกแบบด้านสีเขียวมะกอก R32150162 ที่เป็นพระเอกในงานนี้ มาพร้อมกับรุ่นสายยาง R32150168 โดยการนำเสนอในคอนเซ็ปต์เนรมิตเมืองให้เป็นพงไพรธรรมชาติในแบบฉบับของคุณ ด้วยการดีไซน์ตัวเรือนในโทนสีเขียวมะกอกที่จะช่วยกระตุ้นถึงความเป็นนักผจญภัยของผู้สวมใส่ ด้านตัวเรือนผลิตจากไฮเทคเซรามิกที่มีโครงสร้างแบบเป็นชิ้นเดียว พร้อมกรอบหน้าปัดผลิตจากสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีโรสโกลด์และขอบไฮเทคเซรามิกสีเขียวมะกอกแบบด้านที่มีตัวเลขและเครื่องหมายเป็นแบบสลักลวดลายรูปสามเหลี่ยมที่เคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว พร้อมมอบสัมผัสการสวมใส่ที่สบายด้วยสายนาฬิกา 2 แบบ ทั้งสายนาฬิกายางสีเขียวมะกอกแบบด้าน พร้อมบานพับล็อกแบบขยายได้ที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล และสายนาฬิกาแบบถักที่ผลิตจากไฮเทคเซรามิกพร้อมบานพับล็อกแบบ 3 ทบที่ทำจากไทเทเนียมเพิ่มความแข็งแรงทนทานในโทนสีเขียวมะกอกเข้ากันได้ดีกับสีของตัวเรือน นอกจากนี้บริเวณด้านหลังตัวเรือนยังผลิตจากไทเทเนียมแบบขัดเงารูปทรงกลม ที่มีกระจกคริสตัลแซฟไฟร์แบบโปร่งใสสามารถมองเห็นกลไกการทำงานอันทรงพลังของระบบออโตเมติก คาลิเบอร์ R808 ให้ความแม่นยำและเที่ยงตรงอย่างไร้ที่ติ พร้อมแฮร์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อสนามแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี และสามารถสำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง มาพร้อมกับความสามารถกันน้ำได้ลึก 30 บาร์ หรือ 300 เมตร

ต่อมาที่รุ่น “True Square Open Heart” มาใน2 เฉดสีใหม่ ได้แก่ รุ่นสีขาว ประดับอัญมณี R27073712 และสีเขียวเทอร์ควอยซ์ประดับเพชรแท้ R271767120 ที่ออกแบบมาเพื่อเผยให้เห็นความงดงามของกลไกที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าปัดนาฬิกาได้อย่างชัดเจน โดยในทั้ง 2 รุ่น มีตัวเรือนและเม็ดมะยมทำจากไฮเทค  เซรามิกที่มีโครงสร้างแบบตัวเรือนชิ้นเดียว ครอบทับหน้าปัดด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน ส่วนฝาหลังผลิตจากไทเทเนียมเพิ่มความแข็งแรง ในตัวเรือนรุ่นสีขาวจะถูกประดับด้วยอัญมณี 12 เม็ด แทนตำแหน่งหลักบอกเวลาแบบชั่วโมง ที่ประกอบด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงิน, อะความารีน, ซาโวไรต์, แซฟไฟร์สีเหลือง, สปิเนล, แซฟไฟร์สีชมพู และแซฟไฟร์สีม่วง ในขณะที่ตัวเรือนรุ่นสีเขียวเทอร์ควอยซ์ใช้เพชรคุณภาพสูง Top Wesselton ประดับ 12 เม็ด โดยทั้งสองรุ่นถูกขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ R734 สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง มีแฮร์สปริงป้องกันสนามแม่เหล็กที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เคลือบตกแต่งผิวด้วยลวดลายวงกลมและโครงสร้าง Cote de Geneve บนฐานกลไก ตัวเข็มนาฬิกาสีโรเดียมเคลื่อนบนหน้าปัด มีสัญลักษณ์สมอเรือเคลื่อนไหวในโทนสีโรเดียมที่โดดเด่นบนพื้นหลังสีขาวหรือสีเงิน และสายของนาฬิกาผลิตจากไฮเทคเซรามิกขัดเงา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นที่เพิ่งเปิด

ตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอย่าง “True Square x Kunihiko Morinaga” R27086172ที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์เรือนเวลาร่วมกับ คุนิฮิโกะโมรินากะ (Kunihiko Morinaga) ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบการออกแบบล้ำยุค โดยครั้งนี้นักออกแบบได้ใช้เทคโนโลยีโฟโตโครมิก (Photochromic) มาใช้บนหน้าปัดนาฬิกาทำให้สนองต่อการเปลี่ยนแปลงเมื่อโดนแสง บางครั้งดูทึบแสงและบางครั้งจะดูโปร่งแสง เพื่อซ่อนและเปิดเผยรายละเอียดโครงสร้างกลไกออโตเมติกที่อยู่ภายในตัวเรือน ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความน่าสนใจและชวนค้นหา บนหน้าปัดเข็มบอกเวลาทั้ง 3 เข็มถูกตกแต่งด้วยสีโรเดียม เข็มบอกชั่วโมงและนาทีประดับขอบสีขาวพร้อมเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) ด้านตัวเรือนนาฬิกาเป็นแบบโครงสร้างชิ้นเดียว พร้อมเม็ดมะยมและสายนาฬิกาผลิตจากไฮเทคเซรามิกสีดำแบบขัดเงา เรียบเนียน เป็นกรอบสวย เล่นแสง สี เงา และมิติได้ดี ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีเอกลักษณ์ที่ดูโดดเด่น ฝาหลังทำจากไทเทเนียมผิวสัมผัสแบบพ่นทราย เคลือบ PVD สีดำ เข้ากันได้ดีกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่แกะสลักข้อความ “KUNIHIKO MORINAGA SPECIAL EDITION” ด้านกระจกหน้าปัดผลิตจากคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบกันการสะท้อนแสงทั้งสองด้าน ซึ่งตัวเรือนมาในขนาด 38 x 44 มม. พร้อมการขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติก คาลิเบอร์ Rado734 ที่สำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง พร้อมแฮร์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก ที่มีดีไซน์โอเพ่นฮาร์ท เกลียวละเอียด มาพร้อมใบรับรองเรือนเวลารุ่นสุดพิเศษนี้ด้วย

ถัดมาที่ “True Round Open Heart” มาพร้อมกับ4 รุ่นดีไซน์ใหม่ ได้แก่ สีขาว R27115012, สีพลาสม่า R27108112, สีดำ R27107172 และรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น สีขาวหน้าปัดสะท้อนแสงอาทิตย์ R27115022 ที่มีเพียง 888 เรือนทั่วโลกโดยดีไซน์หน้าปัดมีแรงบันดาลใจมาจากสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความอนันต์ (Infinity) และเลข 8 ที่หมายถึงโชคลาภ พร้อมเผยให้เห็นกลไกอันแสนประณีตให้เห็นอย่างน่าตื่นตา โดยจะมี 3 รุ่นในโทนสีหน้าปัดสีขาว สีพลาสมา และสีดำ โดดเด่นด้วยขอบสีทองโรสโกลด์ และเข็มชั่วโมงและนาทีในโทนสีทองโรสโกลด์เคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว บนตัวเรือนขนาด 40 มิลิเมตร โดยทั้งตัวเรือน เม็ดมะยม และสายนาฬิกาผลิตจากไฮเทค เซรามิกขัดเงาสีดำ สีพลาสมา และสีขาว ส่วนอีกอีก 1 รุ่น จะเป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่มาในตัวเรือนและเม็ดมะยมผลิตจากไฮเทคเซรามิกสีขาวซันเรย์ขัดเงา โครงสร้างแบบตัวเรือนชิ้นเดียว และฝาหลังผลิตจากไทเทเนียม โดยบริเวณตรงกลางประดับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์แกะสลักคำว่า: LIMITED EDITION ONE OUT OF 888 อย่างพิถีพิถัน โดยจุดเด่นจะอยู่ที่หน้าปัดซันเรย์สีขาวเรืองแสงที่มีเข็มบอกเวลาเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) พร้อมล้อมด้วยวงแหวนสีเทาบนหน้าปัด ซึ่งนาฬิกาทั้ง 4 รุ่นใหม่นี้จะขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติก คาลิเบอร์ R734 ที่มีดีไซน์โอเพ่นฮาร์ท สามารถสำรองพลังงานได้นาน 80 ชั่วโมง เสริมความแข็งแรงด้วยแฮร์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก

ต่อมาที่นาฬิการุ่นยอดนิยมของสุภาพสตรี “Centrix Open Heart” เพิ่มความหรูหราบนหน้าปัดด้วยเพชรแท้ Super Jubilé ขนาดหน้าปัด 35 มม ประดับเพชรเพิ่มเป็นประกาย 86 เม็ด ตรงส่วนโค้งด้านล่างของบริดจ์ 2 รุ่น ตัวเรือนสีขาว R30029932 และตัวเรือนสีน้ำตาล R30029942 มาพร้อมรุ่น Jubilé ที่ประดับเพชรแท้ 12 เม็ด บนหน้าปัดขนาด 35 มม ได้แก่ รุ่นสีขาว R30029922, สีน้ำตาล R30029902, สีพลาสม่า R30029912 และสีน้ำตาล ขนาดหน้าปัด 39.5 มม R30028902 ในดีไซน์สไตล์เฟมินีนที่จะดึงดูดทุกสายตาด้วยรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ โดยนาฬิการุ่นเซนทริกซ์ (Centrix) นั้นสื่อถึงการมาจากจักรวาลของนาฬิกา Swiss made ที่เวลา คือการเคลื่อนไหว และเพชร คือดวงดาวที่กำลังส่องแสงวาววับอยู่บนท้องฟ้านับเป็นการผสมผสานสองแมททีเรียลอันสะท้อนให้เห็นถึงความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ระหว่างสแตนเลสสตีล และไฮเทคเซรามิก โดยจุดเด่นของเรือนเวลาคอลเลกชั่นนี้อยู่ที่การประดับตกแต่งหน้าปัดด้วยเพชรแท้ มากกว่ารุ่นก่อนๆ โดยเรียกว่า ‘Super Jubile’ ตัวเรือนสีขาว R30029932 และตัวเรือนสีน้ำตาล R30029942 พร้อมช่องที่เปิดโชว์บนหน้าปัดเพื่อเผยให้เห็นกลไกอันพลิ้วไหวที่น่าหลงใหลภายในเรือนเวลา โดยมีให้เลือกหลากหลายสีสันตามความชอบ รุ่น Jubilé สำหรับท่านที่ชื่นชอบเพชรไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป ประดับบนตำแหน่งชั่วโมง

ด้านรุ่น “Anatom” มากับสีหน้าปัดใหม่ 3 สี ได้แก่ สีเขียว R10202319, สีน้ำเงิน R10202209, สีคอนยัค R10202309 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความโดดเด่นถูกเปิดตัวเมื่อปลายปี 2023 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และครั้งนี้พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดยรุ่น อะนาตอมนับเป็นเรือนเวลาที่สามารถสะท้อนตัวตนของแบรนด์ Rado ออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเปิดตัวครั้งแรกในช่วงปลายปี ค.ศ. 1983 นาฬิการุ่นนี้ได้นำเสนอคอนเซ็ปต์ Anatom แห่งการปฏิวัติเรือนเวลา ด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่นูนตามแนวโค้งของสรีระรับกับส่วนข้อมือได้อย่างลงตัว ควบคู่ไปกับตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยม และหลังจาก 40 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก Anatom ได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งอย่างสง่างาม ในแบบที่สะท้อนถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ และในครั้งนี้ได้เปิดตัว Anatom กับ 4 รุ่นใหม่ที่มีให้เลือก โดยมี 3 รุ่นที่แตกต่างจากสีของหน้าปัด ที่มีตัวเรือนสีดำรูปทรงสี่เหลี่ยมผลิตจากไฮเทคเซรามิก ด้านหน้าปัดไล่ระดับเฉดสีจากบริเวณตรงกลางตัวเรือนไปยังบริเวณขอบด้านนอกในโทนสีดำเข้ม แตกต่างกันออกไปในแต่ละเฉดสีทั้งสีเขียว, สีน้ำเงิน และสีคอนยัค โดยมีดีเทลหน้าต่างบอกวันที่ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนเข็มชั่วโมงทำจากโรเดียมเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว พร้อมการขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ R766 ที่เข้ากันได้ดีกับสายนาฬิกายางสีดำคุณภาพสูง

ปิดท้ายที่รุ่น “DiaStar” นาฬิกาไอคอนิคจาก Rado ที่รุ่นใหม่คือรุ่น “Diastar” R12161733 สีทองโดดเด่น สะกดทุกสายตา จัดแสดงพร้อมกับรุ่นยอดนิยมตลอดกาลอย่าง “DiaStar Original Skeleton” สีเงินและสีทอง นาฬิการุ่น “DiaStar” นี้ได้รับความนิยมมาอย่างช้านานตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1972 และได้มีการปรับปรุงด้วยการนำวัสดุ CeramosTM มาใช้เป็นวัสดุบริเวณขอบ Bazel ในรุ่นสีทองนี้ด้วยช่วยเพิ่มเสน่ห์ และมีความเป็นเอกลักษณ์ในการมองกลไกบนหน้าปัดนาฬิการุ่นนี้ด้วย พร้อมการเลือกใช้กระจกคริสตัลแซฟไฟร์บริเวณหน้าปัดและฝาหลังช่วยเผยมุมมองให้เห็นกลไกออโตเมติกที่มีรายละเอียดซับซ้อนและสวยงาม ที่มีการสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมแฮร์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก

- Advertisement -