Author: Sethapong Pawwattana
Photography: Courtesy of Omega
คอลเลกชั่น Omega Constellation ได้รับแรงบันดาลใจมายาวนานจากการเคลื่อนที่ที่แม่นยำของดวงดาว ในปีนี้ ธีมอันโดดเด่นดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปด้วยนาฬิการุ่นใหม่ที่มีหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งสร้างจากอุกกาบาต
อุกกาบาต Muonionalusta อาจเป็นอุกกาบาตที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีอายุมากกว่า 4.5 พันล้านปี ด้วยรูปแบบธรรมชาติ แต่ละชิ้นจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ละหน้าปัดจึงจะไม่เหมือนกัน Omega ยังใช้เทคโนโลยีการปรับสีที่ล้ำหน้าที่สุดอีกด้วย นวัตกรรมใหม่นี้ทำให้มีตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น นาฬิกามีให้เลือกทั้งหมด 20 รุ่น โดยมีให้เลือก 5 แบบในแต่ละหมวดหมู่
Co-Axial Master Chronometer ขนาด 41 มิลลิเมตร รวมถึงรุ่นสเตนเลสสตีลพร้อมกรอบเซรามิกสีดำ หน้าปัดอุกกาบาตได้รับการปรับสีด้วยสีกัลวานิกโรเดียม-เทา และเข็มดัชนี และตัดกันด้วยการเคลือบ PVD สีดำ
Co-Axial Master Chronometer 29 มิลลิเมตร รวมถึงรุ่นสองสีที่สร้างสรรค์จากสเตนเลสสตีลและเยลโลว์โกลด์ 18K หน้าปัดอุกกาบาตเคลือบ PVD Moonshine™ Gold เด่นด้วยตำแหน่งบอกเวลาประดับเพชรและขอบหน้าปัดประดับเพชร
ส่วนขนาด 28 มิลลิเมตร รวมรุ่นที่เป็นสเตนเลสสตีลและทอง Sedna™ 18K หน้าปัดอุกกาบาตได้รับการตกแต่งด้วยสีฟ้าอ่อน ตำแหน่งบอกชั่วโมงประดับเพชร ประทับบนฝาหลังด้วยตรา Constellation Observatory
ส่วนขนาด 25 มิลลิเมตร รวมรุ่นสองสีในสเตนเลสสตีลและทอง Sedna™ 18K นอกจากการประทับ Constellation Observatory ที่ฝาหลังแล้ว ยังมีการใช้เพชรสำหรับกรอบและตำแหน่งบอกชั่วโมง ในขณะที่หน้าปัดอุกกาบาตได้รับการตกแต่งด้วยสีม่วงไลแลค
นี่คือดีไซน์ที่ใครหลงใหลในความลี้ลับของอวกาศผนวกกับดีไซน์ที่หรูเท่คงไม่พลาดที่จะครอบครอง