Never Stop Dreaming

Share This Post

- Advertisement -

Photographer: Ponpisut Pejareon

Fashion Editor: Chanond Mingmit 

Author: Pacharee Klinchoo

สองทศวรรษกับอีกนิดหน่อยที่วงไทยเทเนี่ยมโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงฮิปฮอป ขัน – ขันเงิน เนื้อนวล และเวย์ – ปริญญา อินทชัย ต่างเห็นตรงกันว่า แม้ไม่เคย คิด’ ว่าจะอยู่มาได้นานเบอร์นี้ แต่พวกเขา ฝัน’ และลงมือทำความฝันนั้นให้เป็นจริงมาโดยตลอด

 “เราไม่เคยคิดเลยว่าเราจะไปไกลถึงขนาดไหน แต่เราฝันว่าเราจะไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เราจะไปได้ครับ”

– KHAN THAITANIUM –

คุณคิดอย่างไรกับประโยคที่ว่า ‘ถ้าอยากดัง แต่ร้องเพลงไม่ได้ ให้ไปแรปเอา’ เรายิงคำถามใส่ทั้งขัน – ขันเงิน เนื้อนวล และเวย์ – ปริญญา อินทชัย สองหัวเรือใหญ่วงไทยเทเนี่ยม ทันทีที่การถ่ายปกกับ Louis Vuitton จบลง “จริงๆ แล้วพวกเราเองก็ร้องเพลงไม่ได้ และพวกเราก็มาแรปนะ” ขันตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ “แต่การแรปมันก็มีศิลปะของมันอยู่นะ ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็ทำได้เสียหน่อย คือมันต้องรู้จังหวะที่ลงตัว ต้องมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจ สิ่งที่คุณถามมาที่ว่าเขาพูดๆ กันมันก็ไม่ผิด แต่การแรปก็ต้องมีศิลปะในตัวมันอยู่น่ะ” ขันย้ำอีกครั้ง ส่วนเวย์ก็พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ “การแรปกับการร้องเพลงมันเป็นคนละอย่างกันอยู่แล้วครับ” เขาเสริม “เหมือนที่ขันพูดล่ะครับว่ามันเป็นศิลปะจริงๆ มันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ คุณอยากจะแรป คุณก็แรปขึ้นมาได้เฉยๆ อะไรแบบนั้นสักหน่อย”

“จริงๆ แล้ว ใครๆ ก็แรปได้นะ” ขันขัดเพื่อนร่วมวงด้วยรอยยิ้ม “แต่แรปแล้วจะเวิร์คมั้ย คนจะชอบหรือเปล่า จะมีคนฟังคุณแรปมั้ย นั่นคืออีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว” เราฟังแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ เพราะเราย้อนนึกไปถึงคลิปไวรัลคลิปหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดัง ที่ยืนยันได้จริงๆ ว่า ‘ถ้าร้องเพลงไม่เป็น ให้ไปแรป’ นั้นใช้การกับทุกคนไม่ได้ แล้วคุณสองคนเห็นเสน่ห์อะไรในการแรปนะ “การแรปมันคือเรื่องเล่าชีวิตของแต่ละคนน่ะ” เวย์ตอบ “คนที่แรปเก่งๆ พวกที่แต่งเนื้อร้องเก่งๆ (lyricist) นี่คือการโชว์วัดไอคิวกันได้เลยนะครับว่าแรปเปอร์คนนี้ฉลาดขนาดไหน มีมุมมองในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ อย่างไรบ้าง อันนี้พูดถึงยุคที่แข่งกันด้วยเนื้อหานะครับ ส่วนยุคนี้ก็เน้นกันที่อารมณ์ เน้นฟีล เน้นจอยไปมากกว่า แต่ผมก็ยังเชื่อว่าการแรปที่ดีคือการโชว์สกิลความเป็นกวีในตัวแรปเปอร์ออกมาอยู่ดีล่ะครับ”

“โชว์กึ๋นน่ะ” ขันเสริมทันที “เพราะเรื่องที่เราจะเล่าผ่านการแรปนั้นมันเป็นเรื่องที่เรารู้อยู่แล้ว เราต้องเอามันออกมาเป็นเพลงแรป และคนที่ฟังจะได้อ่านชีวิตเราเลยว่าเราเป็นมายังไง ดังนั้น วิธีการเล่า และความฉลาดในการเล่าจะต้องมี ไม่อย่างนั้นจะยังไงล่ะ” นั่นสิ… เราคล้อยตามพลางคิดว่า ทำไมเราถึงจะต้องไปสู่รู้เรื่องของชาวบ้านกันนะ และคำตอบก็ผุดขึ้นมาทันทีว่า… ก็ถ้าเรื่องของชาวบ้านมันถูกถ่ายทอดออกมาได้สนุกสนาน และตรงกับจริตของเรามากพอ การสู่รู้นั้นก็นำมาซึ่งความสุขไงล่ะ

วงไทยเทเนี่ยมยืนระยะในวงการมาเข้าปีที่ 24 แล้ว โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน สังคมก็เปลี่ยนไปเยอะ การเล่าเรื่องในโลกยุคปัจจุบันในฐานะแรปเปอร์เปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อนหน้านี้มากแน่ๆ ตัวคุณรู้สึกถึงความยาก หรืออุปสรรคต่างๆ ในการ ‘เล่าเรื่อง’ ในยุคนี้บ้างไหม “ผมว่าการเล่าเรื่องมันไม่ได้เปลี่ยนไปหรอกนะ” เวย์ตอบทันที “วงการแรปมันอยู่มาห้าสิบปีแล้ว เรื่องเล่ามันก็วนเวียนอยู่นั่นล่ะ แต่สมัยนี้แรปเปอร์มันมากขึ้น และมาจากถิ่นที่หลากหลายมากขึ้น เมื่อก่อนยังจำกัดวงอยู่แค่ในนิวยอร์กหรือแคลิฟอร์เนียเป็นหลัก แต่ตอนนี้แรปเปอร์มาจากทั่วโลกแล้ว และทุกคนก็มีเรื่องเล่าที่แตกต่างกัน มันก็เลยมีอะไรให้เสพมากขึ้นล่ะครับ”

“เอาจริงๆ นะ ถ้าให้พูดถึงเรื่องความแตกต่างในการนำเสนอของยุคก่อนกับยุคนี้” ขันออกความเห็น “เมื่อก่อนมันไม่มี social media ที่จะกระจายคำพูดบางอย่างได้เร็วมากเท่ายุคปัจจุบัน…” เขานิ่งคิด “เรื่องบางเรื่องที่เคยพูดกันได้ในยุคก่อน มาถึงยุคนี้มันอาจจะไม่โอเคแล้วก็ได้ เพราะโลกเปลี่ยนไป มุมมองของคนในสังคมก็เปลี่ยนไป เราต้องระวังเรื่องที่ควรและไม่ควรพูดมากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่ระวังมากพอ มันก็เป็นดราม่าได้เร็วกว่ายุคก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องธรรมดามากเลยครับ”

ถามจริงๆ เถอะนะ มองย้อนไปดูตัวเองในยุคที่นั่งเล่นแผ่นเสียงในห้องนอน ทำผมทรงเดรดร็อค พวกคุณเคยคิดไหมว่าคุณจะอยู่ยงคงกระพันกันมาจนถึงวันนี้ “นั่นน่ะสินะ 24 ปีนี่ถ้ามีลูกก็คือลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ” เวย์หัวเราะ ซึ่งขันก็หัวเราะตามทันที “ถ้าถามว่า ‘คิด’ มั้ย ตอบเลยครับว่าเราไม่ได้คิดหรอก แต่พวกเรา ‘ฝัน’ และพยายามที่จะตามความฝันนั้นมาตลอด เราไม่เคยคิดเลยว่าเราจะไปไกลถึงขนาดไหน แต่เราฝันว่าเราจะไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เราจะไปได้ครับ”

“พวกเรายังรักการทำเพลง และถ้าพวกเรายังมีเรื่องที่จะเล่าอยู่ เราก็จะยังทำต่อไปเรื่อยๆ น่ะครับ เพราะอารมณ์พวกนี้มันไม่ได้มีจำกัดว่าถึงอายุเท่านี้แล้วมันจะจบนี่นา”

– WAY THAITANIUM –

ทั้งเวย์ ขัน และเรานิ่งกันไปสักพัก อาจจะเพราะมาย้อนคิดว่าสองทศวรรษนิดๆ นั้นไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ เลย “แต่เราไม่เคยคิดเลยนะว่าเราจะมาไกลได้ขนาดนี้” เวย์เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “อันนี้มันมากกว่าครึ่งชีวิตแล้วนะ เราเก็บ bucket list สิ่งที่เราอยากจะทำในฐานะวงไทยเทเนี่ยมไปเกือบครบแล้วเนอะ” ขันพยักหน้ารับ “แต่พวกเรายังรักการทำเพลง และถ้าพวกเรายังมีเรื่องที่จะเล่าอยู่ เราก็จะยังทำต่อไปเรื่อยๆ น่ะครับ เพราะอารมณ์พวกนี้มันไม่ได้มีจำกัดว่าถึงอายุเท่านี้แล้วมันจะจบนี่นา ประสบการณ์ของพวกเราก็มีเพิ่มเรื่อยๆ ตามอายุ เพราะฉะนั้น ถ้าพวกเรายังมีเรื่องที่อยากจะเล่า อยากจะพูด พวกเราก็จะยังทำต่อไปครับ”

พวกคุณอยู่ในวงการมานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ย่อมเติบโตเปลี่ยนแปลงอยู่แล้วล่ะ เรารู้ คุณคิดว่าคุณลักษณะใดของคุณที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ยังเด็ก และคุณลักษณะใดที่วงการนี้หล่อหลอมให้คุณมีในยุคปัจจุบันทั้งๆ ที่คุณไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ได้… งงคำถามเราไหม เราถาม “ถ้าตั้งแต่เด็กและยังเป็นอยู่คือผมดื้อ” เวย์หัวเราะ “ถ้าใครบอกว่า NO! นี่ผมจะทำให้ได้ทันทีเลยนะ ส่วนเรื่องที่เพิ่งจะมาเป็นนี่น่าจะเป็นเรื่องการผลักดันตัวเองให้ไปข้างหน้านี่ล่ะครับ ตอนเด็กๆ ผมอาจจะรักสบาย ขี้เกียจ ไม่ได้คิดจะทำอะไรเป็นของตัวเองอย่างจริงจัง แต่พออยู่ในวงการนี้ ธรรมชาติของหน้าที่การงานผสมกับความดื้อของผม ก็ทำให้ผมผลักดันตัวเองสุดๆ จนมาถึงทุกวันนี้ได้ล่ะครับ”

“สำหรับผมนะ” ถึงตาขันตอบบ้าง “สิ่งที่ผมเป็นมาตลอดตั้งแต่เด็กคือ เวลาผมตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง ผมจะตั้งใจทำให้มันสำเร็จให้ได้ ใช้เวลาทั้งชีวิตก็จะทำ ไม่ล้มเลิกเด็ดขาด ส่วนสิ่งที่ผมโตมาเป็นก็คือ ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กเงียบๆ ค่อนข้างขี้อาย พอโตมากับหน้าที่การงานแบบนี้ ความขี้อายตอนเด็กๆ หายไปไหนหมด” เขาหัวเราะ “เอาจริงๆ มันก็ยังมีอยู่นิดๆแหละนะ แต่โตมาในวงการนี้ทำให้ผมหน้าด้านขึ้นเยอะ” ซึ่งเอาจริง… จากประสบการณ์การทำงานกับเขามาหลายครั้ง เราไม่แปลกใจเลยกับคำตอบนี้ของเขา เพราะเราเองก็สัมผัสได้ถึงเด็กหนุ่มขี้อายคนนั้นทุกครั้งที่ลงนั่งคุยกับเขามาตลอด

ในเมื่อคุณยังไม่ยอมหยุดฝันกัน เราเปิดโอกาสให้คุณฝันได้เต็มที่เลย คุณฝันอยากจะร่วมงานกับใคร “Pharrell Williams ครับ” เวย์ตอบทันที “Kanye West ครับ” ขันก็แทบจะไม่คิดเช่นกัน “ร่วมงานแบบไหนก็ได้เลยนะครับ ไม่จำเป็นต้องทำเพลงอย่างเดียว” เวย์เสริม “ได้ทำโปรเจ็กต์อะไรสักอย่างก็โอเคแล้วครับ จริงๆ นะ” ก็ได้ถ่ายปกกับคอลเลกชั่นที่ฟาร์เรลล์ออกแบบแล้วนี่ไง เราเตือน “ครับ รู้สึกเลยว่าวันนี้หล่อเท่มาก” เวย์ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ เลยครับที่ได้รับเลือกจาก Louis Vuitton ในวันนี้” ขันก็พยักหน้าเห็นด้วย “ดีใจที่ Louis Vuitton สนใจตลาดฮิปฮอปนะครับ ดีใจจริงๆ เช่นกัน”

คำถามสุดท้ายแล้ว ให้คุณสองคนลองคัฟเวอร์การเป็นไลฟ์โค้ชดูสักนาทีหนึ่ง คุณอยากจะบอกอะไรกับเด็กรุ่นใหม่บ้างไหม “ผมเชื่อว่าไม่ว่าคุณจะลงมือทำอะไรก็ตาม” เวย์เริ่ม “มันจะมีช่วงเวลาที่คุณท้อ คิดว่าทำไม่ได้ และจะยอมแพ้ แต่จากประสบการณ์ของผม และจากที่ผมเห็นคนที่ประสบความสำเร็จมาตลอดชีวิต ทริคง่ายๆ ก็คืออย่าหยุดทำ ให้ทำไปเรื่อยๆ เพราะการทำไปเรื่อยๆ คือการเก็บแต้มให้คุณเก่งขึ้น การทำไปเรื่อยๆ ไม่มีข้อเสียอะไรเลย ถ้าคุณกำลังทำสิ่งที่เป็นพลังบวกในชีวิตคุณ ขอให้คุณทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันจะดีเองในที่สุดครับ”

“สิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกยุคนี้” ขันยิ้ม “สำหรับน้องๆคือ อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น อย่าอินกับอินสตาแกรมของคนอื่นมากเกินไป อย่าไปคิดว่าชีวิตเราไม่ดี และชีวิตคนอื่นดีกว่าเรา เพราะในความจริงแล้ว ทุกคนมีความสำเร็จและความผิดพลาดกันทั้งนั้น ไม่มีใครมีชีวิตที่ดีตลอดเวลาหรอก แม้บางคนชีวิตจะดูดีในภาพ เขาอาจจะเผชิญอะไรที่โหดร้ายมากๆ อยู่ก็ได้ ขอให้คุณ appreciate ชีวิตของตัวเองนะครับ ชีวิตของเราคือชีวิตที่ดีที่สุด เพราะมันเป็นของเรานี่ล่ะครับ”

Parinya’s Make Up: Torranit Jirasirikan 

Khanngoen’s Make Up: Ithigorn Luksameejunporn

Hair: Narubes Poonklang

Assistant Photographers: Patcharapol Ketsuwanvatana / Chudchpong Aumponrat

Assistant Stylists: Napat Roongruang / Mavee Mungmoonkittikarn

Co-producer: Akeera Sasungnern

Videographer: Thaikom Suktalordcheep

Assistant Videographer: Yukontorn Paethong

- Advertisement -