Art OUTSIDER

Share This Post

- Advertisement -

Photographer: IRA CHERNOVA

Author: Alexis Schwartz

Translator: Dr. Wattana K

ขณะที่ Amanda Wall ศิลปินผู้ไม่เคยผ่านสถาบันศิลปะใดๆ กำลังอยู่ระหว่างการหาจุดยืนของตัวเองผลงานของเธอก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของนักสะสมรวมทั้งภัณฑารักษ์ไปแล้ว

อาแมนดา วอลล์ รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ เธออาจจะกำลังคิดเหมือนกันอยู่ก็ได้ “ฉันมีอาชีพด้านศิลปะได้เพราะอินสตาแกรม ฉันยอมรับนะว่ามันคือเหตุผลที่ผู้คนทั่วไปเห็นผลงานภาพวาดของฉันเป็นครั้งแรก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่เปิดกระป๋องน้ำแร่ La Croix และรอบตัวคือชิ้นงานที่จะนำไปจัดนิทรรศการเดี่ยวครั้งที่สองของตัวเองที่ห้องแสดงภาพ Almine Rech “ฉันรู้ว่าผู้คนเห็นอะไร มันเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ยากนะ” อดีตผู้บริหารเรื่องความงามผู้กำลังดิ้นรนกับสถานะของคำว่า ‘ศิลปิน’ ยังคงทำงานอย่างลังเล ทั้งๆ ที่การแสดงผลงานของเธอนั้นจัดเคียงข้างศิลปินอย่าง James Turrell, Richard Prince, Julian Schnabel และ Kenny Scharf “ศิลปินไม่ใช่คำยิ่งใหญ่เลยนะ มันเป็นคำเล็กจิ๋ว และมันก็มีความเหมารวมของประวัติศาสตร์ศิลปะอยู่เบื้องหลังคำนั้นด้วย” เธอยักไหล่ “ฉันยังคงรู้สึกสะดุดนะเวลาที่ผู้คนถามว่าฉันทำอะไร” มันเป็นการตอบสนองสดๆ โดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนสำหรับศิลปินผู้เป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาด และการยอมรับนั่นก็แสนจะเท่—เป็นการเปิดเผยตัวอันเกินคาดคิดที่เธอหัวเราะเมื่อเรากล่าวดังนั้น

ฉันยังคงรู้สึกสะดุดนะเวลาที่ผู้คนถามว่าฉันทำอะไร

การเดินทางมาถึงโลกศิลปะของวอลล์ในวัย 30 เป็นเรื่องเข้าใจยากจากการขาดหนทางแห่งการเข้าถึง การเติบโตมาด้วยชีวิตแบบคนอเมริกันผิวขาวนิสัยเสีย คือการเดินทางไปโรงเรียน การไถหน้าจอ Tumblr การหายตัวไปเวลาที่ครอบครัวพาไปปีนเขา และการจุดไฟเผาป่า เด็กที่มีจิตใจด้านสุนทรียะผู้ติดอยู่ในความสะดวกสบาย การหาทางออกเป็นสิ่งควบคุมการตัดสินใจของวอลล์ แต่ศิลปะก็ไม่เคยอยู่ในความคิดของเธอ อาจเป็นเพราะมันไม่เคยอยู่ในชีวิตของเธอก็เป็นได้ “ศิลปะเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในที่ที่ฉันเติบโตมา ในบ้านเราไม่มีแม้แต่หนังสือ” เธออธิบาย นิตยสารและภาพของสิ่งของหรูหราจากเว็บคือสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเธอแทน และต่อมาภายหลัง จู่ๆ การเดินแบบกลายเป็นถนนเปิดที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ “มันคือสีและรูปทรง นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ” เธอว่า เมื่อไปเรียนด้านการออกแบบในระดับมหาวิทยาลัยที่ซีแอตเทิล เธอก็ได้รับการเรียกตัวและย้ายมาแอลเอเพื่อทำอาชีพหน้ากล้อง

หลังจากเป็นนางแบบอยู่ระยะสั้นๆ วอลล์ก็ไปสะดุดเข้ากับงานไซด์ไลน์คือหาคนและให้คำปรึกษางานแสดง ท้ายที่สุดก็ได้ไปพูดคุยกับ Rémy Cointreau เมื่อแบรนด์ความงามระดับมรดกของฝรั่งเศสส่งกรอบการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผมใหม่มาให้ เธอไม่ประทับใจเลย จึงออกแบบมันใหม่ด้วยตัวเอง “ฉันคือกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์” เธออธิบาย เมื่อบริษัทได้รับความเห็นของเธอจึงขยายข้อเสนอให้เธอเป็นผู้นำทิศทางของภาพลักษณ์แบรนด์ R+Co อันเป็นแบรนด์ความงามเพื่อสหัสวรรษใหม่ “ฉันไม่ต้องการออกแบบขวดแชมพู” วอลล์ว่า “ใครบางคนมาบอกว่า ‘ทำนี่นะ และเราจะจ่ายเงินให้’ มันง่าย” เธอช่วยสร้าง R+Co ในฐานะคู่แข่งของ Bumble & Bumble อันมีอิทธิพลมหาศาลในช่วงกลางของทศวรรษ 2000s และแบรนด์ก็กลายเป็นลัทธินิยม เป็นจุดเริ่มของการแคสต์งานแนวสตรีท ภาพของอินดี้ และแนวคิดแบบ ‘เกี่ยวข้องและเข้าถึงได้’ ซึ่งในตอนนี้ก็แผ่อิทธิพลครอบคลุมทุกแบรนด์ความงามร่วมสมัย ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วงานนั้นก็สูญเสียเสน่ห์ไป “มันไม่ท้าทาย ฉันทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น มันไม่ใช่ฉันทำอะไรตามเสียงเรียกร้องส่วนตัว ฉันทำให้อะไรๆ ดูน่ารักเพื่อคนอื่น ฉันไม่มีความหมายอะไร มันน่าเบื่อจนถึงฐานรากเลยแหละ” เมื่อเพื่อนชายของเธอในตอนนั้นคือ Olivier Zahm บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Purple เห็นภาพวาดของเธอ การกระตุ้นให้กำลังใจของเขานำเธอไปสู่การพิจารณาหนทางเลือกใหม่ แต่เมื่อปราศจากการศึกษาอย่างเป็นทางการ “ฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ฉันแค่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร” วอลล์ว่า แต่ความคิดนั้นก็ยังไม่หายไป

ทุกวันนี้วอลล์ซึ่งมีอายุ 37 ปี และปักหลักอยู่ที่แอลเอ การเดินทางไปสู่การเป็น ‘ศิลปิน’ เริ่มด้วยผ้าใบราคาถูก เธอเข้าสู่ ‘พื้นที่ของงานอดิเรก’ โดยการทำงานวาดภาพเดือนละภาพ และเสียสติ “มันเป็นกระบวนการของการเอาหัวโขกกำแพง การจมน้ำ ที่ซึ่งทุกครั้งที่วาดภาพสักภาพได้ดี ฉันจะกลับมาดูมันใหม่และคิดว่ามันคือขยะของแท้เลย” เธอหัวเราะ “มันไม่มีความแน่นอนในกระบวนการทำงานของฉันเลย” หลังจากลองผิดลองถูกอยู่นาน ในท้ายที่สุดผลงานของเธอก็ได้เปิดตัวทางสื่อสังคม แล้วก็มีข้อเสนอเข้ามา “มีผู้ชายคนหนึ่งที่ลอสแอนเจลิส เขามีกระท่อมในสวนหลังบ้านที่เขาว่าเขาจะจัดนิทรรศการเล็กๆ แต่ตอนแรกฉันคิดว่ามันฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไร้สาระ” คนและสถานที่ที่ว่าเหรอ มันคือ ‘The Cabin’ ซึ่งเป็นงานเลียนแบบกระท่อมของ Unabomber โดยศิลปิน Danny First ผลงานที่นำไปจัดแสดงถูกซื้อไปจนหมด ผู้อำนวยการของ MOCA หลายคนเข้ามามีส่วนร่วม และแรงเหวี่ยงของงานก็แรงถึงจุดสูงสุด “ผู้คนซื้อภาพวาดชุดแรกๆ ของฉัน ฉันไม่เข้าใจเหตุผลเลย” วอลล์ว่า

ปีครึ่งหลังจากนั้น ความงุนงงสับสนนี้ยังคงหลอกหลอนเธอ ถึงแม้ว่าศิลปินผู้ฝึกฝนตนเองจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ การไม่เคยตั้งใจจะเป็นหนึ่งในนั้น ความรู้สึกเหมือนตัวเองปลอมเป็นคนอื่นของวอลล์ นำไปสู่ความสุขุมรอบคอบอย่างลึกซึ้ง “ฉันไม่มีหลักฐานทางการศึกษาเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองถูกทำนองคลองธรรม” เธออธิบาย “ฉันหวังว่าฉันจะรู้ทุกอย่างที่รู้ได้ ฉันยังคงมีความกังวลใจเล็กน้อยในเรื่องที่ฉันเรียนรู้ด้วยตนเอง ในการเข้าสู่โลกของเราในตอนนี้และอายุเท่านี้” เธอยอมรับว่า ถึงแม้ธรรมชาติอันไม่ปะติดปะต่อของความสงสัยตัวเองจะเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน “ฉันคิดว่าพลังงานความเครียดนี้คือจิตวิญญาณแห่งกาลเวลาขณะนี้ เป็นโรคจิตเภทของมัน เป็นความรู้สึกว่าเราพังโดยสมบูรณ์” ณ วินาทีนี้ เธอกล่าวพาดพิงถึงความตั้งใจเบื้องหลังงานของเธอ ถึงบางสิ่งบางอย่างที่รู้สึกได้ภายในอกของเธอ ไม่เหมือนศิลปินคนอื่นที่เปิดเผยคำอธิบายได้ในชั่วกลอกตา แต่สำหรับวอลล์ มันใช้เวลาหลายชั่วโมงในการแบ่งปันความรู้สึกนี้

มีการแบ่งขั้วอย่างเด่นชัดในตัวของศิลปินผู้นี้ คือนักเล่นเกมกับคนเก็บตัว ตัวตนที่สองนี้แสดงบทบาทอย่างชัดเจนต่อความสำเร็จของเธอ “ฉันมาจากที่ที่ไม่ต้องการเข้าสู่โลกศิลปะ แต่เมื่อฉันตระหนักว่ามันมีความเป็นเกมมากแค่ไหน ฉันก็ติดใจมันมากขึ้น” งานออนไลน์ของวอลล์มาจากประสบการณ์หลายปีแห่งความเฉียบแหลมด้านธุรกิจ การรับรู้ถึงรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เธอเป็นนักล้อเลียนผู้ซ่อนอยู่หลังความปังของเธอ คุณอาจจะได้พานพบงานที่กำลังจะออกมาของเธอและไม่สามารถจะรู้ความคิดของเธอ การสร้างความลึกลับในโลกที่ท่วมท้นไปด้วยความคิดอ่านที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มันเป็นสัญชาตญาณที่ตรงข้ามกับความชิดใกล้ของภาพคนที่เธอวาดซึ่งมักจะเย้ายวนทางเพศอย่างยิ่งและหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม แต่ละภาพจะให้ความรู้สึกของเนื้อแดง ไวน์แดงและเชิงเทียนครึ่งเสา แรงผลักและแรงดึงของความชิดใกล้ที่ดึงดูดความสนใจของทั้งภัณฑารักษ์และนักสะสม มันคือผลงานส่วนต่อขยายของความรู้สึกต่อสังคมซึ่ง “ทุกอย่างเป็นเกม (และ) ชีวิตคือสถานการณ์สมมุติ”

ทว่า เมื่อมาพูดถึงตัวแบบของงานของเธอ นักสะสมอาจจะเข้ามาเห็นเวอร์ชั่นใหม่ของวอลล์ในงาน Paris+ ของเธอที่กำลังจะมาถึง ความอ้อมค้อมที่ชัดเจนเรื่องเพศยังคงเป็นจุดสำคัญของนิทรรศการ แต่ความใส่ใจเรื่องสัมผัสรู้สึกได้ชัดเจนกว่า เมื่อพูดถึงตัวแบบ “สำหรับฉันทั้งหมดเป็นสิ่งเดิม (ฉัน) เล่นกับสิ่งมีชีวิตซึ่งมีแรงสั่นสะเทือน ความรู้สึก และการเคลื่อนไหว มันเป็นเรื่องของเสียงมากกว่าคำ แม้แต่กลิ่น” เธออธิบายขณะที่ธูปในสตูดิโอมืดๆ ที่ลอสแอนเจลิสของเธอกำลังไหม้ งานแต่ละชิ้นน่าขุ่นเคืองใจ เชอร์รี่สังเคราะห์สีน้ำเงินปลอมๆ เครื่องประดับ และดอกไม้พลาสติก ของปลอมเป็นสิ่งโดดเด่นของวอลล์ และวนกลับไปที่ทฤษฎีเรื่องเกมชีวิตของเธอ เมื่อพูดถึงกระบวนการ “ฉันไม่มีความคิดว่าภาพวาดจะเป็นอย่างไรเมื่อตอนเริ่มต้น มันเป็นเรื่องของสัญชาตญาณล้วนๆ เลย” เธอยอมรับ เธอทดลอง หวังอย่างยิ่งว่าเธอจะไม่ “ทำมันพัง ภาพวาดของฉันมีหลายชิ้น ดังนั้น บางครั้งฉันตัดสินใจ และทั้งหมดที่ฉันหวังได้คือไม่ทำสิ่งที่ฉันชอบแต่แรกพัง” เธอยิ้ม ชี้ไปที่เทียนไขบนภาพคนขนาดใหญ่ก่อนจะเอนหลัง สำรวจสตูดิโอของเธออย่างกระตือรือร้น ใบหน้าโคลสอัปที่เพิ่งปรากฏครั้งแรกคือวิวัฒนาการโดยตรงจากงานก่อนของเธอ ดูเศร้ากว่าและห่างเหินกว่า มีแนวโน้มของการเข้าสู่ช่วงอารมณ์ใหม่ของเธอ “ฉันกำลังกลายเป็นนักสุญนิยม-ไม่เชื่อระบบการเมืองหรือลัทธิศาสนาใดๆ” เธอยอมรับ

ศิลปะเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในที่ที่ฉันเติบโตมา ในบ้านเราไม่มีแม้แต่หนังสือ

วอลล์ต้องย้ายออกจากสตูดิโอของเธอภายในสองสัปดาห์ ตั้งร้านเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น—ตัวเลือกที่น่าเฉลิมฉลอง เป็นการเอาตัวเองออกห่างจากจุดเริ่มต้นยิ่งกว่าเดิม ณ ปัจจุบัน เรานั่งพัก เก็บไวน์ของสตูดิโอไว้เพื่อการฉลองครั้งสุดท้ายและเพ้อเจ้อเรื่องการออกเดต (เธอไม่สนใจ) เธอผ่อนคลายในสภาวะธรรมชาติปัจจุบันของเธอ “ฉันมีหลายชีวิตก่อนหน้านี้ แค่รู้สึกว่ากลับไปไม่ได้” เธอยิ้ม “บางทีนี่อาจจะเป็นเนื้อคู่ของฉันก็ได้นะ”

- Advertisement -