BMW Driving Experience เป็นโปรแกรมฝึกอบรมการขับขี่รถยนต์ที่เข้มข้น สนุก ท้าทาย เพื่อให้ผู้ขับสามารถประเมินสถานการณ์และรับมือได้อย่างเหมาะสม โดยโปรแกรมดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2520 ในประเทศเยอรมนี ซึ่งดำเนินการโดย BMW Motorsport GmbH ด้วยเป้าหมายที่ยังคงสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน นั่นคือการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ใช้สำหรับการฝึกอบรมนักแข่ง มาให้แก่ผู้ใช้ยานพาหนะทั่วไป เพื่อยกระดับศักยภาพระหว่างคนกับรถยนต์ ให้ได้ทักษะการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
สำหรับในประเทศไทย ทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จัดคอร์สฝึกอบรม BMW Driving Experience โดยปีนี้นับเป็นปีที่ 20 ของกิจกรรม BMW Driving Experience ในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือของผู้สนับสนุน 3 ราย ได้แก่ อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด, มิชลิน ประเทศไทย และบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส
โดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้เสริมความสามารถในการขับขี่ ผ่านการเรียนรู้ทักษะการขับขี่ที่ท้าทาย และสนุกสนาน เน้นย้ำการขับขี่อย่างปลอดภัย ช่วยปรับปรุงทักษะการขับขี่ทั่วไปและการตอบสนองในกรณีฉุกเฉิน ดำเนินการโดยทีมผู้ฝึกสอนที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยู แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยถ้าใครคิดว่าเหมือนอบรมสอบใบขับขี่ทั่วไป บอกเลยว่าคุณคิดผิด! เพราะมันแตกต่างจากการอบรมทั่วไปอย่างมาก คุณจะได้ฝึกขับรถด้วยความมันระดับ 10 เท่า เหมือนคุณได้เป็นนักแข่งรถจริงๆ เลยทีเดียว
โดย BMW Driving Experience แบ่งคอร์สเป็น 3 ระดับ
- ระดับ Basic เหมาะกับผู้ที่มีทักษะการขับขี่ทุกระดับ เน้นการเสริมทักษะที่จำเป็นในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและขับขี่ได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยผู้ขับขี่จะได้ฝึกฝนทักษะด้วยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์สันดาปอย่างบีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดอย่างบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุดอย่างบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive โดยจะครอบคลุมการฝึกฝนทักษะต่างๆ ดังนี้
- การปรับท่านั่งและการหมุนพวงมาลัยที่ถูกต้อง
- การเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.
- การเปลี่ยนช่องทางกะทันหันที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.
- การเบรกฉุกเฉินพร้อมเปลี่ยนช่องทางกะทันหันที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.
- การแก้อาการรถเสียหลักหลุดโค้ง
- การแก้อาการรถหมุน
- การฝึกขับแบบสลาลมจับเวลา
2. ระดับ Advanced คอร์สอบรมที่มีความเข้มข้นและท้าทายยิ่งขึ้นด้วยการฝึกฝนเทคนิคการขับขี่ขั้นสูง เพื่อใช้แก้สถานการณ์คับขันบนท้องถนนในรูปแบบต่างๆ รวมถึงเทคนิคการขับขี่แบบพิเศษ เพื่อให้ผู้ร่วมฝึกได้นำเอาศักยภาพของทั้งตนเองและรถยนต์ออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งผู้ที่จะเข้าร่วมกิจกรรมระดับ Advanced จะต้องผ่านการอบรมคอร์ส Basic และได้รับใบประกาศนียบัตรมาแล้ว โดยจะได้ฝึกอบรมทักษะต่างๆ ดังนี้
- การเบรกฉุกเฉินในโค้งที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.
- การเปลี่ยนช่องทางกะทันหันสองจังหวะพร้อมเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.
- ดริฟต์แบบครึ่งวงกลม
- กลับรถ 180 องศาแบบฉุกเฉิน
- ดริฟต์แบบวงกลม
- การฝึกขับยิมคาน่าจับเวลา
3. คอร์ส BMW M Driving Experience โปรแกรมฝึกฝนทักษะการขับขี่เพื่อดึงความสามารถของทั้งผู้ขับขี่และรถยนต์ออกมาใช้ในสนามแข่งได้อย่างเต็มที่ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้สัมผัสรถยนต์สมรรถนะสูงกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล M ที่มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์สปอร์ตสุดเร้าใจ ณ สนามพีระเซอร์กิต ซึ่งเป็นสนามแข่งระดับตำนานของประเทศไทย เพื่อท้าทายขีดจำกัดและสนุกสนานกับความเร็วภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมผู้ฝึกสอน โดยผู้ร่วมกิจกรรมต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมคอร์ส Basic Training Course และ Advanced มาเรียบร้อยแล้ว สำหรับทักษะที่จะได้อบรมในคอร์ส BMW M Driving Experience ได้แก่
- การทำความเข้าใจไลน์แข่งรถ
- การฝึกเข้าไลน์สนามแบบโค้งยูเทิร์น
- การฝึกเข้าไลน์สนามแบบโค้ง 90 องศา
- การขับในสนามรอบใหญ่ตามรถนำขบวน (ใช้เวลาครึ่งวัน)
ทั้งนี้ ผู้เข้าฝึกอบรมจะได้รับทั้งความรู้ ทักษะ และความสนุกในการขับขี่ไปพร้อมกัน เมื่อสิ้นสุดการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรจากบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งสามารถนำไปใช้ต่อยอดในการเรียนทักษะการขับขี่ขั้นสูงของบีเอ็มดับเบิลยูในระดับสากลได้อีกด้วย หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ BMW ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรม BMW Driving Experience แบบนี้ได้ แถมยังจะได้ลองทดสอบสมรรถนะของรถ BMW ในหลายๆ รุ่นอีกด้วย อาทิ BMW M2, BMW M320i xDrive และ BMW i5 M60 xDrive
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมและจองคอร์สการฝึกอบรมได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/driving-experience/overview.html