​AI มีส่วนในการปรับเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์อย่างไร

Share This Post

- Advertisement -

ปัจจุบัน AI จัดว่าเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบกับ AI มีข้อมูลหลากหลายในปริมาณมาก ทั้งข้อความ รูปภาพ และโค้ด ซึ่งได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดร่วมกับข้อมูลอื่นๆ ขององค์กรต่างๆ และ AI นั้นมีความสามารถที่จะสร้างสรรเนื้อหาใหม่ๆ ได้ค่อนข้างดีแล้ว ในปี 2023 ศักยภาพของ AI มีการเติบโตอย่างมากเพราะมันเป็นเครื่องมือรูปแบบใหม่อันทรงพลังที่สามารถขยับขยายสู่โลกออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว

สองเดือนหลังจากเปิดตัว ChatGPT อย่างเป็นทางการ มีผู้ใช้ประมาณ 100 ล้านคน ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็มีแพลตฟอร์มและเครื่องมือมากมายเข้าสู่ตลาดมากขึ้นและบริษัทสตาร์ทอัพจำนวนมากก็กำลังคิดค้นพัฒนาว่าจะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่ทางเลือก Open Source ก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกนึงที่แข็งแกร่งและท้าทายไม้แพ้กันครับ

แม้ว่าการใช้งานเทคโนโลยี AI ในหลายอุตสาหกรรมจะเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานแต่มันก็เติบโตและแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากวิถีของ​ AI พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วนี้ ก็อาจเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงอุตสหกรรมแฟชั่นในระยะยาวได้มากที่สุด ซึ่งในการทดลองในช่วงแรกๆ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการสร้างสรรค์ของ AI โดยจะเห็นได้ชัดเจนจากการใช้งานต่างๆ เพียงครั้งเดียวแต่สามารถทำให้เกิดคุณค่าและฝังแน่นอยู่ในโลกของแฟชั่น

แต่กลับกันการใช้ AI นั้นก็ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมาก อย่างเรื่องที่ AI เป็นตัวสำคัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางการเงินโดยรวม ในอุตสาหกรรม โดยจากการวิเคราะห์ของ McKinsey เมื่อเร็วๆ นี้ บอกว่า AI อาจจะเป็นกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในขั้นตอนการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ AI จะอยู่ในสายตาของผู้บริหารสายแฟชั่น เนื่องจากการสำรวจสถานะของแฟชั่นในปี 2024 ของ BoF-McKinsey พบว่า 73 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามนั้นกล่าวว่า อนาคต AI จะเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับในการทำธุรกิจของพวกเขาในปี 2024 ในขณะที่หลายคนกำลังทดลองเทคโนโลยีนี้ มีเพียง 28 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่กล่าวว่าธุรกิจของพวกเขาได้ทดลองใช้ AI เพื่อการออกแบบและผลิตภัณฑ์อย่างเต็มตัว ซึ่งสามารถบ่งชี้ได้ว่าบริษัททางด้านแฟชั่นยังไม่ค่อยเห็นคุณค่าของการใช้ระบบ AI ในการสร้างสรรค์ได้เท่าที่ควรจะเป็นในปีนี้

ซึ่งข้อควรระวังจากการที่บริษัทแฟชั่นส่วนใหญ่นั้นยังไม่ค่อยสนในใจการใช้ AI นั้นเป็นที่เข้าใจได้ เนื่องจากเทคโนโลยีอาจส่งผลกระทบต่องาน และขั้นตอนการทำงาน และจากอุตสาหกรรมแฟชั่นได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้าน Metaverse ซึ่งหากทางเราพิจารณาจากอัตราความก้าวหน้าและด้านการลงทุนนั้น AI มีแนวโน้มเรื่องราวที่แตกต่างออกไป โดยเทคโนโลยี AI นี้มีการใช้งานจริงมากกว่า Metaverse ทำให้เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับในการทำธุรกิจและนักลงทุนมากขึ้น การระดมทุนในหุ้นสำหรับสตาร์ทอัพที่มุ่งเน้น AI พุ่งสูงขึ้นในปี 2023 นั้นมีมูลค่าถึง 14.1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี เทียบกับ 3.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 และ 2.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 ส่วนแบ่งที่สำคัญของการเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการประกาศของ Microsoft ในเดือนมกราคม ได้มีการทำข้อตกลงหลายปีมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์กับ OpenAI ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการวิจัยที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT ในช่วงครึ่งหลังของปี Amazon ประกาศการลงทุน 4 พันล้านดอลลาร์ในสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ Anthropic ซึ่งผลักดันให้การลงทุนในปี 2023 ในด้าน Gen AI สูงขึ้นไปอีก

แอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย

ศักยภาพส่วนหนึ่งของ AI นั้นขึ้นอยู่กับงานต่างๆ ที่สามารถนำไปต่อยอดและใช้การได้ รวมถึงธุรกิจแฟชั่นนั้นก็เริ่มนำสิ่งนี้ไปใช้ในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมหลายสิ่งแล้ว อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ ประเด็นหลักนั้นอยู่ที่กรณีการใช้งานแบบครั้งเดียวมีข้อเปรียบที่ชัดเจนในด้านต้นทุน ประสิทธิภาพ และรวมไปถึงประสบการณ์ของลูกค้า มากกว่ากรณีที่เกิดการหยุดชะงักของอุตสาหกรรมในวงกว้างได้อีกด้วย หรือว่าจะเป็นความช่วยเหลือในด้านช้อปปิ้งออนไลน์ ตอนนี้ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่กำลังมีชื่อเสียง Zalando ผู้ค้าปลีกออนไลน์ประกาศเปิดตัวตัวช่วยช้อปปิ้งที่ขับเคลื่อนด้วยภาษาแบบ ChatGPT ในฤดูใบไม้ผลิปี 2023 ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สามารถถามคำถามและรับคำตอบตลอดจนคำแนะนำผลิตภัณฑ์ โดยล่าสุด Kering, Mercari และ Shopify ก็ได้เปิดตัวแชทบอท AI ในทำนองเดียวกัน โดยช่วงหลังมานี้แบรนด์ต่างๆ ใช้เทคโนโลยีในการเขียนคำอธิบายผลิตภัณฑ์สำหรับเว็บไซต์ของตนเองอีกด้วย เช่น Snipes ผู้ค้าปลีกรองเท้าผ้าใบและเสื้อผ้าแนวสตรีทและ Adore Me บริษัทชุดชั้นในที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการโดย Victoria’s Secret ในขณะเดียวกัน Shopify ได้เปิดตัวผู้ช่วยเขียน AI สำหรับผู้ค้าเช่นกันครับ

ล่าสุดแบรนด์อื่นๆ ได้เริ่มสำรวจการใช้เครื่องมือ AI ในโครงการสร้างสรรและการตลาดแบบครั้งเดียวกันโดย Ganni ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ที่งานรันเวย์ในฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2024 โดยใช้วีธีการที่ให้แขกถามคำถามและรับคำตอบที่สะท้อนมุมมองของ Ganni แบรนด์หรู Casablanca สร้างแคมเปญสำหรับคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2023 ได้ร่วมมือกับศิลปิน AI และใช้โปรแกรมสร้างรูปภาพ Midjourney Charaf Tajer โดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของคาซาบลังกากล่าวว่าความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างแคมเปญที่มีสีสันสดใสและมีสไตล์ท่ามกลางภูมิประเทศทะเลทรายในเม็กซิโก เขายังรับทราบถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการหลีกเลี่ยงการวางแผนลดต้นทุนทั้งหมด เช่นในการถ่ายภาพต่อหน้าและรวมไปถึงผลประโยชน์อื่นๆ อีกด้วย

กล่าวได้ว่าในด้านแฟชั่นนั้น ทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์นั้นถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความแตกต่างของแบรนด์ เราสามารถนำ AI มาใช้อย่างเหมาะสม สามารถเป็นตัวช่วยนักออกแบบได้อีกด้วย แต่นักออกแบบที่เป็นมนุษย์นั้นยังคงมีความสำคัญอยู่แต่แค่ AI จะช่วยให้ของพวกเขามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในขณะที่AI จะช่วยให้บทบาทของพวกเขามุ่งเน้นไปที่การดูแลจัดการ ซึ่งเทคโนโลยีจะถูกนำมาใช้โดยไม่กระทบต่อบทบาทของนักออกแบบ

เนื่องจากจำนวนผู้ใช้ AI ในวงการแฟชั่นเพิ่มมากขึ้นและเทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในการปรับปรุงและปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ โดยมีศักยภาพที่น่าตื่นเต้นสำหรับบริษัทต่างๆ ในการสร้างสรรค์โมเดล AI ที่มีเอกลักษณ์ช่วยให้พวกเขาสามารถใส่ DNA ของแบรนด์ของตนผ่านกระบวนการออกแบบได้อย่าลงตัว แทนที่จะอาศัยผลลัพธ์ทั่วไปของเครื่องสร้างภาพ สำหรับครีเอทีฟ ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการสนับสนุนและโครงสร้างพื้นฐานของระบบจะช่วยให้พวกเขาสามารถย้ายจากผู้สร้างที่ลงมือเอง ไปเป็นผู้ดูแลครีเอทีฟอย่างที่แท้จริง เมื่อนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีจะเป็นประโยชน์และขยายกระบวนการสร้างสรรค์ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์อีกด้วย ขณะเดียวกันก็รักษาทักษะทางศิลปะและความรู้ของนักออกแบบไว้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าท้ายที่สุดแล้วนวัตกรรมที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการใช้ AI นั้นสำคัญที่สุด โดยบทความนี้ปรากฏครั้งแรกใน The State of Fashion 2024 ซึ่งเป็นรายงานเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก ซึ่งจัดพิมพ์ร่วมกันโดย BoF และ McKinsey & Company

Source: BoF

- Advertisement -