
ก่อนอื่นเลยเคยสังเกตกันไหมว่าหลายๆ แบรนด์นั้นมีการสรรค์สร้างป๊อปอัพสโตร์ขึ้นตามเทศกาลต่างๆ หรือในฤดูกาลต่างๆ แล้วทำไมต้องมี Pop-Up Store ช่วงเทศกาล?
บรรยากาศแห่งเทศกาลการเฉลิมฉลองและความสุขอันน่ามหัศจรรย์ วันหยุดยาวมีอิทธิพลต่อวิธีที่ผู้คนจับจ่ายและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ซึ่งร้านค้าป๊อปอัปสุดหรูกลายเป็นจุดเด่นท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การชอปปิ้งที่แตกต่างจากร้านปกติ


เหตุใด Pop-Up Store จึงมีความสำคัญ ?
เมื่อเทศกาลเฉลิมฉลองนั้นใกล้เข้ามา ร้านค้าแบรนด์หรูต่างๆ ก็ผุดตัวกันสร้างสรรค์ป๊อปอัพสโตร์ขึ้นในพื้นที่ที่มีการผู้คนผ่านไปผ่านมา เพื่อให้กลายเป็นจุดดึงดูดความสนใจสำหรับผู้บริโภค ท่ามกลางช่วงวันหยุดที่เร่งรีบ ร้านชั่วคราวเหล่านี้ไม่เพียงแต่ขายสินค้าเท่านั้น พวกเขายังซ่อนถึงความรู้สึกอันซับซ้อนและความพิเศษเฉพาะตัวของแบรนด์ การที่สร้างป๊อปอัพสโตร์ขึ้นมาชวนให้ลูกค้ามากมายเข้ามาเชยชมแล้ว องค์ประกอบสำคัญของป๊อปอัพสโตร์นั้น มีตั้งแต่การสร้างรูปแบบร้านตามฤดูกาลตลอดไปจนถึงการใช้ประโยชน์จากการที่ช่วงเวลาของร้านป๊อปอัพสโตวร์มีเวลาจำกัดและการเสนอขายสินค้าด้วยข้อเสนอสุดพิเศษหรือสินค้าแบบลิมิเต็ด


10 เหตุผลที่มี Pop-Up Store เกิดขึ้น
1.เหตุผลหลักๆ เลยทำให้จำนวนลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้น ร้านค้าป๊อปอัพสโตร์นั้นส่วนมากจะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนสันจอน หนาแน่น ทำให้สามารถดึงดูดผู้บริโภคและง่ายต่อการเป็นจุดสังเกต
2.สินค้าตามฤดูกาลของแต่ละแบรนด์ โดยการทำให้ตัวเองเป็นจุดเด่นในช่วงเทศกาลนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับแบรนด์หรู ร้านค้าป๊อปอัพสโตร์ช่วยให้พวกเขาสร้างประสบการณ์ที่จับต้องได้และน่าจดจำ เพิ่มการมองเห็นแบรนด์ และส่งเสริมความสัมพันธ์เชิงบวกกับลูกค้าในช่วงเวลาชอปปิ้งที่สำคัญ
3.ความเร่งด่วนและความขาดแคลน: ลักณะของสินค้าบางชนิดที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและการตั้งอยู่ของป๊อปอัพสโตร์ทำให้เกิดความรู้สึกถึงของมันต้องมี ไม่มีไม่ได้และสินค้ามีจำนวนจำกัด ทำให้ผู้คนยิ่งกระเสือกกระสนที่ต้องการสินค้าชนิดนั้นๆ เสน่ห์ของข้อป๊อปอัพสโตร์นั้นพิเศษที่มีระยะเวลาจำกัดในการดึงดูดลูกค้า และยังสอดคล้องกับธรรมชาติของในการชอปปิ้งของนักชอปในช่วงวันหยุดอีกด้วย
4.ประสบการณ์การชอปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร: โดนแบรนด์ต่างๆ แข่งขันกันสร้างสรรค์ป๊อปอัพสโตร์ เพื่อให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการช็อปปิ้ง และมีบรรยากาศใหม่ๆ ในการชอปปิ้งที่มีเอกลักษณ์ และดื่มด่ำกับการตกแต่งของร้านค้าในธีมวันหยุด การจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟ และกิจกรรมที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้า พื้นที่เหล่านี้โดนใจลูกค้าที่กำลังมองหาเส้นทางการช้อปปิ้งที่น่าจดจำ
5.การเปิดตัวผลิตภัณฑ์และผลิตภัณฑ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ: ป๊อปอัพสโตร์ ในช่วงคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับแบรนด์หรูในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หรือสินค้าพิเศษ สินค้ารุ่นลิมิเต็ดและชุดรวมพิเศษสร้างความตื่นเต้น โดยดึงดูดลูกค้าที่กำลังมองหาของขวัญที่โดดเด่นและหรูหรา
6.การเล่าเรื่องของแบรนด์: โดยอาศัยการเล่าเรื่องถือเป็นจุดสำคัญในช่วงคริสต์มาส ทางแบรนด์สามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ คุณค่า และบอกเล่าเรื่องราวผ่านฤดูกาลได้อย่างประณีต เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับลูกค้า
7.ไอเดียของขวัญ: ร้านป๊อปอัพนั้นนำเสนอไอเดียขวัญที่ทางแบรนด์คัดสรรมาเป็นอย่างดี ซึ่งช่วยให้ลูกค้าที่กำลังมองหาของขวัญนั้นสะดวกสบายขึ้น การนำเสนอเชิงกลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่ยกระดับประสบการณ์การชอปปิ้งแล้ว ยังสามารถเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าระดับพรีเมียมอีกด้วย
8.โอกาสทางการตลาดใหม่ๆ: อาทิเช่นการร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ หรือการอาศัยผู้เหล่าเซเลบริตี้หรือ อินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ ช่วยให้เกิดความน่าดึงดูดมากขี้น โดยแบรนด์พันธมิตรเหล่านี้สามารถสร้างกระบวนต่างๆในการทำงานร่วมกันและยังสามารถดึงดูดลูกค้าที่หลากหลายตลาดได้มากขึ้น
9.การตลาดแบบ Interactive: การใช้กลยุทธ์การตลาดที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความสันพัธ์กับลูกค้า อย่างใกล้ชิดและน่าสนใจ หรือการมีส่วมร่วมที่ดีกับลูกค้า โดยอาศัยวิธีลักษณะการสื่อสารกับลูกค้าด้วยวิธีที่สร้างสรรค์และน่าจดจำ อาทิเช่น การสาธิตการใช้สินค้า การโต้ตอบเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการชอปปิ้งไปอีกขั้น
10.Social Media Buzz: ร้านป๊อปอัพ สุดหรูกลายเป็นที่ฮอตฮิตบนโลกโซเชียลมีเดียในช่วงคริสต์มาส โดยลูกค้าสามารถแบ่งปันประสบการณ์จากการแวะไปที่ป๊อปอัพสโตร์ตลอดไปถึงการซื้อสินค้า หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมของแบรนด์ จนทำให้เกินคอนเทนต์ต่างๆ บนโลกออนไลน์ ทำให้ผู้คนหันมาสนใจป๊อปอัพสโตร์กันมากขึ้น

โดนบทสรุปนั้นคงกล่าวได้เต็มปากว่าการนำกลยุทธ์ในการใช้ Pop-UP Store ช่วงคริสมาสต์หรือเทศกาลต่างๆ เพียงชั่วคราวนั้นถือเป็นผลลัพธ์ตอบรับที่ดีเกินคาด เรียกได้ว่าช่วงเวลานี้แบรนด์ต่างๆ นั้นเตรียมงัดไม้เด็ดออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้าในช่วงเทศกาล อาทิเช่นผลิตคอลเลกชันพิเศษ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่กระตุ้นให้คนอยากได้มากขึ้น หรือการที่ตั้งใจตกแต่งร้านปีอปอัพ แบบอลังการสวยงามให้คนที่มาใช้บริการได้รับความประทับใจกลับไป ทำให้ผู้คนที่ประทับใจ ต้องการกลับใช้บริการอีกครั้งนึง และเท่านั้นยังไม่พอทางแบรนด์ไม่ลืมที่จะใช้กลยุทธ์การนำคนดังต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการตลาดของแบรนด์ เพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น การสื่อสารและการให้บริการที่ดีกับลูกค้าตามที่ลูกค้าคาดหวังไว้ และสุดท้ายการจัดการกับแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเองได้อย่างราบรื่น และทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ในช่องทางต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความภักดีต่อแบรนด์และสร้างความสัมพันธ์อันน่าจดจำอีกด้วย